มีเพียงไม่กี่สิบคนที่อยู่ในห้องโถงด้านใน แต่ละคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีอิทธิพลอย่างมากในแต่ละภูมิภาค หลังจากนั้นไม่นานอาหารจำนวนมากก็ค่อย ๆ ถูกนำมาเสิร์ฟ
ในเวลาเดียวกันเป่ยเฟิงราวกับปีศาจจากขุมนรกที่กำลังพยายามล่อลวงหวังหยุนให้ทำข้อตกลงกับตัวเอง
หวังหยุนยังคงเงียบเป็นเวลานาน
เป่ยเฟิงยิ้มก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ ปลาได้กินเบ็ดแล้ว ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือรอ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญรวมกลุ่มนั่งด้วยกัน กลุ่มของเป่ยเฟิงยังคงมีอยู่ 3 คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
อาหารหายากและแสนอร่อยจำนวนมากถูกยกมาที่โต๊ะ อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบที่ถูกนำมาทำไม่ได้มีเศษเสี้ยวพลังงานจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย พวกมันเป็นเพียงยาบำรุงเท่านั้น
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เมนูที่เป็นอาหารจานเล็กก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้แขกทุกคน
เมื่อเปิดฝาออกมากลิ่นหอม ๆ ก็ลอยเข้าไปในจมูกทุกคน
“นี้คือไข่สัตว์อสูร ? น่าสนใจ”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนหน้าเป่ยเฟิงในขณะที่มองไข่ขนาดเท่าไข่ไก่และข้าง ๆ มันก็มีนกพิราบทั้งตัวอยู่ด้วย
อาหารจานหลักมันไม่ใช่นกพิราบแต่มันคือไข่ มันดูเหมือนไข่ธรรมดา ๆ ที่หาได้ตามรังนก เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นวัตถุดิบระดับ 1
โสมพันปีเป็นวัตถุดิบระดับ 1 เช่นกัน ส่วนโสมกลายพันธุ์พันปีนั้นถือว่าเป็นวัตถุดิบระดับ 2 แต่หากพวกมันอายุน้อยกว่าพันปีถือว่าเป็นวัตถุดิบธรรมดา ๆ
นกพิราบนี้น่าจะถูกเลี้ยงมาโดยตระกูลหวัง มันน่าจะเป็นนิพิราบสีเลือด !
คุณค่าทางอาหารของมันสูงกว่านกพิราบทั่วไป 8-10 เท่า เห็นได้ชัดว่านกพิราบถูกเลี้ยงมาด้วยสมุนไพรราคาแพงอย่างโสมและสมุนไพรอื่น ๆ
อาจกล่าวได้ว่านกพิราบทุกตัวได้กินสมุนไพรที่มีค่าไม่อาจประเมินได้ นกพิราบทุกตัวอย่างน้อยมีมูลค่า 1 ล้านหยวน !
มีนกพิราบหลายหมื่นตัวถูกนำมาเสิร์ฟที่แห่งนี้ นั้นถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาล !
แต่อาหารที่มีค่าที่สุดของที่นี่ก็ยังคงเป็นไข่ เป่ยเฟิงไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากสัตว์อะไร แต่พลังงานที่อยู่ในไข่มันไม่ต่ำกว่าพลังงานระดับ 1
แน่นอนหากเทียบระหว่างไข่และนกพิราบกับของขวัญที่ตระกูลหวังได้ในวันนี้ มันมีมูลค่าพอ ๆ กัน มันถือได้ว่าไม่มีการสูญเสียใด ๆ
อาหารจานนี้ถือว่าเป็นอาหารพิเศษของภูมิภาคแห่งนี้ มันมีชื่อว่า จี่มู่ฮุ่ย !
เดิมทีอาหารจานนี้จะทำจากแม่นกพิราบและไข่ของมัน มันจึงได้ชื่อแบบนี้
แต่ตอนนี้ลักษณะอาหารเปล่ยนไปมาก อาหารดั้งเดิมมันมีคุณค่าอย่างมากสำหรับมนุษย์ แต่อาหารจานนี้หากถูกคนทั่วไปกินเข้าไปพวกเขาอาจจะตายได้ มันไม่เหมือนยาชูกำลังเพราะคุณค่าอาหารของพวกมันมากเกินไป พวกเขาอาจจะกระอักเลือดตายออกมาได้เพราะพลังงานมหาศาล !
