ทั่วคฤหาสน์เจ้าเมืองเต็มไปด้วยความเงียบ แม้แต่เสียงหายใจก็แทบไม่ได้ยิน
พวกคนรับใช้บางคนที่เห็นถึงอันตรายได้หนีไปนานแล้ว ทุกคนได้ชั่งใจน้ำหนักถึงความอันตรายเอาไว้แล้ว ดังนั้นในเมื่อพวกเขาไม่ได้ผูกพันธ์กับเจ้าเมืองมากนักทำไมพวกเขาต้องอยู่ต่อด้วย
งูมีวิธีในแบบตัวเอง หนูก็มีหนทางของตัวเอง แม้ว่าการฝึกฝนของคนเหล่านี้จะอ่อนแอแต่ทักษะการสังเกตของพวกเขาไม่เหมือนกัน ตอนนี้ทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการหนีไปจากที่แห่งนี้ให้ไกลที่สุด แต่ก็มีบางคนก็ยังคงรออยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นด้วยความกังวล
หลินฉิงหยุนไม่ได้ตอบ แต่คนของเขาที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตะโกนขึ้น “เงียบ ! คฤหาสน์เจ้าเมืองเป็นที่ที่พวกแกอยากทำอะไรตอนไหนก็ได้เมื่อไหร่กัน ?”
“หึหึ วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน หากต้นท้อหน้ามนุษย์อยู่ในคฤหาสน์เจ้าเมืองจริงแล้วทำไมพวกเราไม่มาแบ่งปันกันละ ? หากพวกนิกายมาที่นี่แล้วสอบถามความจริง … พวกเราก็แค่ปฏิเสธพวกมันไป !”
หัวหน้าตระกูลฉินไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ตั้งแต่พวกเขากล้ามาที่นี่แล้วยังต้องมีอะไรให้พวกเขากลัวอีก
ยิ่งหลินฉิงหยุนปฏิเสธเรื่องนี้ ทุกคนยิ่งรู้สึกได้ว่าต้นท้อหน้ามนุษย์ต้องอยู่ในคฤหาสน์เจ้าเมืองแน่นอน !
“แล้วถ้าต้นท้อหน้ามนุษย์ไม่มีอยู่ล่ะ ?”
แรงกดดันของหลินฉิงหยุนปะทุขึ้นราวกับสิงโตที่กำลังโกรธ !
ทุกระดับพลังของระดับสวรรค์ทองคำมีช่องว่างที่ใหญ่มาก มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำสูงสุด และในตระกูลหลินเองก็มีถึง 2 คน !
ที่จริงแล้วมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำสูงสุดหลายคน แต่พวกเขาได้หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว เพราะอายุขัยของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำสูงสุดอยู่ที่ 500 ปี
หลินฉิงหยุนเป็น 1 ในไม่กี่คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำสูงสุด ! ไม่มีตระกูลใหญ่ตระกูลใดที่สามารถเอาชนะเขาได้ในเรื่องพลังความแข็งแกร่ง !
“หากต้นท้อหน้ามนุษย์ไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เจ้าเมืองจริง ๆ ข้ายินดีที่จะยกสมบัติ 1 ใน 10 ของตระกูลฉินให้ท่าน !”
ตระกูลฉินเป็นพวกโหดเหี้ยมไร้ความปราณีไม่ว่าจะคนอื่นหรือตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียสมบัติตระกูลไปถึง 1 ใน 10 แต่มันก็ไม่มากพอที่จะนับว่าทำร้ายตัวเอง
“แต่ท่านเจ้าเมือง มิติลึกลิบของตระกูลหลินเองก็ต้องให้เราเข้าไปค้นหาด้วยเช่นกัน”
ตระกูลฉินได้ขี่หลังเสือแล้ว พวกเขาไม่สามารถลงมาได้ง่าย ๆ เนื่องจากบรรดาตระกูลใหญ่มารวมตัวกันแล้วพวกเขาคงยอมเสียหน้าไม่ได้ ตราบใดที่พวกเขาหาต้นท้อหน้ามนุษย์เจอแล้วมอบมันให้กับนิกาย พวกเขาก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมา บางทีมันอาจจะทำให้ตระกูลของพวกเขาสร้างผู้เชี่ยวชาญระดับหยิงหยางซักคนขึ้นมาก็ได้ !
“หึหึ ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาจริง ๆ ให้เราร่วมสนุกด้วยเถอะ”
กลุ่มนิกายไฟโลกันต์ปรากฏตัวขึ้น หยานซานนำพากลุ่มศิษย์ชั้นสูงเดินเข้ามา พวกเขาไม่สนใจคนของตระกูลใหญ่ พวกเขาเดินไปนั่งเก้าอี้คนละตัว
ก่อนที่ทุกคนจะตอบสนองได้ทันก็มีอีก 2 คนเดินเข้ามา พวกเขาหัวเราะเยาะด้วยเสียงเย็นชา “ใครจะไปคิดกันว่าสุนัขจากนิกายไฟโลกันต์จะมาที่นี่ด้วย ? อย่างที่คิด จมูกหมานี้ไวดีจริง ๆ”
“ฮึ่ม ! นกน้อยอย่างนิกายขนนกสวรรค์มาช้าเอง ซักวันหนึ่งบิดาผู้นี้จะถอนขนพวกแกให้หมด !”
ความขัดแจ้งของทั้ง 2 นิกายเกิดขึ้นมานานหลายพันปี เมื่อใดก็ตามที่ทั้ง 2 นิกายพบเจอกันจะต้องมีการทะเลาะกันเกิดขึ้น
“ดียิ่ง แต่การทะเลาะกันของพวกเจ้าเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ข้าได้รับแจ้งจากนิกายให้มาที่นี่ ข้าเชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญจากนิกายเองก็กำลังเร่งเดินทางผ่านมิติมาที่นี่เช่นกัน จะต้องเป็นพวกเราที่ได้ผลดอกท้อหน้ามนุษย์ลูกแรก”
นิกายอีกกลุ่มเดินเข้ามา ทั้งกลุ่มมีแต่ผู้หญิงและใบหน้าของพวกเธอก็ราวกับแม่พิมพ์เดียวกัน ใบหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปีที่ไม่เคยละลาย
‘นังพวกบัดซบ’
ไม่ว่าจะเป็นคนของนิกายไฟโลกันต์หรือนิกายขนนกสวรรค์ก็สบถในใจ
นิกายที่มีแต่ผู้หญิงเหล่านี้แข็งแกร่งกว่านิกายไฟโลกันต์และนิกายขนนกสวรรค์รวมกัน ศิษย์ทุกคนจะถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและความงดงามของพวกเธอต้องงดงามจนเกือบล่มประเทศได้ แม้ว่านิกายจะแข็งแกร่งแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกเกลียดพวกเธอ
นิกายนี้มีชื่อว่านิกายดาบไร้อารมณ์ นิกายได้ตัดอารมณ์และความรู้สึกต่าง ๆ ของสาว ๆ ออกไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหลงใหลหรือมิตรภาพ พวกมันถูกตัดทิ้งทั้งหมดจนสุดท้ายพวกเธอก็กลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่รู้จักแต่การฆ่าและไร้ความรู้สึก !
แน่นอนว่ามีคนน้อยมากในนิกายที่สามารถตัดอารมณ์ทั้งหมดออกไปได้ แต่มีหลายคนที่สามารถตัดออกไปได้เช่นกัน และเมื่อพวกเธอสามารถตัดออกไปได้พวกเธอก็จะกลายเป็นศิษย์หลักที่ถูกฝึกเพื่อกลายเป็นผู้นำในอนาคต !
หากจะอธิบายหลักการของนิกายดาบไร้อารมณ์อย่างง่าย ๆ ก็คือ ‘ข้าตัดได้แม้กระทั่งตัวเอง ถ้าหากข้าอยากตัดเจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้า !’
หยานซานมองหลินฉิงหยุนด้วยความเย็นชาและกล่าวขึ้น “ท่านเป็นเจ้าเมืองของที่แห่งนี้ ? ส่งมอบต้นท้อน้ามนุษย์มาซะดี ๆ หรือจะให้ข้าไปเอามันมาด้วยตัวเอง ?”
อีกฝ่ายเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำสูงสุดแต่เขาอยู่ระดับสวรรค์ทองคำขั้นกลาง แต่เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถฆ่าหลินฉิงหยุนได้
พวกนิกายเหล่านี้มีฐานะสูงส่งราวกับพระเจ้าเมื่อมองลงมาที่พวกมนุษย์ ทรัพยากรการฝึกฝนรวมไปถึงทักษะต่อสู้มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ตระกูลเล็ก ๆ ก็ขาดแคลน มีพวกคนจากแผ่นดินใหญ่เท่านั้นที่เคยได้ลิ้มรสพวกมันตราบเท่าที่ต้องการ
“เพ้ย ทำไมพวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าหรือยังไงกัน ? นิกายที่สูงส่งเหมือนภูเขาและเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรที่ดีที่สุดยังไม่รวมไปถึงนิกายที่ทำตัวสูงส่งราวกับตัวเองคือพระเจ้าและมองคนอื่นต่ำต้อยกว่า สุดท้ายพวกเจ้าก็มองไม่เห็นหัวข้า ?”
เสียงของหลินฉิงหยุนเย็นชาและโกรธมาก มันราวกับเขากำลังปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมานาน
ตระกูลอื่น ๆ เองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ทรัพยากรและทักษะที่ดีที่สุดอยู่ในมือพวกนิกายหมด เหล่าตระกูลธรรมดาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหัวขึ้น ใช่ ไม่มีใครซักคนเลยที่กล้าพูดแบบหลินฉิงยุน
เมื่อเหล่านิกายทั้งหลายมาถึงแล้วเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถหาประโยชน์อะไรได้อีกต่อไปแล้ว
“ดื้อดึงและอ่อนแอ ในเมื่อแกพูดแบบนั้นงั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีตระกูลแกอีกต่อไป”
เสียงเย็นชาดังออกมา ทุกคำที่พูดเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง สำหรับคำว่าเรียกเจ้าเมืองไม่เคยมีอยู่ในหัวของพวกเขาอยู่แล้ว
“ตาย !”
