นอกถ้ำ ฮูเยี่ยและคนอื่น ๆ กำลังรอพร้อมกับคุยกันเบา ๆ เป่ยเฟิงได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้และที่สำคัญพวกเขายังแก้แค้นให้กับเซียงจุนที่เป็นทั้งอาจารย์และพ่อบุญธรรมของพวกเขา เป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับผู้มีพระคุณของพวกเขา
มีเสียงดังออกมาตลอดเวลาจากในประตู แต่ฮูเยี่ยและคนที่เหลือไม่มีใครกล้าเข้าไปซักคนเพราะพวกเขาอาจจะเป็นตัวถ่วงของกลุ่มเป่ยเฟิง
“ปัง !”
ถ้ำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงพร้อมกับฝุ่นจำนวนมากลอยออกมา นอกจากนี้ยังมีเถ้าภูเขาไฟลอยออกมาด้วย ฮูเยี่ยและคนที่เหลือถูกแรงกระแทกทำให้ถอยออกไปหลายก้าว
“เกิดอะไรขึ้น ระเบิดขนาดใหญ่แบบนี้มาจากไหนกัน !”
ฮูเยี่ยและคนที่เหลือมองด้วยความตกใจ ทุกคนถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและบางคนยังได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อย
ระเบิดเกิดขึ้นไวมากและหายไปไวมากเช่นเดียวกัน ฐานทัพใต้ดินราวกับโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ โชคดีที่โครงสร้างของมันแข็งแรงพอทำให้ไม่มีการพังทลายลงมา
เป่ยเฟิงหุบปีกและเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางน่ากลัว เขาไม่คิดเลยว่ามาโล้จะมีไพ่ลับเหลืออยู่
“ฮึ่ม !”
เป่ยเฟิงส่งเสียงในลำคออย่างเย็นชา การระเบิดครั้งนี้โชคดีที่เขาตอบสนองได้ทัน อย่างไรก็ตามเพราะเขาเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดกับแรงระเบิดทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
แต่สิ่งที่เป่ยเฟิงโกรธจริง ๆ คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกลึกลับ ตอนนี้หน้าของหนังสือสัญญาจิตวิญญาณถูกเผาไหม้ไปจนหมดจนเหลือเพียงแค่หน้าเดียว
เป่ยเฟิงรีบวิ่งออกจากห้องและค้นหาลึกลับที่ 1 และคนที่เหลือทันที
พลังจิตของเขาครอบคลุมทุกอย่างรอบ ๆ ตัว 100 เมตร หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเขาก็พบลึกลับที่ 1 ที่บาดเจ็บสาหัส
ไป๋เซียงมีสภาพดีกว่านั้น ไป๋เซียงเดินออกมาพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ลากราชาสิงโตในสภาพหมาที่ตายแล้วตามมาด้วย เขายิ้มอย่างมีความสุขในขณะเดินไปหาเป่ยเฟิง
“ไปกันเถอะ”
เป่ยเฟิงเดินออกไปพร้อมกับไป๋เซียง ส่วนเรื่องเกี่ยวกับฐานทัพใต้ดินแห่งนี้จะมีคนมาจัดการทีหลังเอง
เกี่ยวกับการตายของลึกลับที่ 3 และคนที่เหลือ เป่ยเฟิงไม่ได้กังวลมากนัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเหล่านี้ได้รับมาในช่วงหลายปีถือว่าพวกเขาใช้ชีวิตได้คุ้มค่าแล้ว หากไม่ใช่เพราะเป่ยเฟิงที่ช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น พวกเขาคงไม่มีวันได้ฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบนี้ในอดีต
กลุ่มของเป่ยเฟิงรีบวิ่งออกจากถ้ำ พวกเขาไม่สนใจฮูเยี่ยและคนที่เหลือที่เข้ามาทักทายแม้แต่น้อย ในไม่ช้าพวกเขาก็หายเข้าไปในป่า
2 วันต่อมาเป่ยเฟิงก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับลึกลับที่ 1 ที่บาดเจ็บสาหัส แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงระเบิดที่น่ากลัวแต่เธอกลับรอดมาได้ถือว่ามันเป็นปาฏิหารณ์เลยก็ว่าได้
ไป๋เซียงบาดเจ็บภายในเล็กน้อย เขาต้องใช้เวลาซักพักถึงจะฟื้นตัวได้
กรมผู้ฝึกตนของทหารได้ส่งหน่วยของพวกเขากระจายออกไปหลายวันก่อน พวกเขาลบล้างองค์กรที่ทำผิดกฏหมายนับไม่ถ้วนรวมไปถึงหนูที่อยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย
แต่เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับเป่ยเฟิงอีกต่อไป เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติภารกิจเฉพาะภูมิภาคของเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่เกี่ยวกับเขามันจะถูกจัดการโดยคนอื่นแทน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็เกือบจะเป็นเดือนกันยายน อุณหภูมิเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
เป่ยเฟิงนั่งอย่างสงบข้างบ่อน้ำพร้อมกับคันเบ็ดในมือ
***
ในอีกโลก โลกใบนี้นิกายและตระกูลจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนได้รับคำสั่งบางอย่างจากสวรรค์ลงมา
ใช่ คำสั่งจากสวรรค์ ! มาตรฐานการฝึกตนของโลกใบนี้สูงมาก มีผู้ฝึกตนบางคนที่มีพลังสูงราวกับตัวตนเทพเจ้า พวกเขาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องประกาย !
คำสั่งที่ว่าคือการให้นิกายและตระกูลต่าง ๆ ตามหาพืชสวรรค์ที่มีชื่อว่า ดอกท้อหน้ามนุษย์ ผลไม้ชนิดนี้นับว่าเป็นสมุนไพรที่สามารถสั่นสะเทือนได้แม้แต่สวรรค์ !
แม้ว่ามันจะเป็นสมุนไพรจิตวิญญาณ แต่มันเป็นผลที่มาจากต้นไม้แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากการใช้เส้นทางแห่งความชั่วร้าย เพราะสารอาหารที่มันจำเป็นในการเติบโตนั่นคือการใช้มนุษย์เป็น ๆ !
ดอกท้อหน้ามนุษย์นั้นสามารถทำให้ผู้กินมีร่างกายที่แข็งแกร่งมากขึ้น นอกจากนี้มันยังมีสรรพคุณทางยาที่สูงมาก !
ยังไม่รวมไปถึงยิ่งกินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นอีก !
ต้นท้อหน้ามนุษย์ความจริงแล้วมันมีอยู่เต็มสวรรค์ แต่เพราะสงครามในโลกมนุษย์ทำให้พวกมันได้รับผลกระทบและค่อย ๆ ตายลงไปด้วยความบังเอิญ !
แต่คนบนสวรรค์ไม่สามารถลงมาโลกมนุษย์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้คำสั่งจากสวรรค์เพื่อสั่งให้นิกายและตระกูลต่าง ๆ ค้นหาพวกมันเท่าที่พวกเขาจะทำได้
สำหรับเรื่องต้นท้อหน้ามนุษย์เป็นสิ่งชั่วร้ายจริง ๆ หรือไม่ สวรรค์ไม่สนใจเพราะการฝึกฝนของพวกเขาในปัจจุบันใช้เวลาและทรัพยากรเยอะมาก แต่หากพวกเขาได้ลูกท้อหน้ามนุษย์พวกเขาก็สามารถฝึกฝนก้าวหน้าได้เร็วมากขึ้น !
หลังจากที่คำสั่งนี้ถูกส่งลงไปแล้ว บรรดานิกายและตระกูลต่าง ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที
แน่นอนว่าทุกคนไม่พอใจที่จะทำงานให้กับสหายเก่า หลายคนมีแผนการของตัวเองอยู่แล้ว สมุนไพรจิตวิญญาณที่ทำให้สวรรค์สนใจแน่นอนว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา ทำไมพวกเขาต้องเอามันให้กับสหายเก่าที่ชั่วร้าย ไม่สู้พวกเขาเก็บไว้เองดีกว่าหรือ ?
ไม่ว่ายังไง สหายผู้นั้นก็ไม่สามารถลงมาโลกใบนี้ได้ นั่นถือว่าเป็นโอกาศที่ดี !
อย่างไรก็ตาม โลกมนุษย์นั้นกว้างใหญ่เกินไป โลกใบนี้เป็นที่รู้จักกันในนามทะเลเมฆ มันถูกแบ่งแย่งออกเป็น 81 เกาะขนาดใหญ่ ไม่มีใครทราบว่าต้นท้อหน้ามนุษย์มันเติบโตขึ้นที่ไหน
เมืองขนาดใหญ่ที่อยู่เกาะไข่มุกนภา มีพื้นที่ราว 10,000 ลี้ มีเมืองหนึ่งที่ถูกปกครองโดยตระกูลหลิน
ตระกูลหลินมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำกว่าร้อยคน และยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อเกิดกว่าหมื่นคน ! พวกเขาคงอยู่มานานนับหมื่นปี !
มีเมืองนับไม่ถ้วนอยู่ในเกาะไข่มุกนภา มันง่ายที่จะจินตนาการได้ว่าเกาะแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหน
ความแข็งแกร่งของตระกูลหลินถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคแห่งนี้ ทุกคนที่อ่อนแอกว่าทำได้เพียงอยู่ภายใต้ร่มเงาของพวกเขาเท่านั้น
เกาะไข่มุกนภาถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ของเกาะทั้ง 81 เกาะ หากตระกูลหลินคิดที่จะไปควบคุมเมืองขนาดใหญ่กว่านี้ในเกาะที่ติดอันดับ 1 ใน 10 พวกเขาจะถูกทำลายในพริบตา !
“เพ้ย ช่วงนี้แย่จริง ๆ เมืองเล็ก ๆ ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือถูกทำลายโดยฝูงสัตว์อสูร คนในเมืองตายไปหลายล้านคน นอกจากนี้กลุ่มโจร 13 เมฆเพลิงก็เริ่มเหิมเกริมมากขึ้น พวกมันกระทั่งกล้าที่จะลักพาตัวนายน้อยของตระกูลหลิน ! หลังจากที่ได้รับค่าไถ่แล้วพวกมันยังกล้าฆ่านายน้อยคนนั้นอีก ! พวกมันช่างกล้าจริง ๆ !”
เด็กหนุ่ม 3 คนคุยกระซิบกันด้วยความตื่นเต้นในร้านอาหารหรู
อาหารตรงหน้าพวกเขาไม่มีซักจานที่ดูเหมือนธรรมดา ไอน้ำที่ลอยออกมาในอาหารแต่ละจานนั้นเต็มไปด้วยพลังงานของสวรรค์และโลก พวกมันลอยออกมาจนกลายเป็นหมอกหนาทึบ เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดก็ใสแวววาวราวกับหยกบริสุทธิ์
“รู้ไหม ๆ ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ข้าได้ยินมาว่ามีคนในตระกูลขนาดเล็กถูกลักพาตัวไปหลายสิบคน และจากนั้นก็ตามมาด้วยการไล่ล่าพวกโจรต่าง ๆ ในเมือง ในไม่ช้าพวกมันทั้งหมดก็ถูกฆ่าตายแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หาคนเจอแต่อย่างใด สุดท้ายเจ้าเมืองก็โกรธกับผลลัพธ์ที่ได้มาก เขาไม่สามารถหาเบาะแสอะไรได้เลยแม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน
แต่คราวนี้เจ้าเมืองได้เริ่มการตรวจสอบตระกูลต่าง ๆ รวมไปถึงกวาดล้างบางตระกูลด้วย ตอนนี้พวกตระกูลใหญ่ ๆ เริ่มนั่งไม่ติดแล้ว ทุกคนล้วนแต่มองไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองด้วยความกังวล” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ทั้ง 3 คนเป็นสมาชิกของตระกูลเล็ก ๆ ในเมือง พวกเขาสนิทกันและนาน ๆ จะมารวมตัวกัน การสนทนาของพวกเขาลากยาวไปจนดึกดื่น
หลังจากนั้นทั้ง 3 ก็ร่ำลาและเดินทางกลับตระกูลของตนเอง
“ตุ้บ !”
ฮัวหยุนเดินไปตามตรอกซอกซอยและทันใดนั้นชายชุดดำที่มีมือที่เหมือนสันดาบก็ปรากฏด้านหลังเขา
แม้ว่าฮัวหยุนจะฝึกฝนจนถึงระดับกลั่นฉีสูงสุด แต่เขาก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังฝึกฝนเหนือกว่าเขามาก !
ชายชุดดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขายกฮัวหยุนขึ้นมาและรีบเดินจากไป ในไม่ช้าเขาก็เข้าไปในอาคารที่มีการป้องกันที่หนาแน่นมาก หลังจากนั้นเขาก็เดินหายไปตามทางเดิน
เมื่อฮัวหยุนรู้สึกตัว เขาก็ตระหนักได้ว่าระดับพลังของเขาถูกผนึกเอาไว้ และมองเขามองคนที่อยู่ข้าง ๆ ฮัวหยุนก็รู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น !