‘สุดท้าย หัวใจของฉันก็ยังเข้มแข็งไม่พอ’ เป่ยเฟิงคิดด้วยความกลัวหลังจากตั้งสติได้ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะตกอยู่ในสภาพแปลก ๆ หากไม่ใช่เพราะหลิงวู่เขาคงไม่มีทางตั้งสติได้ บางทีหากเขาพ่ายแพ้ให้กับความโลภเขาอาจจะสูญเสียตัวตนไปตลอดเลยก็ได้
“ขอบคุณสหายเต๋ามาก”
เป่ยเฟิงกำหมัดและพูดด้วยความเคารพ เขาโค้งตัวราวกับลูกธนูอย่างงดงาม
ทั้ง 2 เงยหน้ามองอีกครั้ง แกนภายในมันไปไหนแล้ว ? หรือเมื่อครู่มันเป็นเพียงฝันกัน
แสงแท้จริงแล้วดูเหมือนจะส่องสว่างออกมาจากหยก ด้านล่างแท่นหยกมีโต๊ะสี่เหลี่ยม และมีโซ่ที่กองอยู่ตรงโต๊ะ โซ่มันราวกับเป็นภาพลวงตา อากาศรอบ ๆ ของมันสั่นสะเทือนเบา ๆ จนเปลี่ยนรูปร่างไปมาราวกับมันเป็นน้ำ
แม้ว่าพลังจิตและร่างกายของทั้ง 2 จะแข็งแกร่งกว่าคนปกติ แต่ทั้งเป่ยเฟิงและหลิงวู่ไม่สามารถต้านแรงกดดันที่แผ่ออกมาได้แม้แต่น้อย หลิงวู่จึงเดินออกไปที่ทางเข้าเพื่อบอกอย่างกับหยานลั่ว
“นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะใช้แรงกดดันนี้ในการกลั่นพลังจิตของฉัน นอกจากนี้อากาศแปลก ๆ รอบ ๆ ดูเหมือนจะส่งผลต่ออารมณ์ในร่างของฉันด้วย” เป่ยเฟิงยืนขึ้นและตัดสินใจบางอย่าง
ถึงแม้ว่าพลังจิตของเขาจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถใช้มันออกมาได้สมบูรณ์แบบ หากไม่ใช่เพราะรูปปั้นที่ช่วยขัดเกลา วันนี้สภาพของเขาคงจะเลวร้ายมาก
ช่วงเวลาที่เขาได้เดินเข้ามาในที่แห่งนี้ เป่ยเฟิงรู้สึกหิวมาก ความหิวนี้มันเป็นความปรารถนามาจากเซลล์ของเขา !
จุดสีแดงเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าเริ่มถูกดูดซึมเข้าไปในร่างของเป่ยเฟิงเพื่อเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเขา
ในไม่ช้าหลิงวู่ก็กลับมา เขามองเป่ยเฟิงและเห็นว่าเป่ยเฟิงกำลังใช้โอกาสที่หาได้ยากครั้งนี้ในการกลั่นพลังจิตของเขา !
เป่ยเฟิงเดินไปข้างหน้าช้า ๆ ทีละก้าว ๆ ทุกครั้งที่เขาก้าวออกไปร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านราวกับเขาทุกข์ทรมานอย่างมาก !
หลังจากเดินไปได้ร้อยกว่าเมตร เป่ยเฟิงก็นั่งไขว่ข้าง ร่างกายของเขาทนแรงกดดันในตอนนี้ได้ แต่พลังจิตของเขาไม่สามารถทนได้
“ปัง !”
“แกร๊ง !”
เป่ยเฟิงส่งพลังจิตออกไปรอบ ๆ เพื่อปะทะเข้ากับแรงกดดัน จากนั้นไม่นานก็พลังจิตของเขาก็เปลี่ยนเป็นค้อนและค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดาบและรูปร่างอื่น ๆ !
