“วางเรื่องของเราแล้วหันมาร่วมมือกันก่อนดีกว่า !” ใบหน้าของลี่เหว่ยเปลี่ยนไปมาพร้อมกับนวดหัวที่ถูกกระแทกเบา ๆ ตอนนี้เขาได้แต่วางเรื่องเมื่อครู่แล้วมุ่งหน้าเดินไปหากลุ่มของเป่ยเฟิง
“ได้สิ !” เป่ยเฟิงพยักหน้ายอมรับ นี่เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด ในเวลานี้มันมีเพียงการร่วมมือกันเท่านั้นที่มีโอกาสจะหนีไปจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้
“กี้กี้ !”
กระต่ายนักเลงตัวอื่น ๆ เริ่มกระโดดเข้ามาช้า ๆ จากนั้นก็ล้อมกลุ่มของเป่ยเฟิงเอาไว้ราวกับไม่ต้องการให้มีคนหนีรอดไปได้
ไม่ไกลกันนักมีกระต่ายนักเลงสีเทาขนาดใหญ่กำลังเดินมาด้วยท่าทางเหมือนคนแก่ มันดูน่าตลกสิ้นดี
“คำสาปภัยพิบัติ !”
เป่ยเฟิงหรี่ตามองกระต่ายตัวใหญ่ที่เดินมาช้า ๆ ตัวนั้น
เขารีบใช้พลังคำสาปโดยไม่ลังเล นอกจากนี้เขายังใช้คำสาประดับ 3 !
จริงอยู่ที่ว่ากระต่ายรอบ ๆ มันปลดปล่อยจิตสังหารออกมา แต่นั้นมันยังไม่ถึงกับทำให้เขารู้สึกได้ถึงความอันตรายนัก
ทันใดนั้นหมอกสีดำก็ปรากฏด้านหลังเป่ยเฟิงพร้อมกับดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่มองไปยังกระต่ายตัวใหญ่
เป่ยเฟิงไม่หยุดแค่นั้น เป้าหมายของเขานอกจากกระต่ายตัวใหญ่แล้วเขายังมองหาตัวอื่นรอบ ๆ ด้วย
ระลอกคลื่นที่น่าหวาดกลัวพุ่งลงมาจากฟ้าแล้วครอบคลุมกระต่ายทั้ง 3 ตัวทันที !
“ซู่ !”
กระต่ายสีเทาตัวใหญ่เบิกตากว้างและกระโดดด้วยขาอันทรงพลังขึ้นไปยังกิ่งไม้ที่อยู่ไกลออกไป มันหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง เมื่อครู่มันรู้สึกได้ถึงศัตรูที่ทรงพลังได้ แต่ไม่ว่ามันจะมองหายังไงมันก็มองไม่เห็นว่าศัตรูที่มันคิดนั้นอยู่ตรงไหน
เหล่ากระต่ายนักเลงเงยหน้าขึ้นและหันไปมองกระต่ายตัวใหญ่นั้น ในหมู่กระต่ายนักเลงมีกระต่ายตัวหนึ่งถืออาวุธแหลมคม นอกจากนี้มันยังถูกปกคลุมไปด้วยตะปูย้อนกลับจำนวนนับไม่ถ้วน สามารถมองเห็นชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ที่เมื่อกระแทกออกมาเบา ๆ จะมีเนื้อหล่นออกมาจากตะปูนั้นได้
แรงกดดันของกระต่ายตัวนี้ทรงพลังมาก แต่มันด้อยกว่ากระต่ายตัวใหญ่นั้นอยู่ดี
“กี้กี้ !”
จากด้านบน กระต่ายตัวนั้นยังคงมองรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวังเป็นเวลานาน สุดท้ายมันก็ไม่พบอะไร ดังนั้นมันจึงตัดสินใจว่ามันอาจจะเป็นภาพลวงตา
“หยินน !” นกอินทรีสีเงินขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรลอยอยู่บนอากาศพร้อมกับกรีดร้องออกมา ดวงตาแหลมคมของมันจับจ้องไปยังกระต่ายนักเลงที่อยู่บนต้นไม้
จากนั้นมันก็หุบปีกอันทรงพลังแล้วโฉบลงมาจากท้องฟ้า เมื่อครู่มันอยู่บนอากาสที่สูงกว่า 1,000 เมตร แต่เพียงพริบตามันก็อยู่ห่างจากกระต่ายนักเลงเพียง 10 เมตร !
“ซู่ !”
กระต่ายนักเลงพองตัวขึ้นจากนั้นกล้ามเนื้อที่ทรงพลังของมันก็นูนขึ้นมาจากร่างแล้วก็เริ่มสู้กับอินทรีตัวนั้น
ข้างใต้ เหล่ากระต่ายนักเลงตัวอื่น ๆ กำลังส่งเสียงดังโดยที่เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นผู้ชมการต่อสู้ของกระต่ายนักเลงตัวใหญ่นั้นไปแล้ว
“มันแข็งแกร่งจริง ๆ แม้แต่ข้าก็คงสู้มันไม่ได้”
เป่ยเฟิงหรี่ตามองการต่อสู้ของทั้ง 2 ที่ปะทะกันไปมา เมื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของมันกับของเขาแล้ว เขาได้แต่ส่ายหัว
“ท่านหัวหน้าตระกูล สัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวนั้นมันมีพลังขั้นสี่ของร้อยปีขั้นสูงสุด มันถือได้ว่าเป็นครึ่งก้าวราชาพันปี” หลี่ปู้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นไหว เขาไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยที่จะเอาตัวรอดจากสัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวนั้นได้
เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากยอดไม้ จากนั้นขนนกทองคำขาวก็หล่นลงมาจากท้องฟ้าแล้วแทงลึกเข้าไปในพื้นดิน
นกอินทรีสีเงินโยกหัวแล้วใช้จงอยปากที่คมของมันจิกเข้าไปที่ตาของกระต่ายนักเลง !
กระต่ายนักเลงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ! จากนั้นมันก็เตะกรงเล็บนกอินทรีจนทำให้กรงเล็บข้างหนึ่งของมันหักลงไป !
ทั้ง 2 ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เลือดและขนจำนวนมากค่อย ๆ ร่วงลงมาจากท้องฟ้า !
สุดท้ายกระต่ายนักเลงก็ใช้ขาขวาที่ไม่ได้บาดเจ็บทุบเข้าที่หัวของนกอินทรีครั้งสุดท้าย ในขณะเดียวกันนกอินทรีตัวนั้นก็ใช้กรงเล็บแหลมคมของมันเจาะเข้าไปในร่างของกระต่ายนักเลง !
ทั้ง 2 ต่างบาดเจ็บสาหัส แต่กระต่ายนักเลงดูเหมือนจะได้รับชัยชนะ !
สัตว์อสูรทั้ง 2 หล่นลงมาจากพื้นด้วยความสูง 100 เมตร ทั้งคู่นัวเนียกันอยู่กลางอากาศ กระต่ายนักเลงสูญเสียความสามารถที่ใช้ต้านทานสายลมไปแล้ว
ด้านล่าง กระต่ายนักเลงหลายเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง ในไม่ช้ามันก็รีบมุ่งหน้าไปที่สัตว์อสูรทั้ง 2 ตัวทันที
ในขณะเดียวกัน สัตว์อสูรรูปร่างเหมือนหนูตัวอ้วนที่ซ่อนอยู่ใต้ดินก็กระโดดด้วยความตกใจเมื่อมีขาหนา ๆ แทงทะลุหลุมของมันลงมา จากนั้นมันก็เปลี่ยนจากความตกใจก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ มันกัดเข้าที่เท้าของกระต่ายตัวนั้นด้วยท่าทางดุร้าย !
อาหารที่มันชื่นชอบนั้นคือสัตว์อสูรที่เป็นงูพิษชนิดหนึ่ง นอกจากนี้การกัดของมันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแต่มันจะทำให้รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งกว่าตาย !
หน้าที่หลักในการกัดคือการทำให้ประสาทสัมผัสนั้นไวต่อความเจ็บปวดมากขึ้น ถึงขั้นที่ว่าเพียงแค่ลมพัดผ่านผิวหนังเบา ๆ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกหั่นด้วยมีด !
“อ๊าววว !”
กระต่ายที่เผลอเหยียบเข้าไปในรูหนูโดยไม่ตั้งใจกรีดร้องออกมาพร้อมกับกระโดดขึ้น !
การกระโดดของมันไม่มีอะไรมาก แต่ทว่าการกระโดดครั้งนี้ของมันดันกระโดดไปทางกระต่ายตัวใหญ่ !
กระต่ายตัวนั้นถืออาวุธที่แหลมคมที่เต็มไปด้วยตะปูย้อนกลับจำนวนนับไม่ถ้วน มันกระโดดขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับเผลอใช้อาวุธของมันแทงเข้าไปที่ปลายหางของกระต่ายนักเลงที่กำลังล่วงลงมา
แม้ว่าเป่ยเฟิงจะเป็นคนใช้คำสาป แต่เขาก็ยังต้องขมิบ ‘ดอกเบญจมาศ’ ของเขาไว้แน่นเมื่อเห็นฉากตรงหน้า เขารีบหุบขาลงด้วยท่าทางไม่รู้ตัว …
กระต่ายนักเลงตัวอื่น ๆ จากที่รีบวิ่งก็เดินช้าลงพร้อมกับตกตะลึงฉากตรงหน้า ด้วยสติปัญญาของมันในตอนนี้มันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมันเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์เปลี่ยนไปมาของกระต่ายตัวใหญ่ พวกมันก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวบางอย่างที่ปะทุขึ้นมาในใจ
“ซู่ !”
กระต่ายนักเลงที่ถูกหนูกัดเมื่อมันกระโดดลงแล้วเท้ากระแทกพื้น ทันใดนั้นความเจ็บปวดมหาศาลก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง !
ในขณะเดียวกัน กระต่ายนักเลงที่ถืออาวุธเหมือนจานสีดำในมือและบนหัวของมัน มันวางจานสีดำลงกับพื้นแล้วนั่งลงที่จานนั้นพร้อมกับหูที่กระตุกเบา ๆ
ทันใดนั้นกระต่ายนักเลงตัวนั้นก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันราวกับจานสีดำใต้ก้นของมันเริ่มร้อนผิดปกติ
“บูม !”
หลังจากนั้น … แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในท้องฟ้าพร้อมกับคลื่นกระแทกทรงพลังที่ระเบิดไปทุกทิศทาง ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถูกพัดขึ้นไปด้านบนพร้อมกับเมฆเห็ดขนาดเล็กที่ลอยไปบนฟ้า !
หลังจากฝุ่นกระจายหายไป พื้นที่กว่า 300 เมตรรอบ ๆ กระต่ายตัวนั้นก็ตกผลึก !
เศษเนื้อของกระต่ายนักเลงกระจัดกระจายไปทั่วพร้อมกับควันสีดำที่ลอยออกมาจากเนื้อเหล่านั้น
“อึก”
ลี่เหว่ยถึงกับกลืนน้ำลาย เขากลืนน้ำลายจำนวนมากด้วยความตกใจ ฉากตรงหน้ามันแปลกเกินไป มันเป็นความบังเอิญที่น่าหวาดกลัวเกินไป !
หลี่ปู้และคนอื่น ๆ รู้สึกเย็นหลังคอ พวกเขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังเป่าอากาศเย็น ๆ ด้านหลังพวกเขา
กระต่ายนักเลงที่อยู่รอบ ๆ เองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จากนั้นกระต่ายเหล่านั้นก็หันไปมองเป่ยเฟิงและคนที่เหลือ จากนั้นท่าทางสับสนก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย
“แซ่ก แซก !” กระต่ายพวกนี้สติปัญญาต่ำ พวกมันยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้นัก ดังนั้นพวกมันจึงตัดสินใจที่จะจัดการเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ แทน !
“ปีกนภาสวรรค์ !” ลำแสงของปีกที่ดูคมมากพุ่งออกมาจากด้านหลังเป่ยเฟิงและฆ่ากระต่ายนักเลงไปถึง 3 ตัว !
เป่ยเฟิงถูกกระต่ายนักเลง 4 ตัวรุม เขาถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าวพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก
“ดินแดนเหมันต์พันลี้ !” ลี่เหว่ยวางมือไปที่พื้นจากนั้นหนามแหลมคมก็พุ่งออกมาจากพื้นดิน
“ฝ่ามือเมฆวายุ !” เสียงคำรามดังขึ้นจนทำให้เป่ยเฟิงต้องหันไปมอง
ผู้คุ้มกันของจีเฟ่ยคำรามพร้อมกับร่างของเขาที่ใหญ่ขึ้นอีก 1 เมตร จากนั้นพลังที่น่าหวาดกลัวก็ปะทุขึ้นจากฝ่ามือของเขา
วินาทีต่อมาผู้คุ้มกันคนนั้นก็ถูกกระต่าย 5-6 ตัวรุมฆ่า เป่ยเฟิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นฉากนี้ แกจะตะโกนเสียงดังเพื่อที่จะรีบฆ่าตัวตายหรือยังไง ?
หลี่ปู้และคนอื่น ๆ รวมตัวกันจนกลายเป็นค่ายกลเรียบง่าย พวกเขาไม่ประมาทแม้แต่น้อย ทางด้านของเขาก็มีหลายคนที่ตายและบาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน
เป่ยเฟิงและลี่เหว่ยยืนหันหลังชนกันพร้อมกับปลดปล่อยการโจมตีออกไปจำนวนมากเพื่อฆ่ากระต่ายนักเลงเหล่านี้ !
ร่างกายของเป่ยเฟิงนั้นทรงพลัง แต่ขาของกระต่ายนักเลงเองก็ทรงพลังเช่นกัน แม้แต่เป่ยเฟิงก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องทนรับลูกเตะของมันหลายครั้ง
อวัยวะภายในของเขาขยับไปมา เลือดและฉีของเขาเองก็ปั่นป่วนไม่น้อย
“อินทรีหมี ฟาด !”
ยิ่งเป่ยเฟิงสู้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แม้ว่าการบาดเจ็บของเขาจะเพิ่มขึ้นแต่การต่อสู้ด้วยการเดิมพันชีวิตและความตายก็ทำให้เขาสามารถควบคุมร่างกายได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน !
อินทรีหมีฟาดนั้นสามารถฆ่ากระต่ายนักเลงไปได้ถึง 9 ตัวในครั้งเดียว !
อีกด้าน ลี่เหว่ยก็สู้ด้วยพลังทั้งหมดของเขา ภูเขาน้ำแข็งปรากฏเหนือหัวแล้วกระแทกเข้ากับกระต่ายนักเลงกว่า 20 ตัว !
“บูมมม !’
หลังจากนั้นไม่นานกระต่ายนักเลงก็ใช้การเตะของมันกระแทกภูเขาออกมา
แม้ว่าจะรอดมาได้แต่หลินฉีน้ำแข็งจำนวนมากก็ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกมันไปมาก มันทำให้พวกมันเคลื่อนไหวได้ช้าลงและจากนั้นในไม่ช้าก็ถูกเป่ยเฟิงฆ่า !
“กีกี้ !”
กระต่ายนักเลง 3 ตัวกระโดดเตะเป่ยเฟิงด้วยความเร็วมหาศาลที่ขนาดเป่ยเฟิงก็มองการเคลื่อนไหวของมันไม่ทัน !
“ขวานสะบั้นพสุธา !” เป่ยเฟิงทุบเท้าขวาลงอย่างหนัก น่าแปลกที่พื้นไม่ยุบเป็นหลุมลึก แต่ทว่ามันกลับปรากฏรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วนแทน !
หลังจากนั้นขวานสีเขียวเข้มก็ลอยออกมาจากรอยแตกแล้วพุ่งเข้าหากระต่าย 3 ตัวนั้น !
“แก๊ง แก๊ง !”
ขวานเหล่านั้นถูกกระต่ายนักเลงเตะออกไปด้วยท่าทีรำคาญ แต่นั้นก็ทำให้เป่ยเฟิงมีเวลาเตรียมตัวพอ ! สิ่งที่เขาต้องการนั้นก็คือการหน่วงเวลาไว้สักเสี้ยววินาที !
“ขวานมังกรต่อสู้ !” เป่ยเฟิงยกขาซ้ายขึ้นมา ร่างกายของเขาอยู่ในมุมที่งอผิดปกติ ส่วนขาขวาของเขาเองก็เหมือนแส้ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหากระต่ายนักเลงทั้ง 3 !
ขวานสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นรอบ ๆ ขาของเป่ยเฟิงแล้วกวาดวงกว้าง !
“แฮ่ก แฮ่ก !’ เป่ยเฟิงหอยหายใจอย่างหนักพร้อมกับใบหน้าที่แดงเดือด ทักษะนี้กินพลังของเขามากเกินไป !
เมื่อหันไปมองรอบ ๆ มันก็เต็มไปด้วยกระต่ายนักเลงอีก 10 กว่าตัว ส่วนลี่เหว่ยนั้นกำลังนอนอยู่บนพื้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตายหรือยัง
‘สัตว์อสูรพวกนี้ดูเหมือนมันจะบ้าไปแล้ว ! มันไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาของมันเลยแม้ว่าจะเห็นพวกเดียวกันตายไปจำนวนมาก ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบหนีไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด เป็นไปได้ว่ากลิ่นเลือดอาจจะตามพวกมันมาเพิ่ม !’ เป่ยเฟิงขมวดคิ้วอย่างหนัก
มีกลิ่นเลือดลอยอยู่ในอากาศจำนวนมากและทำให้เป่ยเฟิงรู้สึกกังวลมาก เขาพยายามล่อกระต่ายมาทางเขา 5-6 ตัว ส่วนที่เหลือปล่อยให้หลี่ปู้และคนอื่น ๆ จัดการ
“หยิน ! หยาง ! ดวงดาวแห่งไฟ !” เป่ยเฟิงชี้สองนิ้วไปที่ระหว่างคิ้ว จากนั้นประตูที่ชั้น 3 ของพระราชวังแห่งดวงดาวก็เปิดออก !
เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ปรากฏตัว แต่ละตนนั้นสูงกว่า 10 เมตร เมื่อทั้ง 3 ออกมาจากพระราชวังแห่งดวงดาวแล้วก็ได้ปลดปล่อยพลังงานดวงดาวของตัวเองที่ทรงพลังออกมา !
เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 เผชิญหน้ากับกระต่ายนักเลง เทพเจ้าแห่งดวงดาวหยางถือลูกบอลเพลิงสลัว ๆ สูงกว่าครึ่งเมตรไว้ในมือขวา แม้ว่าลูกไฟจะดูอ่อนแอแต่มันกลับปลดปล่อยความน่ากลัวออกมามหาศาล !
แสงแวบวาวที่กระต่ายนักเลง จากนั้นหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของกระต่ายนักเลงก็ปรากฏขึ้นในมือของเทพเจ้าแห่งดวงดาวหยาง !
เทพเจ้าแห่งดวงดาวไฟยืนเฉย ๆ ราวกับภูเขาที่มั่นคง เปลวไฟสีขาวล้อมรอบร่างกายของเขากำลังลุกไหม้อย่างแรง เขาไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ทันใดนั้นงูเหลือมลาวาตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาแล้วเปลี่ยนร่างกลายเป็นมังกรไฟที่กำลังบิน !
อุณหภูมิที่น่าหวาดกลัวล้อมรอบร่างของมังกร จากนั้นมังกรก็คำรามออกมาพร้อมกับลาวาสีทองที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าของกระต่ายนักเลง !