เลือดและฉีของเป่ยเฟิงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล แต่เพราะแปดก้าวไล่ล่าจักจั่นมันทำให้ร่างกายของเขาแบกรับภาระมากเกินไป เพียงแค่ 2 ก้าวมันก็ทำให้เลือดและฉีจำนวนมากของเขาถูกเผาหายไป !
“แกคิดจะหนีไปไหน ? ในเมื่อแกมาแล้วอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้ !”
พลังชั่วร้ายระเบิดออกมาจากร่างของเขาทำให้เป่ยเฟิงในตอนนี้ไม่เหมือนตอนปกติ
ร่างของเขากระพริบหายไป จากนั้นก็ไปปรากฏเหนือหัวสัตว์อสูร !
“โฮก !”
สัตว์อสูรบังคับให้หัวเบี่ยงไปอีกทางพร้อมกับชั้นบาเรียที่ปรากฏครอบคลุมร่างกายของมัน !
“เพ้ง !”
สายลมหลอมรวมเข้าด้วยกันและสายลมในตอนนี้ก็แข็งมากกว่าเหล็ก !
พลังงานจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในบาเรีย แต่สุดท้ายกำแพงลมก็แตกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะกลายเป็นเศษสายลมคล้ายกระจกกระจายออกไปทุกทิศทาง !
บาเรียที่เหมือนกำแพงสายลมรับการโจมตีของเป่ยเฟิงไปได้เพียง 30 % !
อีก 70 % พุ่งไปหาสัตว์อสูรตัวนั้นโดยตรง ! สัตว์อสูรตัวนั้นราวกับถูกรถไฟชนทำให้ร่างของมันกระเด็นไปข้างหลังชนเข้ากับกำแพงเหล็ก !
“ปัง !”
“แกร๊ก !”
เสียงที่เหมือนกระดูกแตกดังขึ้นพร้อมกับร่างของสัตว์อสูรตัวนั้นที่ถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน !
“วู”
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว มันไม่ได้ตายทันทีแต่มันหันหน้าและคลานอย่างอ่อนแรงด้วยร่างกายท่อนบนไปหาร่างกายท่อนล่างของมัน
“โป๊ะ !”
ถึงจะไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันจะผสานร่างรวมกันเหมือนเดิมได้หรือไม่แต่เป่ยเฟิงก็ไม่ประมาท เขาเมินเฉยต่อสายตาอ้อนวอนของมันโดยการกระทืบหัวมัน !
หัวของมันถูกบดขยี้กลายเป็นแอ่งเลือดที่มีเลือดและสมองรวมกันกระจายออกไปรอบ ๆ
“แฮก แฮก !”
ดวงตาสีแดงของเป่ยเฟิงค่อย ๆ กลับไปคืนสู่ตอนปกติ พลังชั่วร้ายในร่างก็ค่อย ๆ หายไป เขาทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับกุมหน้าอกของเขา
‘ดูเหมือนแปดก้าวไล่ล่าจักจั่นมันจะหนักเกินกว่าที่คิด !’
เป่ยเฟิงสำรวจอาการบาดเจ็บพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาเกือบจะถึงลิมิตแล้วเมื่อครู่
เพียงแค่ 2 ก้าวมันก็ทำให้เขาจัดการสัตว์อสูรที่มีพลังระดับว่างเปล่าขั้นสูงสุดได้ ใช่แล้ว เพียงแค่ 2 ก้าวเท่านั้น !
การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของเขาถ้าจะพูดให้ถูกก็คือการก้าวออกไปมันราวกับการวาร์ปไปอยู่ตรงหน้าสัตว์อสูรมากกว่า !
‘ฉันละอยากรู้จริง ๆ ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนถ้าใช้ไปถึงก้าวที่ 8 ได้ !’
เป่ยเฟิงรู้สึกลัว เพียงแค่ 2 ก้าวมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มถึง 2 เท่า แน่นอนว่าราคาที่ต้องจ่ายไปนั้นหนักมาก !
พลังกว่า 80-90 % ถูกใช้ไปจนหมด ร่างกายของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดราวกับพร้อมจะแยกออกจากกันได้ตลอดเวลา ! หากเป็นคนอื่นมันคงตายไปนานแล้ว !