สามารถมองด้วยตาเปล่าจะเห็นได้ว่าอากาศรอบ ๆ เป่ยเฟิงในระยะครึ่งเมตรเกิดการปะทะบางอย่าง นอกจากนี้ยังมีเสียงปะทะที่เกิดจากพลังจิตปะทะเข้ากับแรงกดดันอีกด้วย
ในเวลาเดียวกัน เป่ยเฟิงก็หมุนเวียนเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ จุดสีแดงที่ลอยอยู่ในอากาศเริ่มดูดซึมเข้าไปในร่างของเขาเร็วมากขึ้น ในไม่ช้ามันก็ถูกเปลี่ยนเป็นเลือดและฉีที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้มันยังมีพลังงานที่อยู่ภายในสูงมาก !
จุดเหล่านี้ราวกับม้าป่าเมื่ออยู่ในร่างเป่ยเฟิง พวกมันวิ่งไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง และดูเหมือนพวกมาใหม่อย่างพวกมันต้องการจะแย่งชิงร่างกายของเป่ยเฟิงมาก
พลังจิตของเป่ยเฟิงครึ่งหนึ่งต่อต้านแรงกดดันด้านนอก ส่วนอีกครึ่งถูกส่งเข้าไปในร่างเพื่อต่อสู้กับจุดสีแดง
ในขณะที่เขากำลังแยกพลังจิตออกเป็น 2 ด้าน เป่ยเฟิงรู้สึกได้ว่าหลิงวู่อยู่ห่างจากเขา 200 เมตร
เป่ยเฟิงมุ่งความสนใจไปที่ภายในร่างกายซะส่วนใหญ่ เขาทิ้งพลังงานบางส่วนไว้ภายนอกเพื่อเอาไว้รับรู้อันตรายที่จะเข้ามา ส่วนที่เหลือเอาไว้สู้กับแรงกดดันจากภายนอก
“ปุ๊ก !”
หยดเลือดค่อย ๆ ไหลออกมาก่อนจะกลายเป็นควันสีดำที่ลอยออกมาจากรูขมขุนของเป่ยเฟิง จากนั้นพวกมันก็ลอยเข้าไปในรูจมูกของมังกรที่อยู่บนแท่นหยกที่ห่างออกไปไกล
หลังจากหยดเลือดได้ถูกขับไล่และทำลาย ส่วนที่เหลือก็ถูกกลั่นเพื่อทำให้เลือดและฉีบริสุทธิ์มากขึ้น !
คุณภาพของเลือดและฉีที่ได้นั้นสูงมาก เพียงหยดเลือดเดียวก็ทำให้เป่ยเฟิงราวกับถูกฉีดด้วยเลือดไก่ เขารีบหมุนเวียนเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ขั้นแรกทันที
เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์เขาได้สำเร็จขั้นสูงของขั้นแรกแล้ว และการได้รับหยดเลือดเพียง 1 หยดในครั้งนี้ก็ทำให้เป่ยเฟิงรู้สึกว่าเขาลดระยะทางในการเข้าใกล้จุดสูงสุดของเคล็ดไปอีกขั้น !
แม้ว่ามันจะช้า แต่มันมีประโยชน์มาก !
เป่ยเฟิงตื่นเต้นมาก เขาคิดว่าจุดสีแดงอาจจะเป็นเศษเลือดของมังกรก็ได้ แต่มันน่าแปลกที่พวกมันไม่หายไปแม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี
8 ปีที่ผ่านมาเป่ยเฟิงฝึกฝนเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์จนสามารถบรรลุขึ้นสูงของขั้นแรกได้ แต่การจะบรรลุขั้นสูงสุดมันไม่ใช่เรื่องง่าย หากเขาต้องการบรรลุเขาจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากกว่าเดิม !
