เป่ยเฟิงต้มข้าวต้มให้เดือด ในไม่ช้าหม้อข้าวต้มก็ส่งกลิ่นหอมออกมา
อาการบาดเจ็บของลึกลับที่ 1 ฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว หากไม่ใช่เพราะเธอใช้ทักษะที่ดีที่สุดในการใช้แส้ทำเป็นลูกบอลป้องกันตัวเอาไว้ บางทีเธออาจจะตายไปแล้วก็ได้
สำหรับไป๋เซียง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ผิวและกล้ามเนื้อของเขาแข็งมากเนื่องจากเขาฝึกฝนเส้นทางทั้งกลั่นร่างกายและกลั่นฉี ทำให้แรงระเบิดไม่สามารถทำอะไรเขาได้มากนัก
“มิ้ว มิ้ว !”
จิ้งจอกน้อยเดินตามกลิ่นหอมก่อนจะใช้ปากงับชามเอาไว้ จากนั้นก็กระโดดไปบนโต๊ะและนั่งรอเป่ยเฟิง
เคอร์เบอรอสพยายามที่จะเข้ามาในบ้าน แต่เมื่อเห็นเป่ยเฟิงจ้องเขม็ง มันจึงยอมนอนอยู่ด้านนอกเงียบ ๆ
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ ในขณะที่มองหมาตัวใหญ่ด้านนอก รอยยิ้มของเขาไม่เข้ากับลวดลายบนระหว่างคิ้วแม้แต่น้อย
จากนั้นในพริบตาเวลาก็ผ่านไปถึง 8 ปี !
8 ปีที่ผ่านมาเป่ยเฟิงได้ออกไปทำภารกิจของกรมผู้ฝึกตนของทหารหลายครั้ง และทุกภารกิจนั้นคือการสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ !
เมื่อ 7 ปีก่อนเขาถูกส่งไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์
เมื่อ 6 ปีก่อนเขาฆ่าสัตว์อสูรระดับสวรรค์ในแถบไซบีเรีย สัตว์ตัวนั้นถูกตั้งฉายาเอาไว้ว่าพระเจ้าของเหล่าหมาป่า !
เมื่อปีก่อนหมู่เกาะในเขตมหาสมุทรแปซิฟิค เขาได้ปะทะกับกลุ่มทหารหลายพันคน และเขาได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ไปถึง 2 คน !
ผลงานของเป่ยเฟิงเป็นที่เลื่องลือในวงกว้าง เขาราวกับดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า !
มันไม่เกินจริงแม้แต่น้อยหากจะบอกว่าเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่เคยมีใครในกรมผู้ฝึกตนของทหารที่ไม่รู้จักเป่ยเฟิงแม้แต่คนเดียว
โดยเฉพาะวิธีทำภารกิจของเป่ยเฟิง เพราะแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงและไร้ปราณีจนทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวมาก
มีบางคนที่ว่างมากได้จัดทำคะแนนสำหรับเป่ยเฟิงในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา เขาได้นับจำนวนคนที่ตายภายใต้เงื่อมมือของเป่ยเฟิงและดูเหมือนว่ามันจะไม่น้อยไปกว่า 3,000 คน !
นี่เป็นจำนวนที่น่ากลัวมากโดยเฉพาะสังคมยุคใหม่ที่การฆ่าคนมีความผิดหนักมาก และด้วยคนเพียงคนเดียวกลับฆ่าคนไปมากกว่า 3,000 คน มันสามารถจินตนาการได้เลยว่าโทษของเขาน่ากลัวแค่ไหนหากเขาเป็นคนธรรมดา
ภายในภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า เป่ยเฟิงกำลังนั่งอ่านฮั๋งติงเจียงอย่างเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ [1]
หากนับตามปฏิทิน ตอนนี้เป่ยเฟิงอายุได้ 36 ปี โดยนับรวม 3 ปีที่เขาถูกดึงตัวไปอยู่ในอีกโลกด้วย
แม้ว่าเขาจะเริ่มมีอายุ แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเขาราวกับเด็กหนุ่มอายุ 20 ต้น ๆ สายลมอ่อน ๆ พัดผ่านผมยาวสีขาวของเป่ยเฟิงเบา ๆ ผมของเขายังคงเป็นสีขาวหิมะเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
แรงกดดันของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความสงบราวกับปุยเมฆบนท้องฟ้า ความโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนยามเมื่อเขาต่อสู้ไม่สามารถมองเห็นได้เลยในตอนนี้
‘8 ปีที่ผ่านมา พลังชั่วร้ายทำให้ฉันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ’
เป่ยเฟิงสะบัดมือจากนั้นตำราก็หายไป
พลังงานแห่งความชั่วร้ายไม่เคยหลุดพ้นการควบคุมของเขาแม้แต่น้อย มีเพียงบางครั้งที่เขายอมมันและทำให้ตัวเองกลายเป็นปีศาจ
โดยเฉพาะเมื่อตอนเขาเห็นเลือด จิตสังหารของเขาได้ปะทุขึ้นทุกครั้ง
อย่างภารกิจเมื่อปีที่แล้วในหมู่เกาะเขตมหาสมุทรแปซิฟิค ทหารหลายพันคนถูกเขาสังหารโดยที่เขาอยู่ในความบ้าคลั่ง
“เฮ้อ โชคดีที่ฉันมีแก ไม่อย่างนั้นฉันคงเสียตัวตนไปนานแล้ว” เป่ยเฟิงพึมพำในขณะที่มองไปยังต้นส่องประกายแห่งพระเจ้าในสวนยาสมุนไพรของเขา
มันถูกปลูกไว้ตรงกลางโดยรูปร่างของมันเหมือนรูปปั้นที่มีความสูงกว่า 1 เมตร เปลือกของมันเต็มไปด้วยรอยแตกและลำต้นก็บิดไปมาเหมือนมังกรขนาดเล็ก อุณหภูมิรอบ ๆ ต้นไม้สูงมากเนื่องจากแสงที่อยู่รอบ ๆ ถูกมันดูดกลืนจนหมด
ผลท้อขนาดเล็กเกือบเท่าไข่ไก่ห้อยอยู่บนก้าน เป่ยเฟิงคิดว่าอีก 1 ปีผลลูกนี้น่าจะสุกพอดี
สภาพของมันในตอนนี้ยังไม่สุกทำให้สรรพคุณของมันไม่ได้เป็นอย่างที่เป่ยเฟิงหวังเอาไว้ เพราะมันไม่ได้ถูกจัดให้ติดอันดับสมุนไพรของโลกแห่งสวรร์ลึกลับ
เห็นดังนั้นเป่ยเฟิงจึงตระหนักได้ทันทีว่าผลท้อที่ไม่สุกไม่ควรหยิบออกมา เขาควรปล่อยให้มันดูดซับพลังแสงต่อไปเรื่อย ๆ !
นอกจากนี้ พลังแสงที่ได้จากผลท้อเพียงลูกเดียวมันสามารถยับยั้งพลังงานชั่วร้ายของเขาได้นานถึงครึ่งปี !
และที่สำคัญที่สุดคือผลท้อสามารถปรับเปลี่ยนร่างกายของคน ๆ หนึ่งได้ หลังจากที่กินมันไปแล้วสิ่งสกปรกจำนวนมากจะถูกเผาในร่างกายให้สะอาดก่อนจะถูกขับออกมา
ไป๋เซียงเดินไปหาเป่ยเฟิงและกล่าวขึ้น “เจ้านาย คนของกรมผู้ฝึกตนของทหารส่งข่าวมาว่าให้ท่านไปที่เหมือนหลวง และไมใช่แค่เราแต่ผู้ที่มีพลังระดับสวรรค์ทุกคนต้องไปด้วยเช่นกัน”
ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ไป๋เซียงกินอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์อสูรระดับสูงเป็นประจำทุกวัน ทำให้ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ระดับครึ่งก้าวสวรรค์ !
