แม้ว่าผู้คนบนดาวเทียนมู่จะมีผู้ฝึกตนจำนวนมาก แต่ทว่าผู้ที่ไปถึงขั้นราชาพันปีไม่ใช่กะหล่ำปลีที่หาได้ตามถนน ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีพรสวรรค์และความพยายามพอที่จะไปถึงขั้นราชาพันปีได้
อาจมีเพียง 10 ล้านคนที่ไปถึงขั้นราชาพันปี คนส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่ขั้นสี่ของร้อยปี
การฝึกฝนในปัจจุบันของเป่ยเฟิงไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่เขาในตอนนี้ที่มีพลังขั้นสามของร้อยปีนั้นถือได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ
โลกใบนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเร็วมาก จริงอยู่ที่ว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรและหลินฉีที่หนาแน่น แต่หากพัฒนาเร็วเกินไปจนพลาดในจุดสำคัญ การฝึกฝนของพวกเขาก็จะค่อย ๆ ชะลอลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมันก็สายเกินไป ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงจริงจังอย่างมากในการทำความเข้าใจมรดกหยินหยาง
เป่ยเฟิงเดินออกจาก หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จแล้วเขาก็พากลุ่มของเขาไปตามล่าสัตว์อสูรรวมไปถึงหาวัตถุดิบล้ำค่า
แม้ว่าสมุนไพรและวัตถุดิบที่พวกเขาจะเก็บรวบรวมมาได้จะไม่มีคุณภาพสูงนัก แต่ก็ทำเงินได้ดี มันถือว่าเขาเข้ามาไม่เสียเที่ยว
เป่ยเฟิงในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นสามของร้อยปี มันมีลักษณะเหมือนวัว มีเขาแหลม ๆ บนหัวของมัน ฟันคม ๆ ยื่นออกมาจากปากเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเป็นวัวกินเนื้อ
“มออ !”
แม้แต่ในบรรดาหมู่สัตว์อสูรขั้นสาม วัวตัวนี้ก็ไม่ใช่ศัตรูที่ใครจะมายุ่งด้วยได้ ร่างกายของมันแข็งมากรวมไปถึงมันโกรธได้ง่ายมากเช่นกัน เมื่อมันโมโหมันจะพุ่งเข้าใส่จนกว่าอีกฝ่ายจะตายไป
เสียงคำรามของมันเต็มไปด้วยความโกรธซึ้งแตกต่างจากวัวปกติ
วัวกระทืบเท้าของมันจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ลึกหลายเมตร วินาทีต่อมาเขาคู่ของมันก็ส่องแสงสีดำก่อนจะพุ่งไปหาเป่ยเฟิง
“หมีทุบ !”
แม้ว่าจะเห็นสัตว์อสูรพุ่งเข้ามาใกล้ แต่เป่ยเฟิงก็ยังยืนนิ่ง ผมและเสื้อของเขากระพือไปด้านหลังอย่างรุนแรงจากเสียงคำรามของมัน เขามองมันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ใด ๆ หลังจากนั้นเขาก็ทำตราประทับบนมือก่อนจะค่อย ๆ ต่อยออกไป
สายตาของวัวกระพริบด้วยความสับสน จากนั้นมันก็แทนที่ด้วยความโกรธ มนุษย์คิดจะทำให้มันกลัวงั้นรึ ? ในไม่ช้าดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด
“แก๊ง !”
เขาแหลม ๆ ของวัวปะทะเข้ากับกำปั้นเล็ก ๆ ของเป่ยเฟิง จากนั้นเสียงเหมือนเหล็กปะทะกันก็ดังขึ้นพร้อมกับกำปั้นของเป่ยเฟิงที่ทุบลงบนหัววัว !
“มอออ !”