ทุกครั้งที่เขาตกปลาเขาไม่สามารถเลือกได้ว่าต้องการตกได้อะไร ส่วนใหญ่มันขึ้นอยู่กับโชคของเขา
ดังนั้นความก้าวหน้าของเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์จึงช้ามาก แต่เพราะจุดสีแดงที่เหมือนเลือดมังกรมันราวกับเป็นโอกาสที่สวรรค์ได้ประทานมาให้เขาเพื่อฝึกเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าโลกภายนอกผ่านไปนานแค่ไหนนับตั้งแต่ที่เขาได้เริ่มดูดซับเลือดมังกร แต่เขาไม่รู้สึกหิวแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาฝึกทั้งพลังจิตรวมไปถึงฝึกฝนร่างกายในเวลาเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะจุดแดง ๆ เหล่านี้เขาคงต้องหยุดพักและหาอะไรกินไปนานแล้ว
หลิงวู่หยิบเม็ดยาสีเทาออกมาและกลืนมันลงไป เป่ยเฟิงรู้ได้ว่าเขาทำอะไรแต่เขาไม่ได้พูดถึงมัน เห็นได้ชัดว่าถุงผ้าที่เขาหยิบออกมาคือสมบัติประเภทมิติ !
‘นิกายคุนหลุนร่ำรวยจริง ๆ หากย้อนกลับไปในช่วงที่โลกแห่งการต่อสู้อยู่ในยุคที่รุง่เรืองที่สุด ตอนนั้นมันน่าจะยังไม่มีอาวุธที่ล้ำค่ามากขนาดนี้ แต่พวกเขาไปเอามาจากไหนกัน ?’
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วแน่น นอกเหนือจากหลิงวู่แล้วตัวเขาไม่เคยเห็นคนอื่น ๆ ใช้อาวุธที่สามารถใช้พลังจิตควบคุมได้แม้แต่คนเดียว คงไม่ใช่ว่าอาวุธแบบนั้นมันจะหายากเกินกว่าที่คนอื่นจะคู่ควรเป็นเจ้าของหรอกนะ ?
ในเวลาเดียวกันเป่ยเฟิงได้เดินหน้ามาไกลกว่าเดิมถึง 800 เมตร ตรงหน้าเขาคือหลิงวู่ เป่ยเฟิงพยายามที่จะให้พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นช้า ๆ แม้ว่าพลังจิตของเขาจะแข็งแกร่งกว่าหลิงวู่ แต่แล้วมันยังไง ทำไมเขาต้องรีบด้วย ?
ตรงจุดนี้แรงกดดันยังไม่แข็งแกร่งมากนัก นอกจากนี้เลือดที่ลอยอยู่รอบ ๆ ก็มีสีทอง !
เมื่อเป่ยเฟิงใช้เคล็ดของเขา ชั้นสีทองก็เปล่งแสงแล้วเข้าปกคลุมเขา การรวมตัวกันของเลือดสีทองเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไรแม้แต่เขาก็ไม่รู้
แต่ที่เขารู้คือเลือดสีทองเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าเลือดสีแดงอย่างน้อย 10 เท่า !
แรงกดดันของเป่ยเฟิงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะยังช้าและดูเหมือนอ่อนแออยู่ แต่มันก็เพิ่มเรื่อย ๆ โดยไม่แม้แต่จะหยุดนิ่งเลยซักนิด !
“อะไรกัน ?”
ทันใดนั้นเป่ยเฟิงก็รู้สึกได้ว่ามีจุดสีม่วงปรากฏขึ้นมากระทันหัน และการปรากฏตัวของมันก็ทำให้เซลล์ทั่วร่างของเป่ยเฟิงราวกับบ้าคลั่ง !
ความปรารถนาระเบิดออกมา เซลล์ทั้งหมดในร่างของมนุษย์นั้นจะส่งสัญชาตญาณบางอย่างออกมาก็ต่อเมื่อร่างกายขาดสารอาหารหรือเซลล์บางอย่างสั่งให้สมองสั่งการว่าต้องการอาหารบางอย่าง
ในเวลานี้ เซลล์ทั้งหมดในร่างของเป่ยเฟิงระเบิดความปรารถนาออกมา และเมื่อพวกมันระเบิดพลังออกมาพร้อมกันก็เกือบทำให้เป่ยเฟิงสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเอง !