เป่ยเฟิงใช้มีดสีทองม่วงในการตัดซี่โครงสัตว์อสูร แต่ละครั้งที่เขาตัดลงไปจะเกิดภาพติดตาขึ้นทุกครั้ง !
มีดสีทองม่วงเป็นมีดที่เป่ยเฟิงนำกลับมาจากอีกโลก มันไม่ได้มีความสามารถพิเศษใด ๆ แต่เมื่อถูกใช้โดยเป่ยเฟิงมันสามารถตัดซี่โครงสัตว์อสูรระดับ 3 ได้สบาย ๆ !
ซี่โครงขนาดใหญ่ยังคงลอยอยู่ในอากาศโดยยังไม่ทันได้หล่นถึงพื้น ชิ้นส่วนของซี่โครงเหล่านี้หนักกว่า 100 จิน แต่มันถูกเป่ยเฟิงหั่นกลางอากาศด้วยการใช้มีด 20 เซน
ชิ้นส่วนซี่โครงที่ตัดได้อย่างพอดีและลงตัวค่อย ๆ หล่นลงไปในหม้อ
เป่ยเฟิงหันความสนใจมาที่หม้อต่อ แม้ว่าทักษะการทำอาหารของเขายังไม่ถึงกับขั้นพ่อครัวชั้นยอด แต่การทำอาหารจานนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
ซี่โครงแต่ละชิ้นยาวเมตรกว่า ๆ และนี่คือซี่โครงส่วนหนึ่งของสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่มาก หากนำทั้งร่างมาตัดจริง ๆ ต่อให้ตัดเป็นชิ้นละ 10 เมตรมันก็ไม่มีปัญหา !
เนื้อบนซี่โครงมีสีชมพูอ่อนและดูคล้ายคริสตัลโปร่งแสง มันดูเหมือนงานศิลปะมากกว่า
สัตว์อสูรตัวนี้ตายไปนานแล้ว แต่เพราะมันถูกเก็บเอาไว้ในแหวนมิตินั้นก็เท่ากับมันได้หยุดเวลาไว้ ณ จุดนั้น เมื่อมันถูกดึงออกมาจากแหวนมันก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีมาก
หลังจากผ่านไปนานหลายปี เป่ยเฟิงได้สะสมหินวิญญาณไว้จำนวนมาก แต่เขาก็ยังคงมุ่งเน้นไปที่การกินเนื้อสัตว์อสูรระดับ 3 ขึ้นไป และในตอนนี้เขาเหลือเนื้อสัตว์อสูรระดับ 3 อยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“น่าเสียดายที่เนื้อกับเลือดของบอสงูเหลือมมันถูกเผาทิ้งไปหมด ฉันคิดว่ามันน่าจะอร่อยดีถ้าได้ลองกินดู”
เป่ยเฟิงเสียใจมาก บอสงูเหลือมลาวาเป็นสัตว์อสูรที่เป็นที่มีสายเลือดมังกรและถือว่าเป็นมังกรครึ่งตัว เมื่อใดก็ตามที่มันได้กินผล 9 ดาราเข้าไปมันก็จะกลายเป็นมังกร !
สัตว์อสูรตัวนี้ถือได้ว่าแยกตัวออกมาจากเผ่างูเหลือมลาวาอย่างชัดเจน และมันดูเหมือนได้ก้าวเข้าไปอยู่ในเผ่าที่ระดับสูงขึ้น !
ครึ่งมังกร นั่นคือครึ่งมังกร ! แม้ว่าระดับของมันจะไม่สูงเท่าเนื้อสัตว์อสูรในมือเป่ยเฟิง แต่รสชาติของมันต้องไม่เลวแน่นอน
ขิงจำนวนมากและหัวหอมสีเขียวถูกโยนลงไปในหม้อ หลังจากนั้นเปลวไฟก็ระเบิดขึ้นในมือเขาด้วยความคิด !
อุณหภูมิมันสูงจนอากาศรอบ ๆ กระเพื่อมและเบลอ
หม้อสีฟ้าลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นเป่ยเฟิงก็ใช้เปลวไฟขนาดใหญ่กลืนกินหม้อทั้งใบ !
ชั่วเวลาต่อมาหม้อก็เริ่มเดือดพร้อมกับมีไอน้ำระหยขึ้น ซี่โครงภายในก็เริ่มเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้อุณหภูมิจะสูงมาก แต่ระดับน้ำในหม้อก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย นี่มันน่าแปลกประหลาดมาก
ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเป่ยเฟิงก็ดับไฟ หม้อดูเหมือนไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ แม้แต่น้อย และหากมีคนไปสัมผัสกับหม้อพวกเขาก็จะรู้สึกเพียงแค่อุ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น !
เมื่อเปิดฝาออก พลังเลือดและฉีที่ถูกดึงออกมาจากเนื้อสัตว์อสูรก็ลอยไปทั่วห้องครัว
“เจ้าเด็กนั่นมันจะนอกคอกเกินไปแล้ว ! ถ้าไม่ใช่เพราะข้าแก่เกินไปข้าจะดึงฟันออกมาจากปากมันด้วยการตบซักที ! ตาแก่คนนี้ไม่เคยดื่มชาที่รสชาติน่ารังเกียจขนาดนี้มาก่อนเลยซักครั้งในชีวิต !”
ฉินวูรงพูดด้วยความโกรธในสวน
“ท่านบรรพบุรุษ …”
ฉินวูฟ่าพูดด้วยความลังเล
“อะไร ? เจ้าเด็กนั่นเป็นลูกของแกจริง ๆ หรือเปล่า ? มันไม่เป็นไรหากแกอยากจะมีลูกกับผู้หญิงคนนั้น แต่สุดท้ายเป็นไง หล่อนก็วิ่งหนีแกไปและสุดท้ายแกเองก็ตามหาเด็กไม่เจอ แล้วตอนนี้เป็นยังไง เขาไม่ได้อยากจะรู้จักกับแก ! แค่นั้นยังไม่พอ แกบอกว่าเขาเป็นเด็กธรรมดา ๆ ตาแก่คนนี้ก็เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเด็กคนนั้นคือผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ที่มีลูกศิษย์ที่มีพลังระดับสวรรค์อยู่ถึง 3 คน !”
ฉินวูรงตะโกนด่าฉินวูฟ่าโดยไม่หยุด ฉินวูฟ่าทำได้เพียงเปิดและปิดปากโดยไม่สามารถโต้กลับได้ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์เหมือนกัน แต่ตรงหน้าคือปู่ของปู่เขา …
“อ่อใช่ เมื่อกี้แกอยากจะพูดอะไร ?”
หลังจากด่าไปครึ่งวัน ปากของชายชราก็รู้สึกแห้งเล็กน้อย และเมื่อนึกถึงชาก่อนหน้านี้เขาก็มองไปที่ถ้วยชาแล้วหยิบมันขึ้นมาจากนั้นมองไปที่ฉินวูฟ่า
“คือข้าอยากจะบอกว่าถึงท่านอยากจะตบเขาจริง ๆ ท่านก็ไม่มีทางทำได้ ! ท่านดูตรงนู้นสิ ดูที่ทั้ง 3 ท่านคิดว่าท่านเอาชนะพวกมันได้หรือไม่ ?”
ฉินวูฟ่ากล่าวอย่างจริงจังหลังจากนั้นก็หันไปมองมนุษย์ 2 คนและสัตว์อีกตัวที่อยู่ไม่ไกล
ฉินวูรง “…”
ใบหน้าของฉินวูรงมือเหมือนก้นกระทะ ‘น้องสาวแกสิ ! แกพูดแบบนี้สู้ไม่พูดอะไรดีกว่าหรือยังไง !’ ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังระดับสวรรค์ แต่เขาก็ติดอยู่ที่สวรรค์ขั้นต้นมานานหลายปี ดังนั้นเมื่อเขาหันไปมองมนุษย์ทั้ง 2 และสัตว์อีกตัว ฉินวูรงก็รู้ได้ทันทีว่าเขาทำอะไรไม่ได้
“ใครอนุญาตให้แกเปลี่ยนเรื่อง ? อย่าเปลี่ยนเรื่อง เรากำลังพูดถึงปัญหาของแก !”
ใบหน้าของฉินวูฟ่าเปลี่ยนเป็นดำมืดในขณะที่เขาเริ่มหลบเลี่ยงคำถามนี้
เป่ยเฟิงอยู่ในห้องครัวและในน้ำหม้อก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนน้ำนม กลิ่นหอม ๆ จากเนื้อลอยไปทั่ว แม้ว่าซุปจะดูเหมือนอาหารจานหนักที่เต็มไปด้วยมันเยิ้ม แต่กลิ่นหอม ๆ ของมันชวนทำให้ตัวเบาและสดชื่นมาก
กลิ่นหอม ๆ 2 กลิ่นได้ผสานในจานเดียวกัน ต้องยอมรับเลยว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และน่าลองมาก
เป่ยะเฟิงใช้กระบวยตักเศษซี่โครงออกมามองอย่างระมัดระวัง เนื้อสีชมพูได้เปลี่ยนเป็นสีแดงชมพูเข้ม สามารถมองเห็นเกลียวจำนวนมากบนกระดูกได้อย่างชัดเจน
เป่ยเฟิงฉีกเนื้อออกมาเล็ก ๆ แล้วนำเข้าปาก รสชาติไม่ได้แย่ มันให้รสสัมผัสของเนื้อที่สดชื่น นอกจากนี้ยังมีรสถั่วผงที่แฝงอยู่ในเนื้อ
เนื้อเคี้ยวง่ายมาก เนื้อนุ่ม ๆ และน้ำของมันกระจายออกมาทำให้คนที่ได้เคี้ยวรู้สึกหายเหนื่อย การรวมตัวกันของพวกมันได้ผสมผสานอย่างลงตัวและกลิ่นหอมที่หอมหวานก็สดชื่นอยู่ในปากเป็นเวลานาน
การใช้อุณหภูมิสูงทำให้น้ำซุปที่ใสสะอาดถูกระเหยไป ด้วยวิธีนี้มันทำให้น้ำถูกขังอยู่ในภายในเนื้อสัว์ วิธีการทำอาหารนี้นอกจากจะทำให้อาหารสุกเร็วแล้วมันยังทำให้รักษาเนื้อสัมผัสได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เป่ยเฟิงเลือกที่จะเอาเลือดแฝงไว้ในเนื้อโดยไม่คิดจะเอาออกมา หากเขาเอาเลือดออกมาทั้งหมดมันจะส่งผลต่อรสสัมผัสของเนื้อ
แต่วิธีการนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเนื้อสัตว์อสูรทั่วตัว เนื่องจากเนื้อชิ้นนี้มันเป็นความพิเศษในตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้เลือดและพลังฉีที่แฝงอยู่มันมีมหาศาลและมันไม่ได้ส่งผลต่อเนื้อสัมผัสแม้แต่น้อย
นอกจากนี้พวกกระเทียมและหัวหอมเขาก็ใส่พวกมันลงไปเล็กน้อย ส่วนผสมจำนวนมากจะทำให้รสชาติดั้งเดิมของเนื้อเสียไป
“ถ้าฉันหาสมุนไพรที่เหมือนหัวหอมกับกระเทียมมาได้ รสชาติที่ได้มันต้องดีขึ้นแน่นอน !”
เป่ยเฟิงคิดด้วยความสนใจ เขาไม่แน่ใจว่าสมุนไพรดังกล่าวมีจริงหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่าต้องการวัตถุดิบที่ให้รสชาติคล้าย ๆ กันได้อีกโลก !
เป่ยเฟิงสามารถปรุงอาหารโดยใช้เวลาและอุณหภูมิได้สมบูรณ์แบบมาก เนื้อสัตว์อสูรมันมีรสอร่อยอยู่ในตัวอยู่แล้ว หากไม่มีความสามารถเพียงพอ การใช้วัตถุดิบระดับสูงมาทำอาหารมันจะทำให้สูญเสียรสสัมผัสดั้งเดิมลงไป
“หืม ? กลิ่นนี้มัน …”
ฉินวูรงยืนอยู่กลางสวนและกำลังดุด่าฉินวูฟ่า ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอม ๆ ลอยออกมา ร่างกายของฉินวูฟ่าแข็งค้างเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองในบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น ? กลิ่นมันหอมมาก แต่มันไม่น่าทำให้ท่านต้องตื่นเต้นด้วยเลยนี้ ?”
ฉินวูฟ่าถามด้วยความสับสน
“แกจะไปรู้อะไร ? ข้าบอกได้เลยว่าแกไม่เคยกินของดีแบบนี้มาก่อน ไม่สิ ต้องบอกเลยว่าความจริงแล้วคนยุคนี้ต้องไม่เคยมีใครได้กินของดีแบบนี้มาก่อน …”
ฉินวูรงตอบด้วยใบหน้ารังเกียจ เมื่อเขาสูดอากาศปากของเขาก็เริ่มมีน้ำลายไหล
“ในเมื่อท่านบอกว่ามันเป็นของดีมาก งั้นท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ามันเป็นกลิ่นของอะไร ?”
ฉินวูฟ่าถามกลับด้วยความเหนื่อยใจ
“ไม่รู้ แต่มันต้องเป็นกลิ่นเนื้อสัตว์อสูร ดูเหมือนพวกเราจะมาถูกเวลาแล้ววันนี้ !”