เป่ยเฟิงฉีกเนื้อนกพิราบด้วยตะเกียบจากนั้นนำมันเข้าปาก เนื้อไม่เหมือนนกพิราบปกติ มันอ่อนนุ่มและเคี้ยวเพลินมาก
ผิวของมันมีสีน้ำตาลและเนื้อภายในก็สีชมพู
เป่ยเฟิงค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ เพื่อซึมซับรสชาติให้กับลิ้น แม้ว่าคุณภาพของเนื้อจะต่ำกว่าที่เขาเคยกินแต่กลิ่นของมันหอมมาก
อาจเป็นเพราะว่านกพิราบถูกเลี้ยงโดยสมุนไพรมีค่าจำนวนมากทำให้มันมีรสชาติสมุนไพรผสมเข้าไปทุกส่วนของนกพิราบ รสชาติของมันสดและอ่อนโยน มีรสขมเล็กน้อยเหมือนรสสมุนไพร สำหรับเป่ยเฟิงถึงว่าไม่เลว
หลังจากนั้นเขาก็หันมาสนใจไข่ที่เขาไม่รู้จัก ไข่มีสีขาวสีชมพูและมีลวดลายแปลก ๆ อยู่บนผิวราวกับมันเป็นภาพวาดของภูเขาและแม่น้ำ
เปลือกไข่ค่อย ๆ ถูกแกะออก เป่ยเฟิงหยิบไข่ขึ้นมาด้วยตะเกียบ เขารู้สึกได้ถึงความยืดหยุ่นที่น่าตกใจของไข่
เมื่อมองดี ๆ สามารถมองเห็นรูขุมขนเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
เขากัดลงไปคำเล็ก ๆ เนื้อไข่ขาวและไข่แดงรวมกันกลายเป็นรสชาติแปลก ๆ ในปากของเขา
มันไม่ได้มีรสชาติแย่ แต่มันมีรสชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้เพราะมันแปลก ๆ แต่มันก็ทำให้คนหลงไหลได้
ไข่แดงไม่ได้มีรสหยาบเหมือนไข่อื่น ๆ มันเป็นรสเหมือนน้ำผลไม้ เห็นได้ชัดว่ารูขุมขนที่มีอยู่ก็เพื่อให้น้ำซุปและซอสได้ซึมลงไปในไข่โดยตรงผ่านการปรุง
เป่ยเฟิงพยักหน้าชื่นชม วัตถุดิบเหล่านี้ถือว่าเป็นชั้นยอดในโลก ทักษะของพ่อครัวก็ชั้นเยี่ยม การทำอาหารจานนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าชั้นเลิศ
ส่วนอาหารจานอื่น ๆ เป่ยเฟิงไม่แตะมันแม้แต่น้อย
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ ในเมื่อคนที่เคยกินอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกทุกวันต้องมากินอาหารธรรมดามันคงเป็นไแไม่ได้ แต่หากทำเพียงกินอาหารพื้นเมืองจานเล็ก ๆ ยังคงพอรับได้
เป่ยเฟิงเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน หลังจากที่ได้กินอาหารที่ทำจากสัตว์อสูรระดับสูงทุกวันทำให้ความสนใจในอาหารธรรมดาของเขาน้อยลงมาก
นอกจากนี้ความกระหายในปัจจุบันของเป่ยเฟิงโหดร้ายมาก หากเขาต้องกินอาหารธรรมดาเพื่อทำให้อิ่มเขาต้องกินทั้งวันโดยไม่ต้องทำอะไรเลยยกเว้นแต่การกิน !
อาหารธรรมดาไม่ได้ให้พลังงานที่ร่างกายของเขาต้องการ ร่างกายที่แข็งแกร่งมีเพียงสารอาหารชั้นยอดเท่านั้นที่มันต้องการ !
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและอาหารก็หมดลง ในขณะเดียวกันลึกลับที่ 1 และ 3 ไม่ได้แตะอาหารธรรมดาบนโต๊ะแม้แต่น้อย
เป่ยเฟิงเอนตัวลงกับเก้าอี้และยิ้มจาง ๆ ในขณะรอ ในขณะเดียวกันโชดี ๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !
เฮลันฉินจุนกำลังเตรียมตัวเดินทางพร้อมกับหวังหยุน ในขณะเดียวกันเขากำลังพูดคุยบางอย่างกับหวังฮง
หวังหยุนมองไปที่เป่ยเฟิงด้วยความกังวลราวกับเธอตัดสินใจบางอย่างอยู่ หลังจากนั้นเธอก็เดินไปหาหวังหยุยและกระซิบ “พี่ พี่อยากแต่งงานกับชนเผ่าเฮลันจริง ๆ หรอ ?”
