บ่อลาวาที่เคยเต็มไปด้วยลาวาเดือดตอนนี้ได้แห้งเหือดหมดแล้ว คริสตัลดวงดาวได้แตกสลายหายไปและเปลี่ยนพื้นที่ด้านล่างให้กลับเป็นสีดำมืดที่มองไม่เห็นแม้แต่นิ้วมือ
ลึกเข้าไปในความมืด เป่ยเฟิงนั่งไขว่ข้างโดยใบหน้าไร้อารมณ์ มือข้างหนึ่งของเขามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด บาดแผลบนมือของเขาลึกจนสามารถมองเห็นกระดูกได้
“วิถีแห่งเต๋าเป็นพลังที่มีไว้เพื่อเอาชนะทุกอย่าง แล้ววิถีของเต๋าของฉันคืออะไร ?”
เป่ยเฟิงบอกตัวเอง ความคิดและความปรารถนานับไม่ถ้วนปรากฏในหัวใจของเขา โชคดีที่ผล 9 ดาราได้ยกระดับพลังจิตและพลังวิญญาณของเขา อย่างไรก็ตามพลังส่วนใหญ่ของผล 9 ดาราได้ถูกนำมาใช้เพื่อให้เป่ยเฟิงทำความเข้าใจและตอนนี้พลังจิตและพลังวิญญาณของเขาก็เกือบถึงขีดจำกัดแล้ว
“บางทีวิถีของฉันอาจจะเป็นการเอาชนะทุกอย่างก็ได้ ? หรือไม่ก็มีพลังเพื่อที่จะท่องจักรวาลได้ ?”
เป่ยเฟิงราวกับมาถึงคอขวด เขายังไม่เข้าใจในวิถีเต๋าของตัวเอง
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ แม้ว่าจะมีพลังสนับสนุนจากผล 9 ดาราแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนแอและเหนื่อยล้าที่ค่อย ๆ ปะทุในร่าง
“วิถีแห่งเต๋าของฉันคือการเป็นอิสระและปราศจากการจองจำ !”
ดวงตาของเป่ยเฟิงเปิดขึ้นพร้อมกับพลังจิตที่พุ่งออกมาจากดวงตาของเขา กระแสไฟฟ้าปะทุขึ้นรอบ ๆ จากนั้นก็ทำให้ทั้งอุโมงค์เต็มไปด้วยแสงสว่าง !
เป่ยเฟิงรู้สึกอ่อนแอมากในตอนนี้ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ราวกับคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้
“ความเชื่อมั่นแต่เดิมของฉันทำให้การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยการจองจำ แต่เมื่อฉันพบกับระบบตกปลามันได้ขีดเขียนโชคชะตาขึ้นมาใหม่ มันทำให้ฉันเติบโตและเปลี่ยนความปรารถนาดั้งเดิมของฉัน”
เป่ยเฟิงคิดอย่างจริงจัง ในตอนที่เขาถูกไล่ออกจากงาน เขาเพียงต้องการจะกลับไปที่บ้านหลังเก่าแถวบ้านนอกและใช้ชีวิตที่เรียบง่ายสบาย ๆ โดยการเลี้ยงไก่หรือเป็ด
“และในตอนนั้นมันทำให้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นอิสระและไม่มีอะไรมาจองจำได้อีกต่อไป ฉันเอาแต่วิ่งหนีความเป็นจริง เอาแต่สนใจตัวเอง ถ้าหากฉันไม่มีพลังฉันคงตายไปนานแล้ว ฉันก็เหมือนนกกระจอกเทศที่เอาแต่มุดหัวอยู่ในทรายและคิดเสียแต่ว่าจะหนีทุกอย่างไปได้”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยเจอมาในอดีตได้ปรากฏในใจของเขาราวกับหนังม้วนหนึ่ง
แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอ แต่พลังจิตและพลังวิญญาณของเขากลับเปล่งประกายด้วยแสงสว่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อะไรคือความหมายของอิสระและปราศจากการจองจำ ? มันหมายถึงการไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกอีกต่อไปจากนั้นก็วิ่งหนีไปอยู่บนภูเขาคนเดียว ? ไม่ ! มันไม่ใช่การเป็นอิสระที่แท้จริง ! มันเป็นเพียงคำปลอบใจของพวกขึ้แพ้ !”
“สำหรับมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฏระเบียงต่าง ๆ มากมาย แม้ว่าจะนั่งเงียบ ๆ อยู่ที่บ้านก็อาจมีปัญหาหล่นจากบนฟ้ามาหาเขาได้ ! อิสระที่แท้จริงคือความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งที่มากพอจะไม่สนใจโลก !”
“นี้คือวิถีแห่งเต๋าของฉัน มันคือความตั้งใจและเชื่อมั่น มันคือการเป็นอิสระปราศจากกฏบังคับทั้งหมดในโลก มันคืออิสระที่ฉันต้องการ !”
จิตวิญญาณของเป่ยเฟิงคำรามพร้อมกับเสียงของเขาที่ดังไปทุกทิศทาง !
“แกร๊ก !”
เสียงแตกดังขึ้นในใจราวกับมีบางอย่างกำลังแตกออกมา
ร่างวิญญาณสูง 3 ชุนในตอนนี้สูงกว่าเดิมอีก 1 ชุน วิญญาณของเขาไม่ได้อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นอีกต่อไป !
แสงระยับระยับปรากฏในร่างของดวงวิญญาณ ในเวลาเดียวกันก็ปรากฏเมฆและท้องฟ้าในหัวใจของเป่ยเฟิง
รอยยิ้มกว้าง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา มันเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ไม่สามารถอธิบายได้ราวกับเขากำลังอารมณ์ดี
เป่ยเฟิงเสียเลือดไปครึ่งหนึ่งแล้วในตอนนี้ หากเป็นคนปกติคงตายไปแล้วเพราะเสียเลือดไปมาก แต่สำหรับเป่ยเฟิงมันยังไม่ถึงกับเป็นอันตรายต่อเขา
พลังจากผล 9 ดารายังคงเพิ่มเข้ามาในท้องของเขาอย่างต่อเรื่อง อย่างไรก็ตามความเร็วที่ไหลเข้ามามันเริ่มช้าลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็หยุดลง
พลังต่อสู้ของเป่ยเฟิงค่อย ๆ ปะทุขึ้น ในพริบตาเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เขารู้สึกได้ว่าสามารถควบคุมเลือดและฉีได้อย่างอิสระ เมื่อใดก็ตามที่เขาสั่งให้มันไปที่ไหนมันก็จะไป !
นี่เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้ว่ามันจะเหมือนไม่มีอะไรมาก แต่มันกลับทำให้ความเร็วในการโจมตีของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้น 10 % !
ในขณะเดียวกัน เส้นเลือดหลายเส้นและพลังฉีก็บิดตัวเข้าด้วยกันจนเป็นเกลียว จากนั้นก็พุ่งไปยังมือที่บาดเจ็บ
“บูม !”
ทั้ง 2 พลังปะทะกันและไม่มีอะไรให้แปลกใจอีกต่อไป เลือดและฉีของเป่ยเฟิงถูกฉีกกระชากในทันที
เป่ยเฟิงไม่ได้โกรธหรือรำคาญ เขาคิดไว้อยู่แล้ว วิถีแห่งเต๋าของเขาเพิ่งจะบรรลุได้ไม่นาน มันยังคงอ่อนแออยู่ การเอาพลังหรือคุณภาพเพียงอย่างเดียวมันยังไม่พอที่จะเอาชนะได้ทุกอย่าง
อย่างไก็ตามวิถีแห่งเต๋าของเขามันช่วยยกระดับร่างกายของเขาได้มาก ร่างกายของเขาเปรียบเสมือนสนามรบของเขา และศัตรูเองก็อยู่ลึกเข้าไปในสนามรบและมันก็อยู่เพียงลำพัง
คุณภาพของวิถีแห่งเต๋าสูงมาก แต่ปริมาณมันยังน้อยเกินไป เนื่องจากวิถีแห่งเต๋าของเป่ยเฟิงเพิ่งจะบรรลุมันจึงอ่อนแอ และปริมาณของมันก็น้อยมากเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย
จำนวนของมันค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นก็ไปรวมกันอยู่รอบ ๆ พื้นที่ที่บาดเจ็บ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถเอาชนะพลังความคมได้ด้วยการใช้วิถีแห่งเต๋าสยบมัน
เลือดและเนื้อของเขาค่อย ๆ ได้เปลี่ยนกลายเป็นหมอกเลือดไปนานแล้ว
“หากไม่ใช่ผล 9 ดาราฉันคงต้องตัดแขนทิ้งไปนานแล้ว และที่ไร้สาระที่สุดก็คือมันทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเศษอาวุธเท่านั้น ! โลกอีกใบช่างกว้างใหญ่และผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งก็เหมือนเมฆที่มีเยอะไปหมด แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยู่ในจุดงสูงสุดของโลก แต่เมื่อเทียบกับอีกโลกฉันก็เปรียบเสมือนมดตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีความสำคัญ”
เป่ยเฟิงรู้สึกกลัวในใจ หากไม่ใช่เพราะพลังผล 9 ดาราเขาคงไม่สามารถบรรลุวิถีแห่งเต๋าได้ และผลสุดท้ายเขาอาจจะต้องตัดมือตัวเองทิ้ง
วิธีที่จะเข้าใจมนุษย์ดีที่สุดคือการตระหนักในตัวเองและความสามารถของตัวเองได้ บางสิ่งบางอย่างอาจจะฟังดูง่าย แต่การทำนั้นยากมากในความเป็นจริง
ความคมนี้มันคมอย่างมาก มันสามารถสยบวิถีแห่งเต๋าได้แม้ว่ามันจะถูกเอาชนะไปนานแล้วก็ตาม เลือดและฉีของเป่ยเฟิงได้หยุดไหลแล้ว และพลังจากผลไม้จำนวนมากก็กำลังถูกกลั่นโดยเป่ยเฟิง
ปริมาณพลังในผลไม้ลูกนี้น่าตกใจอย่างมาก เพียงแค่ลูกเดียวมันก็ทำให้เป่ยเฟิงบรรลุเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ขั้นที่ 2 ได้ !
แต่น่าเสียดายที่พลังจำนวนมากต้องเสียไปกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเป่ยเฟิงจะรู้สึกเสียใจแต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ามันก็กลายเป็นอดีตที่มีไว้ระลึกถึง
แม้ว่าเขาจะสูญเสียโอกาศในการเพิ่มพลังฝึกตนของเขา แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาเข้าใจถึงวิถีแห่งเต๋า พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 % !
หลังจากนั้นเขาก็สลัดความคิดทั้งหมดทิ้ง เป่ยเฟิงกลับมาควบคุมพลังจากผล 9 ดาราให้ไหลเวียนไปในร่างเพื่อชดเชยเลือดและฉีที่เสียไป
จิตวิญญาณและพลังจิตของเขาค่อย ๆ พัฒนาขึ้น เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ในที่สุดเขาก็ฟื้นตัวได้สมบูรณ์
เป่ยเฟิงอาจถือได้ว่าเป็นผู้ฝึกตน 2 เส้นทาง เขาฝึกทั้งสายกายาและกลั่นพลังจิต เขารู้สึกว่าเส้นทางนี้ที่เหมาะกับเขาที่สุด
หลังจากได้รู้จักกับระบบตกปลามากขึ้นมันได้ทำให้เขาตระหนักความจริงในเรื่องของร่างกายได้บางส่วน ตัวอย่างเช่นวิชาลับกายาผสานหยวนเป็นต้น
และในตอนนี้พลังจิตและร่างกายของเขาเองก็เพิ่มขึ้นทุกครั้งเมื่อผ่านการต่อสู้ ดูเหมือนเขาเหมาะที่จะเดินไปตามเส้นทางแห่งการต่อสู้แบบนี้
แต่น่าเสียดายที่คู่มือฝึกฝนพลังจิตมันมีน้อยเกินไป จนถึงตอนนี้เป่ยเฟิงมีเพียงเคล็ดการหายใจด้วยแสงดาวเท่านั้น แต่เพียงแค่เคล็ดการหายใจนี้ก็ยังทำให้พลังจิตของเขาสามารถกำเนิดเทพเจ้าแห่งดวงดาวออกมาได้
เลือดและฉีของเป่ยเฟิงฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ กระดูกในมือของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยชั้นเนื้อและกำลังฟื้นสภาพกลับมาเหมือนเดิม
มันดูคล้ายกับเวทมนตร์ มันดูเหมือนความสามารถในการฟื้นฟูของซุปเปอร์ฮีโร่บางคน !
เลือดและฉีของเขาราวกับมหาสมุทรขนาดใหญ่ พลังชีวิตของมันสูงมากและมันสามารถกลับมามีชีวิตได้ตลอดเวลาตราบใดที่หลงเหลือเลือดเพียงหยดเดียว ! แต่แน่นอนเป่ยเฟิงไม่ได้ต้องการทดลองที่จะลองทำแบบนั้น การฟื้นตัวแบบนั้นมันต้องใช้เวลามหาศาล และเขาในตอนนี้ก็กำลังพึ่งพาพลังงานจากผล 9 ดาราในการฟื้นตัวอยู่
“ฮู่ !”
เป่ยเฟิงพ่นลมหายใจขุ่น ๆ ออกมาจากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาส่งเสียงดังเป็นช่วง ๆ
เขามองไปที่มือที่กลับมาเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยใด ๆ ว่าเคยเกิดบาดแผลที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ ข้อต่างแตกเดียวก็คือเมื่อนำมือทั้ง 2 ข้างมาเทียบกัน มือข้างนี้มันดูดีกว่า
“เคล็ดการบัญญัติกฏสวรรค์ดูเหมือนจะมาถึงจุดสูงสุดของระดับ 2 แล้ว พลังฝึกตนของฉันในตอนนี้ก็มาถึงระดับสวรรค์ขั้นต้นระดับสูงสุด พลังจิตเองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน มันสามารถสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ในระยะ 1 กิโลเมตรได้สบาย ๆ ดูเหมือนการเดินทางมาครั้งนี้จะไม่ได้เสียเปล่า”
เป่ยเฟิงกำหมัดและทดสอบความยืดหยุ่นของมือ เมื่อเทียบมือนี้กับอีกข้างดูเหมือนกล้ามเนื้อและเส้นเลือดจะอ่อนแอกว่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่เขาหล่อเลี้ยงมันด้วยเลือดและฉีมันก็สามารถกลับมาฟื้นฟูได้สมบูรณ์เหมือนกัน
เป่ยเฟิงหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเขาก็ลอยตัวขึ้น หลังจากหายใจไม่กี่ครั้งเขาก็ปรากฏเหนือบ่อลาวา
“ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว”
เป่ยเฟิงไม่ได้พูดมาก เขาทำเพียงบินออกไป
“แปลก ทำไมข้ารู้สึกได้ว่ามันเปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของมัน”
แน่นหัวพูดพึมพำในขณะมองด้านหลังของเป่ยเฟิง
เมื่ออกมานอกภูเขา ราชาเสือและหมีขาวเองกำลังหาเห็บให้กันและกันด้วยความเบื่อหน่าย
สิ่งแรกเมื่อพวกมันเห็นเป่ยเฟิงและคนที่เหลือออกคือฉากการต่อสู้ของเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ พวกมันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี กรงเล็บของหมีขาวที่มีขนาดใหญ่เท่าเครื่องโม่หินเองก็ส่ายไปมาราวกับไม่รู้จะเลือกระหว่างเกาหัวหรือหาเห็บดี ?
“โฮก !”
“แง๊ว แง๊ว !”
หมีใหญ่และราชาเสือวิ่งไปหาเป่ยเฟิงพร้อมกับคำรามต่ำ ๆ ออกมา
มันยากที่จะบอกว่าพวกมันกำลังทำตัวน่ารักหรือเพราะพวกมันน่ารักอยู่แล้ว !
“สหายน้อย อยากไปกับฉันไหม ?”
พลังจิตของเป่ยเฟิงเปลี่ยนเป็นสายลมอ่อนโยนลอยเข้าไปในจิตใจของพวกมัน
โดยไม่คาดคิด พวกมันส่ายหัวไม่ต้องการออกไปพร้อมกับเขา
เป่ยเฟิงยิ้มและพยักหน้าเงียบ ๆ
“เมี๊ยววว “
ราชาเสือใช้ขนบนหัวของมันถูกับขาของเป่ยเฟิงพร้อมกับกระพริบตาไปมา
หมีขาวเองก็ใช้กรงเล็บของมันเกาหัวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ๆ บนหน้า แต่รอยยิ้มของมันช่างดูป่าเถื่อนสิ้นดี
“ไม่เป็นไร ถ้าพวกแกไม่อยากจะไปก็ไม่เป็นไร ฉันไม่ว่าอะไร ฉันมีเส้นทางการใช้ชีวิตของฉัน พวกแกก็มีเส้นทางการใช้ชีวิตของพวกแก”
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ สิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณจะมีอิสระเป็นของตัวเองเสมอ เขาเคยคิดว่าสัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวจะติดตามเขากลับไป แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเขา
“พวกแกทั้ง 2 ตัวซ่อนตัวให้ดี อย่าให้โดนใครจับเอาไปทำเป็นซุปได้ล่ะ”
เป่ยเฟิงลูบหัวสหายทั้ง 2 และพูดขึ้น
ด้วยความคิด แกนสัตว์อสูร 2 อันก็ปรากฏในมือของเขา แกนของสัตว์อสูรเหล่านี้เป็นของสัตว์อสูรระดับ 3 แต่ละแกนมีเต็มไปด้วยพลังงานแก่นแท้ของสัตว์อสูรกว่า 70 % !
“โกร่วว !”
“โฮกก !”
ทันใดนั้นดวงตาของสหายน้อยทั้ง 2 ก็เกือบหลุดออกมาจากเบ้า พวกมันจ้องมองแกนตรงหน้าพร้อมกับน้ำลายที่ไหลออกมาจากปาก