Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 495

ตอนที่ 495

หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาสั้น ๆ เพียง 10 ปี เจ้าเมืองนภาก็มีพลังจากเดิมเพียงขั้นหนึ่งของร้อยปีไปเป็นราชาพันปี ! ความเร็วในการพัฒนาของเขามันเร็วมากจนคนนับไม่ถ้วนต้องตกตะลึง !

และหลังจากผ่านไปหลายปีเขาก็เลื่อนไปเป็นราชาพันปีขั้นกลางระดับสูง สำหรับสหายที่เคยเติบโตมาพร้อมกับเขานั้นยังคงติดอยู่ที่ขั้นสี่ของร้อยปี !

แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะธรรมดา แต่เพราะความเข็มแข็งและไม่ย่อท้อของเขา จากนั้นไม่นานเขาก็ไปถึงขั้นราชาพันปี !

แน่นอนว่าในป่าใหญ่นั้นมีคนที่มีพรสวรรค์แบบเขานับไม่ถ้วน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมแพ้ไปทีละนิด ๆ จนสุดท้ายก็ไปไม่ถึงแม้แต่ระดับพันปี

ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับการฝึกตน ดังนั้นเมื่อหลายคนเห็นว่าท่านหัวหน้าตระกูลของพวกเขาตัดผ่านระดับโดยใช้เวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้พวกเขาคิดถึงเรื่องนี้ทันที

ในฐานะที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนของตระกูลหลี่ ทุกคนถูกตีตราว่าเป็นของตระกูลหลี่ทันที แม้ว่าพวกเขาอยากจะทรยศ แต่ก็ไม่มีอำนาจใดไปต่อต้านได้ เนื่องจากพวกเขาถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลหลี่มันจึงทำให้ขุมอำนาจอื่น ๆ ระวังพวกเขาอย่างมาก นอกจากนี้ใครมันจะไปรับคนที่กล้าทรยศคนที่เลี้ยงดูชุบเลี้ยงมากับมือกัน ? ดังนั้นหากไม่ใช่เพราะเป็นอัจฉริยะไร้ต้านก็ไม่มีใครคิดที่จะสอดมือมายุ่งเกี่ยว

ส่วนหลี่ปู้และคนที่เหลือมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนอยู่ที่ระดับอัจฉริยะทั่วไป มันจึงไม่มีขุมอำนาจใดสนใจพวกเขา

ตอนนี้พวกเขาก็เหมือนตั๊กแตนที่เกาะเชือกเส้นเดียวไปกับตระกูลหลี่ ยิ่งตระกูลหลี่แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นผลดีกับพวกเขาอย่างมาก

เป่ยเฟิงคอยเฝ้ามองการกระทำของหลี่ปู้และคนที่เหลือมาตลอดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและเขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ในฐานะคนที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยตระกูลหลี่ทำให้ความจงรักภักดีของพวกเขาไม่จำเป็นต้องพูดถึง อย่างไรก็ตามเป่ยเฟิงยังไม่อยากมอบความสามารถใด ๆ ให้กับพวกเขาเร็วนัก

‘รออีกหน่อย เมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าเข้าใจมรดกหยินหยางได้ละก็ ข้าก็จะเริ่มแผนการของข้าได้ซักที’ เป่ยเฟิงคิดเงียบ ๆ

หัวใจของผู้ชายนั้นอ่อนไหวง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง เป่ยเฟิงไม่ต้องการเดิมพันในขณะที่เขายังอ่อนแอเกินไป

ประโยชน์ของการมีองค์กรที่ทรงอำนาจนั้นเขารู้ดี เขาสามารถมอบธุระส่วนตัวให้คนเหล่านี้จัดการได้โดยที่เขาไม่ต้องมาเสียเวลาสำหรับการฝึกฝนไปให้เสียเปล่า

หลังจากตัดผ่านสำเร็จแล้ว เป่ยเฟิงก็เริ่มให้ความสำคัญในการเข้าใจมรดกหยินหยางมากขึ้น ดูเหมือนเขาจะเริ่มเข้าใจบางอย่างแล้ว

เป่ยเฟิงในตอนนี้นั่งอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขาและมองดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า แต่หากใครมามองเห็นเขาก็จะเห็นว่าสายตาของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด

จุดเริ่มต้นของการเข้าใจวิถีของมรดกหยินหยางก็คือจุดประกายพระราชวังดวงดาวให้ได้ จากนั้นก็ทำการจุดประกายดวงดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างต่อเนื่องจนสามารถสร้างกลุ่มดาวของตัวเองขึ้นมาได้สำเร็จ

ภายในจิตสำนึกของเป่ยเฟิง ม่านหมอกของพลังจิตถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นก็ผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างพระราชวังดวงดาวขนาดเล็กที่สูงไม่ถึงสามเมตร

