แม้ว่ามันจะใช้เวลาอธิบายนานพอสมควร แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นใช้เวลาเพียงกระพริบตา กระต่ายนักเลงที่อ่อนล้าไม่มีทางตอบสนองได้ทัน ก่อนที่มันจะรู้ตัว ทันใดนั้นลำแสงสีม่วงเงินก็พุ่งไปที่หน้าผากของมัน !
“กี้ !”
กระต่ายนักเลงแข็งค้างราวกับมันถูกทุบด้วยเวทมนตร์พันธะนาการ มันส่งเสียงออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังในปาก
แสงสีแดงเลือดลอยออกมาจากร่างเพื่อป้องกันพันกระเรียนไม่ให้เข้าไปในหน้าผากของมัน
“มันต้องสำเร็จ !” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง เขาทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ตอนนี้ทำได้แค่รอ แม้ว่าเขาจะดูสงบ แต่ใจจริงแล้วเขากังวลอย่างมากในตอนนี้
ข้างในจิตวิญญาณของเขา คฤหาสน์ดวงดาวที่เคยสดใสในตอนนี้ดูเก่าแก่อย่างมาก มันราวกับมันหลงเหลือพลังงานน้อยมาก
“ทักษะพันกระเรียน มันใช้พลังงานดวงดาวจากคฤหาสน์ดวงดาวมากเกินไป … ดูเหมือนต้องพักฟื้นอย่างน้อย 1 เดือนมันถึงจะกลับมาสู่สภาพเดิมได้”
เป่ยเฟิงรู้สึกปวดใจมาก โชคดีที่เขาไม่ได้ถึงกับทำร้ายรากฐานของตัวเอง หากคฤหาสน์ดวงดาวถึงกับต้องแตกร้าว มันคงจะทำให้เขากระอักเลือดออกมาด้วยความเสียใจอย่างหนัก
เวลาไหลผ่านไปช้า ๆ และตราประทับพันกระเรียนก็ค่อย ๆ จมลงไปในหน้าผากกระต่ายนักเลง แสงสีแดงเลือดเองก็ค่อย ๆ จางลงด้วยเช่นกัน
“ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ในมือข้า”
เป่ยเฟิงเดินไปยังที่ที่ไผ่จักรพรรดิสวรรค์เคยอยู่มาก่อน เขาดูเศร้าอย่างมากเมื่อมองหลุมขนาดใหญ่ตรงหน้า หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก สุดท้ายสมบัติก็ถูกขโมยไปภายใต้จมูกของเขา
‘ค่ายกลวิถีแห่งเต๋านี้มันเป็นจุดตัดสินชะตากรรมในเหตุการณ์นี้ มันเป็นเพราะอีกฝ่ายใช้ค่ายกลนี้มันเลยทำให้ข้าทำอะไรได้ลำบากมาก’ เป่ยเฟิงวิเคราะห์เงียบ ๆ ชุยหยุนเทียนใช้ค่ายกลเพื่อดักทุกคนให้มาอยู่รวมกันจากนั้นก็ฆ่าทุกคนราวกับแห่ที่เหวี่ยงจับปลา
‘และจากนั้นเขาก็เอาต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ไปในตอนที่กระต่ายนักเลงกำลังสู้กับข้า ด้วยค่ายกลที่เขาใช้มันทำให้ไม่มีใครสามารถขัดขวางเขาได้’
เป่ยเฟิงรู้สึกแย่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น สมุนไพรจิตวิญญาณอันล้ำค่ากลับถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ “ถ้าข้ามีหินดวงดาวอยู่กับตัว สถานการณ์มันก็จะไม่เหมือนเดิมแน่นอน”
“เอ๊ะ ?”
ทันใดนั้นแสงสีม่วงเล็ก ๆ ก็เปล่งประกายขึ้นจนทำให้เขาต้องหันมามอง เป่ยเฟิงอ้าปากค้างพร้อมกับกระโดดลงไปในหลุมทันที
“นี้มัน หรือจะเป็นรากของต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ ไม่เลว มันถือว่าเป็นสมบัติธรรมชาติ”
เป่ยเฟิงส่ายหัวเบา ๆ ดูเหมือนสหายคนนี้จะรีบมาก มันจึงเหลือรากไว้ให้เขา
แต่สำหรับต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์แล้ว รากมันเทียบไม่ได้ แต่อย่างน้อยรากมันก็ยังมีค่ากว่าสมุนไพรจิตวิญญาณทั่วไป
เป่ยเฟิงแทงนิ้วของเขาลงไปในดินเหมือนดาบ จากนั้นดินที่อยู่รอบ ๆ รากก็เริ่มสั่นคลอน
“หืม รากนี้มันยาวเกินไปหรือเปล่า ?”
ในไม่ช้าเป่ยเฟิงก็ขุดอุโมงค์ที่กว้างกว่าคน 2 คนต่อตัวกัน รากที่เขาขุดได้นั้นมันมีความยาวมากกว่า 2 เมตร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงยื่นยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด
เป่ยเฟิงไม่ได้หงิดหงุดแม้แต่น้อย กลับกันเขาขุดมันด้วยความอ่อนโยนและช้า ๆ ยิ่งขึ้นเนื่องจากกลัวว่ารากจะเสียหาย
2 ชั่วโมงผ่านไป เป่ยเฟิงยังคงเดินขุดอุโมงค์อย่างช้า ๆ นิ้วของเขาแทงไปข้างหน้าอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากใต้นิ้วของเขา
เป่ยเฟิงเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง “อย่างที่ฉันคิดเอาไว้ตอนแรก ดูเหมือนข้าจะเดาถูก !”
ทำไมเขาจะไม่รู้ ? ไม่มีทางที่จะมีแค่รากไผ่จักรพรรดิสวรรค์อย่างเดียวแน่นอน มันต้องมีต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์อยู่อีกอัน !
ดินเบื้องหน้าเขาแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเผยให้เห็นพื้นที่กว้างกว่า 3 เมตร หลิงฉีตรงหน้าอุดมสมบูรณ์มาก แม้แต่พลังจิตของเป่ยเฟิงก็ถูกปลุกให้ตื่น
ตรงกลางพื้นที่นั้นมีต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ที่มีขนาดเท่ากำปั้นและสูงประมาณ 3 เมตร !
มีรากบาง ๆ ที่โปร่งใสที่สามารถมองเห็นได้ว่ามันยื่นออกมาจากต้นไผ่ รอบ ๆ มันเป็นหลิงฉีที่หนาแน่นอย่างมาก
เป่ยเฟิงวางมือไว้บนต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ด้วยความระมัดระวัง ในไม่ช้าก็มีข้อความระบบปรากฏขึ้นในใจของเขา
“ดิ๊ง ! สมบัติระดับ 5 ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ ! (ต้นไผ่นี้มีอายุ 5,998 ปี ; ตามตำนานที่กล่าวไว้ว่า ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์นั้นจะเติบโตในสวนของพระเจ้า หากกินผลไม้ที่เกิดจากต้นไผ่จะทำให้มีชีวิตยืนยาวไปได้ถึง 10,000 ปี ! ผลนี้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อคนเท่านั้น ระดับของต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์นั้นไม่สามารถระบุได้เนื่องจากอยู่ในพื้นที่แตกต่างเกินไป หากเทียบพื้นที่แล้วต้นไผ่นี้มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในพื้นที่ระดับสูงมันจึงไม่สามารถประเมินระดับสมบัตินี้ได้ ! ) ค่าประสบการณ์ที่ได้รับ : 0 แต้ม !)”
ในช่วงเวลานี้ เป่ยเฟิงตระหนักได้ว่าเขาประเมินต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ต่ำเกินไป เพียงแค่กินผลจากต้นก็ทำให้ชีวิตยืนยาวไปได้ถึง 10,000 ปี ! นี่มันน่ากลัวเกินไป !
“คนปกติต้องต่อสู้กับความตายเพื่อที่จะมีชีวิตยืนยาวเพียงเล็กน้อย แต่เพียงแค่ผลจากต้นไผ่นี้กับทำให้ชีวิตยืนยาวไปได้ถึง 10,000 ปี !”
เป่ยเฟิงส่ายหัวด้วยความโมโห หากนำเรื่องนี้ไปพูดกับคนอื่นมันจะทำให้คนนั้นต้องโกรธจนตายแน่นอน นอกจากนี้การจะได้รับผลจากมันก็ต้องอาศัยโชคที่ยิ่งใหญ่ในตัวมันเอง การที่จะได้ผลมันซักผลนั้นใช้เวลาที่นานเกินไป
“ถึงอย่างนั้น เพียงแค่หลิงฉีที่อยู่รอบ ๆ มันก็สูงมากแล้ว ดูเหมือนหลิงฉีนี้จะเกิดจากต้นไผ่ มันเหมาะแล้วที่จะบอกว่ามันคือสมบัติหลักของพวกนิกาย ! ต้นไผ่นี้มีอายุ 5,998 ปี งั้นอีกความหมายก็คือใช้เวลาอีกไม่กี่ปีมันก็จะแตกหน่อออกไปยังพื้นดินได้ !”
เป่ยเฟิงรู้สึกสบายใจอย่างมาก ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ต้นนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกหลานของต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้กลับไปมือเปล่าแล้ว
ในไม่ช้าเขาก็ขุดต้นไผ่ขึ้นมาด้วยความพิถีพิถัน เขาขุดดินรอบ ๆ จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บสมุนไพรวิญญาณที่มีสีเขียวอ่อนออกมา
แหวนนี้ดูไม่ได้แตกต่างจากแหวนมิติของเขา มันเหมือนแตกต่างก็คือมันมีสีเขียว ส่วนอีกวงเป็นสีเงิน มันใช้เก็บของได้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วมันมีความแตกต่างกันอย่างมากของทั้ง 2 วง นั่นก็เพราะมันใช้เก็บสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิต การเก็บสิ่งที่มีชีวิตไว้ในวงที่ไม่มีชีวิตจะทำให้มันอาจตายได้เพราะหายใจไม่ออก หรือบางทีมันอาจจะมีความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้นในแหวนก็ได้หากเขาใส่สิ่งที่แข็งแกร่งเกินไปลงในแหวนที่ไม่ตรงตามลักษณะของมัน
แม้ว่าสมุนไพรจิตวิญญาณจะถูกปกคลุมด้วยดินและใส่ไว้ในแหวนเก็บสิ่งไม่มีชีวิต แต่หากนำมันออกมาแม้ว่ามันจะยังดูดีอยู่แต่มันก็ไม่สามารถนำมาปลูกได้อีกต่อไป
ส่วนแหวนเก็บสมุนไพรจิตวิญญาณนั้นแตกต่างกันออกไป แม้ว่ามันจะไม่สามารถเก็บสัตว์ไว้ข้างในได้ แต่สมุนไพรจิตวิญญาณที่ถูกเก็บนั้นจะไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ และมันสามารถนำมาปลูกได้อีกครั้ง ในความเป็นจริงยิ่งแหวนระดับสูงเท่าไหร่ สมุนไพรจิตวิญญาณที่ถูกเก็บก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เก็บต้นไผ่ลงไปในแหวนแล้ว เป่ยเฟิงถึงจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้
โดยทั่วไปแล้วต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์หาได้ยากมาก หากไม่ใช่เพราะเป่ยเฟิงพบรากของมันและขุดดินมาเรื่อย ๆ เขาคงพลาดโอกาสไป
เมื่อเขาคลานออกมาจากอุโมงค์และกลับมาถึงพื้นดินแล้ว เขาก็ใช้พลังร่างหมีแล้วทุบดินที่อยู่รอบ ๆ เพื่อทำให้อุโมงค์พังลงมา
ในไม่ช้าอุโมงค์ก็พังทลายลง มันดูไม่มีร่องรอยที่เคยเป็นอุโมงค์อีกต่อไป
หลังจากนั้นเขาก็หันไปให้ความสนใจกระต่ายนักเลง ตราประทับพันกระเรียนเข้าไปลึกอย่างมาก มันหลงเหลือแค่เพียงส่วนหางของมันเท่านั้นที่โผล่ออกมา
“ลี้ !”
นกกระเรียนร้องด้วยเสียงสดใสดังทะลุชั้นฟ้า !