หยานซานยิ้มเยาะ ร่างของเขากระพริบก่อนจะไปปรากฏตรงหน้าหลินฉิงหยุน จากนั้นร่างของเขาก็ปะทุพลังขึ้น สะเก็ดสายฟ้าขนาดใหญ่ที่เกิดจากหลิงฉีพุ่งโจมตีไปหาหลิงฉิงหยุน
“ศิษย์พี่ใหญ่หยานซานลงมือแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าเมืองมันก็ต้องตายแน่นอน มันเป็นแค่ขยะบ้านนอกเท่านั้น มันเอาความกล้าที่ไหนมาท้าทายนิกายกัน พวกมันคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ?”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่มากับหยานซานไม่ได้กังวลซักนิด พวกเขายืนอยู่ข้าง ๆ และชี้นิ้วออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ฮี่ฮี่ จะเอาอะไรกับขยะ ? ศิษย์พี่ใหญ่เคยสังหารคนที่มีระดับพลังสูงกว่ามาแล้ว 3 คน พวกมันคิดว่าตัวเองมีพลังสูงกว่าเลยสามารถทำอะไรก็ได้สุดท้ายก็ถูกศิษย์พี่ใหญ่สังหาร พวกมันคิดว่าเพียงแค่ความต่างเรื่องพลังมันจะทำให้ศิษย์พี่ใหญ่สู้มันไม่ได้หรือยังไงกัน ?” ศิษย์อีกคนกล่าวด้วยความไม่สนใจ เขามั่นใจว่าต่อให้ถูกผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ทองคำขั้นต้นซัก 2-3 คนมารุมเขา เขาก็สังหารอีกฝ่ายได้สบาย ๆ
นี่คือความแข็งแกร่งของนิกาย ตราบใดที่มีระดับพลังเท่ากัน พวกเขาสามารถสังหารได้ทุกคนในที่แห่งนี้ !
“บูม !”
“ปัง !”
ความเร็วของทั้ง 2 เร็วมากจนกลายเป็นภาพติดตา เกิดประกายไฟทุกครั้งที่ทั้งคู่ประทะกันอย่างรุนแรง
หลินฉิงหยุนมือข้างหนึ่งถือมีดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ มันมีความคมอย่างมาก รูปร่างของมันเปลี่ยนไปไม่แน่นอน มันสามารถเปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ทั้ง 2 ปะทะกันหลายต่อหลายครั้งจนยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะ คฤหาสน์เจ้าเมืองหลายส่วนถูกทำลายไปเพราะการปะทะกันของทั้ง 2 คนรับใช้รวมไปถึงคนในตระกูลนับไม่ถ้วนและผู้ฝึกตนที่มีพลังอ่อนแอล้วนตายไปจำนวนมาก
“เอ๊ะ ? เขาเป็นคนที่น่าทึ่งจริง ๆ เขาสามารถปะทะกับศิษย์พี่ใหญ่ได้หลายครั้งโดยไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย”
ศิษย์อีกคนกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
“ข้าว่าอีกไม่นานศิษย์พี่ใหญ่จะต้องใช้วิชาสังหารของเขาแน่ ๆ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าเมืองคนนั้นจะรอดได้หรือไม่ ?”
ศิษย์หญิงที่ชื่นชมหยานซานกล่าวขึ้น เขาคือศิษย์หลัก ! มีจำนวนศิษย์หลักไม่ถึง 100 คนในนิกาย แม้ว่า 100 คนอาจจะดูเหมือนมาก แต่ทั้งนิกายมีศิษย์สายในกว่า 10,000 คน และยังไม่นับศิษย์สายนอก !
แม้ว่าจะมีคนพัฒนาไปยังระดับสวรรค์ทองคำได้แต่ใช่ว่าพวกเขาจะได้กลายเป็นศิษย์หลัก จำนวนศิษย์หลักถูกตั้งเอาไว้คงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหากพวกเขาอยากเป็นศิษย์หลัก พวกเขาจะต้องเอาชนะศิษย์หลักคนใดคนหนึ่งให้ได้ !
“ฮ่าฮ่า ดียิ่ง ! ใช่ได้ ! หากเจ้ายินดีมาเป็นคนรับใช้ของข้า ข้าจะปล่อยตระกูลหลินไป” หยานซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินฉิงหยุนไม่สะทกสะท้าน เขาระเบิดพลังออกมาโดยไม่ลังเล
“แกควรจะคิดข้อเสนอของข้าให้ดี ๆ อย่าบังคับให้ข้าต้องใช้วิชาสังหาร ! เห็นหมัดนี้หรือไม่ ? หากเจ้าโดนหมัดนี้ เจ้าตายแน่ !”
“อุก งี่เง่าจริง ๆ”
คนจากนิกายขนนกสวรรค์หัวเราะออกมา
แม้กระทั่งคนจากนิกายไฟโลกันต์ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อหันไปมองศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา