ทั้ง 2 ตัวทำหน้าโง่ ๆ ที่ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เป่ยเฟิงยังคงเฝ้ามองพวกมันที่จะกลืนกินแกนภายในของสัตว์อสูรไป
หลังจากที่พวกมันกินเข้าไปแล้ว พวกมันก็เต้นไปรอบ ๆ เป่ยเฟิงอย่างตื่นต้น บริเวณรอบ ๆ แถวนี้ไม่ใช่พื้นที่กว้างขวางนัก ในไม่ช้าพวกมันก็ล้มลงเพราะกระโดดโลดเต้นจนเกินเหตุ
เป่ยเฟิงส่ายหัวไร้คำพูด จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเคาะหน้าผากพวกมัน
“แง๊ว !”
“โฮก !”
ราชาเสือค่อย ๆ ขยับลื้นและและพยายามจะเลียเป่ยเฟิง
หมีใหญ่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยายามทำแบบเดียวกัน
มุมปากของเป่ยเฟิงกระตุกเบา ๆ เมื่อเห็นลิ้นใหญ่ ๆ ที่กำลังพุ่งมาที่หน้าเขา ทั้งสองตัวมันไม่คิดว่ามีน้ำลายมากไปหรือยังไง ? ถ้าเขาโดนเลียด้วยลิ้นที่เต็มไปด้วยน้ำลายของพวกมันไม่เท่ากับเขาได้ลงไปแช่อ่างน้ำที่เต็มไปดวยน้ำลายงั้นหรือ ? เป่ยเฟิงไม่ลังเล เขาสร้างพลังป้องกันการเลียของพวกมันทันที
สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 มองหน้ากันด้วยความสับสน เป่ยเฟิงอยู่ตรงหน้าพวกมัน แต่ลิ้นของพวกมันทำไมถึงไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ ?
เมื่อเห็นดังนั้น พวกมันก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น พวกมันพยายามลุกขึ้นและเลียเป่ยเฟิงอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานพลังงานจากแกนภายในก็เริ่มระเบิดขึ้น สัตว์อสูรทั้ง 2 ก็เริ่มอ่อนแรงลงจากนั้นพวกมันก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
หมอกจำนวนมากค่อย ๆ ปรากฏออกมาก่อนจะครอบคลุมพวกมัน
เป่ยเฟิงคว้าพวกมันขึ้นมาแล้วกระโดดลงจากภูเขา
“เปิด !”
พลังงานเลือดและฉีของเป่ยเฟิงพุ่งขึ้นฟ้าจากนั้นด้านหลังเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับพร้อมกับการปรากฏตัวของปีกอินทรี ปีกมันกว้างกว่า 2-300 เมตร ร่างของเป่ยเฟิงในตอนนี้ปกคลุมไปด้วยพายุลูกเล็ก ๆ พร้อมกับเสียงกระพือปีกที่ดังสนั่นไปทั่วภูเขาหมี !
“ตุบ !”
“บูม !”
ก้อนหินที่อยู่ด้านหน้าไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ปีกที่คมอย่างมากหั่นมันทิ้งอย่างง่ายดายจากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่ก็แยกเป็น 2 ส่วนแล้วหล่นลงไปที่ต้นไม้
มีหลุมขนาดใหญ่ลึกกว่า 100 เมตรปรากฏบนพื้นด้วยพลังหมัดของเป่ยเฟิง
จากนั้นเขาก็วางสัตว์ตัวน้อย [?] ทั้ง 2 ลงเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่เขาสร้างเอาไว้ หลังจากนั้นก็หาก้อนหินขนาดใหญ่มาปิดถ้ำเอาไว้โดยหลงเหลือช่องว่างครึ่งเมตรเพื่อให้พวกมันได้หายใจได้
หลังจากที่กินแกนภายในของสัตว์อสูรลงไปแล้ว มันสามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกมันทั้ง 2 ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่นอน ในเวลานี้พวกมันได้หมดสติไปแล้ว และเป่ยเฟิงเองก็กังวลว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มาทำอันตรายกับพวกมันได้ในตอนที่พวกมันอ่อนแออยู่
ก้อนหินขนาดใหญ่ดูหนักมาก มันก็ใช้ในการบดบังทางเข้าถ้ำได้ เมื่อพวกมันตื่นขึ้นมาพวกมันน่าจะผลักก้อนหินออกไปได้ง่าย ๆ
สุดท้ายเป่ยเฟิงก็หันหลังเดินจากไป ขีดจำกัดของเวลา 10 ปีมันใกล้เข้ามาแล้ว
ในไม่ช้าทั้งกลุ่มก็รีบเดินทางหายไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
***
ในขณะเดียวกันทุกประเทศเต็มไปด้วยความไม่สงบ ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังในโบราณและมนุษย์ยุคใหม่ปรากฏตัวจำนวนมาก
โดยเฉพาะพวกที่เป็นครึ่งปีศาจ ความเสียหายที่พวกมันก่อขึ้นนั้นหนักหนามาก มันถึงขั้นทำให้พวกวาติกันต้องออกโรงอีกครั้ง พวกเขาต้องบินไปทั่วโลกเพื่อสยบเหตุการณ์ความวุ่นวายในตอนนี้ !
หลายปีที่ผ่านมาพวกวาติกันไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่ท้ายที่สุดอูฐที่หิวโหยก็ยังใหญ่กว่าม้า !
ภายในคืนเดียวพวกเขาได้ส่งคาวาเลียส 10 คนและบิช็อปชุดแดงอีก 10 คนออกมา พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของพวกแวมไพร์จากนั้นก็กวาดล้างพวกมันไปกว่า 80 % ในที่ตั้งของพวกแวมไพร์ !
นี่มันน่าตกใจมาก นี้คือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ถึง 20 คน ! และนั่นเป็นเพียงผิวเผินที่วาติกันแสดงให้เห็น ไม่มีใครสามารถคาดคิดได้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงพวกเขามีมากแค่ไหน !
“พวกวาติกันนี้น่ากลัวจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พวกอเมริกาทำได้แค่ข่มขู่พวกเขาด้วยคำพูดแต่ไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้ เท่าที่ฉันคิด ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาดูเหมือนยังเผยออกมาไม่ถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำ”
“พวกครึ่งปีศาจเติบโตมาด้วยความสบายมากเกินไป พวกมันคิดว่าพวกวาติกันไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ แต่สุดท้ายพวกมันก็ถูกพวกวาติกันตบหน้าในที่สุด ไม่ใช่พวกวาติกันอ่อนแอลง แต่เพียงเพราะพวกเขาไม่อยากจะกำจัดพวกครึ่งปีศาจเสียมากกว่า !”
กองกำลังทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับความไม่สงบในทุกที่ แน่นอนว่าความจริงถูกเปิดเผยให้กับกลุ่มคนเล็กน้อยเท่านั้น คนส่วนใหญ่จะไม่รู้อะไรเลย และสิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือการข่าวเรื่องการก่อการร้ายในช่วงสิ้นปี
รัฐบาลทุกประเทศรู้สึกหงุดหงิดกับความไม่สงบของพวกโลกแห่งการต่อสู้ ในขณะเดียวกันพวกเขาได้แต่ขับไล่ให้เรื่องเหล่านี้ให้กับผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์จัดการ ตอนนี้ทุกประเทศกำลังกัดฟันและบ่นไม่หยุดโดยหวังว่าผู้เชี่ยวชาญพวกนี้จะไปสู้กันที่อื่นที่ไม่ใช่ประเทศของพวกเขา
ผู้ฝึกตนของญี่ปุ่นเองก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือผู้ที่ต้องการออกไปต่อสู้เพื่อช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในขณะนี้ ส่วนอีกด้านคือพวกที่คิดว่าเป็นโอกาศที่ดีที่พวกเขาจะได้ครองโลกเนื่องจากสมดุลในตอนนี้ได้ถูกทำลายลง พวกเขาปฏิเสธที่จะออกไปสู้พร้อมกับคนอื่น
การต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ทำให้ตัวตนอันเก่าแก่ออกมาและพวกเขาก็เข้าข้างพวกที่ไม่ต้องการออกไป ตัวตนอันเก่าแก่นี้คือผู้ที่มีอายุมายาวนานมากกว่า 2 ชั่วอายุคน !
ด้วยความสามารถของเขาเพียงคนเดียว เขาได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ไปถึง 7 คนและเขาถูกโหวตให้กลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศและในไม่ช้าเขาก็เป็นคนที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ในประเทศมาอยู่กับตนเอง
เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ตัวตนอันเก่าแก่และมีชื่อเสียงจำนวนมากที่คิดว่าตายไปแล้วได้ปรากฏตัวขึ้นและเข้าร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย
ในประเทศไทย เสียงร้องของช้างดังขึ้นในวัด เสียงมันดังออกไปไกลกว่า 100 ลี้ คนจำนวนมากมองเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดด้วยตัวเอง พวกเขาเห็นช้างสีทองเข้มสูงกว่า 100 เมตรปรากฏบนท้องฟ้า !
ในอินเดียในวัดขนาดเล็ก ที่ไม่ค่อยมีคนมา ในบ่ายวันนี้ระฆังทั้งหมดในวัดได้ดังพร้อมกัน !
ไม่รู้ว่าลำแสงสีทองปรากฏออกมาจากบนฟ้าหรือใต้ดิน แต่มันได้ครอบคลุมวัดทำให้ทั้งตัววัดถูกห่อหุ้มด้วยลำแสงสีทอง !
ภายในวัดมีเจดีย์หินที่สูงกว่า 300 เมตร มันเป็นสถานที่ที่เก็บมัมมี่ทองคำเอาไว้ กลุ่มของพระสงฆ์จำนวนมากมองด้วยความตกใจ พวกเขาเห็นเจดีย์หินแตกสลายพร้อมกับมีพระสงฆ์ที่ดูแก่ชราเดินออกมา ร่างของเขาเต็มไปด้วยลำแสงสีทอง !
ในมหาสมุทรที่ใดที่หนึ่ง ครึ่งมังกรครึ่งงูที่ยาวกว่าพันจางโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำก่อนจะคำรามไปก้องท้องฟ้า !
นกนางนวลจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นกลางอากาศทำให้เกิดหมอกเลือดจำนวนมาก
ในประเทศจีน ในตระกูลขนาดใหญ่หลายตระกูลที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ พวกเขาได้เอาสมบัติของตระกูลกว่า 2 ใน 3 ของทรัพย์สินตระกูลทั้งหมดมอบให้กับพวกรัฐบาล 2 ใน 3 ที่ว่านี้คือสมบัติจำนวนมหาศาลที่ใครเห็นต้องมองตาเป็นมัน !
ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะมอบให้พวกเขา หลังจากที่พวกเขาได้ออกไปจากโลกใบนี้มันจะทำให้ตระกูลของพวกเขาอ่อนแอลงอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงมอบหมายงานและธุรกิจหลายอย่างให้กับคนรุ่นหลังและวางแผนอนาคตบางอย่างไว้ให้พวกเขา นอกจากนี้ยังมีคนกว่าแสนคนที่ต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเขาอีก … ]
ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์มีชีวิตมายาวนานและพวกเขาก็รู้ดีว่าความตายน่ากลัวแค่ไหน ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางยอมให้ลูกหลานของพวกเขาได้ตกอับเป็นอันขาด ดังนั้นพวกเขาจึงได้ปูทางเผื่อเอาไว้ในกรณีที่พวกเขาได้รับอันตรายจากภายนอก
ส่วนเป่ยเฟิงเองก็กำลังนั่งอยู่ในบ้านเขาสบาย ๆ ดูดอกท้อที่พริ้วไหวไปตามสายลม
“แซก แซก แซก”
ไกลออกไป มีเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำบินมายังภูเขาก่อนจะลอยอยู่เหนืออากาศกว่าร้อยเมตร จากนั้นก็มีคน 2 คนก้าวออกมาแล้วเดินลงไปในอากาศ ทั้ง 2 คนคือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ !
เป่ยเฟิงเงยหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร เขากวาดมือออกไปจากนั้นโต๊ะหินพร้อมชุดน้ำชาก็ปรากฏขึ้น
แน่นอนว่าความวุ่นวายนี้ไม่สามารถหลบหนีการรับรู้ของคนอื่น ๆ ได้ เมื่อไป๋เซียงเงยหน้าขึ้นไปมอง ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความแปลกใจราวกับไม่แน่ใจว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“หืม ? เกิดอะไรขึ้น ?”
แน่นหัวคำรามขึ้นพร้อมกับสอนให้อีก 2 หัวข้าง ๆ มันหัดยืดอกเงยหน้าซะบ้าง จากนั้นมันก็หันไปมองไป๋เซียง
“นั่นคือตระกูลของเจ้านาย พวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งด้วย”
ไป๋เซียงไม่รู้จะพูดอะไร คนที่มาในครั้งนี้คือฉินวูฟ่าและฉินวูรง ! ในความทรงจำของเขาทั้งคู่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งมาก นอกจากนี้ฉินวูฟ่ายังทิ้งความประทับใจบางอย่างไว้ให้กับไป๋เซียงที่บ้านหลังเก่าไว้ด้วย ไป๋เซียงยังจำได้ดีว่าเขาเคยจำลูกชายผิดคนมาแล้ว …
“น่าเบื่อจริง”
แน่นหัวพึมพำจากนั้นก็วิ่งออกไป ส่วนไป๋เซียงและลึกลับที่ 1 ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ
ในขณะที่ร่างทั้ง 2 กระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์ก็หันซ้ายก่อนจะบินลงไปจอดบริเวณใกล้เคียง
ฉินวูรงมองไปที่เป่ยเฟิงพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ เขายังจำได้ดีว่าเด็กคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนในตอนที่เจอกันที่บ่อน้ำขังมังกรครั้งล่าสุด และในตอนนี้กลุ่มของเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์รวมไปถึงตัวเขาเป็น 4 คน !
เมื่อเขากลับไปที่ตระกูล ฉินวูฟ่าก็ถอนหายใจก่อนจะบอกเขาตรง ๆ ว่าเด็กคนนั้นเป็นคนของตระกูลฉิน และเป็นลูกชายของเขา !
ในเวลานั้นใบหน้าของฉินวูรงแข็งค้างราวกับไก่ไม้ ในที่สุดเขาก็รีบลากฉินวูฟ่ามาเจอกับเป่ยเฟิงเพื่อนำตัวเขาไปทำความเคารพบรรพบุรุษที่ตระกูล !
กลุ่มของเด็กคนนี้มีทั้งหมด 4 คน และทั้ง 4 ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ ! อีก 3 คนเห็นได้ชัดว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นหากเป่ยเฟิงกลับไปที่ตระกูลฉิน พลังตระกูลของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากขึ้นทันทีเนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ถึง 6 คนหนุนหลัง !
ในเวลานั้นนอกเหนือจากภูเขาคุนหลุนแล้ว ตระกูลฉินถือว่าเป็นนายเหนือหัวของทั้งประเทศ !
“นั่งสิ”
เป่ยเฟิงพูดเบา ๆ เขายังคงใช้ใบชาป่าที่เขาเลือกมาจากภูเขาฉิงหลิงเหมือนเดิม
“เรามาที่นี่เพื่อพาเจ้ากลับไปที่ตระกูลเพื่อไปทำความเคารพท่านบรรพบุรุษ”
ฉินวูรงส่ายหัวเมื่อเห็นว่าฉินวูฟ่าทำเพียงนั่งอยู่กับที่โดยไม่พูดอะไร
“กึก กึก”
เป่ยเฟิงไม่ได้พูดอะไร พลังเลือดและฉีที่ร้อนราวกับลาวาพุ่งออกมาจากนั้นชาในหม้อก็เดือดเป็นฟอง เป่ยเฟิงเทชาลงไปที่ถ้วยจากนั้นก็วางตรงหน้าฉินวูรงและฉินวูฟ่าก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต มันอาจจะเป็นความผิดของคุณหรืออาจจะเป็นความผิดของแม่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนก็ได้ แต่มันไม่มีความหมายอะไรเลยกับฉัน ไม่มีเลยซักอย่าง ฉันยังไม่เคยกินข้าวจากตระกูลฉินเลยซักครั้ง ฉันยังไม่เคยไปบ้านตระกูลฉินเลยด้วยซ้ำ แล้วทีนี้จะมาบอกให้ฉันกลับไปเพื่อทำความเคารพบรรพบุรุษ ?”
เป่ยเฟิงจิบชาเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับที่ตระกูลทำไว้กับเขาแม้แต่น้อย เขาเติบโตอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต หากเขายังเป็นวัยรุ่นและไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนเขาอาจจะกลับไปที่ตระกูลฉินไปแล้ว
“จริงอยู่ที่เรื่องในอดีตไม่ได้สำคัญอีกต่อไป แต่พ่อของเจ้าได้ค้นหาเจอมาเป็นเวลานานหลายปี ! และเมื่อเขาพบเจ้า เจ้าก็เติบใหญ่เสียแล้ว แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ? มันเป็นความผิดของเขางั้นหรือที่เจอเจ้าช้าไป ?”
ฉินวูรงโกรธจนเครากระพือไปตามลมหายใจ สายตาของเขาเปิดกว้างพร้อมกับเผยอารมณ์ที่แท้จริงออกมา
“อย่าไปพูดถึงอดีตอีกเลย ถ้าคุณมีเวลาว่างก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน แต่ถ้าไม่งั้นไม่ขอส่งนะ”
เป่ยเฟิงยืนขึ้นและหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน
“อุก !”
“บัดซบ นมย่าแกสิ ! นี้มันชาอะไร ? ทำไมมันขมขนาดนี้ ! ถุ๊ย ถุ๊ย !”
ฉินรูวงจิบชาทีหนึ่งก่อนจะคายออกมาทันที
หลังจากวางถ้วยลง ฉินวูรงก็ส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์ เขาบอกได้เลยว่าโอกาศที่เป่ยเฟิงจะกลับมาที่ตระกูลนั้นน้อยมาก ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์คือคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์เหล่านี้คือคนที่บอกความผิดพลาดของคนอื่นและให้แก้ไขอย่างไร แต่พวกเขาจะไม่มีทางยอมรับว่าพวกเขานั้นแหละที่ทำผิดพลาด !
เมื่อเห็นว่าทั้ง 2 ไม่มีเจตนาจะไปไหน เป่ยเฟิงจึงหยิบหม้อขนาดใหญ่ออกมา จากนั้นเขาก็เอาซี่โครงสัตว์อสูรออกมาจากแหวนมิติ ซี่โครงหลังจากถูกทำความสะอาดแล้วก็เอามาตัดเป็นแท่งเหมือนกระดูก จากนั้นก็วางลงไปในหม้อ หลังจากนั้นก็ใส่ส่วนผสมหลายอย่างลงไปแล้วก็เริ่มเคี่ยวมัน