เขาของวัวเริ่มแตกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นมันก็กระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร วัวมันพยายามจะยืนขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว
“เขาเพิ่งจะตัดผ่านระดับไปยังขั้นสามของร้อยปี แต่กลับสามารถเอาชนะวัวดำได้ด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว … พลังต่อสู้ของเขามากแค่ไหนกัน ?”
ดวงตาของหลี่ปิงหรี่ลงด้วยความสับสน หลี่ปู้และหลี่ปิงมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าให้กันราวกับตัดสินใจบางอย่างได้
ทั้งสองตัดสินใจว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ความแข็งแกร่งของเป่ยเฟิงมันน่ากลัวเกินไป เขาเพิ่งจะตัดผ่านระดับแต่พลังของเขากลับสามารถเอาชนะสัตว์อสูรนักรบที่อยู่ในขั้นสามด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
เห็นได้ชัดว่าทักษะต่อสู้ของเป่ยเฟิงนั้นไม่ธรรมดา เช่นเดียวกับหลี่ปู้และผู้มีมากประสบการณ์คนอื่น ๆ ทักษะต่อสู้ระดับสูงนั้นแม้แต่ตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะหามาได้
ส่วนเป่ยเฟิงเขาส่ายหน้าเบา ๆ พร้อมกับมองกำปั้นของเขา การเคลื่อนไหวของเขาคือสิ่งที่เขาฝึกฝนมันมาจนชินถึงขนาดที่ว่าระหว่างนอนอยู่ก็ฝึกมัน แต่ทว่าร่างกายเขาในตอนนี้กลับไม่มีความทรงจำใด ๆ ของกล้ามเนื้อที่เคยใช้ทักษะต่อสู้อยู่เลย มันจึงไม่สามารถแสดงพลังอย่างที่เขาต้องการออกมาได้ เดิมที่เขาต้องการจะแยกหัวของมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงทำให้มันได้รับบาดเจ็บเท่านั้น
ส่วนหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งตกตะลึง ความแข็งแกร่งและการควบคุมของเป่ยเฟิงค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่สัตว์อสูรขั้นสามระดับสูงก็ยังไม่สามารถทนรับการโจมตีของเขาได้ถึงมากไปกว่าร้อยครั้ง !
‘ดูเหมือนเวลามันจะผ่านไปนานแล้ว มันน่าจะได้เวลาตกปลาแล้ว’
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ จากนั้นก็พยักหน้าให้ทุกคนตามเขากลับไป
หลี่ปู้และคนอื่น ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มบนหน้าเป่ยเฟิง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขามีความสุขเพราะอะไรแต่ก็เดาได้ว่าน่าจะเพราะการมารอบนี้เก็บเกี่ยวได้เยอะมาก ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มเก็บกวาดก่อนจะกลับไปที่แคมป์
“พวกเจ้ายืนเฝ้าอยู่ข้างนอก หากใครไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาด”
“ครับท่าน”
เป่ยเฟิงออกคำสั่งจากนั้นหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ก็พยักหน้า ในไม่ช้าเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ หายตัวไปจากมุมมองของพวกเขา
เป่ยเฟิงเดินไปที่ทะเลสาบ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแล้วตบลงไปที่น้ำตก !
“ตู้ม !”