แม้ว่าจะมีพลังระดับครึ่งก้าวสวรรค์ แต่เพราะเขาฝึกฝนเส้นทางกลั่นร่างและกลั่นฉี ทำให้เขาสามารถทำลายคอขวดไปยังระดับสวรรค์ได้ตลอดเวลา
ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา แม้แต่ระดับสวรรค์ขั้นต้นก็ไม่ใช่คู่มือของไป๋เซียง
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว ไปกันเถอะ”
เป่ยเฟิงพยักหน้าพร้อมกับหรี่ดวงตาลง
“ครับ”
ไป๋เซียงเดินจากไป
‘ระดับพลังปัจจุบันของเจ้านายแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าฉันจะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ขั้นต้นได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้านายไม่รู้ทำไมถึงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจากเขาได้ตลอดเวลา’
ไป๋เซียงส่ายหน้าด้วยความตกใจ
“เธออยู่ที่นี่ด้วย ?” เป่ยเฟิงถามเบา ๆ โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองรอบ ๆ
ลึกลับที่ 1 ปรากฏขึ้นในสวนและตอบกลับเบา ๆ “อืม ตอนนี้ฉันทำลายคอขวดไปยังระดับสวรรค์ได้แล้ว”
ลึกลับที่ 1 เต็มไปด้วยความงดงาม ความงามของเธอสามารถทำให้ประเทศล่มจมได้ง่าย ๆ เธอยังคงแต่งตัวด้วยชุดเดสสีแดงแม้ว่าจะผ่านมา 8 ปีแล้วก็ตาม
“ตั้งแต่ที่เธอมีพลังระดับสวรรค์ การควบคุมของหนังสือจิตวิญญาณก็ไร้ผลแล้ว ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว” เป่ยเฟิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ สำหรับลึกลับที่ 1 เขาไม่แน่ใจเหมือนกันเขารู้สึกอะไรกับเธอ สำหรับเขา เธอยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยในวัย 11-12 ขวบอยู่เลย
“มันผ่านมา 10 ปีแล้วสินะที่ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ตอนนี้ฉันไม่มีที่ไป ดังนั้นตราบใดที่คุณไปไหนฉันก็จะไปด้วย” ลึกลับที่ 1 กล่าวข้าง ๆ เป่ยเฟิงเงียบ ๆ โดยปล่อยให้สายลมพัดผ่านผมของเธอไป
หากผู้คนในโลกการต่อสู้เห็นการกระทำของลึกลับที่ 1 พวกเขาคงจะตกใจอ้าปากค้างจนขากรรไกรของพวกเขาล่วงลงกับพื้น !
ชื่อเสียงของลึกลับที่ 1 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นโด่งดังมาก การทำภารกิจของเธอแต่ละครั้งนั้นโหดเหี้ยมกว่าเป่ยเฟิงมาก
ลึกลับที่ 1 เป็นที่รู้จักในฉายาภูติสีเลือด และบางคนก็ตั้งฉายาให้เธออีกฉายานั่นก็คือแม่มดสีเลือด
“แล้วแต่เธอ”
เป่ยเฟิงเข้าใจคำพูดของเธอได้ดี เขาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะพยักหน้าแล้วไม่ได้พูดเรื่องนี้อีกต่อไป
ตั้งแต่เริ่ม เขาได้ช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ทำให้เขาสามารถเห็นพัฒนาการของเธอมาตลอด แต่ใครจะไปคิดกันว่าเด็กน้อยในวันนั้นจะกล้าหาญเหมือนวันนี้
“โฮ่ง เจ้านาย ผมหิวแล้ว !”
หมา 3 หัวขนาดเท่าหมาธรรมดาวิ่งเข้ามาในสวน หัวซ้ายสุดเปิดปากและจากนั้นเสียงภาษามนุษย์ก็ดังออกมา
หากใครได้มาเห็นพวกเขาคงกรีดร้องด้วยความตกใจจากนั้นก็วิ่งหนีและตะโกนขึ้นว่า “สวรรค์ หมาพูดได้ ! มันเป็นปีศาจ !”
เคอร์เบอรอสเดินเข้ามาพร้อมกับส่ายก้นไปมา หัวด้านซ้ายและขวามองเป่ยเฟิงด้วยความคาดหวัง
“เด็กน้อย ไปเล่นข้างนอกก่อนไป”
ลึกลับที่ 1 เคาะหัวไม่รู้จักพอด้วยความรำคาญ
พลังของเคอร์เบอรอสในตอนนี้มาถึงระดับครึ่งก้าวสวรรค์ มันได้เรียนรู้วิธีหดกระดูกและปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างกาย และนอกจากนี้มันยังสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ด้วย
เมื่อไม่รู้จักพอและหลุมดำได้เรียนรู้ภาษามนุษย์ พวกมันก็จะคอยร้องเพลงออกมาด้วยเสียงน่ารักของพวกมันไม่หยุดหย่อน
ทุกครั้งที่มันได้ยินคำพูดของใคร มันก็จะตั้งใจฟังและพูดตามพวกเขา เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกมันเบื่อมันก็จะแอบไปฟังคนอื่นพูด
[1] ตำราเกี่ยวกับทางเต๋า