หลังจากที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเป็นมืดมน
หากการฝึกตนของพวกเขาถูกผนึก ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดาเพียงเล็กน้อย นอกเหนือจากทักษะต่อสู้ที่สามารถสู้และฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับความมืดได้แล้ว หากเจอกับผู้ที่มีพลังเหนือกว่าระดับวิวัฒนาการพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
ในเวลาเดียวกัน ผู้นำ 12 ปีศาจคุนหลุนก้าวออกมาและกล่าวขึ้น “ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่นี่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิดและอย่าได้ให้อะไรผ่านเข้ามาได้”
ไม่รอให้คนอื่นตอบกลับ เขาเดินเข้าไปพร้อมกับคนที่ถือเข็มทิศ
“น่าสนใจ ถึงทั้ง 3 อย่างจะถูกผนึกเอาไว้ แต่ดูเหมือนพลังจิตของฉันถึงไม่ได้รับผลกระทบจากมัน”
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินตาม 2 ปีศาจคุนหลุนเข้าไป
พลังจิตของเป่ยเฟิงไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ ในความจริงแล้วเขาแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ !
สายรุ้งทะยานเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เป่ยเฟิงได้เดินเข้าไป สำหรับผู้นำ 12 ปีศาจคุนหลุนพลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์คนอื่น ๆ มาก นอกจากนี้คุนหลุนว่างเปล่าของเขาเองก็ยังสามารถใช้พลังจิตในการควบคุมมันได้ !
สายรุ้งทะยานได้อาศัยอยู่ในร่างกายของเป่ยเฟิงมานานหลายปี และในที่สุดมันก็สามารถผสานวัตถุดิบจนสุดท้ายมันก็กลายเป็นอาวุธระดับ 9 ขั้นสูงสุดจนได้ ! อีกเพียงก้าวเดียวมันก็จะกลายเป็นอาวุธระดับดาว แต่หากพูดถึงคุนหลุนว่างเปล่าที่เป็นสมบัติลับของนิกายคุนหลุนแล้ว วัตถุดิบที่ถูกนำมาใช้สร้างของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่ารุ้งทะยานของเป่ยเฟิงเสียอีก !
“หยานลั่ว เป็นยังไง ? หาที่ขังมังกรเจอไหม ?”
หลิงวู่ถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“มันยากมาก ข้าต้องการเวลามากกว่านี้ ค่ายกลนี้มันแข็งแกร่งเกินไป”
เสียงที่เปล่งออกมาจากนั้นลำแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากเข็มทิศจนเกิดรูนและตัวอักษรแปลกประหลาดจำนวนมากออกมาราวกับมันเป็นภาพฉาย
“ปรมาจารย์ค่ายกล ?”
เป่ยเฟิงตกใจมาก อย่างที่คิด รากฐานของนิกายคุนหลุนนั้นหยั้งลึกมาก !
เมื่อเห็นว่าเป่ยเฟิงเดินตามหลังมา หลิงวู่ก็แค่หันไปมองโดยไม่ได้พูดอะไร ในตอนที่เป่ยเฟิงใช้สายรุ้งทะยานฆ่าแมงมุมหน้าผี หลิงวู่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป่ยเฟิงมีพลังจิตที่แข็งแกร่งรวมไปถึงอาวุธที่สามารถควบคุมได้ด้วยพลังจิตของเขา
“ฟ่อ !”
ในขณะที่พวกเขากำลังสำรวจรอบ ๆ งูขนาดใหญ่เท่าต้นขามนุษย์และยาวถึง 7-8 เมตรก็พุ่งออกมา !
งูตัวนี้ปกคลุมไปด้วยวงแหวนสีทอง ฟันแหลมคมโผล่ออกมาจากปากของมันพร้อมกับของเหลวที่หยดลงมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นงูพิษ ! มันยากที่จะจินตนาการได้ว่างูพิษเติบโตที่นี่ได้อย่างไร มันอาจจะถือว่าเป็นงูชั้นยอดบนโลกใบนี้ก็ได้
“ตุบ !”
ไม่ต้องรอให้งูเข้ามาใกล้ ลำแสงจันทร์เสี้ยวกระพริบก่อนจะเฉือนงูจนร่างกายแข็งค้าง จากนั้นร่างของมันก็ค่อย ๆ แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วร่วงลงกับพื้น
คุนหลุนว่างเปล่ากลับมาอยู่รอบตัวหลิงวู่อีกครั้ง มันลอยไปรอบ ๆ ตัวเขาโดยไม่มีแม้แต่หยดเลือดหยดเลือดให้หลงเหลือ
หยานลั่วราวกับไม่ได้รับรู้สิ่งใด เขายังคงนั่งสวดพึมพำอยู่ หลังจากนั้นเขาก็หยิบก้อนหยกสีขาวจำนวนมากออกมาแล้วโยนมันไปรอบ ๆ
“โฮก !”
การกระทำของหยานลั่วราวกับเป็นการสร้างค่ายกล หลังจากนั้นไม่นานก็มีสัตว์ 2 ตัวที่เกิดจากหลิงฉีปรากฏออกมาในอากาศแล้วคำรามออกมา
“อย่าปล่อยให้พวกมันรบกวนหยานลั่ว ! พวกเราต้องปกป้องเขาเอาไว้ เจ้าจัดการตัวนั้น ข้าจะจัดการอีกตัวเอง”
คิ้วของหลิงวู่ขมวดแน่น เรื่องยากลำบากที่สุดในตอนนี้คือวิธีการจัดการมัน เขาไม่สามารถจัดการมันได้ แต่พวกมันกลับสามารถฆ่าเขาแทนได้ !
การทำให้หลิงฉีเกิดรูปร่างจิตวิญญาณนั้นต้องใช้พลังจำนวนมาก แต่สถานที่แห่งนี้เป็นใจกลางค่ายกลและมันได้สะสมพลังจำนวนมากเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามันไร้ประโยชน์หากจะรอให้พลังหมด ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือหยุดพวกมันเอาไว้เพื่อถ่วงเวลา
“ฟัน !”
“ทำลาย !”
เป่ยเฟิงและหลิงวู่โจมตีออกไปโดยไม่สนใจว่าจะได้ผลหรือไม่ ในขณะเดียวกันสัตว์ทั้ง 2 ตัวนั้นเต็มไปด้วยพลังหลิงฉี ทำให้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์
สายรุ้งทะยานและคุนหลุนว่างเปล่าพุ่งเข้าไปเฉือนพวกมันทั้ง 2 จากนั้นพวกมันก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่วินาทีต่อมาหลิงฉีของสวรรค์และโลกก็ไหลเข้าไปในร่างของพวกมันอีกครั้ง จากนั้นพวกมันก็ปรากฏตัวแล้วพุ่งไปหาทั้งคู่ !
“วู้ซ !”
ใบมีดลมเฉือนหูของเป่ยเฟิง แต่มันไม่สามารถเฉือนได้ มันทำได้เพียงส่องประกายแสงจากผมสีขาวของเป่ยเฟิงแทน
การโจมตีครั้งนี้มุ่งเน้นมาที่หัวของเป่ยเฟิง หากไม่ใช่เพราะพลังจิตของเขารวดเร็วพอเขาคงไม่สามารถควบคุมร่างกายให้หลบได้ทันจนสุดท้ายก็ลงไปนอนกองกับเลือดแทน !
แม้ว่าเขาจะหลบได้ แต่มันก็ทำให้ด้านหลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ! เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองใกล้ความตายได้มากขนาดนี้มาก่อน !
เพราะเลือดและฉีถูกผนึกเอาไว้ ร่างกายของเป่ยเฟิงจึงแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย ถึงแม้ว่ารกงายของเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันการโจมตีเมื่อครู่ได้ !
เป่ยเฟิงและหลิงวู่ร่างเต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับความอ่อนเพลียที่ถาโถมเข้ามา เพราะถูกผนึกพลังเอาไว้ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มที่ พวกเขาทำได้เพียงหลบไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะสวนกลับได้แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างจิตวิญญาณได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
เป่ยเฟิงไม่ได้พูดอะไรออกมา พลังจิตของเขาถูกผลักไปอยู่ในจุดสูงสุด สายรุ้งทะยานเปล่งประกายแสงสีทองดำออกมา มันหมุนรอบตัวเขาด้วยความเร็วที่น่ากลัวมาก อีกด้านหลิงวู่เองก็ดูย่ำแย่มาก เขาทำได้เพียงหันหลังและตะโกน “หยานลั่ว เร็วเข้า !”
“ใกล้แล้ว ! อีกนิดเดียว ! ยื้อไว้ !”
หยานลั่วรู้ว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว เขาทำได้เพียงกัดลิ้นแล้วเอาเลือดพ่นใส่เข็มทิศ หลังจากนั้นเข็มทิศที่วางไว้ก็สั่นอย่างแรง !
“วิ้ง วิ้ง !”
ตัวอักษรส่องสว่าง จากนั้นหยกที่เหมือนจะถูกโยนไปมั่ว ๆ ก็ค่อย ๆ ส่องแสงเชื่อมต่อกัน !
แรงกดดันที่น่ากลัวปรากฏใต้เท้าหยานลั่วจากนั้นมันก็กระจายหลิงฉีไปทุกทิศทาง !
“แกร๊ก !”
เสียงแตกบางอย่างดังขึ้นจากการสั่นของโซ่ !
โซ่ขนาดใหญ่ที่อยู่บนท้องฟ้าและใต้พื้นดินสั่นไปมาจนเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ราวกับกำลังยืนอยู่บนน้ำ
ในเวลาเดียวกัน ตรงพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยขึ้ผึ้งถูกเปลวไฟหลอมละลายอย่างช้า ๆ จากนั้นมันก็เผยให้เห็นประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่เหมือนประตูสุสานใต้ดิน
“ค่ายกลช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ !”
เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูมหัศจรรย์ไปหมด ตราบใดที่มีพลังมากพอผู้ฝึกตนสายค่ายกลก็แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าผู้ฝึกตนสายต่อสู้ !
“ขอบคุณสหายเต๋ามาก พวกเราไม่คิดเลยว่าแผนที่วางเอาไว้จะผิดพลาดขนาดนี้ ใครจะไปคิดกันว่าค่ายกลจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้”
หลิงวู่หันไปหาเป่ยเฟิงและโค้งกำปั้นด้วยความขอบคุณ สามารถได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวในน้ำเสียงของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะจุดหมายเดียวกัน”
เป่ยเฟิงส่ายหัว
“แฮ่ก แฮ่ก”
ข้าง ๆ เขา หยานลั่วหอบหายใจอย่างหนัก การทำลายค่ายกลครั้งนี้เขาต้องใช้พลังตัวเองไปเยอะมาก แม้ว่ามันจะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของค่ายกลแต่ก็ยากลำบากมาก
หยานลั่วไอออกมาและพูดขึ้น “ข้าลงแรงไปไม่น้อย กว่าแก่นแท้เลือดของข้าจะกลับมามันต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี !”
แก่นแท้เลือดเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของผู้ฝึกตน ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนกลั่นฉีหรือร่างกาย ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับแก่นแท้เลือดของพวกเขา
ความแตกต่างเดียวของผู้ฝึกตนขึ้นอยู่กับแก่นแท้เลือด แต่เพราะหลิงฉี เลือดและฉีถูกผนึกเอาไว้ด้วยค่ายกล หยานลั่วจึงจำเป็นต้องใช้แก่นแท้เพื่อกระตุ้นค่ายกล