“ตู้ม !”
เสียงดังก้องจากนั้นคลื่นกระแทกก็กระจายออกไปทุกทิศทาง !
ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถูกทำลายเมื่อถูกคลื่นกระแทกพุ่งผ่าน !
โล่ที่แลดูทนทานก่อนหน้านี้กลับถูกทำลายด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวของเป่ยเฟิง !
รอยยุบที่น่าตกใจปรากฏตรงกลางโล่ พร้อมกับรอยแตกจำนวนมากที่ค่อย ๆ กระจายออกไป !
เกล็ดจำนวนมากถูกทำลายลงไป เกล็ดสีเงินขาวแต่ละเกล็ดมันดูคมและแข็งอย่างมาก แต่ทว่าเกล็ดในตอนนี้กลับถูกทำลายลงเพียงเพราะโดนพลังโจมตีครั้งเดียว !
“บัดซบ ! เจ้ามนุษย์นี้มันแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?”
ใบหน้าของตัวนิ่มเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด มันรู้สึกได้ว่ามนุษย์ตรงหน้ามีพลังน้อยกว่ามัน แต่ในพริบตามนุษย์ตรงหน้าก็กลายเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวแทน !
“กำแพงพสุธา 3 ชั้น !”
กำแพงดินก่อตัวขึ้นขวางด้านหน้ามัน
พื้นดินในตอนแรกที่ดูเหมือนนุ่มนิ่มค่อย ๆ เปลี่ยนสภาพแล้วรวมตัวกันจนแข็งตัว และจากนั้นมันก็ยิงเกล็ดสีเงินขาวออกไปตามรอยช่องกำแพงที่มันสร้างขึ้น !
การสร้างกำแพงตรงหน้ามันต้องใช้พลังงานไปมหาศาล มันในตอนนี้แทบจะขยับตัวไม่ได้
นี่คือพรสวรรค์โดยธรรมชาติของสัตว์อสูร ความสามารถในการควบคุมพื้นดิน !
เป่ยเฟิงไม่สนใจแม้แต่น้อย เขามองเกล็ดสีเงินขาวที่พุ่งเข้ามา จากนั้นร่างของนกอินทรีและหมีก็ปรากฏบนมือขวาของเขาพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
“แก๊ง !”
เสียงกระทบของเหล็กดังขึ้นพร้อมกับเกล็ดสีเงินขาวที่ถูกหยุดเอาไว้ ในเวลาเดียวกันร่างของเป่ยเฟิงก็หายไปพร้อมกับปรากฏบนหัวตัวนิ่ม !
“โฮก !”
ตัวนิ่มสลายพลังแล้วรีบหดร่างเข้าไปด้านในจนกลายเป็นลูกบอลสีเงินขาว !
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพบอันตราย แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะอ่อนล้าแต่ในเวลาเดียวกันมันก็ยังมีความเชื่อมั่นในเรื่องความแข็งแกร่งที่ของตัวเองอยู่ดี !
ในขณะเดียวกันที่เป่ยเฟิงไม่เลือกจะโจมตีตรง ๆ แต่แรกก็เพราะเขาจำกัดการเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง เขาต้องการให้ตัวนิ่มหยุดอยู่กับที่เพื่อที่เขาจะโจมตีได้อย่างอิสระ ในตอนที่ตัวนิ่มใช้ทักษะควบคุมพื้นดินมันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ขวางเขาเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี !
การโจมตีอย่างฉับพลันของเป่ยเฟิงครั้งนี้รวดเร็วมากจนตัวนิ่มตั้งตัวแทบไม่ทัน เพียงแค่กระพริบตาเป่ยเฟิงก็มาปรากฏตัวบนหัวของมันแล้ว !
เมื่อตัวนิ่มหดร่างกลับเข้าไปมันได้เผยให้เห็นหลุดขนาดใหญ่บนหลังของมันพร้อมกับตัวมันที่ไอเป็นเลือดกองใหญ่ออกมา บนหลังของมันเองก็ยังมีบาดแผลยาวหลายเมตรที่เผยให้เห็นกระดูกและอวัยวะภายในอีกด้วย !
“ขวานมังกร !”
เป่ยเฟิงกระโดดขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง จากนั้นมังกรสีเขียวก็ม้วนตัวรอบขาขวาของเขาอีกครั้ง เขาตวัดขาลงมาราวกับกำลังแยกภูเขาให้ออกจากกัน หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาเมื่อขวานสีเขียวปะทะเข้ากับหลังตัวนิ่ม
“ถึงแกจะมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่แกไม่ควรจะมาทดสอบความอดทนของฉัน !” เป่ยเฟิงพูดเบา ๆ พร้อมกับเดินไปยังใจกลางหลุม
การต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาทีเลยตั้งแต่ต้นจนจบ มันเร็วจนทุกคนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน !
“ถึงกายาผสานหยวนจะแข็งแกร่ง แต่มันกลับใช้ได้วันละครั้งเท่านั้น”
เป่ยเฟิงยกเลิกวิชาลับของเขา จากนั้นแรงกดดันของเขาก็ลดลงราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม
หลังจากนั้นเขาก็ลากตัวนิ่มไปที่แม่น้ำแล้วเริ่มทำความสะอาดมัน จุดไฟเตรียมทำบาบีคิว
เมื่อเปลวไฟลุกโชน ตัวนิ่มจากสีเงินขาวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ในขณะเดียวกันหยดน้ำมันหลายหยดก็ค่อย ๆ หยดลงมาจากร่างของมัน
เครื่องปรุงจำนวนมากถูกนำออกมาโรยไปบนเนื้อทำให้กลิ่นของเนื้อหอมยิ่งขึ้น
เป่ยเฟิงทำรอยบากหลายรอยไว้บนเนื้อด้วยมีดสีม่วงทอง การทำรอยบากมันช่วยทำให้ความร้อนกระจายเข้าไปในเนื้อได้ดีขึ้น
ตัวนิ่มตัวนี้เป็นสัตว์ระดับ 9 มันถือได้ว่าเป็นอาหารจิตวิญญาณที่ทรงคุณค่าสำหรับผู้ฝึกตนระดับสวรรค์
ในไม่ช้ากลุ่มของเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ กินบาบีคิว เนื้อตัวนิ่มมันนุ่มมาก ผิวของมันกรอบอย่างมากเมื่อได้เคี้ยว แม้ว่ามันจะกรอบแต่เมื่อได้เคี้ยวไปซักพักมันก็ได้ละลายไปในปาก กลิ่นบาร์บีคิวหอม ๆ เองก็กระจายออกมาจากเนื้ออย่างต่อเนื่อง
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ตัวนิ่มที่ยาวกว่า 10 จางในไม่ช้าก็หายไปหมด !
วิชาลับกายาผสานหยวนนั้นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก หากใช้วิชานี้ออกมาแต่ไม่เติมพลังงานไปเป็นเวลานาน มันอาจจะทำให้สภาพร่างกายย่ำแย่ลงได้
นอกจากนี้เป่ยเฟิงต้องการชำระล้างเส้นเลือดของเขาเลยในตอนนี้ ดังนั้นเพียงเขาคนเดียวก็กินเนื้อตัวนิ่มไปถึงครึ่งหนึ่ง !
มันเป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้ชำระล้างเส้นเลือด แต่ทว่าในตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าสามารถล้างมันได้ !
เส้นเลือดดำยิ่งชำระล้างความหนาแน่นของเลือดและกล้ามเนื้อของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นถึงเท่าตัว ! คำว่าเท่าตัวอาจจะดูเหมือนน้อย แต่แท้จริงแล้วมันมหาศาล !
เลือดและฉีของเป่ยเฟิงถูกกลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปัจจุบันเลือดและฉีของเขามีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนระดับสวรรค์ขั้นสูงสุดถึง 8 เท่า ! และตอนนี้มันก็เพิ่มขึ้นกลายเป็น 9 เท่าแล้ว !
เพียงแค่เลือดและฉีของเป่ยเฟิง มันก็ทำให้เขาสยบผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ปกติได้สบาย ๆ เขาในตอนนี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ก็ว่าได้ !
และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เป่ยเฟิงสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับว่างเปล่าได้ง่าย ๆ โดยใช้วิชาลับกายาผสานหยวนแค่ไม่กี่วินาที
“เร่อ ! อิ่มจริง ๆ “
เคอร์เบอรอสหมอบลงพร้อมกับถือใบหญ้าที่แหลมคมไว้ในกรงเล็บ นั่งแทะฟันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพอใจ
“ไปกันต่อเถอะ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปแต่ฉันรู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่เราเห็น”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความจริงจังในขณะที่มองไปยังใจกลางเกาะ พื้นที่ตรงนั้นมันปลดปล่อยแรงกดดันที่อันตรายออกมาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าที่ผ่อนคลายของไป๋เซียงและคนอื่น ๆ หายไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยเฟิง แม้ว่าพลังของพวกเขาจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเป่ยเฟิงแต่ทว่าในตอนนี้นายของพวกเขากลับพูดแบบนั้นออกมา นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องระมัดระวังตัวมากย่งขึ้น ไม่มีใครอยากเรือล่มหรอกในเมื่อเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้
2 วันต่อมาทุกคนก็มาถึงใจกลางเกาะ พวกเขายืนเมืองกำแพงเมืองที่สูงตระหง่าพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
ไม่มีใครกล้าเดินเข้าไปเพราะมันมีซากของผู้ฝึกตนและสัตว์อสูรจำนวนมากกองอยู่ตรงหน้าประตูเมือง เลือดและเนื้อยังคงสดใหม่ราวกับย่ำเตือนในความประมาทของพวกเขา
ทหารหลายร้อยคนสวมชุดเกราะสีดำยืนอยู่บนกำแพงเมือง พวกเขายืนนิ่ง ๆ ราวกับเป็นหุ่นเชิดที่ไม่มีชีวิต
ด้านข้างกำแพงเมืองมีแท่นหินสีทองแดงดูคล้ายแท่นคริสตัลอยู่ มันมีความสูงเพียง 10 จางและปลดปล่อยแรงกดดันแปลก ๆ ออกมา
“หุ่นเชิดพวกนี้มันแข็งแกร่งเกินไป มันเพียงตัวเดียวก็มีพลังระดับว่างเปล่าแล้ว แล้วตัวที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะมีพลังระดับหลุดพ้น !”
“นี้มันอะไรกัน ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิฉินมีมากแค่ไหนกัน ? ทำไมเขาถึงสร้างหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ขึ้นมาได้ ?”
ผู้คนพูดคุยกันพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
“หืม ? สหายเต๋า หุ่นเชิดพวกนี้แข็งแกร่งขนาดนั้นจริงงั้นรึ ? ทำไมข้าไม่เห็นรู้สึกถึงคลื่นพลังงานของพวกมันได้เลย ?” มีคนถามด้วยความสับสน
คนที่พูดก่อนหน้านี้ชี้ไปข้างหน้าและตอบกลับ “มองไปที่ศพตรงนั้น เจ้าไม่รู้สึกคุ้นเคยพวกเขางั้นรึ ?
“เอ๊ะ ?””
ชายคนนั้นมองไปที่พื้นช้า ๆ แล้วก็เงยหน้าด้วยความตกใจ
“นั่นมันพวกพราหมณ์จากอินเดีย และนั่นผู้เชี่ยวชาญจากเคชริยะ … สวรรค์ ผู้หญิงงูนั่นไม่ใช่ว่าเธอมาจากประเทศไทยงั้นรึ ?”
ชายคนนั้นตะโกนด้วยความตกใจ ซากศพบนพื้นมันเต็มไปด้วยตัวตนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเขามากและทุกคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ขั้นกลางจนไปถึงขั้นสูง !
แต่ตอนนี้ทุกคนตายหมดแล้ว ! มันน่ากลัวมาก !
จากนั้นชายชราอีกคนก็ลูบเขาและมองด้วยความสงสัย “มีบางอย่างแปลก ๆ”
“หึหึ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะพูดอะไร เจ้าจะบอกว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ใช้ไพ่ลับใช่หรือไม่ ?”
“ใช่ ถึงฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งแต่ทว่าพวกเขาต้องเห็นความสำคัญของชีวิตมาก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้แต่มันไม่น่าจะมีปัญหาที่จะหนีออกมาได้ใช่หรือไม่ ?” อีกคนกล่าวตอบ
“มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าพวกเขาจะเผยไพ่ลับอะไรออกมาก็ตาม พวกเขาก็ยังถูกหัวหน้าของหุ่นเหล่านั้นฆ่าตายอยู่ดี ต่อให้มีสมบัติวิเศษที่มีพลังระดับหลุดพ้นแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่รอด”
เมื่อเขาพูดจบ ชายคนั้นก็เต็มไปด้วยความตกใจ ส่วนคนที่พูดใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ประตูเมืองมีทั้งหมด 4 ประตู และอีก 3 ประตูก็มีฉากเหมือนกัน
“ราชาวูหยู”
เป่ยเฟิงและคนที่เหลือก็เพิ่งมาถึง เมื่อมาถึงเขาก็เห็นหวังวูหยูบินไปยังประตูเมือง
“คนบ้าอีกคน”
“มันคิดว่าจะเข้าไปได้ง่าย ๆ รึยังไงกัน !”
“ปล่อยมันไป ให้มันนำทางไปทดสอบให้พวกเราก่อน”
คนอื่น ๆ มองเขาด้วยสายตาเย็นชาและไม่มีใครพูดเตือนเขาซักคน
หวังวูหยูบินสบาย ๆ ราวกับเสือที่กำลังเดินผ่านป่าของตัวเอง
ทุกคนมองหวังวูหยูที่กำลังพยายามจะเข้าไปทางประตูเมือง ทันใดนั้นหวังวูหยูก็หันไปอีกทางและมุ่งหน้าไปยังแท่นหิน
“เขากำลังจะทำอะไร ?”
“หรือว่ามีอะไรแปลก ๆ กับแท่นหินนั้นกัน ?”
“ในเมื่อหุ่นเชิดนั้นแข็งแกร่งเกินไป เป็นไปได้ไหมว่ามีวิธีเข้าเมืองโดยอาศัยแท่นหินนั้น ?”
ผู้คนพึมพำพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกาย
“ถอยไป ! สมบัตินั้นมีเจ้าของแล้ว !”
ก่อนหน้าที่ทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ประตูเมืองมากเกินไป แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าหวังวูหยูสามารถเดินเข้าไปใกล้ได้โดยไม่มีปัญหาพวกเขาก็เริ่มเปล่งสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ จากนั้นมนุษย์ยุคใหม่จากอเมริกาก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังกลายเป็นเปลวไฟพุ่งไปหาหวังวูหยู !