แม้ว่าพระราชวังดวงดาวจะยังมีขนาดเล็ก แต่มันกลับเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ พลังจิตของเป่ยเฟิงในตอนนี้กำลังเริ่มสร้างโครงของมันอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่กำลังสร้างพระวังดวงดาวนั้น พลังจิตของเป่ยเฟิงลดลงเร็วมากราวกับน้ำที่ไหลออกมาจากเขื่อ

เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงความเมื่อยล้าที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา การสร้างมันโดยอาศัยความคิดและจิตวิญญาณมันแบกรับภาระมากเกินไป นอกจากนี้มันยังห้ามมีความผิดพลาดเลยซักนิดเดียว หากมีอะไรผิดพลาดละก็ทุกอย่างที่สร้างมาก็จะพังทลายลงไป เขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อฟื้นฟูมัน

เป่ยเฟิงล้มเหลวไปหลายครั้งแล้ว แม้ว่ามันจะดูเหมือนเขาล้มเหลวมาตลอดแต่อย่างน้อยก็มีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือพลังจิตของเขาค่อย ๆ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเขาพยายามสร้างพระราชวังดวงดาวมากแค่ไหน พลังจิตของเขาก็พัฒนาเร็วขึ้นตามไปด้วย

พลังจิตของเป่ยเฟิงสามารถกระจายรอบตัวได้ไกลกว่า 800 เมตร และตอนนี้หลังจากผ่านไป 3 เดือนมันก็ขยายไปเป็น 832 เมตร !

แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 32 เมตร แต่มันก็ดีมากแล้ว พลังจิตมันยากที่จะฝึกฝนได้ ดั้งนั้นเป่ยเฟิงจึงค่อนข้างมั่นใจมากว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่พระราชวังดวงดาวของเขาสร้างเสร็จแล้ว พลังจิตของเขาจะเลื่อนระดับไปอีกขั้น

เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เหงื่อจำนวนมากปรากฏบนหน้าของเป่ยเฟิง

“อีกนิดเดียว อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น !”

วิญญาณของเป่ยเฟิงกำลังร้องไห้อย่างหนักเพราะหมอกในทะเลแห่งจิตสำนึกของเขากำลังถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ แต่ในวินาทีต่อมาหมอกก็กลับมาอีกครั้ง

“พลังแสงดาว มอบพลังให้ข้า !”

เป่ยเฟิงเค้นพลังทุกส่วนออกา พลังจิตของเขาใกล้จะหมดอยู่ล้ำล่อ

หากครั้งนี้เขาล้มเหลวอีกครั้ง ผลที่ตามมาจะหนักกว่าครั้งก่อนหลายเท่า เขาจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นคืนพลังจิตที่เสียไป หรือในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของพลังจิตของเขาลดลง !

พายุหมุนไปรอบตัวเป่ยเฟิงทำให้ฝุ่นและใบไม้จำนวนมากลอยเป็นกระแสน้ำวนรอบตัวเขา

ร่างกายของเป่ยเฟิงสั่นและรู้สึกเหมือนกับเขาล่องลอยอยู่ในอวกาศ จากนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาก็ต้องตกใจอ้าปากค้างกับสิ่งตรงหน้าเขา

“เป็นไปได้ยังไงกัน ? ไม่ใช่ว่าข้าอยู่ในภูเขางั้นหรอ ?”

เป่ยเฟิงมองไปรอบ ๆ ตัวเขา มันเป็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนท้องฟ้า เขารู้สึกมองไปรอบ ๆ ด้วยความตกใจ

“แย่แล้ว !”

ทันใดนั้นความเจ็บปวดมหาศาลก็พุ่งมาหาเขา เป่ยเฟิงตื่นขึ้นจากภวังพร้อมกับจิตวิญญาณที่สั่นสะเทือน พลังจิตของเขาถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับพระราชวังที่จากส่องแสงก็เริ่มสลายตัวไป

เมื่อเห็นว่าพระราชวังดวงดาวกำลังจะแตกสลายไป เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้วนอกจากใช้มรดกหยินหยาง

มรดกหยินหยางมันไม่ใช่เคล็ดการฝึกฝนเลือดและฉี แต่มันคือการใช้พลังแสงดาว !

เมื่อเป่ยเฟิงเริ่มใช้เคล็ดหยินหยาง ดวงดาวจำนวนมากบนท้องฟ้าก็ปลดปล่อยพลังงานดวงดาวออกมาแล้วไหลเข้าไปในพระราชวังดวงดาวของเป่ยเฟิง !

หนึ่งรอบ !

สองรอบ !

เป่ยเฟิงไม่รู้เลยว่าเขาหมุนเวียนพลังไปตามวิถีของเทคนิคหยินหยางไปกี่ครั้ง พลังดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเข้าไปในพระราชวังดวงดาวของเขาเพื่อไม่ให้มันสลายหายไป

พลังดวงดาวของแต่ละดาวนั้นแตกต่างกันออกไป บางดวงก็อ่อนโยน บางดวงคมกล้า บางดวงลึกลับ แม้ว่าดวงดาวแต่ละดวงจะส่งพลังบางส่วนมาให้แต่นั้นก็ไปด้วยพลังดวงดาวมหาศาล พลังดวงดาวที่ไหลมารวมกันนั้นหากประมาณคร่าว ๆ ก็เพียงพอที่จะสร้างมหาสมุทรขึ้นมาได้ !

ภายในจิตสำนึกของเป่ยเฟิง คลื่งพลังดวงดาวไหลเข้าไปในพระราชวังดวงดาวอย่างต่อเรื่อย ซึ้งพลังดวงดาวแต่ละดวงนั้นมันแตกต่างกันออกไปและเมื่อมันเข้าไปแล้วมันก็แผ่ความลึกลับที่ดูโบราณออกมามากขึ้น

ในเวลาเดียวกัน พระราชวังดวงดาวของเป่ยเฟิงก็เริ่มกลับคืนสู่สภาพเดิม จากนั้นด้วยพลังจากดวงดาวหลายดวง วัสดุที่ใช้สร้างพระราชวังดวงดาวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

ในเวลาเดียวกันเป่ยเฟิงรู้สึกราวกับตัวเองได้กลายเป็นดวงดาวขนาดใหญ่ไปแล้ว เขารู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังงานจำนวนนับไม่ถ้วนในร่าง มันราวกับเขากำลังเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่อยู่บนดวงดาวแห่งชีวิต

“ดิ๊ง ดิ๊ง !”

มีเสียงดังปลุกเป่ยเฟิงให้ตื่นขึ้น พระราชวังดวงดาวในตอนนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ มันมีความสูง 3 เมตรและกว้าง 6 เมตร ตอนนี้มันกำลังลอยอยู่ระหว่างทะเลจิตสำนึกของเขา

พระราชวังดวงดาวมีเพียงชั้นเดียว หากมองดูมันดูด้านบนจะมีหอคอยสูงตระหง่าอยู่ บนหอคอยมีระฆังซึ้งระฆังก็โบกไปตามสายลมและส่งเสียงออกมา

ในหูของเป่ยเฟิงก้องกังวานไปด้วยเสียงระฆัง มันทำให้วิญญาณของเขารู้สึกสงบอย่างมาก มันราวกับการเล่นบทเพลงที่ทำให้จิตวิญญาณของเขาสบายเบาบางอย่างมาก

กระแสพลังงานสีดำจำนวนมากไหลออกาจากพลังจิตและวิญญาณของเขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเมื่อเสียงระฆังได้ขึ้นเป่ยเฟิงก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตและวิญญาณที่กำลังสั่นไหว

ทันใดนั้นพลังจิตจากที่กระจายออกไปรอบ ๆ เกือบ 1,000 เมตรก็หดลงมาเหลือ 800 เมตร 600 เมตร 300 เมตร … จนกระทั่งถูกบีบเหลือเพียง 1 เมตรเท่านั้น !

แต่มันยังไม่หมดแค่นั้น พลังจิตที่เหลือเพียง 1 เมตรเริ่มสั่นอย่างรุนแรง แม้ว่ามันจะเล็กมากแต่ทว่าพลังของพลังจิตกลับเต็มไปด้วยพลังมหาศาล !

จุดเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นกลางมวลของพลังจิต หลังจากนั้นพลังจิตก็ยุบเข้าไปในจุดนั้น !

หลังจากนั้นผลึกสีเงินขาวเท่าเมล็ดงาก็ปรากฏบนมือวิญญาณของเป่ยเฟิง หากมองดี ๆ จะเห็นว่าภายในผลึกนันอัดแน่นไปด้วยพลังงานมหาศาลที่ใหญ่กว่าตัวมันหลายสิบ หลายร้อย หลายพันเท่า !

วิญญาณของเป่ยเฟิงจากสูง 1 ชุนก็ลดเหลือลงมาครึ่งชุน มันเป็นอะไรที่ยากจะอธิบาย เหตุการณ์ในตอนนี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าตอนที่เขาสูญเสียทุกอย่างไปก่อนหน้านี้อีกด้วยซ้ำ

จากนั้นเสียงระฆังก็ดังขึ้นอีกครั้ง ในไม่ช้าเป่ยเฟิงก็เต็มไปด้วยความสับสนอีกครั้งเมื่อมองรอบ ๆ ตัว พื้นที่จากที่เป็นดวงดาวได้หายไปและแทนที่ด้วยตัวเขาที่ยืนอยู่บนยอดเขา

ย้อนกลับไปที่หลี่ปู้และคนอื่น ๆ เมื่อสักครู่พื้นที่ทั้งหมดได้สั่นอย่างกระทันหันก่อนจะกลับมาสงบ พวกเขาสงสัยมากว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ไกลออกไปในอวกาศที่ใช้เวลาเดินทางหลายล้านปีแสง บนดาวขนาดใหญ่ที่หมุนช้า ๆ ผิวพื้นของดาวเคราะไปด้วยเงาทั้งหมด แต่ทว่าแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากดวงดาวนั้นมันมีพลังมากพอที่จะกดขี่ทั้งกาแลคซี่ !

ในขณะเดียวกัน บนดาวอีกดวง ในเมืองขนาดใหญ่ที่หาที่เปรียบไม่ได้ มีแท่นบูชาขนาดมหึมาที่ทอดยาวออกไปไกลหลายล้านจางตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ซึ้งมันดูเหมือนจะเมืองจะสร้างอยู่รอบ ๆ มันเสียมากกว่า

ทั้งแท่นบูชาทำด้วยวัสดุล้ำค่า จำนวนทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างมันมันน่าจะใจอย่างมากจนพูดได้ว่า “น่ากลัวเกินไปแล้ว !”

ดวงไฟเทพเจ้าทั้ง 8 ดวงที่ลุกโชนอยู่บนแท่นบูชา นี้คือตัวแทนของหลักการทั้ง 8 ของสำนักหยินหยาง ในเวลานี้มีดวงหนึ่งที่ไม่สว่าง

มีหญิงสาวหลายร้อยคนนั่งอยู่บนแท่นบูชา แต่ละคนแต่งตัวด้วยชุดคลุมสีม่วงพร้อมกับผ้าคลุมสีม่วงโปร่งแสงที่ปกปิดใบหน้าของพวกเขา

หากมองใบหน้าหญิงสาวแต่ละคนจะเห็นได้ว่ามีบางอย่างเบลอหน้าพวกเธอเอาไว้

กระแสพลังดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนไหลจากแท่นบูชาเข้าไปในร่างของหญิงสาว

สำนักหยินหยางแบ่งออกเป็น 8 สาขาและแต่ละสาขาก็มีศิษย์อยู่ 100 คน ซึ้งแต่ละสาขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในแท่นบูชาเพื่อฝึกฝนได้ รอบ ๆ แท่นบูชามีทหารในชุดเกราะสีดำคอยเดินวนเวียนอยู่รอบ ๆ พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากพวกเขามันสูงจนน่าตกใจ

หลังจากที่ดวงไฟเทพเจ้าดวงหนึ่งได้ดับลงไป จากนั้นไม่นานมันก็ระเบิดขึ้น การระเบิดของดวงดาวนี้มันทะลุชั้นเมฆทึบเหนือแท่นบูชาและเผยให้เห็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า !

ท้องฟ้าราวกับมีรูทะลุผ่าน การเปลี่ยนแปลงของพลังดวงดาวนี้ทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ศิษย์หลายคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ถึงกับกระอักเลือดและกรีดร้องอยู่บนพื้น

หลังจากนั้นพลังดวงดาวก็ปรากฏตัวในระยะไกล มันแผ่แรงกดดันที่น่ากลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด !

ภายในพื้นที่มิติแยกออกไปในแท่นบูชา หญิงสาวคนหนึ่งค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ในดวงตาของเธอสามารถมองเห็นดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนได้ !

“สาขาที่ 3 ของมรดกหยินหยางของเราปรากฏตัวออกมาแล้ว”

ริมฝีปากของเธอขยับเบา ๆ จากนั้นเสียงที่เหมือนนางฟ้าก็ดังออกมา ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะปกคลุมไปด้วยผ้าคลุมสีน้ำเงินแต่ก็สามารถมองเห็นได้ว่าเธอเป็นคนที่แม้แต่สวรรค์ก็ต้องสยบ

อารมณ์ของเธอดูเหมือนจะดีขึ้นอย่างมาก เธอค่อย ๆ ยิ้มจาง ๆ พร้อมกับหลับตาลงอีกครั้ง

“น่าสนใจ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ห่างไกลเกินไป แต่ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขาสร้างหอคอยดวงดาวได้เมื่อไหร่ ข้าก็สามารถติดต่อกับเขาได้”

ผู้นำอีกคนของสำนักหยินหยางเป็นเพศชาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยลวดลายสีฟ้าจนมันดูคล้ายกับดวงดาว ลวดลายต่าง ๆ มันกระพริบไปมาพร้อมกับใบหน้าของเขาที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท