หอคอยเชื่อมสวรรค์มันมีความสูงเพียงหนึ่งพันจาง แต่เมื่อยืนอยู่ตรงหน้ามันก็ทำให้คนที่มองรู้สึกขนหัวลุก
ประตูเหล็กสูง 10 จางตั้งตระหง่าอยู่ที่ทางเข้าหอคอยเชื่อมสวรรค์และมีห้องโถงขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังประตู
ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนจากทุกที่มารวมตัวกันในห้องนี้ ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้อยู่ในช่วงขั้นสองของร้อยปีไปจนถึงขั้นสี่ของร้อยปี คนในห้องนี้นับคร่าว ๆ แล้วมีถึงแสนคน !
ในห้องโถงมันมีเคาน์เตอร์มากกว่า 100 จุดคอยให้บริการ และแต่ละจุดก็จะมีหญิงสาวหน้าตางดงามคอยลงทะเบียนและประเมินคุณสมบัติที่จะเข้าไปข้างใน
อีกด้านหนึ่งของหอคอยสวรรค์มันเป็นกำแพงสูงกว่าร้อยจางและมันมีม่านลำแสงแวววาวอยู่ กำแพงนี้มันราวกับกระจกลวงตา มันมีคนคอยเดินเข้าไปด้านในต่อเนื่องโดยไม่หยุดจากนั้นก็ค่อย ๆ หายเข้าไป
มีชายชรา 2 คนนั่งอยู่ด้านข้างกำแพงลวงตา เขาหลับตาลงราวกับทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 คนไม่ใช่คนที่จะไปล้อเล่นด้วยได้
“หืม ?”
ในขณะที่พลังจิตของเป่ยเฟิงกำลังสำรวจชายชราทั้ง 2 คน ทันใดนั้นทั้ง 2 คนก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับประกายแสงสีทองพุ่งออกมาจากดวงตายาว 3 ชุน จากนั้นแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดขึ้นทำให้ทั้งห้องโถงที่เคยวุ่นวายกลับเป็นหยุดนิ่ง
ชายชรามองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย ใครกันที่มีพลังจิตที่พวกเขารู้สึกว่าแข็งแกร่งมาก
‘โชคดีที่ข้าอยู่ไกลจากพวกเขาพอสมควร ว่าแต่ตาแก่ทั้ง 2 คนนี้อย่าบอกนะว่ามีพลังระดับราชาพันปี ? พันธมิตรนักสู้นี้ช่างเว่อวังจริง ๆ ถึงกับเอาราชาพันปี 2 คนมาเฝ้าทางเข้าหอคอยเชื่อมสวรรค์ !’
หัวใจของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล จิตวิญญาณของชายชรา 2 คนนั้นแข็งแกร่งมาก และเขาก็เกือบจะถูกจับได้ โชคดีที่พลังจิตของเขาก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้เขาสามารถขยายพลังจิตออกไปได้ไกลถึง 800 เมตร เขาจึงสามารถซ่อนตัวอยู่ในหมู่กลุ่มคนจำนวนมากได้โดยไม่มีใครสงสัย
แต่เมื่อคิดอีกที เขาก็ไม่แน่ใจว่าที่เขาคิดมันจะถูก บางทีมันอาจจะมีคนที่มีพลังระดับราชาพันปีอยู่ในหอคอยนี้อีกมากก็ได้
‘ดูเหมือนว่าเมืองเล็กไปจนถึงใหญ่กว่านี้จะมีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีคอยค้มครองเมืองอยู่สินะ’ เป่ยเฟิงประเมินเงียบ ๆ
ระดับราชาพันปีเป็นระดับพลังที่เหนือกว่าหลุดพ้น แม้ว่าโลกใบนี้จะเต็มไปด้วยทรัพยากรมหาศาล แต่ราชาพันปีก็ไม่ใช่กะหล่ำปลีที่สามารถหาได้ตามข้างถนน !