ก้อนหินขนาดใหญ่ถูกทำลายและหล่นลงไปที่กระแสน้ำด้านล่างก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางของมันไปอีกทาง
ด้วยความคิดของเขา แสงสีทองเล็ก ๆ ค่อย ๆ ปรากฏบนหน้าจากนั้นคันเบ็ดก็ปรากฏในมือของเขา
จากนั้นเขาก็จับคันเบ็ดไว้แน่นและโยนตะขอลงไปในทะเลสาบ จากนั้นน้ำวนสีดำก็ค่อย ๆ ปรากฏด้านล่างทะเลสาบ
น้ำจำนวนมากไหลเข้าไปในน้ำวน จากนั้นมันก็กลายเป็นไอน้ำทันทีที่มันสัมผัสกับความมืดด้านใน
***
ภายในอีกโลก ในจุดที่ลึกมากในเหมือง นี่คืออุตสาหกรรมของนิกายครองสวรรค์ พื้นที่กว่า 1 ล้านลี้รอบ ๆ เป็นของนิกาย ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากก็เหมือนหมู่เมฆที่มีมากมาย
นิกายแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ารักการต่อสู้ พวกเขามีความขัดแย้งกับนิกายที่อยู่รอบ ๆ แต่น่าเสียดายที่นิกายรอบ ๆ ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อปราศจากความแข็งแกร่งที่เพียงพอพวกเขาจึงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
เหล่าศิษย์ของนิกายครองสวรรค์แยกย้ายกันไปยัง 5 นิกายใหญ่และเริ่มโจมตีเหล่าตระกูลที่อยู่ภายใต้นิกายเหล่านั้น
นิกายสวรรค์มีอำนาจที่สามารถปกครองธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ พวกเขามีสวนสมุนไพรจิตวิญญาณขนาดใหญ่รวมไปถึงแร่เหล็กขนาดใหญ่ สถานที่แห่งนี้แน่นอนว่าต้องใช้คนงานจำนวนมากมาทำงาน !
แล้วคนงานมาจากไหน ? คนงานเหล่านั้นก็มาจากศิษย์นิกายอื่น ๆ ที่พ่ายแพ้และถูกจับกุม ในขณะเดียวกับศิษย์ที่ทำลายกฏของสำนักก็จะถูกส่งตัวมาทำงานหนักที่นี่เช่นกัน
นิกายครองสวรรค์มีเหมืองหลายแห่ง ซึ้งแต่ละเหมืองนั้นมีแร่พลังงานดวงดาวอยู่ แร่ชนิดพิเศษมีอีกชื่อนั่นก็คือ หินส่องประกายดวงดาว มันมีมูลค่าไม่มากนัก แต่เมื่อมีจำนวนมากก็ทำให้มันเป็นเม็ดเงินมหาศาล
เหมืองแห่งนี้เปิดมานานกว่าร้อยปีและมีคนงานที่เป็นนักโทษหลายพันคนทำงานอยู่ในที่แห่งนี้
คนงานทุกคนจะถูกตราประทับไว้ที่หน้าอก ซึ้งตราประทับนี้จะปล่อยให้คนที่ได้รับต้องทุกข์ทรมานจนรู้สึกได้ว่ามีชีวิตเลวร้ายกว่าความตาย ตราบใดที่ตราประทับไม่ได้ถูกลบออกไปพวกเขาก็ไม่สามารถหนีไปได้ เพราะหากหนีไปก็มีเพียงความตายที่รอพวกเขาอยู่
ผ่านมาหลายร้อยปี มีคนงานจำนวนนับไม่ถ้วนตายในเหมือง แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนจำนวนมากถูกจับมาและถูกทำให้พิการ แต่ก็มีคนปกติจำนวนมากที่เต็มใจจะทำงานให้ที่นี่เช่นกัน
มนุษย์ธรรมดาเหล่านี้จะได้ฝึกฝนเคล็ดการฝึกตนขั้นพื้นฐานที่สุดของนิกายครองสวรรค์เท่านั้น หากพวกเขาทำงานในเหมืองเป็นเวลา 10 ปีพวกเขาก็จะเข้าร่วมการแข่งขันประตูมังกรและเปลี่ยนกลายเป็นศิษย์สายนอกทันที
หลังจากผ่านไปร้อยปี อุโมงค์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ถูกขุดลงไปในเหมืองขนาดใหญ่แห่งนี้ มันมีเส้นทางสลับซับซ้อนไปมาและดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด แต่ทว่าเส้นทางเหล่านี้กลับเชื่อมกันและกัน แม้ว่ามันจะเชื่อมกันแต่หากมีใครประมาทพวกเขาก็อาจจะหายตัวไปข้างในได้ตลอดกาล
ณ จุดที่ลึกที่สุดของเหมือง มีแสงไฟส่องสว่างจาง ๆ ของหินเขี้ยวจันทราพร้อมกับคนงานกว่า 100 คนที่กำลังถือพลั่วขุดหินกัน
พลั่วที่พวกเขาถือไม่ใช่พลั่วธรรมดา ดูได้จากยิ่งลึกเท่าไหร่หินก็ยิ่งแข็งมากขึ้น แต่พลั่วเหล่านี้กลับสามารถขุดหินพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
หินส่องประกายดวงดาวนั้นมีสีดำสนิท มันจะส่องแสงสว่างจาง ๆ ออกมาจากผิวของมัน แร่เหล่านี้จำเป็นต้องถูกขัดก่อนถึงจะกลายเป็นหินส่องประกายดวงดาว
ชายทั้ง 100 คนไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าพร้อมกับใบหน้าที่ไร้อารมณ์ มันดูเหมือนพวกเขาเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งคำสั่งไว้ล่วงหน้าให้ทำการกระทำแบบเดียวกันซ้ำ ๆ
ลี่เที่ยนตั้งความหวังบางอย่างเอาไว้ในใจก็คือการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนิกายครองสวรรค์ เขาขุดเหมืองอยู่ในนี้มานานกว่า 8 ปี การฝึกฝนของเขาก็ติดอันดับ 1 ใน 3,000 ของคนในเหมือง อีก 2 ปีเขาก็จะสามารถเข้าร่วมการทดสอบและเริ่มต้นเส้นทางที่จะนำพาชื่อเสียงมาให้กับวงศ์ตระกูลของตัวเองได้ ในขณะที่ลี่เที่ยนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นพลั่วของเขาจู่ ๆ ก็หยุดลงราวกับเขาขุดกระทบอะไรบางอย่างที่มันแข็งมาก
“หืม ? เหมือนข้าจะเจออะไรเข้า ? มันคือเหล็กเมฆดวงดาวหรือว่าเป็นแก่นแท้ของเหล็กกัน ?”
ลี่เที่ยนไม่ได้แปลกใจมากนัก เป็นที่รู้กันว่าในเหมืองแห่งนี้มีแร่ชนิดอื่นอยู่ด้วย ดังนั้นสิ่งที่จะหยุดพลั่วนี้ได้จึงมีเพียงแร่เหล็ก 2 อย่างนี้เท่านั้น
ลี่เที่ยนรู้สึกตื่นเต้นมาก แร่ทั้ง 2 อย่างมีค่ามาก มันไม่ใช่สิ่งที่แร่ส่องประกายดวงดาวจะเทียบได้
ผลจากการส่งมอบแร่ทั้ง 2 ชนิดนี้มันสูงมาก พวกเขาสามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นศิษย์สายนอกของนิกายได้ทันที พวกเขาไม่จำเป็นต้องต่อสู้หรือเข้าร่วมการทดสอบใด ๆ
หลังจากมองรอบคอบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นการกระทำของเขา ลี่เที่ยนก็ถอนหายใจด้วยด้วยความโล่งอก สิ่งสุดท้ายที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นก็คือไม่อยากให้ใครมาคว้าแร่มีค่าไปจากเขา
เขาค่อย ๆ ทำเครื่องหมายที่แร่นั้นด้วยความระมัดระวังพร้อมกับหันไปมองซ้ายขวาจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
“โอ้ พี่เที่ยน พี่ขุดของวันนี้เสร็จแล้วงั้นรึ ?”