“ฉันจะไปทำอะไรได้ ? ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจตระกูลหวังของพวกเราก็รับของขวัญมาจากตระกูลเฮลันแล้ว เฮ้อ … น้องเล็ก เธอต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ ต่อจากนี้ไปพี่ใหญ่จะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธออีกแล้ว”
หวังหยุยดูเศร้ามากในขณะที่เธอยิ้มและลูบหัวน้องสาวของเธอ
“พี่ไม่เต็มใจใช่ไหม ? งั้นก็ไม่ต้องแต่งสิ”
หวังหยุนยิ้มกลับ
หวังหยุยส่ายหัวและกล่าวขึ้น “น้องโง่ เรื่องนี้เป็นข้อตกลงที่จบไปแล้ว มันไม่มีทางเปลี่ยนตอนจบได้หรอก”
น้องสาวตัวน้อยของเธอช่างดูไร้เดียงสาจริง ๆ
“เธอคิดอะไรอยู่ ? พี่ใหญ่ของเธอจะจากไปแล้วนะ !”
เป่ยเฟิงเลือกช่วงเวลานี้เพื่อจุดประกายมากขึ้น บทสนทนาระหว่างพี่น้องแน่นอนว่าเขาได้ยินชัดเจน
“อ๊าาา ! ก็ได้ ! พี่ใหญ่เป่ยเฟิง พี่ต้องช่วยฉัน !”
“พ่อ ! พี่ใหญ่ไม่สามารถแต่งงานกับชนเผ่าเฮลันได้ !”
หลังจากถูกเป่ยเฟิงเป่าหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า หวังหยุนก็พูดพึมพำก่อนจะมองไปที่เป่ยเฟิง จากนั้นเธอก็สูดลมหายใจลึก ๆ และพูดด้วยเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องโถง !
หวังฮงยังคงคุยกับเฮลันฉินจุนด้วยรอยยิ้มที่ถูกบังคับบนหน้าเขา ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพอใจที่ต้องรับเฮลันฉินจุนมาเป็นลูกเขย แต่เพราะตระกูลหวังได้ตกลงกันแล้วและเขาไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน เมื่อมาถึงจุดนี้เขาได้แต่หวังว่าเฮลันฉินจุนจะดูแลลูกสาวเขาได้ดี
“อย่ามาไร้สาระ ! อย่าก่อเรื่อง !”
ใบหน้าของหวังฮงเปลี่ยนเป็นสีดำทันที ลูกสาวตัวน้อยที่แสนเชื่อฟังของเขาทำไมถึงเลือกที่จะกบฏในช่วงเวลาที่คาดไม่ถึงกัน !
“พี่ใหญ่ไม่ใช่สิ่งของที่พ่อจะเอาไว้แลกเปลี่ยน ได้โปรด ! เธออยากจะมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง !”
หวังหยุนไม่สนใจใบหน้าที่ดำมืดของหวังฮง มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขของพี่สาวเธอ
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดที่นี่ ! เด็ก ๆ พาคุณหนูกลับห้อง !”
หวังฮงตะโกนเรียกยามด้านหลังเขา
“หยุดก่อน”
เฮลันฉินจุนยกมือขึ้นขวางยามก่อนจะเดินไปหาหวังหยุน
“ข้ารักพี่สาวของเจ้าจริง ๆ และข้ายินดีที่จะใช้ชีวิตเพื่อปกป้องเธอ ข้ารู้ว่าเจ้าอารมณ์เสียเพราะถูกแยกออกจากพี่สาวของเจ้า แต่เจ้าสามารถมาที่ชนเผ่าเฮลันเพื่อเยี่ยมพี่สาวของเจ้าได้ตลอดเวลา ! หรือถ้าเธอต้องการ เธอก็สามารถมากลับมาเยี่ยมตระกูลได้ตลอดเวลาเช่นกัน !” เฮลันฉินจุนกล่าวด้วยความจริงใจ
“หยุนเอ๋อ หยุดสร้างเรื่องวุ่นวายได้แล้ว ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่จะไม่กลับมาซักหน่อย”
หวังหยุยไม่สามารถควบคุมน้ำตาได้อีกต่อไป น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของเธอ
หวังหยุนไม่สนใจ เธอชี้หน้าเฮลันฉินจุน และถามขึ้น “คุณบอกว่ารักพี่สาว แต่คุณถามหรือยังว่าพี่รักคุณหรือเปล่า เธอชอบคุณหรือเปล่า ? คุณบอกว่ารักเธอแต่คุณรู้หรือเปล่าอะไรคือความรัก ?”
“ข้า ….”
เฮลันฉินจุนทำได้แค่เงียบและเปิดปากก่อนจะปิดปากซ้ำ ๆ สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“ฟิ้ว !’
หวังฮงโกรธจนตัวสั่น เขาไม่คิดเลยว่าลูกสาวที่เชื่อฟังและฉลาดของเขาจะดื้อขนาดนี้ เขายกมือขึ้นและตบไปที่หน้าหวังหยุน
“มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตบคนอื่นต่อหน้าฉัน”
แต่ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัว ทันใดนั้นก็มีบุคคลพิเศษปรากฏตรงหน้าขวางเขากับหวังหยุน จากนั้นแขนของเขาก็ถูกจับโดยคน ๆ นั้น