หวังวูหยูโล่งใจมากเมื่อได้ยินคำตอบของเป่ยเฟิง เคล็ดการหายใจด้วยแสงมันเป็นสิ่งที่เขาทิ้งเอาไว้ เพราะไม่มั่นใจว่าจะเกิดใหม่สำเร็จหรือไม่จึงทิ้งมันเอาไว้เป็นมรดก
“ในเมื่อเจ้าเคยเห็นโลงศพของข้ามาก่อน ทำไมเจ้าไม่ลองพยายามทำลายร่างของข้าในขณะที่ข้าหลับ ?” หวังวูหยูถามด้วยความสนใจ
“หึหึ เพราะข้ากลัว” เป่ยเฟิงตอบตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม เขายกถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ ถ้วยชาใบนี้ถือว่าหรูหรามากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย ต่อหน้าคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ เป่ยเฟิงไม่เชื่อว่าหวังวูหยูจะไม่สามารถจับการโกหกได้ ดังนั้นมันจะอันตรายหากคนตรงหน้าจับโกหกของเขาได้
“ไม่เลว”
หวังวูหยูยกชาขึ้นมาจิบ เขาพยักหน้าโดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังชมเป่ยเฟิงหรือชมชา
“แล้วตอนนี้เจ้าไม่กลัวข้ารึ ?”
หวังวูหยูมองเป่ยเฟิงพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“แน่นอนข้ากลัว ท่านแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้มาก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็มีไพ่ลับของตัวเองเช่นกัน”
เป่ยเฟิงจิบชาพร้อมกับมองหวังวูหยูที่กำลังปลดปล่อยแรงกดดันออกมาเล็กน้อย
“น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ราชาอย้างข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีไพ่ลับจนทำให้มั่นใจได้ขนาดนี้”
จากนั้นภาพลวงตาที่เป็นเกล็ดสีดำก็ปรากฏบนผิวของหวังวูหยู จากนั้นดวงตาของเขาก็หรี่ลงและม่านตาก็กลายเป็นสีแดงเข้มเหมือนมังกร ภาพสะท้อนในดวงตาของเขามันราวกับทะเลซากศพที่เต็มไปด้วยมหาสมุทรเลือด
แรงกดดันมหาศาลพุ่งใส่ร่างของเป่ยเฟิงจนเก้าอี้ที่เขานั่งแตกละเอียด
ในเวลาเดียวกันไข่มุกสดใสที่ผสมกันระหว่างสีขาวและสีดำก็ปรากฏในมือเป่ยเฟิง จากนั้นประกายไฟสีดำก็ลุกบนผิวของมัน หากมองจากระยะสามารถมองเห็นรอยแตกจำนวนมากที่ปรากฏบนอากาศรอบ ๆ ได้
“ไพ่ลับไม่เลวนี่”
หวังวูหยูมองไข่มุกด้วยความชื่นชม เขาอยากจะข่มขู่คนตรงหน้ามาก เขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงมีไพ่ลับที่ไม่พ้นอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธแค่นั้นทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันตอนนี้เขารู้สึกถึงอันตรายบางอย่างจากไข่มุกนั้นได้
หวังวูหยูและเป่ยเฟิงมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็ไม่มีใครขยับไปไหน
ตอนนี้หวังวูหยูรู้สึกไม่พอใจมาก ทำไมอีกฝ่ายถึงใจเย็นได้มากขนาดนี้กัน ? หากเป็นเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เขาคงเลือกที่จะโจมตีออกไปโดยไม่สนผลลัพธ์ใด ๆ แล้ว
“เราค้นพบทางที่จะออกไปจากโลกใบนี้แล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าของหวังวูหยูเปลี่ยนเป็นสีดำแดง เป่ยเฟิงก็พลิกฝ่ามือจากนั้นไข่มุกก็หายไป
“อะไรนะ ? เจ้าว่าอะไรนะ ?”
หวังวูหยูตื่นเต้นจนปลดปล่อยแรงกดดันออกมาทั้งหมด ทั้งภูเขาราวกับถูกห่อหุ้มด้วยพายุ มันรุนแรงจนทำให้ต้นท้อและดอกท้อจำนวนมากปลิวไปตามสายลม
ไป๋เซียง เคอร์เบอรอสและลึกลับที่ 1 รีบวิ่งไปที่หน้าคฤหาสน์ทันที ไม่ว่ายังไงพวกเขาจะทำให้คฤหาสน์หลังนี้พังไม่ได้เด็ดขาด
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป มันแค่ความเป็นไปได้เท่านั้น”
เป่ยเฟิงคิดไว้แล้วว่าหวังวูหยูจะต้องตื่นเต้นเพราะคำพูดของเขาแน่ ๆ เขาจึงรีบกล่าวแต่เนิน ๆ เพราะหากเขาบอกช้าไปบางทีหวังวูหยูอาจจะโกรธจนไม่เข้าร่วมกับเขาก็เป็นได้
หวังวูหยูค่อย ๆ สงบลงและกล่าวด้วยความสนใจ “ราชาอย่างข้าตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ก็ได้ออกกวาดล้างทั้งแผ่นดินไปพร้อมกับกองทัพวู่ของข้า พวกเราพยายามหาทางออกจากโลกเป็นเวลา 3 ปี แต่สุดท้าย ราชาอย่างข้าก็ต้องใช้วิธีที่โหดร้ายที่สุดเพื่อที่จะกลับมาเกิดใหม่ แล้วเจ้าบอกว่าเจ้ารู้วิธีออกไปจากโลกใบนี้ มันจะออกไปได้อย่างไรกัน ?”
“สุสานจักรพรรดิ์ฉิน !” เป่ยเฟิงตอบด้วยความจริงจัง
“อย่างนี้เองงั้นรึ มันก็มีความเป็นไปได้ที่ทางออกจะอยู่ที่สุสานจักรพรรดิ์ฉิน”
หวังวูหยูพยักน้าอย่างเข้าใจ นั่นคือจักรพรรดิคนแรกของจีน ! ไม่ว่าหวังวูหยูจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่เขาก็ไม่กล้าเอาตัวเองไปเทียบกับฉินฉื่อหวังตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้)
ราชวงศ์ฉินในยุคนั้นถือว่ารุ่งเรืองอย่างมาก แต่มันก็จบลงในเวลาไม่นาน ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินฉื่อหฺวังตี้ตายจริง ๆ งั้นรึ ? หวังวูหยูไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
ความสามารถของราชวงศ์ฉินเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก กองทัพของฉินฉื่อหฺวังตี้ได้กวาดล้างดินแดนต่าง ๆ ไปทุกทิศทางจนทำให้ชาวจีนไม่ต้องประสบภัยใด ๆ และทำให้ราชวงศ์ฉินกลายเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งที่สุด เขามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระดับว่างเปล่าหรือระดับหลุดพ้น พวกเขามีคนเหล่านี้ราวกับปุยเมฆ นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือกว่านั้นอีกมากมาย
ความเป็นไปได้ที่สุดที่ราชวงศ์ฉินล่มลงนั้นก็คือฉินฉื่อหฺวังตี้ได้นำพาผู้เชี่ยวชาญของราชวงศ์ฉินจำนวนมากออกไจากโลก ส่วนคนที่เหลือเป็นเพียงหุ่นเชิด !
ความสามารถในการต่อสู้ของกองทัพฉินนั้นแข็งแกร่งมาก อย่าลืมว่ากองทัพฉินคือกองทัพที่สามารถรวมหกรัฐให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ มันจึงบอกได้เลยว่ากองทัพของเขาไม่ใช่สิ่งที่หน้าใหม่ไม่เคยเห็นเลือดจะเข้ามาได้
หากบอกว่าเซี่ยงอวี่ (ณ้อปาอ๋อง) ทรงพลังจนได้ชื่ออันดับ 1 และหลิวปัง (จักรพรรดิฮั่นเกาจู่) เป็นอันดับ 2 หากให้ทหารที่อ่อนแอที่สุดของกองทัพฉินมากำราบพวกเขามันจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก !
“ราชาอย่างข้า ก็เคยคิดแบบนั้นในอดีตเหมือนกันเพราะราชวงศ์ฉินนั้นล้มเร็วเกินไปจนน่าสงสัย แต่หากเรื่องสุสานจักรพรรดิฉินมีประตูออกไปโลกอื่นได้ก็จะเป็นการอธิบายทุกอย่างได้อย่างชัดเจนก็คือ ฉินฉื่อหฺวังตี้พาชนชั้นสูงและทหารระดับสูงจำนวนมากออกไปจากโลกใบนี้พร้อมกับเขา” หวังวูหยูกล่าวพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย
หวังวูหยูอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินข่าวดีแบบนี้
เป่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าว “พวกเรากำลังจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้เพื่อไปยังสุสานจักรพรรดิฉิน ท่านจะพักที่นี่ก่อนก็ได้หากต้องการและจากนั้นพรุ่งนี้ก็ไปพร้อมกัน”
สุสานจักรพรรดิฉินนั้นสามารถเคลื่อนไหวเองได้อย่างอิสระ แม้จะมีคนบอกว่ามันไม่อันตรายใด ๆ เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ภายใต้สถานการณ์แบบนี้การมีผู้ที่แข็งแกร่งมากมาช่วยเหลือมันช่วยทำให้เขาผ่อนคลายมากขึ้น
“แน่นอน” หวังวูหยูพยักหน้าไม่คิดอะไรมาก
เป่ยเฟิงยื่นมือออกไปและคว้าอากาศ จากนั้นหม้อขนาดใหญ่ก็บินออกมาจากคฤหาสน์พร้อมกับจานและตะเกียบที่มาพร้อมกับโต๊ะ
“อ๊บ !”
เลือดและพลังฉีของเป่ยเฟิงลุกใต้หม้อจากนั้นไอหมอกขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ลอยออกมาแล้วกลายเป็นภาพคากคกขนาดใหญ่ มันเงยหน้าและคำรามไปยังท้องฟ้า !
หลังจากนั้นไม่นานภาพคางคกก็หายไปกลายเป็นหมอกแล้วกลับเข้าไปในหม้อ
กลิ่นที่แตกต่างกันออกไปค่อย ๆ ลอยออกมา กลิ่นมันทำให้ผู้ฝึกตนรู้สึกสั่นเทาเล็กน้อย กลิ่นมันดูคล้ายกับโสมระดับสูงที่เพียงแค่ดมก็ทำให้รูขุมขนในร่างเปิดทั้งหมด
“คุณค่าทางยาสูงมาก มันไม่ใข่สัตว์อสูรธรรมดา ๆ ใช่หรือไม่ ? ข้าไม่คิดเลยว่าจะหลงเหลือสัตว์อสูรระดับนี้ในยุคแบบนี้ !”
ดวงตาของหวังวูหยูยิ้มในขณะมองคางคกในหม้อ
“สัตว์อสูรตัวนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน มันมีสายเลือดของคางคกเขมือบสวรรค์ ร่างกายและพลังของมันแข็งแกร่งมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าข้าจะจับมันได้ นอกจากนี้เถาวัลปีศาจยังเป็นของที่หายากมากอีกด้วย ข้าเป็นเพียงคนที่ชอบทำอาหารดังนั้นจึงใช้ของที่ดีและหายากเพื่อต้อนรับท่าน” เป่ยเฟิงค่อย ๆ เคี่ยวช้า ๆ เขาไม่มีทางบอกหวังวูหยูได้ว่าเขาเอามาจากอีกโลก
มือของเป่ยเฟิงไม่หยุดแม้แต่น้อยในขณะอธิบาย หลังจากนั้นเขาก็คว้าชามเล็ก ๆ บนโต๊ะขึ้นมาแล้วตักน้ำซุปสีเหลืองใสลงชาม ชั้นน้ำมันบาง ๆ ลอยอยู่บนซุป
ซุปมันใสและดูเบาบาง แต่ทันทีที่ชั้นน้ำมันด้านบนแตกออก กลิ่นหอม ๆ ก็ลอยขึ้นมา
หลังจากนั้นถาดขนาดใหญ่ 3 อันก็ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะโดยลึกลับที่ 1
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็ตักเนื้อสัตว์อสูรวางไว้บนถาดที่เตรียมเอาไว้
หวังวูหยูมองไป๋เซียงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านข้างและถอนหายใจ “ช่างมัน อาณาจักรของข้าล่มสลายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองอะไรมากนัก พวกเราเป็นผู้ฝึกตนเหมือนกัน มานั่งลงและกันพร้อมกันเถอะ”
คิ้วของเป่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน หากเป็นคนอื่นเขาอาจจะคิดว่าหวังวูหยูคือเจ้าของบ้านส่วนเขาคือผู้อยู่อาศัย ! ถึงอย่างนั้นความใจกว้างของสหายผู้นี้ก็เกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
เคอร์เบอรอสยังคงกลัวหวังวูหยูมาก มันเห็นเขาจ้องมองมันจนทำให้ขนบนร่างของมันลุกซู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามนุษย์ผู้นี้กำลังคิดที่จะกินมัน !
แต่ถึงอย่างนั้นเคอร์เบอรอสก็ทำเพียงนั่งลงบนเก้าอี้และมองเนื้อสัตว์อสูรตรงหน้าพร้อมสายตาที่เบิกกว้าง สิ่งเดียวที่ไม่มีเหมือนตอนปกตินั้นคือน้ำลายที่ไหลย้อย
ใบหน้าของหวังวูหยูแข็งค้าง ปู่แกสิ เจ้าหมาตัวนี้มันช่างกล้า ! อย่าลืมว่าเขาคือราชา ! มันคิดว่าเขาจะยอมให้มันร่วมโต๊ะด้วยงั้นรึ
จมูกของหวังวูหยูฟื้ดฟาดเต็มไปด้วยความโกรธจนเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขายินยอมให้คนอื่น ๆ นั่งร่วมโต๊ะกับเขาได้ แต่ไอ้หมานรกบัดซบนี้คืออะไรกัน ?
โชคดีก่อนที่หวังวูหยูจะระเบิดความโกรธจนเกือบจะตบหมาบางตัวให้ตาย เป่ยเฟิงก็หยิบชามขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์อสูรจำนวนมากให้กับเคอร์เบอรอส จากนั้นมันก็หยิบชามแล้ววิ่งหนีหายไป
สัญชาตญาณของสัตว์นั้นสูงกว่ามนุษย์ เคอร์เบอรอสรู้สึกได้ถึงอันตรายจากหวังวูหยู แม้ว่ามันจะไม่ชอบใจเขาแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่า และด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับหางมันได้ทัน มันจึงรีบเผ่นหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะจับมันไปก่อน !
อาหารมื้อนี้ไป๋เซียงและลึกลับที่ 1 นั่งลงอยู่ตรงขอบโต๊ะ ทั้งคู่ไม่กล้ากินเยอะเกินไปเพราะคนร่วมโต๊ะครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป และดูจากท่าทางแล้วดูเหมือนเขาไม่ใช่คนดีนัก
เนื้อขาของคางคกถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เนื้อแต่ละชิ้นนุ่มนวลและเรียบเนียนอย่างมาก นอกจากนี้มันยังมีน้ำผลไม้ที่อยู่ในเนื้อคอยระเบิดเมื่อเคี้ยวทุกครั้ง
เถาวัลปีศาจสีขาวเหมือนหิมะเองก็มีความกรุบกรอบมาก เมื่อเคี้ยวมันจะรู้สึกได้ถึงพลังงานทางยาที่ถูกปลดปล่อยออกมา แม้ว่ามันจะแข็งเล็กน้อยแต่มันก็ไม่ได้เหนียวเกินไป
วัตถุดิบทั้ง 2 เต็มไปด้วยพลังงานจำนวนมาก แม้กระทั่งอาหารในยุคของหวังวูหยูเองอาหารตรงหน้าก็ถือว่าเป็นสมบัติที่หายากมาก !
ซุปมีรสชาติกลมกล่อมมาก มันไม่ได้มีรสดิบของคางคกหรือรสเผ็ดของเถาวัล แต่มันเป็นรสเบา ๆ ที่ดื่มได้ง่าย
“อะไรนะ ? ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลยของคน ๆ นั้น ? หรือว่าคนของคุนหลุนติดต่อกับเขาได้แล้ว ? รีบไปถามเร็ว !”
ในห้องประชุมเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมากที่อยู่ในอารมณ์ย่ำแย่ ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือดและใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ควันบุหรี่ปกคลุมไปทั่วห้องประชุม
ความแข็งแกร่งที่หวังวูหยูแสดงออกมามันแข็งแกร่งมากเกินไป ตัวตนของเขามันกลายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เพียงแค่การปรากฏตัวของเขาก็ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว 50 กิโลเมตรไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาทำให้ทุกคนกังวล !
คน ๆ นี้เหมือนอาวุธนิวเคลียร์ในร่างมนุษย์ และความแข็งแกร่งของเขาก็เพียงพอที่จะทำลายทุกเมืองที่เขาเดินผ่าน !
ไม่มีใครรู้ว่าความแข็งแกร่งของหวังวูหยูมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครกล้ายินดีไปลองเช่นกัน มันจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาแข็งแกร่งเกินไปจนไม่มีทางจัดการเขาได้ล่ะ ?
เพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์พวกเขาก็ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เข้าสู้เท่านั้นถึงจะกำจัดอีกฝ่ายได้ ดังนั้นความคิดดั้งเดิมในแบบมนุษย์ที่ว่าปืนหรืออาวุธทำได้ทุกอย่างจึงไม่มีอยู่ในหัวพวกเขา
ชายวัยกลางคนยืนขึ้นและกล่าวเสียงต่ำ “ท่านครับ จากที่หน่วยข่าวกรองรายงานมาดูเหมือนเขาจะอยู่ที่เขตชานเมืองชิงเฉิง สถานที่แห่งนั้นมีชื่อว่าภูเขาจิตวิญญาณสีฟ้า มีคนอยู่ไม่มากนักและอยู่ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีภูเขาขนาดใหญ่คอยทำหน้าที่เป็นกำแพงธรรมชาติ หากเราทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่นั้นมันก็ไม่ส่งผลต่อตัวเมืองมากนัก”