Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 504

ตอนที่ 504

[ดวงดาวแห่งภัยพิบัติ = จุดที่ระหว่างคิ้ว]

ราชาพันปีเป็นตัวตนที่ทรงพลังมาก มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์เท่านั้นถึงจะบรรลุระดับนั้นได้ พลังต่อสู้ของราชาพันปีนั้นมากมายมหาศาลจนผู้ที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีเทียบไม่ติด !

มันคือระดับพลังที่ผู้จะบรรลุได้นั้นถือว่ายากมาก หากคนธรรมดา ๆ สามารถบรรลุระดับนั้นได้ก็จะถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่สวรรค์ประทานมาให้ได้ในทันที ในขณะเดียวกันพวกเขาจะเปล่งประกายจากเดิมที่เคยเงียบเหงามาตลอด สหายที่ไม่รู้จักและรู้จักจำนวนมากจะหลั่งไหลเข้ามาหา

พื้นฐานในการมีพลังระดับราชาพันปีนั้นก็คือการสร้างค่ายกลจิตวิญญาณขึ้นมาได้ ! ทักษะต่อสู้ทั้งหลายที่เขาเคยเข้าใจและเคยทำมาทั้งหมดมันแฝงไปด้วยพลังวิญญาณ

ราชาพันปีนั้นมีทั้งหมด 9 ขั้น แต่ละขั้นนั้นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ !

ความแตกต่างในพลังวิญญาณของแต่ละคนนั้นส่งผลอย่างมากในการต่อสู้ มันมีความเป็นไปได้เช่นกันที่ราชาพันปีขั้นแรกสามารถเอาชนะราชาพันปีขั้นเก้าได้ แต่ความเป็นไปได้ที่ราชาพันปีที่อ่อนแอที่สุดจะพ่ายแพ้ให้กับคนที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีนั้นมันเป็นไปไม่ได้ !

และสัตว์อสูรตรงหน้าเหล่ามนุษย์ในตอนนี้มันคือตัวที่มีพลังถึงราชาพันปี เป็นไปได้ยังไงกัน ? นอกจากนี้การป้องกันด้วยพลังวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นมาเป็นระฆังก่อนหน้านี้มันจะให้พวกเขาสู้กับมันได้ยังไง ?

“กี้ กี้ !”

ขนสีแดงเข้มของกระต่ายนักเลงสะบัดลู่ไปตามแรงลมจนทำให้มันดูน่ารักและอ่อนแอ

ยังไม่ทันที่เล่ายี่และคนอื่น ๆ จะคิดสิ่งอื่น ทันใดนั้นขนแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งไปหาพวกเขา

ขนแต่เส้นมันแข็งมาก มันแข็งถึงขนาดเจาะเข้าไปในเหล็กได้ ในไม่ช้าผู้ฝึกตนกว่า 30 คนก็เต็มไปด้วยเข็มที่เหมือนขนสีแดงเข้ม

หลังจากนั้นเนื้อขนาดเท่าฝ่ามือก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาจากร่างของพวกเขา

“แตะ แตะ !”

กระต่ายนักเลงตัวอื่น ๆ รีบกระโดดไปหาหัวหน้าพวกมัน

หลังจากนั้นไม่นานกระต่ายนักเลงขนแดงและตัวอื่น ๆ ก็หายตัวไปจากจุดนั้นในไม่ช้า

ในขณะเดียวกันเป่ยเฟิงกำลังใช้เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์อยู่ในหุบเขา นี่เป็นเคล็ดการฝึกฝนที่เผาผลาญทรัพยากรจำนวนมาก แต่มันก็ทำให้เลือดและฉีของเขาบริสุทธิ์กว่าคนอื่นด้วยเช่นกัน !

เป่ยเฟิงถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ดูเหมือนเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์จะช้าเกินไปเมื่อเทียบกับทรัพยากรจำนวนมากที่อยู่แถวนี้ ความเร็วในการเลื่อนขั้นของมันยังช้ามากเมื่อเทียบกับเคล็ดฝึกฝนปกติ”

ลมหายใจที่พ่นออกมานั้นเหมือนกับดาบที่ฝั่งลึกเป็นรอยในกำแพงหิน !

เป่ยเฟิงในตอนนี้ได้มาถึงขั้นสามของร้อยปีระดับสูงสุดแล้ว ตราบใดที่เทคนิคบัญญัติกฏสวรรค์ของเขาเลื่อนระดับได้ พลังของเขาก็จะตัดผ่านระดับไปได้ด้วยเช่นกัน

หลังจากเลิกคิดเรื่องเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ไป เป่ยเฟิงก็ต้องมาปวดหัวอีกครั้งเมื่อมองไข่ขนาดใหญ่ตรงหน้า เปลือกไข่มันแข็งเกินไป เขาทำได้เพียงเอาตะขอเบ็ดค่อย ๆ ตัดมันออกช้า ๆ วิธีที่เขาทำอยู่มันราวกับมดที่กำลังกัดเท้าช้าง เขาไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเจาะเปลือกไข่โง่ ๆ นี้ได้ !

เวลาผ่านไปช้า ๆ จากนั้นก็ผ่านไปอีก 3 วัน รอยลึกบนเปลือกไข่ในตอนนี้เป็นรอยยาวกว่า 20 ซม.และลึกกว่า 10 ซม.

เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เปลือกของไข่ใบนี้มันแข็งเกินไป !

“แก๊ง !”

ในขณะที่เขากำลังทำเหมือนเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทันใดนั้นเป่ยเฟิงก็เงยหน้าด้วยความตกใจ ในไม่ช้าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนก็หายไปพร้อมกับเขาที่เดินไปข้างหน้าหลายก้าว

ตะขอมันติดกับบางอย่างและมันไม่สามารถดึงออกมาได้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือมันติดเข้าไปในไข่แล้ว นั้นหมายความว่ามันเจาะไข่เข้าไปได้แล้ว !

เป่ยเฟิงยืนอยู่ข้าง ๆ ไข่และค่อย ๆ ถอดตะขอออกมาช้า ๆ

ทันใดนั้นแหล่งพลังดวงดาว 3 แหล่งในร่างของเขาก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เป่ยเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถือเชือกล่ามหมาล่าเนื้อ 3 ตัวเอาไว้โดยที่เขาพยายามควบคุมพวกมันอยู่ !

เมื่อเป่ยเฟิงถอดตะขอออกมาจากไข่ได้สำเร็จ พลังงานจำนวนมากก็ระเบิดออกมาจากรูอย่างต่อเนื่อง !

“นี่คือพลังดวงดาวมหาศาลที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ !”

ร่างกายของเป่ยเฟิงสั่นด้วยความตื่นเต้นราวกับหนูที่ตกลงไปในถังข้าวสาร

เป่ยเฟิงนั่งข้าง ๆ หลุมโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เริ่มหมุนเวียนเคล็ดของมรดกหยินหยาง สายพลังดวงดาวที่บริสุทธิ์หาไม่ได้จำนวนมากไหลเข้าไปในพระราชวังดวงดาวของเขาอย่างต่อเนื่อง

เทพเจ้าแห่งดวงดาวไม่รีรอเช่นกัน พวกเขารีบกลืนกินพลังดวงดาวอย่างตะกละตะกลาม ดวงดาวแห่งภัยพิบัติที่ระหว่างคิ้วของเป่ยเฟิงก็เปลี่ยนเป็นหลุมดำ จิตวิญญาณของจิ้งจอกน้อยและพลังแห่งความชั่วร้ายเองก็เข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วยเช่นกัน !

“นี่มันไม่ใช่พลังดวงดาวปกติ แต่มันคือพลังดวงดาวระดับเซียนเทียน ! มันคือต้นกำเนิดของพลังงานดวงดาว !”

หัวใจของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาโชคดีมาก !

ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมเทพเจ้าแห่งดวงดาวร่างสมบูรณ์ถึงอยากจะดูดซับพลังดวงดาวนี้ หลังจากได้กลืนกินพลังดวงดาวระดับเซียนเทียนนี้ไปแล้วมันก็อาจจะเลื่อนขั้นเป็นระดับเซียนเทียนเลยก็ได้ !

นี่คือโอกาสที่หาได้ยากมาก เป่ยเฟิงไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไป เขารีบเพ่งความสนใจไปที่การดูดซับพลังงานทันที

สหายยักษ์ทั้ง 3 เองก็แย่งพลังงานดวงดาวกันอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกันพลังดวงดาวที่ไหลออกมาจากรูเล็ก ๆ บนไข่มันยังคงห่างไกลจากความเร็วในการดูดซับของเขา !

“ปัง !”

เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กดหัวเขาเอาไว้ ทันใดนั้นแรงกดดันที่หนักหน่วงก็กระแทกใส่หัวเขาจนตัวเขาติดแน่นไปกับพื้น !

“เกิดอะไรขึ้น ?”

เป่ยเฟิงพยายามยกหัวขึ้นมาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน จากนั้นเขาก็มองรูเล็ก ๆ ที่มีพลังดวงดาวไหลออกมาจากไข่ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังฉีบางอย่างที่ไหลออกมาอย่างเรียบง่ายและหนักหน่วง

จากการรับรู้ของเขา มันไม่ใช่พลังดวงดาว แต่มันเหมือนภูเขาลูกใหญ่ !

เป่ยเฟิงพยายามยื่นมือออกไปจับพลังนั้น แต่ในไม่ช้าร่างของเขาก็จมลึกลงไปในพื้น

“นี้มันหนักอะไรขนาดนี้ เพียงแค่พลังนิดเดียวแต่มันกลับหนักกว่า 500,000 จิน !”

แม้แต่เป่ยเฟิงเองก็รู้สึกกลัว น้ำหนัก 500,000 จินจากพลังเล็ก ๆ นี้มันหมายความว่าพลังนี้ต้องมีมหาศาลอย่างมาก !

ในไม่ช้าเขาก็จับสายพลังนั้นได้ ทันใดนั้นเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ในร่างก็เริ่มอาละวาดทันที !

ความกระหายและความหิวโหยมหาศาลปะทุขึ้นจากเหล่าเทพเจ้าแห่งดวงดาว ไม่ใช่แค่นั้น แม้แต่พระราชวังแห่งดวงดาวก็อดใจไม่ไหวที่จะกลืนกินพลังเหล่านั้น !

เป่ยเฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก ในเมื่อเทพเจ้าแห่งดวงดาวของเขาต้องการ นั้นหมายความว่ามันต้องมีประโยชน์กับเขาอย่างมาก

เสียงระฆังทั้ง 8 จากพระราชวังดวงดาวดังขึ้นพร้อมกันจากนั้นพลังดวงดาวที่น่าหวาดกลัวก็ปะทุขึ้น

เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อนั้นมองพระราชวังแห่งดวงดาวด้วยความตกใจ จากนั้นก็เพิ่มพลังในการกลืนกินเข้าไป

พระราชวังแห่งดวงดาวเริ่มสั่นคลอน จากนั้นชั้นแสงสีน้ำเงินก็สาดส่องออกมาจากผิวของมันแล้วระเบิดพลังออกมาจากทะเลจิตสำนึกของเป่ยเฟิง ในไม่ช้ามันก็กลืนกินเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ไปพร้อมกับพลังดวงดาว !

หน้าของเป่ยเฟิงว่างเปล่าและดวงตาก็เบิกกว้าง ‘เทพเจ้าแห่งดวงดาวของข้าถูกกลืนกิน ! พ่นมันออกมาซะ !’

ก่อนที่เขาจะตอบสนองได้ทัน เคล็ดการฝึกฝนของมรดกหยินหยางก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ในไม่ช้าพระราชวังแห่งดวงดาวที่สูงเพียง 3 เมตรก็สั่นสะเทือนจากนั่นก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น !