เป่ยเฟิงพยุงตัวเองและเริ่มดูดซับหลิงฉีเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขา หลิงฉีจำนวนมหาศาลเริ่มถูกดูดเข้าไปในร่างเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บขอเขา
การโจมตีของสัตว์อสูรมันไม่ได้น่ากลัวนัก มันไม่มีทางฆ่าเขาได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียวอยู่แล้ว แต่เพราะความเร็วของมันเร็วเกินไป หากเขาไม่ใช่แปดก้าวไล่ล่าจักจั่นเป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกมันไล่ล่าจนตาย !
เวลาผ่านไปช้า ๆ เป่ยเฟิงใช้เวลากว่า 3 วันถึงจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บรวมไปถึงฟื้นฟูพลังไปกว่า 60-70 %
แปดก้าวไล่ล่าจักจั่นมันคือทักษะต่อสู้ที่ทรงพลังเกินไป เพียงแค่หนึ่งหรือสองก้าวโดยใช้ควบคู่ไปกับกายาผสานหยวนมันก็ทำให้ความแข็งแกร่งระดับสวรรค์ของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้นสูงจนกลายมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับระดับหลุดพ้น !
เป่ยเฟิงไม่สงสัยเลยว่าหากเขาใช้กายาผสานหยวนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งจากนั้นใช้ก้าวที่สามของแปดก้าวไล่ล่าจักจั่น พลังต่อสู้ของเขาในตอนนั้นน่าจะอยู่ที่ระดับหลุดพ้นขั้นสูงสุด !
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็หันมาสนใจซากของสัตว์อสูร เขาสับมันเป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็โยนลงไปในหม้อและเริ่มทำอาหารกินทันที
“หึ โทษตัวแกเองเถอะที่ไม่ยอมเลิกลากับฉันซักที”
เป่ยเฟิงหัวเราะไปกินไปด้วยความสุข
เมื่อกินเสร็จแล้วเขาก็หมุนเวียนพลังงานในร่าง ในไม่ช้ากระแสพลังงานอุ่น ๆ ก็ไหลไปตามเส้นเลือดของเขา
ผ่านไป 3 วัน บาดแผลของเป่ยเฟิงก็ฟื้นฟูจนเกือบหมด โดยบาดแผลในตอนแรกที่ถูกฉีกกระชากได้แทนที่ด้วยเนื้อส่วนใหม่ที่มีสีชมพูอ่อน
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วในขณะมองบาดแผล การบาดเจ็บครั้งนี้มันถือว่าเป็นการบาดเจ็บสาหัสในรอบหลายปี ครั้งสุดท้ายที่เขาบาดเจ็บหนักก็คือตกลงไปอยู่ในอีกโลกโดยไม่ตั้งใจ
“ดูเหมือนฉันจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในเรื่องความเร็วหลังจากฟื้นฟูอาการบาดเจ็บไปจนหมด สงสัยคงต้องหยุดเรื่องเพิ่มพลังฝึกฝนและหันมาสนใจความแข็งแกร่งเฉพาะด้านแทน ไม่อย่างนั้นฉันคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้เขามั่นใจในเรื่องการป้องกันตัวเองมาก แต่หลังจากได้ต่อสู้เมื่อไม่กี่วันมันได้ทำลายความมั่นใจของเขาไปจนหมด
ในไม่ช้าเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ หายตัวไปแล้วปรากฏตัวในระยะไกล
บนพื้นมีต้นไม้ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ มันมีสีม่วงและมีผลไม้ขนาดเล็กเท่านิ้วหัวแม่มือแขวนอยู่บนยอดพร้อมกับเปล่งแสงบาง ๆ ออกมา ห่างมองจากระยะไกลจะเห็นว่ามันปลดปล่อยแสงสีม่วงและสีทองออกมา !
เป่ยเฟิงหยุดมองมันซักพัก สุดท้ายเขาก็เดินหน้าต่อไป ตอนนี้เวลาของเขาใกล้หมดลงแล้ว เขาต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด
เขาเดินทางแทบจะตลอดเวลา สำหรับการฟื้นตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเขาอาศัยพลังงานที่ถูกดูดซึมไปในขณะเดินทางเพื่อฟื้นฟูมัน !
ไม่นานเวลาก็ผ่านไป 5 วัน นับตั้งแต่ที่เป่ยเฟิงได้สู้กับสัตว์อสูร อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นตัวไปกว่า 70 % ในขณะที่เขาเดินทางเขามักรู้สึกได้ถึงกลิ่นผลไม้หอม ๆ ที่คอยเย้ายวน แต่เขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงมันตลอดเวลา !
หลายวันที่ผ่านมาเป่ยเฟิงเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรจำนวนมาก แต่พวกมันอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเสือ-เสือดาวตัวนั้น พวกมันทั้งหมดถูกเขาสังหารโดยการเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้ง
ผลไม้จิตวิญญาณนี้คือตัวการที่คอยสร้างความวุ่นวายเพราะกลิ่นหอม ๆ ของมันได้ดึงดูดสัตว์อสูรจำนวนมากมารวมตัวกัน เป่ยเฟิงไม่ต้องการเสียเวลาอันมีค่าของเขาจึงหลีกเลี่ยงมันตลอด
ในไม่ช้าก็ผ่านไปครึ่งเดือน ความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูมาได้กว่า 90 % ของความแข็งแกร่งสูงสุด เขาในตอนนี้ปลดปล่อยเลือดและฉีให้มันหมุนเวียนเองอัติโนมัติแล้ว เลือดและฉีในร่างของเขาตอนนี้มันราวกับมหาสมุทรที่กำลังก่อคลื่น !
“เจอแล้ว !”
เป่ยเฟิงหยุดเดินและมองไปที่ทางออกเขาวงกตด้วยความดีใจ
“วิ้ง วิ้ง !”
เสียงบางอย่างดังขึ้นด้านหลัง จากนั้นรากสีขาวจำนวนมากก็พุ่งทะลุออกมาจากกำแพง !
ระลอกคลื่นที่น่ากลัวปะทุออกมาพร้อมกับกลิ่นแปลก ๆ ในอากาศ เพียงแค่กลิ่นหอมของมันก็ทำให้เป่ยเฟิงรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บในร่างของเขากำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว !
“แกร๊ก !”
กำแพงถูกทำลายลงจากนั้นตรงจุดที่มันถูกทำลายก็มีดอกไม้สีเงินขนาดเท่าฝ่ามืองอกออกมา
หากมองมันเผิน ๆ จะเห็นว่ามันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเหล็ก แต่เป่ยเฟิงมั่นใจว่าสมุนไพรต้นนี้ต้องเป็นสมุนไพรระดับสูงเนื่องจากมันโตอยู่ใต้กำแพงตลอดเวลา และดูเหมือนตอนนี้ก็เป็นเวลาที่มันเบ่งบานพอดี
รอบ ๆ ยังคงเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ดอกไม้ขนาดเท่าฝ่ามือในตอนแรกที่ยังเป็นเพียงดอกตูมก็เริ่มบาน
‘ไปเอามันมา !’
ความคิดนี้ปรากฏในหัวของเป่ยเฟิงราวกับต้องการให้เขาเข้าไปเอาดอกไม้นั่นมา
‘เดี๋ยวก่อน’
เป่ยเฟิงมาถึงทางออกเขาวงกตแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะออกไปได้ แต่เขาในตอนนี้กลับเหมือนตกหลุมเสน่ห์ดอกไม้นั่น ในไม่ช้าเขาก็ตื่นจากความงุนงงและพบว่าอีก 10 เมตรก็จะถึงดอกไม้แล้ว
ทันใดนั้นจิตสัมผัสของเขาก็ส่งสัญญาณเตือนอันตรายออกมา ขนบนร่างของเขาลุกชันพร้อมกับความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้น ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไปเอง ดูเหมือนเกสรดอกไม้จะส่งผลต่อเขาและทำให้เขาเกือบจะตกเข้าไปในกับดักของมัน !
เป่ยเฟิงรีบถอยหลัง จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่ทางออกทันที
เมื่อเขาก้าวออกไปจากเขาวงกต เขาก็หันกลับมาและมองเห็นสัตว์อสูรที่เหมือนงูขนาดเท่าแขนผู้ใหญ่และมีเขาบนหัวอยู่ไม่ห่างจากต้นไม้นั่น
จากความรู้สึกของเขา เป่ยเฟิงรู้สึกได้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเสือ-เสือดาวที่เขาพบก่อนหน้านี้ !
“ปุก !”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่สัตว์อสูรตัวนั้นเข้าไปใกล้ดอกไม้ ทันใดนั้นดอกไม้สีขาวก็ยิงลำแสงออกมาและพุ่งผ่านสัตว์อสูรตัวนั้นไป เป่ยเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของสัตว์อสูรตัวนั้นค่อย ๆ มอดดับลงไปพร้อมกับหัวของมันที่ค่อย ๆ ตกลงมาบนพื้น
“นี้มัน … ดอกไม้นั้นมันยิงมีดบินออกมาได้ ?”
เป่ยเฟิงพูดไม่ออก เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากเขาไม่ตื่นจากความสับสนก่อนหน้านี้คงเป็นเขาที่ตายตรงนั้น !
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ต่อให้ระวังตัวดีแค่ไหนสุดท้ายหากเผลอเพียงนิดเดียวก็มีจุดจบคือความตาย และเมื่อคิดย้อนกลับถึงต้นไม้สีม่วงทองเหล่านั้นที่เขาเห็นในวันก่อน ๆ บางทีใครก็ตามที่เข้าไปใกล้อาจจะมีจบจุดแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า ?
เมื่อเขาก้าวขาออกจากเขตวงกต ทันใดนั้นพื้นที่รอบ ๆ ก็หมุนไปมา เป่ยเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ตัวเองถูกส่งตัวไปอีกที่
ตรงหน้าเขาในตอนนี้มีแต่สีขาว ใช้เวลาไม่นานเขาก็ค่อย ๆ มองเห็นรอบ ๆ ได้
ตรงหน้าเขาคือแท่นหินโบราณ บนแท่นมันมีตำราวางไว้และมันมีบางอย่างเขียนไว้ข้าง ๆ แท่นหิน
‘มันจะมากไปแล้ว !’
เป่ยเฟิงได้แต่สบถออกมาเมื่ออ่านคำบนนั้น
สมุนไพรจิตวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในเขาวงกตคือภาพลวงตา แม้ว่าจะกินมันก็เหมือนจะกินเข้าไปจริง ๆ แต่สุดท้ายมันคือภาพลวงตาที่ไม่ได้ส่งผลอะไร แต่การโจมตีจากในเขาวงกตจะส่งผลทำให้ตายได้ !
นอกจากนี้เวลาที่ผ่านไปยังเป็นเวลาจริง ๆ เกือบทั้งหมดของเขาวงกตมีเพียงเล็กน้อยที่เป็นของจริง แต่ส่วนใหญ่ทั้งหมดคือภาพลวงตา !
นอกจากนี้ยังมีระยะเวลาที่จำกัดเอาไว้และมันน้อยมาก คนที่อยู่ข้างในทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเพื่อที่จะออกมาภายในเวลาที่กำหนด หากไม่สามารถออกมาได้ทันก็จะติดอยู่ข้างในตลอดไป !
ขนาดของเขาวงกตทุกที่คนเข้ามามีเท่ากัน แต่ขนาดจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับความคิดเชิงลบต่าง ๆ
กล่าวอีกอย่างก็คือหากจิตใจและความเชื่อมั่นไม่เข็มแข็งพอ พวกเขาก็จะถูกทำให้หลงทางด้วยสมุนไพรลวงตาอย่างต่อเนื่องและเมื่อได้รับสมุนไพรลวงตาแล้วก็จะทำให้เขาต้องการมันมากขึ้น จากนั้นเขาวงกตก็จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับจำนวนของสมุนไพรลวงตาที่เพิ่มมากขึ้นตาม สุดท้ายคน ๆ นั้นก็จะตายเพราะอายุขัยที่หมดลงโดยที่ไม่สามารถออกไปจากเขาวงกตนั้นได้ !
แต่จริง ๆ แล้วมันค่อนข้างคล้ายกับชีวิตจริง หลายคนคอยไขว่ขว้าหาสิ่งที่ไร้ประโยชน์มาไว้ครอบครองเพื่อคิดว่ามันดูดีมีเสน่ห์ แม้ว่ามันสิ่งเหล่านั้นจะเหมือนมีค่าในเวลานั้นแต่สุดท้ายมันก็ไม่ค่อยมีค่ามากนัก เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไปพวกเขาก็จะบอกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว
เป่ยเฟิงถอนหายใจและส่ายหัวด้วยความกลัว หากเขาไม่สามารถตัดใจจากสมุนไพรลวงตาต้นแรกที่เขาเจอได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะติดอยู่ในเขาวงกตเพื่อมองหาสมุนไพรไปเรื่อย ๆ