อุกกาบาตขนาดใหญ่เริ่มเผยรอยแตกและเผยให้เห็นดวงดาวคริสตัลที่ใสเกลี้ยงที่อยู่ด้านใน !
ปริมาณพลังดวงดาวในหินอุกกาบาตมันมีมหาศาจจนอธิบายได้เพียงว่าน่ากลัวเกินไป อุกกาบาตทั้งหมดราวกับถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังดวงดาว แม้ว่ามันจะมีขนาดใหญ่เท่าบ้าน แต่พลังที่อยู่ข้างในมันกลับมหาศาลจนไม่น่าจะเข้ากับขนาดของมัน
การจะหาหินแบบนี้อีกก้อนในโลกคงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้หินลูกนี้ยังตกลงมาจากอวกาศเมื่อหลายร้อยปีก่อนจากนั้นจึงถูกฝังลงไว้ที่นี่
ความเร็วในการดูดกลืนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในไม่ช้าผมสีขาวเหมือนหิมะของเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ เปล่งแสงสีแดงออกมา
ภายในจุดรูรับแสงหลัก พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะท้านราวกับไม่สามารถแบกรับพลังงานจำนวนมากที่ไหลไปยังดอกบัวได้อีกต่อไป
“ฟุ่บ !”
เสียงเบา ๆ ตามมาด้วยมือหยกขาวที่พุ่งออกมาจากด้านในของดอกบัว หลังจากนั้นสาวน้อยที่สวมชุดสีเขียวอ่อนก็เดินออกมา สัญลักษณ์รูปดอกบัวสีแดงสามารถมองเห็นได้จากชุดของเธอ
ส่วนหัวของเธอเป็นดอกบัว มันราวกับสาวน้อยคนนี้อยู่ในขั้นที่ 2 ของการเป็นเทพธิดาแห่งดวงดาว !
เทพธิดาแห่งดวงดาวยกมือขึ้นและชี้ไปยังโลกภายนอก หลังจากนั้นนิ้วเธอก็ปรากฏออกมาก่อนจะจิ้มลงที่คริสตัลอุกกาบาตสีแดงเข้ม หลังจากนั้นพลังทั้งหมดในคริสตัลก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง นิ้วมือของเธอราวกับตัวทำลายเขื่อนที่กั้นพลังงานเอาไว้ พลังมหาศาลที่ไร้จุดสิ้นสุดไหลเข้ามาในนิ้วเธออย่างรวดเร็ว !
ดอกบัวเล็ก ๆ บนหัวของเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงจนดูคล้ายกับมนุษย์ ในเวลาเดียวกันสีของคริสตัลสีแดงก็เริ่มสลัวและหม่อหมองลง
“ฟิ้วว ฟิ้ว !”
สายลมอันอ่อนโยนดังขึ้น
เทพธิดาแห่งดวงดาวยืนอยู่ตรงกลางจุดรูรับแสงพลังงานดวงดาว สถานที่แห่งนี้มีเพียงเธอเพียงคนเดียว !
“ฟู้ม !”
ใบหน้าของเทพธิดาแห่งดวงดาวกระพริบไปมาระหว่างมนุษย์และดอกบัว จากนั้นก็มีหมอกสีชมพูระเบิดขึ้นกระจายตัวออกมาก่อนจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ในไม่ช้าหัวของหญิงสาวก็ปรากฏบนใบหน้าของเทพธิดาแห่งดวงดาวที่เหมือนมนุษย์ ผ้าคลุมหน้าที่มีลายดอกบัวได้ปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้ทำให้เธอดูลึกลับและน่าค้นหาอย่างมาก
หยดเลือดจากจิตวิญญาณแห่งสายเลือดของบอสงูเหลือมเริ่มสั่นสะท้านจากนั้นก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นหยดเลือดมังกรวารี
“หืม ? นี้คือการตอบสนองต่อเทพธิดาแห่งดวงดาว ?”
เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของจิตวิญญาณแห่งสายเลือด ด้วยความคิด จิตวิญญาณแห่งสายเลือดที่อยู่ในแหวนมิติของเขาก็ได้ปรากฏในมือ
“แตะ แตะ !”
เขาสะบัดนิ้วมือจากนั้นขวดหยดที่เก็บจิตวิญญาณแห่งสายเลือดเอาไว้ก็แตกออก จากนั้นจิตวิญญาณแห่งสายเลือดก็ไหลเข้าไปในจุดรูรับแสงหลัก !
ยังคงมีเศษพลังดวงดาวจำนวนมากหลงเหลือเอาไว้ แต่เทพธิดาแห่งดวงดาวได้ดูดซับมันจนถึงขีดจำกัดจนไม่สามารถดูดซับได้อีกต่อไป เมื่อจิตวิญญาณแห่งสายเลือดเข้ามายังจุดรูรับแสงหลักแล้ว พลังจำนวนมากก็พุ่งไปหามันทันที !
จิตวิญญาณแห่งสายเลือดที่เป็นมังกรวารีในตอนนี้ยาวเพียง 10 ชุน และภายใต้การดูดซับพลังงานจำนวนมากมันก็ทำให้ตัวมันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ราวกับอีกไม่นานมังกรวารีตัวนี้จะสามารถสร้างร่างกายของตัวเองขึ้นมาได้ !
เมื่อพลังดวงดาวหมดลง มังกรวารีก็มีขนาดยาวกว่า 2 เมตร และบินวนเวียนล้อมรอบเทพธิดาแห่งดวงดาวพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันของมังกรออกมา
ในไม่ช้าพลังงานดวงดาวธาตุไฟในจุดรูรับแสงของเขาก็หายไป จากนั้นจิตวิญญาณของเขาก็ปรากฏจุดรูรับแสงจุดใหม่ !
ตอนนี้จุดรูรับแสงที่ขึ้นชื่อว่าเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ได้หลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณของเขาแล้ว แต่ราวกับพวกมันตอบสนองกันและกัน จุดรูรับแสงที่ได้หลอมรวมเข้ากับดวงวิญญาณของเขาสดใสขึ้นมากกว่าเดิม นอกจากนี้มันยังเสริมพลังให้กับเป่ยเฟิงได้มากขึ้น !
“ได้ยังไงกัน เคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวมันไม่น่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ หรือว่าระบบมันประเมินผิดพลาดกัน ?”
เป่ยเฟิงสับสน เคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวมันส่งผลลัพธ์ต่อจิตวิญญาณมากที่สุด เคล็ดที่ทรงพลังขนาดนี้ทำไมมันถึงถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับต่ำ ?
เคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวมันควรจะอยู่ในระดับดวงดาวหรือไม่ก็ระดับจันทรา มันไม่ควรถูกจัดอยู่ในระดับต่ำขนาดนี้ !
สิ่งที่เป่ยเฟิงไม่รู้คือเมื่อระบบทำการประเมินเบื้องตัน มันจะประเมินเพียงขั้นแรกที่เทพเจ้าแห่งดวงดาวจะกำเนิดขึ้นมาได้เท่านั้น สำหรับขั้นที่ 3 ที่เทพเจ้าแห่งดวงดาวจะแปลงร่างเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์มันถูกประเมินว่าไม่มีทางเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ได้
เป่ยเฟิงถอนพลังจิตของเขาออกมา ร่างกายของเขาเริ่มสั่นและแรงกดดันของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น ดูเหมือนผลข้างเคียงจากวิชาลับกายาผสานหยวนจะหายไปหมดแล้ว
“มันผ่านมากี่วันแล้ว ?”
แรงกดดันของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้นในพริบตา แม้ว่าผลข้างเคียงจะหายไปแต่ร่างกายของเขาก็ยังคงต้องการอาหารและหลิงฉีที่เพียงพอในการฟื้นฟูอยู่ดี
เป่ยเฟิงมัวแต่เฝ้ามองเทพธิดาแห่งดวงดาวแล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปหาอาหารที่เต็มไปด้วยพลังงานกินได้ ? ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ขึ้นอยู่กับเวลาที่มันจะฟื้นตัวได้สมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกหิวมาก
“แกร๊ก !”
ในขณะเดียวกันอุกกาบาตข้าง ๆ เขาตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีเทาขาวแล้ว มีรอยแตกจำนวนมากปรากฏบนผิวของมัน หลังจากนั้นมันก็แตกออกเป็นชิ้น ๆ กลายเป็นฝุ่งผงไป
รากต้นไม้ยาวกว่า 10 เมตรหล่นลงมาจากฝุ่งผง ส่วนของรากนี้แห้งเหี่ยวและดูเหมือนจะเสียพลังงานชีวิตไปนานแล้ว ดูแล้วเถาวัลพันดาราน่าจะเติบโตขึ้นจากที่นี่
เป่ยเฟิงเอื้อมมือออกไปและคว้าอากาศดึงรากที่เหี่ยวเข้ามา แม้ว่ารากมันจะแห้งเหี่ยวไปแล้วแต่มันก็ไม่เบาแม้แต่น้อย ส่วนของรากมันไม่ได้มีสีขาวเทาหรือสีแดงเข้ม แต่มันเป็นสีทองเข้มและมีน้ำหนักเท่ากับเหล็ก !
แม้ว่ารากจะดูเหมือนไร้ชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงเก็บมันไว้ในแหวนมิติของเขา
นอกจากนี้ยังมีใบดาบสีเงินขาวขนาดใหญ่เท่าฝ่ามืออีก มันคมมากจนเพียงแค่มองก็รู้สึกแสบตา !
ระบบไม่ได้แจ้งเตือนใด ๆ เมื่อเขาเก็บเศษดาบเหมือนตอนเก็บรากเถาวัลพันดารา
เป่ยเฟิงมองไปที่แผลลึกบนฝ่ามือด้วยความตกใจ เขาคิดว่าเขาทนต่อแรงคมของเศษใบดาบได้ แต่กลับเป็นเขาประเมินมันต่ำเกินไป แม้ว่าเขาจะห่อหุ้มฉีไว้รอบ ๆ ฝ่ามือแต่มันก็ยังได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
“มันเป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วนของอาวุธ มันน่าจะไม่มีใครใช้มันได้ อยากรู้จริง ๆ ถ้าอาวุธชิ้นนี้มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์มันจะทรงพลังแค่ไหน !”
เป่ยเฟิงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าอาวุธที่น่ากลัวขนาดนี้จะมีรูปร่างแบบใด อาวุธนี้ต้องบอกเลยว่ามันสามารถสั่นสะเทือนสวรรค์ได้ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ! หากคิดไปในทางที่ดี เจ้าของอาวุธชิ้นนี้ต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังและห่างไกลจากตัวเขาอย่างมาก เมื่อนึกได้ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าตัวเองไร้พลังแค่ไหน
หลังจากนั้นเขาก็เก็บเศษอาวุธเข้าไปในแหวน และมองไปยังเลือดที่ยังคงไหลออกมาจากฝ่ามือพร้อมกับขมวดคิ้ว
พลังที่คมมากยังคงหลงเหลืออยู่ทำให้บาดแผลไม่มีทางสมานตัวกันได้ บริเวณรอบ ๆ บาดแผลเองก็ราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงอยู่ !
เป่ยเฟิงส่งคลื่นพลังเลือดและพลังฉีไปที่ฝ่ามือ แต่เมื่อเลือดและพลังฉีของเขาไปถึงมันก็ถูกฉีกกระชากโดยพลังที่เต็มไปด้วยความคม !
หากเลือดและฉีของเป่ยเฟิงเปรียบเทียบกับกองทัพ พลังความคมนี้ก็เหมือนกับทหารที่ใช้อาวุธสมัยใหม่ล่าสุดอยู่ !
แม้ว่ามันจะมีปริมาณเล็กน้อยแต่มันก็สามารถทำลายเลือดและพลังฉีของเป่ยเฟิงได้สบาย ๆ !
“เพ้ง !”
ฝ่ามือของเป่ยเฟิงระเบิดขึ้น ฝ่ามือของเขาในตอนนี้ไม่สามารถทนการปะทะกันของพลังงานทั้ง 2 ได้ทำให้มันดูน่ากลัวมาก กระดูกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็นออกมาจากมือของเขา !
หากมันบาดเจ็บแค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาเพียงปิดผนึกเลือดและฉีเพื่อไม่ให้เลือดในฝ่ามือไหลออกไปก็จบ แต่ทว่าบาดแผลมันราวกับมีพลังบางอย่างทำให้เลือดและฉีไม่สามารถครอบคลุมบาดแผลได้
“ถ้าฉันต้องตายด้วยดาบหักโง่ ๆ นี้ มันคงน่าตลกสิ้นดี ….”
ความคิดนี้กระพริบผ่านหัวของเป่ยเฟิง ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เลือดและฉีของเขายังคงไหลไปที่บาดแผลอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็เสียเลือดและฉีไปถึง 1 % !
นี่เป็นจำนวนที่น่าตกใจอย่างมากสำหรับเป่ยเฟิง นี่เป็นผลที่เกิดจากการสัมผัสใบมีดโดยไม่ระวัง หากเขาถูกมันฟันเข้าตรง ๆ ละก็ … เป่ยเฟิงรู้สึกหนาวกระดูกสันหลังเมื่อคิดถึงมัน ในเวลาเดียวกันนอกเหนือจากการตัดแขนที่บาดเจ็บแล้วเขาคงไม่สามารถหาวิธีอื่นมาแก้ได้
เป่ยเฟิงหยิบผล 9 ดาราออกมาโดยไม่ลังเล ใช้พลังเพียงเล็กน้อยเปลือกหินก็ถูกปอกออกจนหมดและเผยให้เห็นเนื้อที่เหมือนคริสตัลของมัน !
กลิ่นหอมที่ชวนทำให้น้ำลายไหลลอออกมา เป่ยเฟิงไม่ลังเลอีกต่อไป เขากัดมันหนึ่งคำจากนั้นก็กลืนมันเข้าปากทันที
ผลไม้เต็มไปด้วยเนื้อและน้ำ เนื้อของมันราวกับเนื้ออสูรชั้นยอด นอกจากความเหนียวนุ่มแล้วมันยังมีรสขมจาง ๆ ราวกับน้ำฝนในหน่อไม้
หลังจากกลืนลงไปในคอหลายคำ เป่ยเฟิงรู้สึกดีขึ้นมาก ร่างกายของเขาเบาขึ้นและกำลังส่องสว่างสีแดงออกมา จากภายนอกจะมองเห็นได้ว่ามีพลังงานจำนวนมากไหลผ่านใต้ผิวหนังของเป่ยเฟิง !
ปริมาณเลือดฉีที่บริสุทธิ์ถูกปลดปล่อยออกมาจากผลไม้อย่างต่อเรื่อง เป่ยเฟิงทำเพียงหมุนเวียนพลังภายในร่างเพื่อดูดซับมันเท่านั้น
คลื่นพลังอันทรงพลังไหลเข้าไปที่บาดแผลบนมือ จากนั้นมันก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังความคมอีกครั้งและอีกครั้ง !
“นี้มัน… เลือดและพลังฉีของฉันในตอนนี้เหมือนจะเติมเต็มส่วนที่หายไปแล้ว แต่เมื่อเอาไปเทียบกับพลังความคมนี้มันก็ยังคงอ่อนด้อยกว่า ดูเหมือนความแข็งแกร่งของฉันจะอ่อนแอเกินไปอยู่ดี !”
หลังจากล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป่ยเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงล้มเหลว ผลของผล 9 ดาราไม่เพียงแต่ยกระดับเลือดและฉีให้ดียิ่งขึ้น แต่มันยังยกระดับพลังจิตและพลังวิญญาณอีกด้วย ! เมื่อพลังงานไหลไปทั่วร่างมันก็ทำให้เขารู้สึกเย็นสบายและทำให้สติของเขาแจ่มใสขึ้นจากนั้นในไม่ช้ามันก็ทำให้เขาราวกับรู้แจ้ง !
พลังความคิดมันมีเจตจำนงของมันเอง มันมีความปรารถนาของตัวมันเองนั่นก็คือการเชือดเฉือนทุกสรรพสิ่ง ! มันคือการกำราบทุกอย่างที่เข้ามา !
แม้ว่าพลังภายในร่างของเป่ยเฟิงจะมีมหาศาล แต่มันกลับไม่มีความตั้งใจทำให้มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังความคมนี้ !
หากเทียบพลังทั้ง 2 ก็เหมือนคนหนึ่งที่ผ่านการฝึกทหารอย่างเข้มงวด ในขณะที่อีกคนเป็นเพียงเกษตรกรไร้เดียงสาและไม่เคยจับอาวุธใด ๆ เขาเพียงใช้แต่พละกำลังเท่านั้น เมื่อเอาทั้งคู่มาจับคู่ต่อสู้กันผลของมันย่อมแสดงออกมาได้ชัดเจน !
เป่ยเฟิงสงบความคิดทุกอย่างและหยุดให้ความสนใจกับมือที่มีเลือดไหล ในไม่ช้าประกายความปรารถนาก็กระพริบขึ้นมาในใจของเขา !
“อะไรคือความต้องการของฉันกับพลังวิญญาณของฉัน ?”
เป่ยเฟิงตั้งคำถามกับตัวเอง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเขาค่อย ๆ ปรากฏในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา
ทะเลแห่งจิตสำนึกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเขตหวงห้ามแห่งพระเจ้า มันมีความลับจำนวนมากที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ในนั้น ในขณะเดียวกันทะเลจิตสำนึกของเป่ยเฟิงมันกลับปรากฏตัวของเป่ยเฟิงเอง รอบ ๆ ตัวเขามันมีสีดำทั้งหมด ส่วนตัวเขาเองกำลังนั่งไขว้ข้างอยู่ แสงสีขาวจาง ๆ แผ่กระจายออกมาจากร่างเล็ก ๆ พร้อมกับเสียงพึมพำบางอย่างที่ดังออกมาตลอดเวลา