พลังดวงดาวจำนวนมากไหลเข้ามาในพระราชวังแห่งดวงดาวจนทำให้มันมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ !

ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง เทพเจ้าแห่งดวงดาวก็มีชั้นเพิ่มขึ้นถึง 3 ชั้น !

“ถ้าพระราชวังดวงดาวก่อนหน้านี้เป็นเพียงฐานของมัน งั้นชั้นทั้ง 3 นี้ก็ควรจะเป็นพระราชวังแห่งดวงดาวของจริง” เป่ยเฟิงมองพระราชวังแห่งดวงดาวที่สูงร้อยเมตรด้วยความประหลาดใจ จากบันทึกไว้ในมรดกหยินหยางพระราชวังแห่งดวงดาวของเขาในตอนนี้น่าจะมีพลังระดับเซียนเทียนขั้นสูงสุด

พระราชวังแห่งดวงดาวที่สูงร้อยเมตรนั้นใหญ่โตและสง่างามมาก มันลอยอยู่ในทะเลจิตสำนึกของเขา

‘แต่ว่า … เทพเจ้าแห่งดวงดาวของข้าถูกมันกลืนกินเข้าไป’

เป่ยเฟิงยังคงพูดไม่ออก แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันคิดสิ่งใด พระราชวังแห่งดวงดาวก็เปลี่ยนไปอีกครั้งและดูเหมือนว่ามันต้องการจะกลืนกินพลังจากดวงดาวแห่งภัยพิบัติของเขาโดยการขยับตัวเองไปที่ระหว่างคิ้วของเขา !

“ไม่ !”

เป่ยเฟิงกระโดดขึ้นด้วยความตกใจ ดูเหมือนพระราชวังแห่งดวงดาวมันจะคิดง่ายเกินไป มันไม่ต้องการให้มีพลังอื่นใดมาแย่งพลังดวงดาวไปจากมัน

เมื่อเป่ยเฟิงพูดจบ ทันใดนั้นดวงดาวแห่งภัยพิบัติที่ระหว่างคิ้วของเขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาทันที !

ลำแสงที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างและการแหลกสลายระเบิดขึ้นแล้วพุ่งไปหาพระราชวังแห่งดวงดาว !

“ปัง !”

ชั้นเกราะสีน้ำเงินอ่อนปรากฏรอบ ๆ พระราชวังแห่งดวงดาวจากนั้นลำแสงนั้นก็ระเบิดชนเข้ากับเกราะ !

เสียงดังสนั่นในจิตใจของเป่ยเฟิง ชั้นเกราะสีน้ำเงินอ่อนทนอยู่ได้เพียงครึ่งวินาทีก่อนจะค่อย ๆ หายไป จากนั้นลำแสงก็พุ่งไปหาพระราชวังแห่งดวงดาวทันที ในไม่ช้ารอยแตกจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นกับพระราชวังแห่งดวงดาวราวกับมันพร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้นพระราชวังแห่งดวงดาวก็กลายเป็นสัตว์ตัวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มันรีบหนีกลับไปยังจุดเดิมของมันโดยไม่หันมามองซักนิด ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณของเป่ยเฟิงเองก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วยเช่นกัน

เขารู้สึกหมดแรง ในขณะเดียวกันดวงดาวแห่งภัยพิบัติที่ระหว่างคิ้วของเขาเองก็สั่นไปมาราวกับพร้อมจะแตกสลายไปเหมือนกัน ดูเหมือนว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะเสียหายไม่น้อยเหมือนกัน

ใบหน้าของเป่ยเฟิงซีดจางและเขาก็พูดอะไรไม่ออก ใครจะไปคิดกันว่าพลังในร่างของเขาจะสู้กันเองได้ !

ดูเหมือนทั้ง 2 ฝ่ายต้องการหยุดอีกฝ่ายไม่ให้แย่งพลังไป และเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายรู้ดีว่าเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ พวกมันจึงระเบิดความเร็วในการดูดซับพลังงานมากขึ้น 10 เท่าจากเมื่อครู่ !

พลังงานของไข่ยักษ์ไม่ได้ถูกปล่อยให้เสียเปล่าอีกต่อไป ในไม่ช้าพวกมันก็เริ่มกลับมาถูกดูดกลืนอีกครั้ง !

พลังถูกแบ่งออกเป็น 2 สาย หนึ่งคือไปยังดวงดาวภัยพิบัติและอีกหนึ่งไปยังพระราชวังแห่งดวงดาว ความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เองก็หายเป็นปลิดทิ้งพร้อมกับความแข็งแกร่งของทั้งคู่ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า !

หัวใจของเป่ยเฟิงสั่นไปด้วยความกลัวว่าทั้ง 2 จะเริ่มสู้กันเองอีกครั้ง

โชคดีหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน สิ่งที่เป่ยเฟิงกังวลไม่ได้เกิดขึ้น พลังงานในไข่ใบนี้ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าจะมีการดูดซับตลอดทั้งคืนอย่างบ้าคลั่งแต่มันก็ไม่มีท่าทีใด ๆ ว่ามันใกล้แห้งแม้แต่น้อย

พลังงานถูกแบ่งออกเป็น 15 สายแล้ว โดยมันถูกใช้ร่วมกันทั้งพระราชวังแห่งดวงดาวและดวงดาวแห่งภัยพิบัติ พระราชวังแห่งดวงดาวในตอนนี้สูงกว่า 200 เมตรและมีถึง 8 ชั้น มันทำให้วิญญาณของเป่ยเฟิงมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน

ในขณะที่เขาเตรียมจะพักผ่อน ทันใดนั้นพระราชวังแห่งดวงดาวและดวงดาวแห่งภัยพิบัติก็ปะทุพลังขึ้นอีกครั้ง !

ในไม่ช้าเจดีย์สีน้ำเงินที่เปล่งประกายกลิ่นอายโบราณก็ปรากฏด้านหลังเป่ยเฟิง !

เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น มันทำให้แรงต่าง ๆ ในโลกภายนอกที่ได้สัมผัสมันต้องแตกสลายหายไป !

เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นมันก็เชื่อมเข้ากับพระราชวังแห่งดวงดาว จากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาไข่ยักษ์ !

พระราชวังแห่งดวงดาวเองก็ช่วยทำให้จิตวิญญาณของเป่ยเฟิงเติบโตขึ้นเช่นกัน ร่างพลังจิตของเขาในตอนนี้สูงกว่า 2 ชุนแล้ว !

ดวงดาวแห่งภัยพิบัติก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ด้านหลัง ลำแสงสีเทาที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากคิ้วของเป่ยเฟิงพุ่งเข้าไปที่ไข่ยักษ์

ลำแสงนั้นละลายเปลือกไข่จนกลายเป็นหลุมแยกออกมา !

เมื่อเห็นแบบนั้นปากของเป่ยเฟิงก็กระตุกเล็กน้อย หากเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เขาคงไม่ต้องฟันเปลือกมันก่อนหน้านี้ด้วยความระมัดระวังหรอก !

แทนที่จะเป็นเยื่อเหนียว ๆ ที่มักพบในไข่ แต่ทว่าในไข่ใบนี้กลับเต็มไปด้วยทะเลพลังดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับเหมือนดวงดาวอยู่ข้างใน

เป่ยเฟิงไม่ได้ทำอะไรเลย เขาปล่อยให้พลังดวงดาวจำนวนมหาศาลทำความสะอาดกระดูกและกล้ามเนื้อของเขา

ในเวลาเดียวกันพระราชวังแห่งดวงดาวที่สูงกว่า 200 เมตรก็ย้ายตัวเองไปอยู่ในไข่แล้วเริ่มดูดซับพลังงานดวงดาวรอบตัวมันอย่างบ้าคลั่ง !

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท