หลิงวู่ประหลาดใจในความแข็งแกร่งของเป่ยเฟิง แม้ว่าเขาจะเห็นเป่ยเฟิงใช้สายรุ้งทะยานฆ่าแมงมุมหน้าผีมาก่อน แต่เขาไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเขาจริง ๆ จะมากกว่าที่คิดเอาไว้ !
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือเป่ยเฟิงซ่อนพลังตัวเองเอาไว้ หรือบางทีแมงมุมหน้าผีอาจจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะให้เขาเผยพลังที่แท้จริงออกมา
‘ข้าฝึกฝนมา 300 กว่าปีแต่พลังจิตของข้ามันยากมากกว่าจะฝึกมันได้ เหตุผลที่พลังจิตของข้าแข็งแกร่งมากก็เพราะวิชาฝึกพลังจิตของนิกายคุนหลุนที่ถูกสืบทอดมานานหลายปี แต่เจ้าเด็กนี้มันเกิดมาพร้อมกับพลังจิตมหาศาลหรือเพราะมันได้สมบัติอะไรมากันแน่ !’
ความคิดหลายอย่างวนอยู่ในหัวหลิงวู่ในขณะที่มองประเมินเป่ยเฟิง
หากเป็นอย่างแรกมันถือว่าไร้ประโยชน์สำหรับเขา แต่ใครจะไปรู้บางทีเป่ยเฟิงอาจซ่อนไพ่ลับบางอย่างเอาไว้ในร่างของเขาก็ได้
นอกจากนี้หลิงวู่รู้สึกว่าในปัจจุบันสมบัติที่ไม่ว่าจะได้มายังไง ต่อให้มันล้ำค่ามากแค่ไหนมันก็ทำให้ผู้ฝึกตนมีพลังได้ถึงเพียงระดับสวรรค์เท่านั้น
โชคดีที่หลิงวู่ไม่รู้ว่า “สมบัติ” ที่เป่ยเฟิงได้มาคืออะไร ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องลองเสี่ยงชีวิตฆ่าเป่ยเฟิง !
“ค่ายกลเปิดแล้ว พวกเราสามารถเข้าไปในคุกขังมังกรได้แล้ว !”
เสียงของหยานลั่วเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นั่นคือมังกรที่พวกเขากำลังพูดถึง !
เป่ยเฟิงและหลิงวู่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนเดินนำหน้าหยานลั่วไป ค่ายกลปิดผนึกพลังยังมีผลอยู่ ทำให้หยานลั่วไม่สามารถทำอะไรได้มาก
“แตะ แตะ !”
ทางเข้าเป็นบรรไดที่ทอดยาวออกไปไกล เสียงฝีเท้าของทั้ง 3 สะท้อนไปทั่ว
“สหายเต๋า เจ้ามีอะไรเกี่ยวข้องกับภูเขาชูหรือไม่ ?” หลิงวู่ไม่สามารถยั้งตัวเองให้ถามขึ้นมาได้
เป่ยเฟิงยิ้มทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ส่ายหน้าและเริ่มคิดว่าสหายเต๋าผู้นี้สุดท้ายก็ไม่สามารถทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้
“ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับภูเขาชูทั้งนั่น ที่ข้าแข็งแกร่งได้ขนาดนี้นั่นก็เพราะความบังเอิญล้วน ๆ”
“อืม งั้นรึ” เมื่อได้ฟังคำตอบของเป่ยเฟิง หลิงวู่ก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาราวกับยกภูเขาออกจากหัวใจ
“ความแข็งแกร่งของข้ามันเกี่ยวอะไรกับภูเขาชู ?” เป่ยเฟิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงวู่หัวเราะก่อนจะตอบ “จากสิ่งที่ข้าได้รู้มา ภูเขาชูได้เดินทางไปที่สุสานจักรพรรดิ์ฉินเมื่อ 500 ปีก่อน จากนั้นหลายร้อยปีต่อมาก็ไม่มีใครเห็นคนจากภูเขาชูอีกเลย ดังนั้นข้าจึงคิดว่าสหายเต๋าอาจจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคนของภูเขาชูก็ได้”
เป่ยเฟิงทำเพียงเงียบ ข้อมูลเล็กน้อยแค่นี้แต่มันกลับเหมือนคุกกี้ขนาดใหญ่ของหลิงวู่ที่ยื่นมาให้เขา คำถามเดียวคือเขาจะกินมันยังไง
จากบันทึก นิกายภูเขาชูได้เดินทางเข้าไปในสุสานจักรพรรดิ์ฉิน นั่นคือสิ่งที่หลิงวู่และคนอื่น ๆ รู้ ส่วนภูเขาชูได้ประสบความสำเร็จหรือไม่ แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้
ไข่มุกขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสว่างไสวติดอยู่บนผนังคอยเปล่งแสงสีเขียวอมฟ้าออกมา แสงเหล่านี้ดูลึกลับอย่างมาก
ยิ่งเดินลึกเข้าไป แรงกดดันยิ่งมากขึ้นจนหยานลั่วไปต่อไม่ไหว แรงกดดันในตอนนี้มันมากเกินกว่าที่เขาจะทนได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหยุดเพียงแค่นี้
เป่ยเฟิงและหลิงวู่ยังคงเดินไปได้ต่อ แรงกดดันมันสามารถใช้พลังจิตสยบได้ และพลังจิตของพวกเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีปัญหากับแรงกดดันเหล่านี้ !
พลังจิตของเป่ยเฟิงอยู่ในระดับ 5 ดาว แรงกดดันจึงไม่มีค่าให้เขาใส่ใจ จากที่เขาได้คาดคิดเอาไว้พลังจิตส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ส่วนมากอยู่เพียงระดับ 3 ดาวเท่านั้น !
คนที่แข็งแกร่งอาจจะใกล้ระดับ 4 ดาว ส่วนพลังจิตของหลิงวู่ก็น่าจะสูงกว่าระดับ 4 ดาวปกติ แต่อย่าลืมว่าความแตกต่างของแต่ละดาวบ่งบอกได้ว่าความแข็งแกร่งมันต่างกันมาก !
สีของแสงเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ จากตอนแรกที่เดินมาด้วยความมืดมิดก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว
ถ้ำใต้ดินมีขนาดใหญ่เท่าสนามบาสเก็ตบอล ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องเบิกตากว้าง ที่อยู่ตรงกลางถ้ำมันมีบางอย่างลอยอยู่ในอากาศ มันคือแหล่งกำเนิดของแสง !
หลังจากนั้นพวกเขาก็มองเห็นแท่นสูงเท่าตึก 3 ชั้น แท่นราวกับทำมาจากหยกขาว ลมหายใจของเป่ยเฟิงและหลิงวู่แทบจะหยุดลงเพราะความประหลาดใจ !
‘กำเนิดศักดิ์สิทธิ์ กำเนิดอมตะ !’
นั่นคือความคิดแรกของทั้งคู่หลังจากที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนแท่น ในวินาทีต่อมาพวกเขาทั้งคู่ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง !
บทแท่นหยกขนาดใหญ่ มีมังกรตัวใหญ่ยาวกว่า 10 เมตร กรงเล็บของมันดูทรงพลังและคมมาก เกล็ดของมันถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายเหมือนเมฆ หนวดยาว 2 เส้นของมันสะบัดอยู่ตรงจมูก
ในสายตาของเป่ยเฟิงและหลิงวู่ มังกรตัวนี้ราวกับมีชีวิตอยู่ แรงกดดันของมันราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิด ดวงตาของมันราวกับกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
“อุก !”
“อุก !”
วินาทีต่อมาทั้ง 2 ก็ถอยหลัง จากนั้นที่หน้าอกราวกับถูกบางอย่างทุบอย่างแรง ในไม่ช้าเลือดก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากของพวกเขา
หลังจากได้คายเลือดออกไป พวกเขาก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นว่ามังกรยังคงอยู่ที่เดิม กรงเล็บทั้ง 4 ของมันยังคงอยู่กับที่
“น่ากลัวมาก ! มังกรตัวนี้น่าจะตายไปนานหลายปีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเรากลับไม่สามารถต้านการโจมตีทางจิตของมันได้เลยแม้แต่น้อย”
“น่ากลัวจริง ๆ ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่พวกเราคงถูกมันฆ่าไปนานแล้ว จะมีใครกันที่สามารถเอาชนะมันได้ ?”
ทั้ง 2 หันไปมองรอบ ๆ พร้อมกับความหวาดกลัวในจิตใจ
ความรู้สึกที่รับรู้ได้จากมังกรนั้น เป่ยเฟิงและหลิงวู่บอกได้คำเดียวว่าน่ากลัวมาก ! ไม่มีสิ่งอื่นใดมาอธิบายมันได้
ในเวลาเดียวกันทั้ง 2 รู้สึกได้ว่าพลังจิตของพวกเขากำลังถูกกดดันอยู่ มันไม่ใช่แค่การกดดันด้วยแรงกดดันและความแข็งแกร่ง แต่มันยังกดดันไปถึงชีวิต !
หลิงวู่ยืนสงบและมองขึ้น “มันไม่น่าจะใช่มังกรสายเลือดบริสุทธิ์ ถึงมันจะไม่ใช่มังกรที่แท้จริง แต่มันก็น่าจะแข็งแกร่งมาก !”
ไม่ใช่ว่าไม่มีอัจฉริยะบนโลก แต่เพราะหลิงฉีมีการเปลี่ยนแปลงทำให้ไม่มีสถานที่ที่กำเนิดยอดนักรบขึ้นมาได้
มีโซ่ยาว 2 เส้นที่มีสีทองดำอยู่ที่หางมังกร ในเวลาเดียวกัน มีบางอย่างสีดำพันธนาการแขนขามังกรทั้ง 4 ข้างเอาไว้ราวกับต้องการผนึกมันเอาไว้ในหยกขาว เหมือนกับการผนึกทำให้มันตายไปเอง !
แสงอันอ่อนโยนที่สว่างอยู่ในถ้ำมาจากมุกที่อยู่ระหว่างเขาของมังกร มันราวกับมันคือแกนภายในของมังกรตัวนี้ !
เพียงแค่การมองผิวเพลินก็สามารถบอกได้ว่าแกนภายในที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนนี้ พลังงานที่อยู่ข้างในราวกับเป็นมหาสมุทร !
ความคิดบางอย่างแว๊บเข้ามาในหัวของเป่ยเฟิงและหลิงวู่ ‘ต้องเอาแกนภายในนั่นมา’ ตราบใดที่พวกเขาได้แกนภายในมา พวกเขาก็จะได้มรดกที่มีพลังเช่นเดียวกับมังกร ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในต่อให้เอาหินวิญญาณระดับสูงมาแลกมันก็ไม่มีค่า !
“แฮ่ก แฮ่ก !”
ลมหายใจของทั้ง 2 หนักหน่วงในขณะที่มองแกนภายใน
“แค่ก !”
หลังจากนั้นก็มีเสียงไอดังขึ้น เป่ยเฟิงสลัดความมึนงงออกไป จากนั้นเขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ ในร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็นั่งสมาธิและเข้าญาณทันที
หลิงวู่เริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง เขาถอนหายใจและปล่อยให้เป่ยเฟิงจัดการกับความโลภของตัวเองไป
หลิงวู่พ่นลมหายใจออกมาและพูดขึ้น “พวกเรายังไม่มีความสามารถพอที่จะเอาแกนภายในออกมาได้ นอกจากนี้เป้าหมายจริง ๆ ของพวกเราก็คือโซ่ขังมังกร”
หลังจากที่เขาได้พูด หลิงวู่ก็รู้สึกสดชื่นมากขึ้นราวกับพลังจิตของเขาได้ฟื้นตัวจากรอยร้าวขนาดใหญ่