กระต่ายนักเลงมีจำนวนเยอะมาก แต่เพราะพวกมันอ่อนแอเกินไปทำให้พวกมันเป็นเพียงชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร
ผู้ฝึกตนไม่ชอบล่ากระต่ายนักเลงนัก เนื่องจากเนื้อของมันรสชาติแย่มาก มันเหนียวและหยาบเหมือนกับเคี้ยวเชือก
รูปลักษณ์ภายนอกของมันเหมือนกระต่ายน่ารักที่เหมาะจะเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างมาก แต่ทว่าจิตใจของมันน่ากลัวเกินไป ความเสี่ยงที่จะรักษาจิตใจของมันนั้นต่ำมาก ! หากไม่ระวังให้ดีก็จะถูกกระต่าย “จัดการ” เองแทน
สิ่งเดียวที่มีค่าเล็กน้อยสำหรับมันก็คือขนของพวกมัน อย่างไรก็ตามราคาของมันก็ไม่ได้สูงนัก ทำไมคนมีเงินมากมายจะต้องมาสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากกระต่ายนิสัยเสียพวกนี้ด้วย ?
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มผู้ฝึกตนไม่ได้เหลียวแลความน่ารักของกระต่ายพวกนี้แม้แต่น้อย พวกเขาฆ่ามันทันทีที่เห็นมัน สำหรับสัตว์อสูรขยะ ๆ เหล่านี้พวกมันไม่มีค่าพอที่พวกเขาจะเดินไปดูศพของมัน
“ในเมื่อสัตว์อสูรแถวนี้มันหายไปเยอะมาก งั้นพวกเราไปสำรวจที่อื่นเถอะ เราค่อยมาที่นี่ใหม่อีกครั้งทีหลัง” เล่ายี่ส่ายหัวและตัดสินใจ
กลุ่มของพวกเขานั้นพึ่งพาการล่าเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง โดยปกติแล้วพวกเขาจะใช้เวลาครึ่งปีในการล่าพวกสัตว์อสูรเพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขาสบายไปอย่างน้อย 1 ถึง 2 ปี หากพวกเขาไม่ซื้อเม็ดยาวิญญาณหรือพวกอาวุธ พวกเขาก็สามารถเอาเงินเหล่านั้นไปใช้ชีวิตสบาย ๆ ได้ถึง 3 ถึง 5 ปี !
“หัวหน้า ถ้าเราไปข้างหน้าเราอาจจะเจอสัตว์อสูรระดับราชาพันปีก็ได้” หนึ่งในนั้นที่เป็นผู้หญิงที่ดูแข็งแรงเหมือนผู้ชายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้สูงกว่า 2 เมตรและกล้ามเนื้อของเธอหนาแน่นราวกับกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง !
อีกคนในทีมที่มีผลงานยอดเยี่ยมก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ใช่ ๆ ยิ่งเราเข้าไปลึกเท่าไหร่ยิ่งเสี่ยง แต่กำไลที่ได้มามันก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก เราแค่ระวังไม่เข้าไปจนถึงใจกลางภูเขาร้อยทำลายก็พอ”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ยิ่งเราเข้าไปลึกมากเท่าไหร่นอกจากจะเจอพวกสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีแล้วพวกเราก็อาจจะเจอพวกราชาพันปีด้วยก็ได้ พวกมันไม่ใช่พวกเดินไปทั่วแต่พวกมันมีอาณาเขตของตัวเอง นอกจากนี้มันอาจจะมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้” เล่ายี่พูดขึ้น
กลุ่มของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกฝนขั้นสามของร้อยปี ดังนั้นหัวหน้าพวกเขาที่มีเพียง 10 คนจึงหันมาปรึกษากัน
“ข้าคิดว่ามันคุ้มกับการเข้าไปเสี่ยง บางทีพวกเราอาจจะทำเงินได้มากกว่าเมื่อก่อนก็ได้”
“ใช่ บางทีพวกเราอาจจะทำได้มากกว่าเมื่อก่อน 2 เท่า หรือไม่ก็ 3 เท่า ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็จะซื้อทักษะต่อสู้ที่หมายตามานานได้ซักที”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป ถ้าพวกเราเจอกับราชาพันปีจริง ๆ พวกเราถูกฆ่าหมดแน่”
มีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คุ้นเคยกับเลือดและความตายดีอยู่แล้ว ความเป็นไปได้ของเงินที่เพิ่มมากขึ้นมันทำให้ส่วนใหญ่อยากจะลองดู
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่ ทันใดนั้นกระต่ายตัวน้อยที่ยังมีพลังไม่ถึงขั้นแรกของร้อยปีก็กระโดดออกมาและมองไปรอบ ๆ อย่างน่ารัก
ดวงตาสีดำของมันเปล่งประกายและมันถือก้านหญ้าจิตวิญญาณบางอย่างไว้ในมือพร้อมกับเคี้ยวหญ้าเหล่านั้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา แต่เมื่อมันเห็นเพื่อนของมันที่ตายไป มันก็โยนก้านหญ้าจิตวิญญาณทิ้งพร้อมกับดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
“กีกี้ !”
กระต่ายนักเลงหันไปมองกลุ่มมนุษย์ด้วยความโกรธ จากนั้นก็หันหลังและวิ่งหนีหายไป
หลังจากถกเถียงกันมาทั้งวัน เล่ายี่และคนอื่น ๆ ก็ตัดสินใจไม่ได้ซักที สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะพักผ่อนกันก่อนหนึ่งคืน
ในอีกด้าน กระต่ายนักเลงกระโดดข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำ ที่นี่เป็นที่ตั้งของแคมป์ขนาดใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนของมนุษย์ไม่ต่ำกว่า 100 คน
แต่แคมป์ในตอนนี้ดูว่างเปล่าและดูเหมือนมีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นมาก่อน
ผู้ฝึกตนของเหล่ามนุษย์ในแคมป์ไม่มีเหลืออยู่ เหลือแต่พวกกระต่ายตัวใหญ่ที่กระโดดไปมาอยู่รอบ ๆ
จากภายในเต็นท์ จะได้ยินเสียงร้องและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดรวมไปถึงเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของพวกกระต่ายนักเลง
นี่เป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ของพวกกระต่ายนักเลง มันมีสัตว์อสูรขั้นสามของร้อยปีจำนวนมากกำลังถูกพวกมันกิน ซึ่งเต็นตรงกลางแคมป์นั้นเต็มไปด้วยรอยขาดจำนวนมาก
“แซก แซก”
ข้างในเต็นท์เต็มไปด้วยเหล้าและสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมากที่กองรวมกันเป็นภูเขาเล็ก ๆ
ผู้ฝึกตนของมนุษย์นั่งรวมกันอยู่บนพื้นหลายสิบคน พวกเขากอดกันโดยมีกระต่ายนักเลงยืนอยู่รอบ ๆ พร้อมกับอาวุธขนาดเท่าหัวมนุษย์ในมือพวกมัน
หากมองดี ๆ จะพบว่าผู้ฝึกตนที่รวมกันอยู่ตรงนี้ทั้งหมดเป็นผู้หญิง ! พวกเธอตัวสั่นด้วยความโกรธและหวาดกลัวในขณะมองกระต่ายตัวใหญ่ที่อยู่รอบ ๆ พวกเธอ
“พี่ใหญ่มู่ พวกเราจะทำยังไงดี ? ซิก ซิก” เด็กสาวร้องไห้ออกมาเบา ๆ เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันทำให้พวกเธอสิ้นหวัง
“ข้าก็ไม่รู้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือฆ่าตัวตาย”
ผู้หญิงอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่มู่กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในขณะเดียวกันสิ่งที่เธอพูดมันก็ดีกว่าการต้องมาตายด้วยน้ำมือของเหล่ากระต่ายนักเลงเหล่านี้ อย่างน้อยพวกกระต่ายก็ไม่สนใจสิ่งที่ตายแล้ว
กระต่ายนักเลงเหล่านี้สูงกว่า 3 เมตร ใบหน้าของมันไร้เดียงสาและดูน่ารักมาก อย่างไรก็ตามขนสีขาวหิมะของพวกมันกลับเปี้อนไปด้วยเลือดจำนวนมาก
กระต่ายนักเลงตัวหนึ่งเอาหัวมนุษย์จุ่มเข้าไปในถังเหล้าและดื่มเหล้าในหัวนั้นด้วยความสบายใจ ความแข็งแกร่งของเหล่ากระต่ายนักเลงแต่ละตัวนั้นมีพลังถึงขั้นสี่ของร้อยปี !
และไม่ใช่แค่ 1 หรือ 2 ตัว แต่พวกมันมีกันร้อยกว่าตัว !
หัวหน้าของพวกกระต่ายนักเลงมันมีขนสีแดงเข้ม มันสูงเพียง 1 เมตรและมันกำลังเคี้ยวโสมอายุพันปีบางอย่างอยู่
แรงกดดันของกระต่ายนักเลงตัวนี้มหาศาลราวกับมหาสมุทร มันมีพลังเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ลวดลายสีทองเข้มจำนวนมากส่องประกายออกมาจากฟันหน้าขนาดใหญ่ 2 ซี่ของมัน
ในขณะที่มู่ชิงและคนอื่น ๆ กำลังคุยกัน กระต่ายนักเลงตัวนั้นก็กระโดดขึ้นมา
หลังจากที่มันได้ยืนขึ้นแล้ว แม้ว่าความสูงของมันจะมีเพียง 1 เมตร แต่มันกลับรู้สึกราวกับมันคือเจ้าโลกที่กำลังตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ !
แรงกดดันที่ทรงพลังของมันทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้สัตว์อสูรที่อยู่รอบ ๆ สั่นด้วยความกลัว แรงกดดันของมันช่างใกล้เคียงกับผู้มีพลังระดับราชาพันปี !
ในขณะเดียวกันพวกกระต่ายทุกตัวก็เริ่มกระโดดขึ้นลงด้วยความตื่นเต้น จากนั้นพวกมันก็จับลำต้นของต้นไม้ที่ดูเหมือนเหล็กแล้วกระโดดตามหัวหน้าของพวกมันออกไป
เหลือไว้แต่เพียงกระต่ายนักเลงสิบกว่าตัวที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีที่ถูกทิ้งเอาไว้เพื่อเฝ้ามู่ชิงและคนอื่น ๆ แม้ว่ากระต่ายนักเลงเหล่านี้จะมองดูผู้หญิงเหล่านี้ด้วยสายตาดุดัน แต่ไม่มีตัวใดซักตัวกล้าทำอะไรกับพวกเธอ เนื่องจากกระต่ายขนสีแดงเข้มได้ถุยน้ำลายเอาไว้ทำเป็นสัญลักษณ์กลิ่นของมัน
กระต่ายนักเลงหลายร้อยตัวกระโดดและหายเข้าไปในป่าที่มืดมิด ไม่ว่าสัตว์อสูรตัวใดจะเดินผ่านมาด้วยความบังเอิญหรืออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว พวกมันจะถูกรุมตีจนตายจากนั้นก็ถูกกิน
แม้ว่ากระต่ายนักเลงจะเป็นสัตว์กินพืช แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่ชอบกินเนื้อ
สัตว์อสูรส่วนใหญ่จะทำตามกฏของป่านั้นคือผู้อ่อนแอจะกลายเป็นเหยื่อต่อผู้แข็งแกร่ง เมื่อสัตว์อสูรมาต่อสู้กันเองมันจะไม่ได้เป็นไปตามกฏของธรรมชาติเสมอไป !
กลุ่มของเล่ายี่ได้ตั้งแคมป์เสร็จแล้ว โดยมี 25 คนคอยลาดตะเวนอยู่รอบ ๆ ในขณะคนอื่น ๆ พักผ่อนอยู่ในแคมป์
นี่คือภูเขาร้อยทำลาย มันต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ดังนั้นการลาดตะเวนต้องมี 10 คนคอยเดินลาดตะเวนตลอดเวลาและอีก 15 คนคอยผลัดเปลี่ยน
กลุ่มนักเลงกระต่ายมาถึงที่ตั้งของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ากระต่ายนักเลงขั้นสี่ของร้อยปีก็หดตัวลงจนมีขนาดเพียง 1 เมตรครึ่ง หลังจากนั้นความแข็งแกร่งที่มันเผยออกมาก็เหลือเพียงขั้นแรกของร้อยปี
“ข้าคิดว่าหัวหน้ากังวลเกินไป มันมีสัตว์อสูรแถวนี้น้อยมาก ทำไมถึงต้องส่งคนมาคอยลาดตะเวนเยอะขนาดนี้กัน ?”
มีคน 2 คนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้และกำลังกินเหล้าอยู่ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังเคี้ยวเนื้อสัตว์อสูรบางอย่างจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ชู่ เงียบไว้ ถ้าคนอื่นมาเห็นพวกเรามาดื่มและพักผ่อนกันอยู่ที่นี่ พวกมันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกหัวหน้าแล้วเงินที่ได้ของเราก็จะเหลือแค่ครึ่งเดียว” อีกคนกระซิบและมองไปรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง
นี่ไม่ใช่เหล้าธรรมดาที่ใช้ดื่ม แต่มันคือเหล้าสมุนไพรที่ล้ำค่า โดยผู้คิดค้นเหล้านี้ได้คำนึงถึงความแข็งแกร่งของผู้กินเอาไว้ดังนั้นเหล้านี้จึงถูกเสริมด้วยเถาวัลย์ปีศาจมอมเม้าเพื่อทำให้เหล้าไม่อ่อนเกินไป
ถังเหล้าขนาดใหญ่กว่า 5 จินมันเพียงพอสำหรับผู้ฝึกตนขั้นสามของร้อยปีกว่าสิบคน ข้อดีของเหล้านี้คือเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาพวกเขาจะไม่มีอาการปวดหัวหรือเมาค้างใด ๆ นอกจากนี้พลังเลือดและฉีของพวกเขาก็ไหลเวียนได้ดีขึ้น
กระต่ายนักเลงสูงกว่าเมตรครึ่งกระโดดออกมาและมองทั้ง 2 คนด้วยดวงตาวาววับ ในเวลาเดียวกันน้ำลายของมันก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากปากของมัน
“เฮ้ ดูกระต่ายน่าโง่นั่นสิ มันคิดว่าเหล้าของเราน่าอร่อยจนน้ำลายของมันไหลออกมาแล้ว ! น่ารำคาญจริง ๆ … นอกจากความไวแล้วมันก็ไม่มีอะไรดีซักอย่าง”
ทั้ง 2 มองกระต่ายนักเลงที่อยู่ไกลออกไป อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่ากระต่ายตัวนี้จะทำอะไรพวกเขาได้ ชายคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่กระต่ายและหัวเราะเสียงดัง
“แกร๊ก !”
“อักก !”
นิ้วที่ยื่นออกไปถูกกัดจนหายไปในครั้งเดียว ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไร ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ปะทุขึ้นจากคอของเขา แม้ว่าเขาอยากจะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เลือดจำนวนมากก็ทะลักออกมาจากปากของเขา
ชายอีกคนมองด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่ากระต่ายนังเลงที่มีพลังขั้นแรกของร้อยปีจะฆ่าสหายของเขาได้ในพริบตา !
ตอนนี้ความคิดของเขาล้วนว่างเปล่า มันเป็นไปได้ยังไง ถึงมันจะเป็นการซุ่มโจมตีแต่มันไม่น่าจะรวดเร็วพอจนเขาไม่มีโอกาสโต้ตอบ ยกเว้นเพียงแต่กระต่ายตัวนี้จะมีพลังมากกว่าพวกเขา !
ในขณะที่เขาจะกรีดร้องตะโกนออกมา ทันใดนั้นคลื่นความร้อนก็ปะทุในร่างของเขา จากนั้นเมื่อเขาก็หัวลงมามองเขาก็เห็นบาดแผลขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือตรงหน้าอก มันทะลุหน้าอกและหัวใจของเขา
“กี้ กี้ !”
จุดสีแดงเหมือนเลือดกระเด็นไปโดนขนและปากของกระต่ายนักเลง แก้มของมันป่องด้วยความน่ารัก จากนั้มันก็แลบลิ้นออกมาด้วยความเหยียดหยาม ในไม่ช้ามันก็ค่อย ๆ หายไปในความมืด
ผู้ฝึกตนจำนวนมากตายด้วยน้ำมือของนักเลงกระต่ายที่ดูไร้พิษภัยเหล่านี้ทีละคน ๆ โดยไม่มีใครรู้ตัว
“ศัตรูบุก ! ศัตรูบุก !”
“อ๊ากก !”
แน่นอนว่าไม่มีทางที่การลอบโจมตีจะราบรื่นไปได้ในตลอด ในไม่ช้าหนึ่งในทหารลาดตะเวนที่เชี่ยวชาญด้านความเร็วและการเคลื่อนไหวก็สามารถหลบหลีกการโจมตีของกระต่ายนักเลงและตะโกนขึ้นมาได้ทัน
“ตัวอะไร ?”
“มันเป็นสัตว์อสูรตัวไหน ?”
ผู้ฝึกตนจำนวนมากพุ่งออกมาพร้อมกับอาวุธทุกชนิดในมืดของพวกเขาพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ออกมา เมื่อพวกเขาเห็นกระต่ายนักเลงตรงหน้าปากของพวกเขาก็อ้าค้าง
ความคิดแรกของพวกเขาคือน่าตลกสิ้นดี แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าแรงกดดันของกระต่ายเหล่านี้มันน่ากลัวเกินไป !
“สวรรค์ ! เป็นไปได้ยังไงกัน !”
“กระต่ายนักเลงมันวิวัฒนาการไปถึงขั้นสี่ของร้อยปีได้ด้วย !”
“โอ้พระเจ้า ! ครั้งล่าสุดที่บิดาผู้นี้เห็นกระต่ายนักเลงขั้นสี่ของร้อยปีมันเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ! แต่ตอนนี้กลับมีพวกมันเยอะเกินไป !”
“กระต่ายนักเลงส่วนใหญ่จะมีพลังไปถึงแค่ขั้นสามของร้อยปี และมีเพียงหัวหน้าของพวกมันถึงจะไปถึงขั้นสี่ของร้อยปีได้ แต่นี้มันอะไรกัน ทำไมถึงมีขั้นสี่ของร้อยปีเยอะขนาดนี้ ?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความสับสนดังขึ้นในขณะที่พวกเขามองทะเลกระต่ายนักเลงตรงหน้า เมื่อเห็นดวงตาสีแดงเลือดของกระต่ายนักเลง มันช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะขมิบก้นแน่น