สิ่งสำคัญสำหรับผู้ฝึกตนระดับสวรรค์คือรากฐานก่อนหน้านี้ หากมันไม่มั่นคงพอพวกเขาจะหยุดอยู่แค่เพียงขั้นต้นเท่านั้น
การกลั่นแกนภายในก็เหมือนการกลั่นยา คุณภาพของวัตถุดิบก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับคุณภาพของรากฐานผู้ฝึกตน
ปกติแล้วยิ่งวัตถุดิบดีมากแค่ไหน ยาที่กลั่นได้ก็ดีมากขึ้น เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของระดับสวรรค์ ยิ่งรากฐานมั่นคงและดีมากแค่ไหน มันยิ่งส่งผลต่อพลังของพวกเขา !
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ช่องว่างของผู้ฝึกตนระดับสวรรค์แต่ละคนแตกต่างกันมากแม้ว่าจะมีพลังระดับเดียวกัน !
นอกเสียจากผู้ฝึกตนเหล่านั้นจะได้รับทรัพยากรล้ำค่าด้วยความบังเอิญ เขาถึงจะทะยานหน้าต่อไปได้ !
“โฮก !”
เมื่อเป่ยเฟิงกลั่นแกนเสร็จ มังกรที่ยาวกว่า 5 เมตรด้านหลังเขาก็คำรามด้วยความดุร้ายออกมา !
เป่ยเฟิงคอย ๆ เปิดตาและพึมพำกับตัวเอง “ในที่สุดก็มาถึงระดับสวรรค์ซักที ตอนนี้ฉันถือว่าเป็น 1 ในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวดวงนี้ซักที !”
นี้เป็นสิ่งที่เป่ยเฟิงไม่ได้คาดคิดมาก่อน เขาเคยคิดเอาไว้ว่าเขาอาจจะติดอยู่ระดับเซียนเทียนนานกว่านี้เสียอีก
แน่นอนเป่ยเฟิงไม่กล้าบอกว่าเขาแข็งแกร่งที่สุดในโลกเพียงเพราะความแข็งแกร่งในตอนนี้
อย่าลืมว่าหลิงวู่เองก็มีพลังระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน
แต่ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเป่ยเฟิง เขากล้าพูดได้ว่าตัวเองเป็น 1 ใน 10 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก !
ความแตกต่างเรื่องความแข็งแกร่งแม้ว่าจะมีพลังระดับเดียวกันนั้นมีมานานหลายร้อยปีตั้งแต่สัตว์ธรรมดายังไม่รู้จักการฝึกตน ซึ้งส่วนใหญ่แล้วความแตกต่างกันนั้นจะอยู่ที่วิชาต่อสู้ของพวกเขารวมไปถึงรากฐานที่พวกเขาฝึกมา !
เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ของเป่ยเฟิงอยู่ในระดับที่ 2 แล้ว ร่างของเทวรูปมังกรจากที่สูง 4 เมตรตอนนี้ก็สูงกว่า 5 เมตร !
‘อยากรู้จริง ๆ ว่าพลังชั่วร้ายมันมีเจตนาร้ายต่อฉันจริง ๆ หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่เพราะมันละก็ เมื่อกี้ฉันต้องตายแน่ ๆ’
เป่ยเฟิงมองเกราะบนร่างพร้อมกับใบหน้าที่ซับซ้อน
ด้วยความคิด ในไม่ช้าเกราะก็แตกสลายเป็นชิ้น ๆ กลายเป็นหมอกสีดำแล้วลอยหายเข้าไปในร่างของเป่ยเฟิง
ชุดใหม่ปรากฏในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบตัวเอง
‘สถานะของฉันมันหายไปไหน ทำไมมันไม่ขึ้นสถานะให้เห็นแล้ว ?’
เป่ยเฟิงมองหน้าจอสถานะด้วยความสับสน ข้อมูลทั้งหมดที่บ่งบอกสถานะของเขาเช่นพลังจิตระดับ 5 ดาวรวมไปถึงความเร็วและความแข็งแกร่งมันหายไปทั้งหมด สถานะร่างกายของเขาในตอนนี้ถูกสรุปมาเป็นสัญลักษณ์รูปดวงจันทร์ครึ่งดวง
ในขณะเดียวกัน เป่ยเฟิงก็ส่งพลังจิตออกไปรอบ ๆ และเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังจิตขอบเขาครอบคลุมพื้นที่รอบ ๆ ถึง 500 เมตร !
นั่นไม่ใช่ทั้งหมด หินสีดำขนาดเท่ากำปั้นค่อย ๆ ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยพลังจิตของเขา จากนั้นมันก็ลอยพุ่งไปด้านบน !
“ตุ้บ ตุ้บ !”
หินสีดำพุ่งสูงขึ้นไปอีก 1 เมตรก่อนจะหล่นลงบนพื้น
‘นี้มันหมายถึงคนที่มีพลังจิตมากพอที่จะส่งผลต่อโลกแห่งความจริงได้ในระดับหนึ่ง ? ถ้ามันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนอะไรก็ได้ในโลกให้เป็นอาวุธก็ได้’
เป่ยเฟิงหน้าซีดเล็กน้อย การควบคุมหินเมื่อครู่ใช้พลังจิตของเขาไปมาก ! เพียงแค่ครึ่งนาทีแต่ก็ผลาญพลังจิตของเขาไปถึง 70% !
ที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือเป่ยเฟิงเพิ่งนึกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาใช้วิชาลับที่เขาไม่เคยใช้มาก่อนอย่างเช่น กายาผสานหยวน
‘ผสานหยวนมันคือสถานะพิเศษที่เกิดจากกายาผสานหยวน หลังจากเปิดใช้งานมันจะทำให้สถานะในร่างกายทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในเวลา 10 นาที หลังจากนั้นก็จะไม่สามารถใช้มันได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ข้อเสียของมันคือความแข็งแกร่งและความสามารถทั้งหมดของร่างกายจะลดลงครึ่งหนึ่งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้มันยังต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการดูดซับเพื่อใช้งาน’
เป่ยเฟิงไม่เคยใช้วิชาลับแบบนี้เลยซักครั้งตั้งแต่ได้เรียนรู้ไป เนื่องจากค่าสถานะที่ได้หลังจากนั้นมันอ่อนแอเกินไป หากไม่อยู่ในสถานะจวนตัวจริง ๆ เขาก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้
แม้ว่าผลเสียของมันจะเด่นชัดมาก แต่ถือได้ว่ากายาผสานหยวนมันคือไพ่ลับใบสุดท้ายของเขา !
หลังจากที่ได้ใช้มันจะทำให้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 10 นาทีแต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียทุกอย่างไปถึงครึ่งหนึ่งหลังจากผ่านไป 10 นาที
ถึงแม้มันจะไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่ง 3-4 เท่า แต่เพียงแค่ 2 เท่ามันก็น่ากลัวมากแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงอย่างเดียวก็สามารถสู้ระดับสวรรค์คนหนึ่งได้สบาย ๆ ! จะเกิดอะไรขึ้นหากใช้มัน เพียงแค่ 10 นาทีนั่นหมายถึงการตัดสินเป็นตายกับอีกฝ่ายยังไงล่ะ !
ด้วยพลังจิตในปัจจุบันของเขา เป่ยเฟิงไม่ได้รับแรงกดดันจากมังกรอีกต่อไป เขาเดินไปข้างหน้าราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน ในไม่ช้าเป่ยเฟิงก็เดินมาตรงโซ่ขังมังกร
‘หืม ? มันไม่ใช่ของจริง แต่เป็นภาพลวงตา ?’
ทันทีที่เป่ยเฟิงยื่นมือออกไปคว้าโซ่ ทันใดนั้นมือของเขาก็พุ่งทะลุโซ่ขังมังกรไป เขาหันไปมองโซ่และยังคงเห็นว่ามันยังคงอยู่ตรงหน้าแท่นหยกเหมือนเดิม
‘เดี๋ยวนะ ! ถ้าโซ่นี้เป็นของจริงแล้วทำไมมันถึงหยิบขึ้นมาไม่ได้ มันหมายความว่ายังไงกัน ?’
เป่ยเฟิงยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะหยกแล้วยืนคิด
ภาพลวงตาที่เป็นโซ่ขังมังกรไม่ได้ยาวนัก มีตัวอักษรแปลกประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนกระพริบอยู่บนผิวของโซ่ นอกจากนี้ยังมีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ภายในโซ่
พลังจิตของเป่ยเฟิงค่อย ๆ ปกคลุมมือของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปอีกครั้งและคราวนี้เขาก็คว้ามันได้จริง ๆ !
เขาค่อย ๆ ดึงโซ่ออกมา โซ่เชื่อมกันถึง 36 ตัวและแต่ละตัวเชื่อมก็เล็กมาก นอกจากนี้มันยังดูลึกลับมากเช่นกัน
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็หันไปมองมังกรที่อยู่บนแท่นอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินจากไป เขาไม่มีความคิดที่จะขยับมันแม้แต่น้อย
หลังจากเป่ยเฟิงได้เดินจากไป ทันใดนั้นแท่นหยกขาวก็เกิดรอยแยกขึ้น หลังจากนั้นมังกรตัวใหญ่ที่อยู่บนแท่นหยกก็ค่อย ๆ ล่วงลงเข้าไปในรอยแยกใต้แท่นหยกขาว
“ตุ้บ !”
เสียงแดกดังขึ้นพร้อมกับมังกรที่แตกออกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นราวกับเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ถ้ำทั้งถ้ำก็สั่นอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น ?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ถ้ำกำลังถล่มงั้นรึ ?”
ตาของหลิงวู่เบิกกว้าง ไม่ว่าจะคิดยังไงเขาก็รู้สึกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของถ้ำนั่นเกี่ยวกับเป่ยเฟิง
“ไปกันเถอะ เราได้โซ่ขังมังกรมาแล้ว !”
เป่ยเฟิงรีบวิ่งออกจากถ้ำทันที ถึงแม้ว่าเขาจะรีบวิ่งแล้วแต่ก็เร็วกว่าคนปกติเพียงเล็กน้อย
เมื่อพวกเขาเห็นถ้ำสั่นสะเทือนและมีก้อนหินจำนวนมากล่วงหล่นลงมา ทั้ง 3 ก็รีบวิ่งไปที่ทางออกทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใด
เมื่อพวกเขาไปถึงทางออก ฝุ่นและก้อนหินจำนวนมากก็ถล่มอยู่ด้านหลังและปิดกั้นทางที่พวกเขาเพิ่งจากมา
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว ไปกันเถอะ”
เมื่อได้เห็นโซ่ขังมังกรในมือเป่ยเฟิง หลิงวู่และหยานลั่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะวิ่งต่อไป
แรงสั่นสะเทือนค่อย ๆ มาถึงตรงที่พวกเขายืนอยู่ นอกจากนี้ลาวาด้านบนก็เริ่มสั่นสะเทือน ดูเหมือนค่ายกลเริ่มจะพังทลายแล้ว !
“แกร๊ก !”
เสียงแตกดังขึ้นและทุกคนก็หันขึ้นไปมอง ชั้นของคลื่นที่คอยกั้นลาวาอยู่ค่อย ๆ ปรากฏรอยแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