ลี่เที่ยนยิ้มและพูดขึ้น “ใช่ แต่อีกตั้ง 2 ปี อีกแค่ 2 ปีเท่านั้นวัวแก่อย่างข้าก็จะเข้าร่วมการแข่งประตูมังกรได้ซักที”
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของลี่เที่ยนและคนอื่น ๆ ค่อนข้างดี ระหว่างทางมีหลายคนหยุดและทักทายเขา
อารมณ์ของลี่เที่ยนดีขึ้นมาก เขาซื้ออาหารอร่อยกว่าปกติและนำมันกลับไปที่เต็นท์ของเขา สภาพความเป็นอยู่ในตอนนี้ย่ำแย่มากเพราะห้องหนึ่งมันจุคนได้ถึง 16 คน แต่ลี่เที่ยนตอนนี้เต็มไปด้วยความพอใจเพราะอีกไม่นานเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
ค่ำคืนมาเยือนพร้อมกับเสียงกรนดังไปทั่ว โดยปกติแล้วลี่เที่ยนจะเป็นหนึ่งในคนที่หลับสนิทและกรนอย่างมีความสุข แต่วันนี้ตาของเขาเปิดกว้างพร้อมกับหันไปมองรอบ ๆ หลังจากมั่นใจว่าทุกคนหลับลึกแล้วเขาก็หยิบพลั่วขึ้นมาแล้วเดินออกมาจากเต็นท์ของเขา
หลังจากใช้เวลาในเหมืองมานานกว่า 8 ปี ลี่เที่ยนจึงรู้จักเหมืองแห่งนี้ดีราวกับมันเป็นหลังมือของเขา มันไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อยที่หาเส้นทางต่าง ๆ ในเหมือง ลี่เที่ยนค่อย ๆ เดินเข้าไปในอุโมงค์มืดเล็ก ๆ
แน่นอนว่าจุดที่เขาลงไปขุดวันนี้มันเต็มไปด้วยสายตาจำนวนมาก หากมีการค้นพบว่าเขาขุดพบแร่ล้ำค่ามันจะดึงดูดความวุ่นวายครั้งใหญ่มาให้เขา
ผู้จัดการเหมืองไม่ได้สนใจพวกคนงานมากนัก ความห่วงใยของเขาเพียงอย่างเดียวก็คือการได้แร่ตามกำหนดในแต่ละวัน แม้ว่าลี่เที่ยนจะดูเป็นคนง่าย ๆ และดูซื่อ ๆ แต่เขาไม่ได้โง่ เขามั่นใจเลยว่าหากเขาขุดแร่นั้นขึ้นมาเขาจะต้องถูกฆ่าแน่นอน !
“ถ้าข้าขุดแร่ล้ำค่านั้นขึ้นมาได้และนำมันไปให้กับผู้จัดการเหมือง ข้าก็จะกลายเป็นศิษย์สายนอกได้ !”
ลี่เที่ยนพึมพำด้วยความเชื่อมั่น จากนั้นก็คว้าพลั่วขึ้นมาและออกค้นหาเครื่องหมายที่เขาทำไว้
“เจอแล้ว !”
ลี่เที่ยนวิ่งไปข้างหน้าจากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้พลั่วขุดออกมาด้วยความระมัดระวัง
“แกร๊ก !”
แผ่นหินด้านล่างแตกออกและเผยให้เห็นแร่เงินขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้า !
“เอ๊ะ ? นี้มันไม่ใช่เหล็กเมฆดวงดาวกับแก่นแท้ของเหล็กนี่ !”
ลี่เที่ยนรู้สึกผิดหวัง ลักษณะและคุณสมบัติของแร่ทั้ง 2 เป็นสิ่งที่ทุกคนในเหมืองต้องจดจำให้ดีเมื่อเข้ามาทำงาน แม้ว่าโอกาสที่ค้นพบจะน้อย แต่แร่ทั้ง 2 ก็เคยปรากฏออกมาหลายครั้งในเหมืองแห่งนี้ และมันก็ปรากฏขึ้นในทุก ๆ ปี
เมื่อเห็นแร่สีเงินขาว ลี่เที่ยนก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่แร่ล้ำค่าทั้ง 2 แร่ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างมาก