“บางที มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเราหน้าหนาพอแล้วอยู่ที่นี่ต่อไป เราก็จะได้เพลิดเพลินไปกับอาหารแบบนี้ได้เรื่อย ๆ !”
คนมักจะพูดว่าคนแก่จะมีจิตใจแปลกประหลาด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแบบนั้น ตอนนี้ฉินวูรงกำลังถูมืออย่างน่าไม่อาย
ใบหน้าของฉินวูฟ่าเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด ใครสามารถบอกได้หรือไม่ว่ามันดีหรือไม่ดี ? สุดท้ายเขาก็ลืมไปหมดแล้วว่ามาที่นี่ทำไม !
“อย่างที่คิด หน้าของฉันยังไม่หนาพอ”
ฉินวูฟ่าถอนหายใจด้วยความเสียใจ
เป่ยเฟิงตักซี่โครงมาวางไว้บนจานขนาดใหญ่ เขาไม่ได้ใส่วัตถุดิบใด ๆ ลงไปเพิ่ม เขายกมันไปที่โต๊ะอาหารทันที
“โฮ่ง ! ท่านนายหมาผู้นี้อยากกินเนื้อ !”
เคอร์เบอรอสเห่าและหดร่างจากนั้นก็กระโดดไปที่โต๊ะอาหาร
“เนื้อ ! กระดูกนี้น่าอร่อยกว่า !”
“ไร้สาระ ซุปนี้สิถึงจะดีที่สุด !”
เคอร์เบอรอสเริ่มเถียงกันเอง
“เจ้าพวกโง่ พวกแกหัวหนึ่งก็กินเนื้อ อีกหัวก็กินซุปซะสิ ถ้าพวกแกยังมัวแต่เถียงกันนายท่านหมาผู้นี้จะเหลือแต่กระดูกไว้ให้พวกแก !”
แน่นหัวพูดด้วยเสียงรังเกียจ ถึงแม้ซี่โครงจะอร่อยแต่ก็ไม่ได้ดีเท่าเนื้อ ในไม่ช้าทั้ง 3 หัวก็เริ่มทะเลาะกันเอง
“เนื้อ ? กระดูกนี้ยอดเยี่ยมมาก มันมีซุปอยู่ในกระดุกและมันดูน่าอร่อยมาก อ่า อ่า …”
ฉินวูรงและฉินวูฟ่าเดินมานั่งโดยไม่ต้องให้เป่ยเฟิงเรียก ช่วงเวลาที่เขาเดินมาถึงฉินวูรงก็พูดขึ้น
“กินกระดูกแกสิตาแก่สมองน้อย ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะเอากระดูกชิ้นไหนไป !”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินวูรง แน่นหัวก็หันกลับมาและพูดด้วยความรังเกียจ
“ตาแก่คนนี้จะตายเพราะความโกรธ !”
หน้าของฉินวูรงเปลี่ยนเป็นดำเหมือนก้นกระทะ เลือดและฉีของเขาพุ่งสูงขึ้น
“ตาแก่ แกอยากสู้หรือยังไง ?”
“ไป สั่งสอนมันกัน !”
“เอาให้ตาแก่นั่นพิการไปเลย !”
แรงกดดันของเคอร์เบอรอสพุ่งขึ้นมาก่อนจะครอบคลุมร่างของฉินวูรง
แรงกดดันของฉินวูรงถูกกดดันโดยเคอร์เบอรอส ตอนนี้พื้นที่รอบ ๆ ตัวฉินวูรงในระยะ 3 เมตรถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันมหาศาลของเคอร์เบอรอส
“แกร๊ก !”
แรงกดดันมันถึงกับทำให้ฉินวูรงจมลงกับพื้นพร้อมกับรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน เท้าของขาเองจมลงไปในพื้นหลายชุน
แรงกดดันของเคอร์เบอรอสมันมากเสียจนเขายากจะหายใจ ดูเหมือนความสามารถในการต่อสู้ของเคอร์เบอรอสจะมหาศาลจนสามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ได้สบาย ๆ และหากมันใช้วิชาลับของมันเองบางทีมันอาจจะสู้ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์แนวหน้า !
พลังของฉินวูรงอยู่ที่สวรรค์ขั้นต้นเท่านั้น ความต่างชั้นในพลังนั้นก็เหมือนท้องฟ้าและทะเล ตอนนี้เขารู้สึกทรมานอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานแรงกดดันก็หายไป การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ฉินวูรงอับอายจนต้องเกือบกระอักเลือดออกมา !