‘ถึงอย่างนั้น แม้ว่าพันธมิตรนักสู้จะมีราชาพันปีหลายคน แต่พวกเขาน่าจะถูกส่งไปประจำการที่หอคอยระดับสูงสิ แล้วทำไมทั้ง 2 คนถึงถูกส่งมาที่นี่กัน ? มันดูเหมือนว่ามันมีอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาต้องมาอยู่ที่นี่’
เป่ยเฟิงเลิกเลิกคิดมากหลังจากคิดไปหลายอย่าง เขายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แม้ว่าบริษัทหลี่จะทรงพลัง แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีเกี่ยวข้อง เนื่องจากราชาพันปีมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาหรือคนร่ำรวยจะหามาคุ้มครองพวกเขาได้ง่าย ๆ
เนื่องจากมีเคาน์เตอร์คอยบริการจำนวนมาก ดังนั้นการประเมินและการลงทะเบียนจึงรวดเร็วมาก กลุ่มของเป่ยเฟิงรอไม่นานพวกเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าไป
“มี 2 ทางเลือกคือหนึ่งค่าเข้าต่อคนคือ 10,000 HCD และสองคือทุกอย่างที่ท่านเกี่ยวเก็บได้ในหอคอย ต้องแบ่งให้กับทางเรา 20 %” ผู้หญิงที่อยู่เคาน์เตอร์บอกกับเป่ยเฟิงพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“เอาอันแรกละกัน” เป่ยเฟิงพูดโดยไม่ต้องคิด ตัวเลือกแรกเหมาะกับเขาอย่างยิ่งเพราะมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน
“นี่คือบัตรผ่าน โปรดเก็บเอาไว้ให้ดี โดยค่าใช้จ่ายจะคำนวณจากเวลาที่คุณเข้าไปจนไปถึงตอนออกมา”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอสแกนนาฬิกาบนข้อมูลของเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ หลังจากนั้นข้อมูลของพวกเขาก็ถูกบันทึกเอาไว้แล้วตามด้วยทำตราประทับไว้บนมือแต่ละคน
‘น่าสนใจ’
เป่ยเฟิงยิ้มในขณะสังเกตเห็นพลังงานจาง ๆ จากตราประทับแปลก ๆ บนฝ่ามือของเขา จากนั้นเขาก็เดินนำคนอื่น ๆ เข้าไปในกำแพงลวงตา
ราวกับกำลังเดินผ่านม่านน้ำ ดวงตาของเป่ยเฟิงดับแสงลงจนถึงกับต้องทำให้เขาหลับตาลง จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเขากำลังเดินลงมาจากแท่นบูชาบางอย่างที่ทอดยาวออกไปไกลหลายกิโลเมตร
“ตามหาคนร่วมทีมเพื่อล่าหมูมิกู่ขั้นสามของร้อยปี ว่างอีก 2 ที่เท่านั้น ! ขอเป็นคนที่มีพลังขั้นสามของร้อยปีขั้นสูงสุดเป็นอย่างต่ำ !”
“รับซื้อฟันมังกรของมังกรขั้นสี่ของร้อยปี ซี่ละ 3 ล้าน HCD ถ้ามีเหลือก็ขายให้ข้าด้วย !”
“รับซื้อผลไม้เสี้ยวสวรรค์ ให้ 4 ล้าน HCD ต่อผล !”
“เข้ามาเร็ว อย่าได้พลาดไป เห็ดเผาผลาญ ราคาเพียง 10,000 HCD ต่อจินเท่านั้น !”
ในขณะที่เดินลงไป เป่ยเฟิงก็มองเห็นความคึกคักนับไม่ถ้วนที่อยู่ 2 ข้างทาง
เป่ยเฟิงมองด้วยความตกใจ สถานที่แห่งนี้มันไม่ใช่สถานที่รกร้างว่างเปล่าและไม่มีมนุษย์แบบที่เขาคิด มันกลับเต็มไปด้วยคนจำนวนมากรามกับที่นี่เป็นตลาดในเมืองใหญ่ !
แท่นบูชานี่คือจุดที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งและคึกคักที่สุดของเมือง ร้านค้าจำนวนมากสามารถมองเห็นได้ทุกหนแห่ง มีผู้ฝึกตนจำนวนมากเรียงรายอยู่ 2 ด้านของถนนพร้อมกับของต่าง ๆ ที่วางไว้ด้านหน้ารวมไปถึงภาชนะเพื่อใช้เรียกคนที่เดินผ่าน
ไม่ไกลจากเขานักมีกลุ่มพ่อค้าที่พยายามจะขายของพวกเขาให้กับพวกหน้าใหม่อยู่ ฉากตรงหน้าของเป่ยเฟิงมันราวกับเขากำลังเข้าไปอยู่ในเกมเสมือนจริง
‘หลิงฉีของที่นี่แข็งแกร่งกว่าข้างนอกมาก !’
เป่ยเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรู้สึกได้ถึงหลิงฉีจำนวนมากที่สูดเข้าไปในจมูกของเขา
หอคอยเชื่อมสวรรค์นั้นมีหลิงฉีหนาแน่นกว่าข้างนอกมาก ทรัพยากรที่อยู่ข้างในก็มีเยอะมากเช่นกัน ส่วนสมบัติล้ำค่าที่สุดของที่นี่ก็คือต้นคริสตัลจิตวิญญาณ
ต้นคริสตัลจิตวิญญาณจะเติบโตในเส้นเลือดหลักของดินแดนและมันเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยทำให้ผู้ฝึกตนสามารถตัดผ่านระดับไปยังขั้นพันปีได้ ! อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่หอคอยแห่งนี้เปิดให้โลกภายนอกเข้ามา มีคนค้นพบมันน้อยกว่า 100 ครั้งเท่านั้น !
ถึงแม้ว่า 100 ครั้งจะดูเยอะ แต่เมื่อเทียบกับเวลาหลายพันปีที่หอคอยได้เปิด มันจึงบอกได้เลยว่าโอกาสในการหามันเจอนั้นยากมาก !
และทุกครั้งที่มีการค้นพบต้นคริสตัลจิตวิญญาณ มันก็จะเต็มไปด้วยอ่างเลือดเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากกฏห้ามต่อสู้ภายในเมืองแล้ว ที่แห่งนี้ไม่มีกฏใด ๆ !
นั่นเป็นเพราะการปรากฏตัวของต้นคริสตัลจิตวิญญาณนั้นไม่ได้หมายความว่ามีเพียงถึงโอกาสที่จะก้าวไปยังระดับพันปี แต่มันคือการค้นพบเส้นเลือดหลักของพลังวิญญารวมไปถึงหินจิตวิญญาณ
กลุ่มของเป่ยเฟิงไม่ยอมเสียเวลาใด ๆ หลังจากปฏิเสธคนที่เข้ามาขายของแล้วพวกเขาก็รีบเดินทางทันที
หลังจากผ่านไปนานหลายปี พื้นที่ส่วนใหญ่ได้กลายเป็นพื้นที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีสัดส่วนที่ใหญ่กว่านั้นที่ยังไม่มีใครรู้จัก
เป้าหมายของเป่ยเฟิงคือดินแดนไร้มนุษย์ แม้ว่ามันจะอันตรายมากก็ตาม แต่หากอาศัยความปลอดภัยจากพื้นที่พัฒนาแล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ของดีใด ๆ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นถูกสำรวจไปแล้วหลายครั้ง
ไม่มีรถลอยได้ใด ๆ และก็ไม่มียานพาหนะบนพื้น ผู้คนอาศัยเพียงนกอินทรีแดงที่เชื่องมากเพื่อเดินทางไปรอบ ๆ นกอินทรีเหล่านี้มีความเร็วที่ดีเยี่ยมและสามารถบินได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง 3 เท่า ความแข็งแกร่งของก็มีพอสมควร มันเหมะาที่จะใช้บินได้ในระยะไกล
สิ่งเดียวที่น่าตกใจก็คือราคาของมัน ตั๋วหนึ่งใบมีราคา 10,000 HCD และนกอินทรีแต่ละตัวนั่งได้เพียง 2 คนเท่านั้น
หลังจากเดินเข้าไปในศูนย์เช่าสัตว์อสูร เป่ยเฟิงก็ออกเดินทางต่อทันทีโดยเขาในตอนนี้นั่งอยู่บนหลังอินทรีแดงและจ่ายเงินไปทั้งหมด 60,000 HCD
นี่คือความหมายของคำว่าใช้เงินเหมือนน้ำ สมุนไพรระดับสูงรวมและสัตว์อสูรนั้นมีราคาแพงจนทำให้เงินจำนวนมากแทบจะไร้ค่าเมื่อต้องการพวกมัน
แต่มันก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องกังวลว่าจะมีเงินเฟ้อ เนื่องจากมีหินจิตวิญญาณเป็นเงินแข็งของดาวเทียนมู่อยู่ ซึ้งหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนมีมูลค่า 10,000 HCD และส่วนมากแล้วหินวิญญาณระดับต่ำนั้นจะไม่ได้มีมูลค่าอยู่ที่ราคานี้เสมอไป
เป่ยเฟิงในตอนนี้มีเงิน 300 ล้าน HCD มันจึงไม่มีอะไรให้เขากังวล
3 วันต่อมานกอินทรีแดงก็ลงจอดบนเขตชายแดนของพื้นที่พัฒนาแล้ว กลุ่มคนงานจำนวนมากรีบวิ่งออกมาและนำนกอินทรีไปพักผ่อน ที่นี่ทุกอินทรีทุกตัวจะถูกทำให้เชื่องและถูกผูกขาดโดยกลุ่มเพียงกลุ่มเดียว
พื้นที่ตรงนี้จะมีทหารของรัฐบาลคอยประจำการอยู่ และทหารแต่ละชุดก็จะถูกเปลี่ยนไปทุก ๆ 3 ปี
“หยิน !”
“โฮก !”
เสียงคำรามของสัตว์อสูรจำนวนมากดังออกมาจากชายแดน ภายใต้ผ้าห่มดวงดาวที่ส่องประกาย มันทำให้เทือกเขาที่อยู่ห่างไกลราวกับยักษ์ใหญ่ที่กำลังเอาไหล่ชนไหล่
ตรงนี้คือจุดสิ้นสุดของพื้นที่พัฒนาแล้ว ไกลออกไปต่อจากนี้คือดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก
ที่แห่งนี้มีกลุ่มผู้ฝึกตนจำนวนมากอยู่รอบ ๆ ในเวลาเดียวกันมันก็ยังเป็นพื้นที่ที่พัฒนาแล้วในระดับสูงมาก มันมีองค์กรและพ่อค้าร่ำรวยจำนวนมากรออยู่ที่แห่งนี้ พวกเขาจะคอยซื้อความมั่นคั่งที่ผู้ฝึกตนรวบรวมกลับมา ซึ้งผู้ฝึกตนส่วนใหญ่หลังจากที่เดินทางกลับมาแล้วพวกเขาก็จะเลือกที่จะขายของที่นี่
ตัวแทนรับซื้อจำนวนมากจะถูกส่งมาประจำการที่นี่เพื่อรับซื้อชิ้นส่วนของสัตว์อสูร ร้านอาวุธทุกประเภทเรียงรายอยู่เต็มถนน สถานที่แห่งนี้ทั้งที่เป็นชายแดนแต่มันกลับเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนรวย !
ภูเขาที่อยู่ไกลสุดขอบตาที่อยู่นอกชายแดนมีชื่อว่า ภูเขาร้อยทำลาย ข้างในนั้นมันเต็มไปด้วยสัตว์อสูรจำนวนมาก นอกจากนี้มันยังมีสัตว์อสูรระดับพันปีอาศัยอยู่ข้างในด้วยเช่นกัน สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตรายและโอกาส
ภูเขาลูกนั้นทอดยาวออกไปไกลหลายกิโลเมตร มันคือดินแดนที่เต็มไปด้วยสมบัติจำนวนนับไม่ถ้วน
สมบัติที่ว่าก็คือสมุนไพรจิตวิญญาณล้ำค่าและทรัพยากรจำนวนมากรวมไปถึงสัตว์อสูรระดับสูง
กลุ่มของเป่ยเฟิงไม่ได้รีบร้อน พวกเขาเดินทางมาหลายวันทำให้สภาพในตอนนี้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนก่อนแล้วค่อยเดินทาง
การเข้าไปในภูเขาในตอนกลางคือถือว่าเป็นคนโง่ ตอนกลางคืนคือตอนที่สัตว์อสูรเผ่นผล่านมากที่สุด หากไม่มั่นใจในตัวเองดีพอก็อาจจะหายตัวไปได้ตลอดเวลา
เป่ยเฟิงไม่อยากทำพลาด หลังจากจองห้องพักให้ทุกคนเสร็จแล้ว พวกเขาก็รีบเข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็เดินออกมาจากโรงแรม
มีคนจำนวนมากเดินอยู่ตามถนน ถนนแห่งนี้ผู้คนส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกตนที่มีพลังขั้นหนึ่งของร้อยปี พวกเขาไม่ใช่ทหาร แต่เป็นคนงานก่อสร้างสำหรับพื้นที่สำรวจใหม่
กลิ่นหอมของอาหารหลายอย่างลอยเข้าไปในจมูกของเป่ยเฟิงในขณะที่เขาเดินเล่นอยู่
เป่ยเฟิงเดินเข้าไปในร้านอาหารข้างถนนโดยมีคนคุ้มกันทั้ง 10 คนเดินคุ้มกันเขาอย่างใกล้ชิด
เป่ยเฟิงเดินไปหาชายวัยกลางคนและถามขึ้น “เถ้าแก่ มีเมนูพิเศษไหม ?”
ชายวัยกลางคนมีใบหน้าซื่อ ๆ พลังของเขาต่ำมาก หากอยู่ในโลกก่อนหน้านี้เขาก็มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับวิวัฒนาการเท่านั้น
“นายท่าน เรามีกุ้งดอกบัวและอัลบาทอสนภา [1] เป็นเมนูแนะนำ ลูกค้าทุกท่านที่มาร้านนี้จะต้องสั่งเมนูพวกนี้ตลอด นอกจากนี้เรายังมีเหล้าพิเศษที่มีชื่อว่าเหล้าร้อยดอกไม้”
ชายวัยกลางคนยิ้มและพาเป่ยเฟิงไปที่โต๊ะ
เป่ยเฟิงยิ้มและพูด “เอาล่ะ งั้นข้าขอชุดหนึ่งและขอผักด้วย”
ความรู้สึกนี้มันช่างคล้ายคลังกับการกินอาหารข้างถนนที่โลกเก่า
“ได้ครับท่าน”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าและรีบเดินจากไป
เป่ยเฟิงยิ้มและพูดกับคนคุ้มกันของพวกเขา “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ พักสักหน่อย – นี่คือเมืองและมันไม่มีอันตรายอยู่ที่นี่”
“ความปลอดภัยของนายท่านไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เราต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลาสำหรับสิ่งไม่คาดคิด พวกเราไม่สามารถประมาทได้แม้ว่ามันจะเป็นสถานที่แบบใดก็ตาม” หลี่ปู้ตามด้วยความซื่อตรง
[1] Pdiko : นกทะเลชนิดหนึ่ง