ทันทีที่สัตว์อสูรหายไป เป่ยเฟิงก็ถอนหายใจออกมา แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรตัวนั้นมันทรงพลังมาก เขาหาโอกาสที่จะหนีไปจากมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้เหมือนกันว่าสัตว์อสูรตัวนั้นทำไมถึงไม่พูดกับเขา และไม่ใช่แค่มันแต่สัตว์อสูรส่วนใหญ่มันน่าจะมีความสามารถในการพูดคุยได้ตั้งแต่มีพลังระดับสวรรค์ แต่เขายังไม่เคยได้ยินสัตว์ตัวใดพูดเลยซักครั้ง
เป่ยเฟิงไม่ได้อยู่ตรงนั้นนานเกินไป เนื่องจากสติปัญญาของสัตว์อสูรตัวเมื่อครู่ดูแล้วน่าจะสูงกว่าที่เขาเคยเจอมา
หลังจากนั้นเขาก็สำรวจจิ้งจอกน้อย เมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ดีเขาก็ถอนหายใจ จากนั้นหินวิญญาณระดับสูง 2 ก้อนก็ปรากฏในมือเขา
เลือดสีดำไหลออกมาไม่หยุดจากบาดแผลของเขา มันส่งกลิ่นเหม็นฉุนมาก แม้ว่าเป่ยเฟิงจะเหมือนผ่อนคลายอยู่ แต่แท้จริงแล้วเขายังคงระวังตัวและรอคอยการปรากฏตัวของสัตว์อสูรตัวเมื่อครู่ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน การที่เขาได้มีโอกาสพักหายใจถือว่าเป็นเรื่องดีกับเขา หากมันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขามั่นใจได้ว่าจะสู้กับมันได้ !
เป่ยเฟิงเร่งพลังจิตจนถึงขีดสูงสุดของเขา เขาพยายามสังเกตสภาพแวดล้อมโดยระเอียดพร้อมกับฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปในตัว อีกเพียงไม่นานบาดแผลของเขาก็จะหายสนิท แต่อย่างไรก็ตามการโจมตีของสัตว์อสูรที่เขาคิดไว้ว่ามันจะลอบโจมตีกลับไม่เกิดขึ้น
‘มันก็ดีเหมือนกัน ถึงฉันจะฆ่ามันไม่ได้แต่มันก็ดีที่เราไม่ยุ่งเกี่ยวกันและกัน’ เป่ยเฟิงฟื้นฟูบาดแผลจนหายดี เขาพึมพำพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดูเหมือนฉันจะต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นด้วยของฉันในตอนนี้มันคงยากที่จะหลีกหนีหายนะไปได้” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเองจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และเมื่อเขายืนขึ้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที !
“ตาย !”
เขาไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใด เขาระเบิดพลังอินทรีหมีออกมาทันที !
ทันทีที่เขาลุกขึ้น เสือ-เสือดาวตัวนั้นก็ปรากฏตัวตรงหน้าเขา ดูเหมือนเขาจะประมาทมันเกินไป !
เขาระวังตัวอยู่ตลอดเวลาในขณะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แต่เพราะสัตว์อสูรตัวนี้ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลยและเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาถูกฟื้นฟูจนสมบูรณ์แล้วมันทำให้เขาผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ใครจะไปคิดกันว่าสัตว์อสูรตัวนั้นจะเข้าใจจิตใจของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี มันจึงเลือกลอบโจมตีในช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด !
“บู้มมม !”
นกอินทรีและหมีเกื้อหนุนซึ้งกันและกัน การโจมตีด้วยการผสมผสานของทั้ง 2 มันช่วยทำให้พลังโจมตีเพิ่มขึ้นมหาศาล !
การโจมตีของเป่ยเฟิงในครั้งนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญที่เพิ่งทะลวงระดับว่างเปล่า !
น่าเสียดายที่สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังระดับว่างเปล่าและมันไม่ใช่ตัวที่เพิ่งทะลวงระดับมา มันโบกอุ้งเท้าออกไปจากนั้นก็ทุบทำลายอินทรีหมี !
คลื่นกระแทกกระจายออกไปรอบ ๆ จากนั้นสัตว์อสูรก็ใช้กรงเล็บของมันพุ่งไปหาเป่ยเฟิง !
“วิชาลับ กายาผสานหยวน !”
เป่ยเฟิงไม่มีทางเลือกอีกต่อไป หากเขาไม่ระวังตัวดี ๆ เขาอาจจะตายได้ ดังนั้นเขาจึงเปิดใช้งานวิชาลับและจากนั้นก็พยายามฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้ให้ได้ !
สัตว์อสูรตัวนี้มันร้ายกาจเกินไป หากเขาไม่ได้ฆ่ามันเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ !
“ฆ่า !”
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของเป่ยเฟิง จากนั้นเขาก็เตะออกไปข้างหน้าด้วยขวานสีเขียวที่ห่อหุ้มขาของเขา !
“โฮกก ! กร๊าซซ !”
เสียงคำรามที่เหมือนเสียงคำราม 2 เสียงดังซ้อนกัน สัตว์อสูรตัวนั้นม้วนตัวไปข้างหลังและหลบการโจมตีของเป่ยเฟิง !
เป่ยเฟิงไม่สนใจว่ามันจะได้ผลหรือไม่ แทนที่จะถอยหลังแต่เขากลับกระโดดไปข้างหน้าเพื่อปะทะกับมัน !
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันไม่ใช่พละกำลัง แต่เพราะมันอาศัยความเร็ว กรงเล็บที่คมและพิษของมันทำให้มันแข็งแกร่งและน่ากลัวมาก ตราบใดที่เขาสามารถเข้าไปใกล้มันได้เป่ยเฟิงเชื่อว่าเขาจะฆ่ามันได้ !
ปีกอินทรีปรากฏด้านหลังของเป่ยเฟิง มันกางออกมาจากนั้นความเร็วของเป่ยเฟิงก็เร็วมากขึ้น ขนนกสีขาวเหมือนหิมะโบยสะบัดไปรอบ ๆ ทำให้พื้นที่กว้างกว่า 50 เมตรกลายเป็นน้ำแข็ง !
ปีกอินทรีหิมะสวรรค์มีความสามารถที่มาพร้อมกับการควบคุมสายลม และอีกความสามารถของมันคือความสามารถในการเรียนรู้ธาตุน้ำแข็งได้ !
การรวมกันของลมและน้ำแข็งมันทำให้พลังของปีกอินทรีหิมะสวรรค์แสดงพลังออกมาได้เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับหลุดพ้น แต่ทว่ามันมีน้อยครั้งมากที่เป่ยเฟิงเลือกที่จะใช้มัน และเขาจะใช้มันก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น !
นั่นก็เพราะเขาไม่สามารถใช้มันได้เป็นเวลานาน และพลังของมันก็ลดลงด้วยเช่นกัน !
พื้นที่กว้างกว่า 50 เมตรกลายเป็นน้ำแข็ง มันมีอุณหภูมิต่ำมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถทนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้นานนัก !
แต่สำหรับสัตว์อสูรระดับว่างเปล่าแล้ว ความเย็นแค่นี้ไม่ถึงกับเอาชีวิตมันไปได้ มันแค่เคลื่อนไหวยากลำบากเล็กน้อย
ความเร็วของเป่ยเฟิงในตอนนี้มากกว่าสัตว์อสูรแล้ว เป่ยเฟิงยื่นมือออกไปข้างหน้าราวกับกำลังยกดาบขึ้น จากนั้นเขาก็สะบัดมันลงมา !
ปีกสีดำทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นบนมือ จากนั้นก็ขยายกว้างกว่า 10 เมตรแล้วพุ่งไปหาสัตว์อสูร !
“หยิน!”
เสียงร้องของนกอินทรีพุ่งทะลุผ่านอากาศ ในพริบตาปีกสีดำก็กลายเป็นเงา !
เป่ยเฟิงเชื่อว่าสัตว์อสูรตัวนี้ไม่สามารถหลบการโจมตีของเขาได้ !
แต่ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอีกครั้ง ทันทีที่การโจมตีเกือบจะถึงมัน สัตว์อสูรมันกลับเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยเขา จากนั้นบาเรียสีเขียวก็ปรากฏรอบตัวมันแล้วความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า !
สัตว์อสูรตัวนั้นดูเหมือนต้องการเล่นกับเขา ก่อนหน้านี้มันเพียงแค่ทดสอบเป่ยเฟิงเท่านั้น และตอนนี้มันก็กำลังทำท่าเยาะเย้ยเป่ยเฟิงอยู่
มันระมัดระวังตัวมาตลอดเวลา หากมันไม่คิดจะทดสอบเป่ยเฟิงบางทีมันอาจจะบาดเจ็บเพราะการระเบิดพลังฉับพลันของเป่ยเฟิงก็ได้
การระเบิดพลังฉับพลันของสัตว์อสูรทำให้เป่ยเฟิงต้องถอยหลังอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเทวรูปหมีก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขาก่อนจะผสานเข้ากับร่างของเขา !
“โฮก !”
หลังจากนั้นบาเรียสีขาวเงินก็ปรากฏครอบคลุมร่างของเขา ร่างของเขาค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นจากนั้นก็สูงกว่า 5 เมตรและแรงกดดันของเขาก็เพิ่มมากขึ้น !
นี้คือการเปลี่ยนความเร็วของเขาให้กลายมาเป็นการป้องกัน ในขณะเดียวกันเทพเจ้าแห่งดวงดาวก็ปรากฏข้าง ๆ เขาพร้อมกับชุดเกราะจันทราที่สวมอยู่บนร่างของเธอ
“ชั้วะ !”
สัตว์อสูรปรากฏตรงหน้าเป่ยเฟิง จากนั้นมันก็โบกอุ้งเท้าไปที่หน้าอกของเขา กรงเล็บที่อยู่ตรงอุ้งเท้ามันแหลมคมมาก มันส่งเสียงกรีดร้องผ่านอากาศและส่องแสงประกายระยิบระยับออกมา
อุ้งเท้าหมีของเป่ยเฟิงคว้าไปที่สัตว์อสูร แต่มันกลับสามารถหลบได้ง่าย ๆ
หลังจากนั้นมันก็ไปโผล่ข้าง ๆ แล้วจ้องมองเป่ยเฟิงด้วยความดุร้าย
เป่ยเฟิงมองไปที่หน้าอกของเขา รอยแผลขนาดใหญ่ 3 รอยที่เผยให้เห็นกระดูกและหัวใจที่กำลังเต้นอยู่
ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย มันไม่มีเลยซักหยด
“กรงเล็บของมันคมมาก มันเกือบจะเจาะหัวใจฉัน”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงไม่มีอารมณ์ใด ๆ เขามองสัตว์อสูรที่กำลังถอยไปอย่างช้า ๆ แม้ว่าเขาจะดูสงบแต่ความจริงแล้วเขาโกรธมาก !
สัตว์อสูรตัวนี้ฉลาดมาก มันไม่ได้พยายามโจมตีต่อแต่เลือกที่จะหาโอกาสอีกครั้ง
มันเข้าใจข้อดีและความอ่อนแอของตัวมันเองดี ดังนั้นสิ่งที่มันจำเป็นก็คือการหาจังหวะโจมตีที่ถูกต้องเพื่อทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส !
นอกจากนี้มันยังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่ไม่ใช่กับเป่ยเฟิง ดังนั้นสำหรับมันแล้วเป่ยเฟิงก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ !
“แปดก้าวไล่ล่าจักจั่น !”
เป่ยเฟิงใช้ทักษะสายลมของเขา กรงเล็บของสัตว์อสูรตัวนี้มันโหดร้ายเกินไป เกราะป้องกัน 2 ชั้นของเขากลับถูกมันทำลายได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงหันเปลี่ยนจากการป้องกันมาเป็นการมุ่งเน้นโจมตีแทน !
นี่คือทักษะต่อสู้ของวิถีแห่งเต๋า สำหรับคนธรรมดามันถูกเรียกอีกอย่างว่า “แปดก้าวไล่ล่าม้า” มันเป็นทักษะที่ช่วยเพิ่มความเร็วได้ในระยะหนึ่งและมันทำให้สามารถวิ่งไล่จับม้าที่กำลังวิ่งหนีได้โดยการวิ่งเพียง 8 ก้าวจากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังแล้วขี่มัน หากมีฝีมือดีพอก็สามารถยืนตรงบนหลังม้าและทำท่าทางผาดโผนได้ !
สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว การเคลื่อนไหวของพวกเขาเร็วอยู่แล้ว หลังจากใช้ “แปดก้าวไล่ล่าจักจั่น” มันจะทำให้ความเร็วของพวกเขาเร็วมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าจักจั่นที่กล่าวถึงมันไม่ใช่จักจั่นธรรมดา
จักจั่นทองคำมันมีความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ในสมัยโบราณมันมีวลีว่า “จงหนีให้เหมือนจักจั่นลอกคราบ” ความเร็วของจักจั่นทองคำในวัยโตเต็มวัยนั้นเร็วมาก มันคือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตจากอีกโลกที่ขึ้นชื่อว่าเร็วที่สุด !
แปดก้าวไล่ล่าจักจั่นมันไม่ใช่วิชาที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่มันคือสิ่งที่เป่ยเฟิงค้นพบจากระบบ
แปดก้าวไล่ล่าจักจั่นมันเป็นทักษะที่ยุ่งยากมาก หากร่างกายไม่แข็งแกร่งพอก็จะไม่มีวันเข้าใจมันได้ เป่ยเฟิงใช้เวลากว่าหนึ่งปีถึงจะเข้าใจมันได้ แต่เขาก็ยังอยู่เพียงขั้นแรกเท่านั้น !
เทคนิคนี้มันถือว่าเป็นเทคนิคเคลื่อนไหวและเทคนิคต่อสู้ในเวลาเดียวกัน ทุกก้าวที่ก้าวออกไปมันช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากถึง 1 เท่า !
และแปดก้าวหมายถึงการเข้าใกล้สวรรค์ ในเวลาเดียวกันทุก ๆ ก้าวจะสร้างภาระอันใหญ่หลวงให้กับร่างกาย ทักษะนี้ใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งพอก็เพราะเพื่อจะรองรับภาระที่ตามมาหลังจากใช้มัน !
เป่ยเฟิงก้าวออกไปหนึ่งก้าวและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตรงหน้าสัตว์อสูรตัวนั้นทันที !
“โฮก ?”
สัตว์อสูรตัวนั้นขนทั้งตัวลุกชัน มันไม่เข้าใจว่ามนุษย์ตรงหน้าทำไมถึงเร็วขนาดนี้ มันรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว
“ก้าวที่ 2 !”
เลือดและฉีของเป่ยเฟิงระเบิดขึ้นพร้อมกับผิวหนังที่ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรดูเหมือนกำลังจะหนี เขาไม่ได้ถอยแต่เขาก้าวออกไปอีกก้าว !
ตอนนี้เนื้อและผิวหนังกว่า 1 ใน 3 ของเขาได้เผยออกมาและทำให้เห็นโครงกระดูกแล้ว !
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของเขา ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าพลังต่อสู้ของเขาได้เข้าใกล้ระดับหลุดพ้นแล้ว !
ตวามเร็วของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับเขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านมิติได้ สัตว์อสูรที่อยู่ห่างไม่ถึง 100 เมตรรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวที่ใกล้เข้ามา มันเป็นแรงกดดันมหาศาลที่กำลังพุ่งมาจากด้านหลังของมัน มันไม่ลังเลอีกต่อไป มันรีบเผาเลือดและพลังของมันเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง !
มนุษย์คนนี้มันมีไพ่ลับเยอะเกินไป มันไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะน่ากลัวขนาดนี้ ! หากมันสามารถหนีไปได้ละก็มันสัญญาเลยว่าจะไม่มายุ่งกับมนุษย์คนนี้อีกแล้ว !
ดวงตาของสัตว์อสูรเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่ร่างของมันพุ่งไปตามสายลมเพื่อหนีไปให้ไกลและไวที่สุด
ทันใดนั้นรอยแยกมิติก็ปรากฏตรงหน้ามันตามมาด้วยเป่ยเฟิงที่ปรากฏตรงหน้ามัน เขาไอออกมาเป็นเลือดและดูน่ากลัวมาก แต่ทว่าหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนหน้าในขณะจ้องมองสัตว์อสูรตรงหน้าเขา