ไป๋เซียงและคนอื่น ๆ เมื่อประเมินพลังเสร็จก็รีบเดินตามเป่ยเฟิงเข้าไปในเมือง
เมื่อได้มายืนใกล้ประตูเมือง จากตอนแรกที่เห็นพวกหุ่นจากระยะไกลมันดูไม่อันตรายแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้มายืนใกล้ ๆ ทุกคนกลับรู้สึกได้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวพวกมัน !
หุ่นทุกตัวสวมชุดเกราะสีดำ และพวกมันส่วนใหญ่มีพลังระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังมีระดับว่างเปล่าและหัวหน้าของพวกมันมีพลังระดับหลุดพ้น !
หากใครอยากจะบุกเข้าไปในเมืองพวกเขาคงทำได้เพียงรวมพลังทั้งผู้ฝึกตนทั้งหมดและสัตว์อสูรเข้าด้วยกันแล้วรวมพลังบุกไปในประตูทิศเดียวกัน นอกจากนี้พวกเขายังเสียหายอย่างหนักอีกด้วย !
ในขณะเดียวกันใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกหุ่นเชิดทั้งหลายถูกทำลายไปจนหมด ?
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วในขณะมองพวกหุ่นเชิดที่จำนวนน้อยลง !
“ตอนแรกพวกมันมีจำนวน 101 ตัว แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียง 78 ตัว และตัวหัวหน้าของมันก็หายไป ดูเหมือนจำนวนที่หายไปจะเท่ากับคนที่เข้าไปในเมืองนั่นคือ 23 ตัว !”
เป่ยเฟิงบอกสิ่งที่เขาค้นพบกับไป๋เซียงและคนอื่น ๆ จากนั้นก็เพิ่มความระวังตัวสูงสุดเมื่อเดินมาถึงประตู
“ป๋อม !”
เสียงดังเบา ๆ เมื่อเป่ยเฟิงเดินผ่านม่านบาง ๆ ของประตูเมือง เมื่อเขาหันไปมองรอบ ๆ ก็เห็นว่าไป๋เซียงและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกราวกับว่าร่างกายหนักขึ้น ในขณะเดียวกันพลังที่ใช้ป้องกันจิ้งจอกน้อยนอกจากจะไม่ได้ลดลงแล้ว มันกลับเพิ่มมากขึ้น !
“แตะ แตะ !”
เป่ยเฟิงก้าวเท้าลงกับพื้นพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เขาอยู่ในห้องเหล็กที่มีแท่นหินอยู่ตรงกลาง 2 แท่น มีบาเรียสีทอง ๆ ครอบคลุมและข้างในก็มีขวดหยกอยู่ ในขวดหยกเหมือนจะมีของเหลวสีเขียวอยู่ข้างใน
“อย่างที่คิด นี้คือค่ายกลเคลื่อนย้ายแบบมิติสินะ ?”
เป่ยเฟิงสำรวจรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง เขาไม่คิดที่จะทดสอบความหนาของกำแพง เนื่องจากถูกส่งตัวมาในห้องนี้แปลว่าต้องมีบางอย่างแน่ ๆ หากเขาประมาทนั้นจะไม่เป็นการนำพาไปสู่ความตายงั้นรึ ?
ห้องนี้ดูเหมือนจะมีการระบายอากาศอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปีแต่มันกลับไม่มีฝุ่นละอองเลย นอกจากนี้มันยังมีไข่มุกสีขาวที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่บนเพดาน
“ชั้วะ !”
เสียงฟันเบา ๆ ดังขึ้น จากนั้นเป่ยเฟิงก็หันไปมองด้านหลังและเขาก็เห็นลำแสงสีเงินก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น จากนั้นหุ่นที่สวมเกราะสีดำก็ค่อย ๆ ก้าวออกมาพร้อมกับถือดาบทองแดงไว้ในมือ
“แกร๊ก แกร๊ก !”
“ฟิ้ว !”
พลังของหุ่นเชิดระเบิดขึ้น มันมีพลังอยู่ที่ระดับว่างเปล่าและในพริบตาดวงตาของมันก็เปล่งประกายสีเขียว จากนั้นแรงกดดันของมันก็ค่อย ๆ ลดลงมาถึงระดับสวรรค์ขั้นกลางระดับสูงสุด !
จากนั้นแรงกดดันที่อยู่บนเกราะและดาบก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ ตอนนี้มันไม่ได้คมและทนทานเหมือนเมื่อครู่แล้ว
เกราะหนักส่งเสียงดังขึ้นทุกครั้งที่หุ่นเชิดขยับ
“นี่คือการทดสอบสินะ ? สหายตรงหน้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าฉันอยู่ระดับหนึ่ง”
เป่ยเฟิงมองด้วยความสนใจ
“ชิ้ง !”
ทันใดนั้นหุ่นเชิดก็โจมตีเข้ามา มันเหวี่ยงดาบพุ่งไปหาเป่ยเฟิง !
“แก๊ง !”
เป่ยเฟิงสะบัดนิ้วออกไปจากนั้นดาบที่ดูแข็งแรงทนทานก็ถูกหักล้างสลายพลัง
หุ่นเชิดไม่ได้แสดงท่าทางใด ๆ มันใช้ความแข็งแกร่งของร่างมันโก่งตัวหมุนร่างจากนั้นก็ใช้ดาบเฉือนไปที่คอของเป่ยเฟิง !
การเคลื่อนไหวของมันเร็วมาก ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ขั้นกลางระดับสูงสุดมายืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่สามารถหลบมันได้ !
แต่น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเป่ยเฟิงมันใช้มาตรฐานของผู้เชี่ยวชาญทั่วไปไม่ได้ !
ดาบเล่มนี้มันช้าเกินไป มันช้าจนเป่ยเฟิงมองเห็นขอบดาบที่พุ่งทะลุผ่านอากาศและมีอนุภาครอบ ๆ ไหลไปตามใบดาบ !
เป่ยเฟิงถอยหลัง 1 ก้าว แม้ว่ามันจะไม่เท่าระยะห่างของสวรรค์และโลก แต่มันก็ทำให้ใบมีดเฉือนผ่านคอของเขาไปไม่กี่มิลลิเมตร
ตัวดาบไม่มีฉีใด ๆ เล็ดลอดออกมา มันราวกับพลังทั้งหมดได้รวมอยู่ภายในดาบ !
แม้ว่ามันจะดูเหมือนดาบธรรมดา แต่แรงระเบิดของดาบเล่มนี้น่ากลัวมาก ! มันคือวิชาดาบสังหาร ! ไม่มีเทคนิคซับซ้อนหรือสง่างามใด ๆ ทุกจังหวะมุ่งเน้นเพียงสังหาร ใช้การเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเพื่อสร้างความเสียหายที่สูงทีสุดกับฝ่ายตรงข้าม !
เป่ยเฟิงวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของหุ่นเชิด หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้กังวลกับมันอีกต่อไป ถึงแม้ว่าทักษะที่มันใช้จะแตกต่างจากที่เขาเคยเห็น แต่ความแตกต่างเรื่องพลังของมันกับเป่ยเฟิงมากเกินไป ความแตกต่างนี้มันไม่ใช่สิ่งที่อาศัยเพียงวิชาหรือทักษะใด ๆ จะเอาชนะได้
‘หรือว่าระดับความยากแบบนี้ก็เพื่อทดสอบหาคนที่จะผ่านไปได้ ?’ เป่ยเฟิงคิดเงียบ ๆ หุ่นเชิดดูเหมือนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดสอบผู้ท้าชิง และหากมันสามารถสังหารใครได้ก็ตามนั้นเท่ากับผู้ฝึกตนคนนั้นไม่สมควรผ่านไป !
‘เอ๊ะ ? ไม่สิ มันไม่น่าจะใช่ … หรือว่าจะเป็น !’
เป่ยเฟิงคิดไปพร้อมกับหลบไปด้วย ถึงแม้ว่าการกระทำของเขาจะดูเชื่องช้าและสบาย ๆ แต่เขากลับสามารถหลบการโจมตีของหุ่นเชิดโดยการขยับเพียงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันหลังไปมองแท่นหินทั้ง 2 แท่น
เขาคำนวณเวลาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้อง จากนั้นก็หันไปมองแสงสีเขียวที่ปรากฏบนร่างของหุ่น จากนั้นเป่ยเฟิงก็เข้าใจทันที
‘ดูเหมือนว่าแสงนั่นหมายถึง 1 นาที ? แต่ทำไมมันถึงส่องแสงถึง 2 จุด ?’
เป่ยเฟิงหันหลังและพุ่งไปหาหุ่นพร้อมรอยยิ้ม แสงสีขาวบนร่างของหุ่นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะครอบคลุมร่างของมันทั้งหมด ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้จับหรือยกมัน แต่เขาแยกมันเป็น 2 ส่วนด้วยขวานมังกร !
“แกร๊ก !”
ชิ้นส่วนของหุ่นค่อย ๆ หลุดออกมาจากร่าง จากนั้นก็มีไข่มุกหลุดออกมาจากหน้าอกของมัน
เหตุผลที่เขาสามารถแยกส่วนหุ่นเป็น 2 ส่วนได้ก็เพราะความแข็งแกร่งของวัสดุมันถูกปรับให้อ่อนแอลงเพื่อให้ตรงกับระดับพลัง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางเอาชนะหุ่นเชิดที่ใช้พลังเต็มที่ได้ง่าย ๆ
“อาวุธนี้ไม่เลว ดูเหมือนหุ่นเชิดนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นจากตระกูลกงชุนสินะ ?” เป่ยเฟิงพึมพำ ในสมัยก่อนมันมีความคิดที่แปลกใหม่ของพวกนักคิดและเหล่านักปราชที่ต่อสู้กันด้วยความรู้ มันถือได้ว่ายุคนั้นคือยุคที่เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองของประวัติศาสตร์ !
เป่ยเฟิงหยิบไข่มุกและดาบทองแดงขึ้นมา จากนั้นก็วางไว้ตรงจุดที่เว้าโค้งตรงแท่นหิน
ไม่มีเสียงใด ๆ จากนั้นบาเรียสีทองก็หายไป
ทันทีที่เขาสัมผัสขวดหยก ข้อความก็ดังขึ้นในหัวของเขา
“ดิ๊ง ! สมบัติระดับ 9 ! ยาอายุยืน ! (เพื่อที่จะแสวงหาความอมตะ จักรพรรดิฉินฉื่อหฺวังตี้ได้ใช้อำนาจทั้งหมดของเขาเพื่อรวบรวมวัตถุดิบล้ำค่าจากทุกมุมโลก จากนั้นก็ให้นักปรุงยากลั่นยาขึ้นมา ยาอายุยืนขวดนี้คือของล้มเหลวที่เกิดจากการทดลอง มันสามารถยืดอายุได้ 3 ปี !) ประสบการณ์ที่ได้รับ : 0 แต้ม !”
เป่ยเฟิงมองขวดหยกเล็ก ๆ ด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีของแบบนี้จริง ๆ ในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้มันยังยืดอายุไปได้อีก 3 ปี !
หากจะบอกว่ายาใดที่มีค่ามากที่สุด นั่นก็คือยาที่ช่วยทำให้อายุยืนยาวขึ้น ! ในบรรดายาระดับเดียวกัน ยาที่ช่วยทำให้อายุยืนยาวขึ้นมันจะมีมูลค่ามากกว่ายาที่ระดับเดียวกันอย่างน้อย 10 เท่า !
เป่ยเฟิงหัวเราะดัง ๆ ในขณะมองขวดยาในมือ เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้งตั้งแต่มีพลังระดับสวรรค์
“ดูสิ จิ้งจอกน้อย ฉันบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้เธอตาย เห็นไหม ?”
เป่ยเฟิงเปิดขวดหยก จากนั้นก็ใช้พลังเลือดและฉีห่อหุ้มของเหลวข้างในแล้วส่งเข้าไปในปากของจิ้งจอกน้อย
หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังเลือดและฉีของตัวเองซึมเข้าไปในร่างของจิ้งจอกน้อยเพื่อทำให้มันดูดซับยาอายุยืนได้ง่ายขึ้น
หลังจากผ่านไปไม่นาน เปลวไฟชีวิตที่อ่อนแอของจิ้งจอกน้อยก็เริ่มเสถียรอีกครั้ง เป่ยเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แท่นหินทั้ง 2 มันดูเหมือนมีไว้เพื่อใส่ไข่มุกและดาบทองแดงโดยอาศัยจากการเอาชนะหุ่นเชิด
ดูเหมือนนี่จะเป็นการทดสอบผู้ที่ต้องการเข้าไป และการที่จะผ่านไปได้คือคน ๆ นั้นต้องใช้เวลา 1 นาทีในการจัดการกับหุ่นเชิดตรงหน้าที่มีพลังเหนือกว่าตัวเองให้ได้ !
หากผ่านไปแล้ว 1 นาทีแต่ยังไม่สามารถฆ่าหุ่นเชิดได้ เขาจะถูกหุ่นเชิดฆ่าแทน
แต่หากฆ่าหุ่นเชิดได้ภายใน 1 นาที นอกจากจะผ่านการทดสอบแล้วยังได้รับไข่มุกและอาวุธของมันเพื่อนำไปเปิดกลไกการทำของบาเรีย ตัวอย่างก็ที่เป่ยเฟิงได้รับยาอายุยืน !
ทันใดนั้นผนังด้านข้างก็มีประตูปรากฏขึ้นเงียบ ๆ ด้านหลังของมันคือทางเดินยาวที่นำพาไปที่ใดก็ไม่มีใครรู้
เป่ยเฟิงยักไหล่จากนั้นก็ดึงดาบทองแดงออกมา แต่ทันทีที่เขาดึงดาบประตูหินก็ปิดลง
“ชิ ขึ้เหนียวจริง ๆ”
เป่ยเฟิงเดาะลิ้นและดันดาบกลับไปที่เดิม จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
ประตูด้านหลังเขาค่อย ๆ ปิดลงและตรงหน้าเป่ยเฟิงในตอนนี้ก็คือทางเข้าเขาวงกตขนาดใหญ่
เขาวงกตมันใหญ่มาก นอกจากนี้มันยังมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังออกมาเป็นระยะ
‘มันจะอลังการเกินไปแล้ว ! ดูเหมือนมิตินี้จะผนึกทุกอย่างรวมไปถึงพลังจิตด้วย !’
เป่ยเฟิงส่งพลังจิตออกไปสำรวจรอบ ๆ แต่มันก็หดกลับมาเหลือเพียง 10 เมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับระยะทางร้อยกว่าเมตรก่อนหน้านี้มันถือว่าลดลงมาเยอะมาก
ในเมื่อไม่มีทางเลือก เป่ยเฟิงทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าเท่านั้น
ทันทีที่เขาก้าวออกไป กำแพงเหล็กก็ปรากฏขึ้นด้านหลังปิดทางเข้าทันที
เป่ยเฟิงวางมือไว้บนกำแพงเหล็กจากนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น กำแพงเหล็กมันถูกสร้างมาจากเหล็กระดับ 3 ดาว !
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้นก็ไม่สามารถทำลายมันได้ มันแข็งจนน่าตกใจ !
เป่ยเฟิงพยายามจะกระโดดขึ้น แต่แรงกดดันมหาศาลก็ผลักเขาลงมา เขากระโดดได้สูงสุดเพียง 15 เมตรก่อนจะถูกผลักกลับลงมา !
เขาทำได้เพียงเดินไปบนพื้นเท่านั้น
หลังจากพยายามมาเป็นเวลานาน เป่ยเฟิงก็พบว่าตัวเองไม่สามารถออกไปจากเขาวงกตได้ นอกจากนี้ดูเหมือนเขาวงกตแห่งนี้จะมีเขาคนเดียว
“โฮก !”
ทันใดนั้นสัตว์อสูรสูง 3 จางก็ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นสัตว์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างเสือและเสือดาว มันกระโดดพุ่งไปหาเป่ยเฟิงพร้อมกับกรงเล็บที่แหลมคม ความเร็วของมันไม่ได้น้อยไปกว่าเป่ยเฟิงเลย !
ในไม่ช้าร่างของเป่ยเฟิงก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน เลือดสีดำค่อย ๆ หยุดลงมาจากตัวเขา ดูเหมือนเขาจะติดพิษ !
“บัดซบ ! อสูรบัดซบนี้มันเร็วเกินไป !” เป่ยเฟิงสบถเนื่องจากเขาหลบการโจมตีของมันไม่พ้น !
สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังระดับว่างเปล่า มันล่าเหยื่ออย่างช้า ๆ ราวกับกำลังเล่นกับเหยื่อ
เป่ยเฟิงไม่ได้ใช้วิชาลับกายาผสานหยวนเนื่องจากสัตว์อสูรตรงหน้ามันอาจจะวิ่งหนีไปในทันทีที่เขาใช้วิชาลับ และมันอาจจะหันกลับมาเมื่อเขาอ่อนแอลง นั่นจะเป็นความลำบากที่สุดของเขาในทันที
สัตว์อสูรยืนห่างจากเป่ยเฟิง 100 เมตร มันมองเป่ยเฟิงด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับเลีบกรงเล็บของมัน
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ และกอดจิ้งจอกน้อยไว้ เพื่อนตัวน้อยยังคงนอนนิ่ง ๆ หลับสนิทอยู่บนหน้าอกของเขา ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรตัวนั่นก็ค่อย ๆ หายตัวเข้าไปในความมืด