หลังจากนั้นไม่นานมันก็เข้าไปได้หน้าผากของกระต่ายนักเลงจนหมด หลงเหลือแต่เพียงลวดลายที่ดูลึกลับอย่างมาก
“กี้ !”
ลมหายใจของกระต่ายนักเลงหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเบิกตากว้างพร้อมกับมีแสงแวววาวปรากฏในดวงตาของมันราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ มันเงยหน้าและร้องเสียงแหลมออกมา
ในเวลาเดียวกัน เมื่อตราประทับพันกระเรียนสมบูรณ์แล้ว กระต่ายนักเลงรู้สึกได้ถึงพันธะบางอย่างที่ยึดติดมันไว้อย่างหนาแน่น มันราวกับมันติดตัวมันมาตั้งแต่มันเกิด
นี่คือทักษะต้องห้ามของสำนักหยินหยาง ทักษะนี้เป็นทักษะที่ขัดกฏของสวรรค์ มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คนของสำนักหยินหยางใช้มันได้เพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้นต่อคน
ทักษะนี้ก็เหมือนสัญญาจิตวิญญาณบางอย่าง ถึงอย่างนั้นมันกลับส่งผลมากกว่าสัญญาจิตวญญาณทั่วไป หากเจ้าของสัญญาตาย สัตว์ที่ทำสัญญาก็จะตายไปด้วย แต่ถ้าสัตว์ที่ทำสัญญาตาย เจ้าของก็จะได้รับผลกระทบย้อนกลับเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตที่ถูกทำตราประทับพันกระเรียนนั้น จิตใจของมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปช้า ๆ หลังจากนั้นพวกมันก็จะรู้สึกใกล้ชิดกับเจ้านายของมันราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมัน ในขณะเดียวกันศักยภาพที่แท้จริงของมันก็ยิ่งถูกปลดปล่อยออกมามากยิ่งขึ้นตามคำสั่งของเจ้านาย
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ทำสัญญาจะมีวันหนึ่งที่มันระดับสูงมากพอจะทำลายสัญญา มันก็ยังคงไม่ทำอะไรที่เกี่ยวกับการทรยศหรือทำร้ายเจ้านายเด็ดขาด
เป่ยเฟิงไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเองแล้วในตอนนี้ เขายิ้มจนรอยยิ้มเกือบจะถึงหูของเขา “ดูเหมือนจะได้สมบัติชั้นยอดมาอีกอัน ! ถึงมันจะเป็นแค่ราชาพันปีขั้นแรก แต่มันก็สามารถปลุกพลังวิญญาณได้ถึง 4 แบบ !”
ทันทีที่ตราประทับพันกระเรียนเสร็จสมบูรณ์ ข้อมูลต่าง ๆ ของกระต่ายนักเลงก็ปรากฏในใจของเขา
ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชาพันปีและร้อยปีคือความสามารถด้านพลังวิญญาณ ความสามารถด้านพลังวิญญาณนั้นคือวิชาสังหารที่แท้จริงของผู้ที่มีพลังขั้นราชาพันปี !
ไม่ว่าทักษะต่อสู้จะเข้ากันได้ดีกับผู้ฝึกแค่ไหน มันก็ทำได้เพียงเพิ่มพลังแค่ 1-2 เท่า สุดท้ายมันก็คือหนึ่งในทักษะการต่อสู้ที่ตามหลังวิถีแห่งเต๋า
อย่างไรก็ตาม ความสามารถด้านพลังวิญญาณนั้นแตกต่างกัน ความสามารถด้านพลังวิญญาณนั้นเกิดจากร่างกายของตัวเองและมันเป็นทักษะที่เข้ากันได้แตกต่างกันตามบุคคล และหากมันเข้ากันได้มันก็จะเพิ่มจุดแข็งของแต่ละขึ้นได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งความสามารถด้านพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ยิ่งได้เปรียบ เทียบตัวอย่างเช่นราชาพันปีขั้นแรกที่มีความสามารถด้านพลังวิญญาณแข็งแกร่งมาก ๆ ก็สามารถสังหารผู้ที่มีพลังราชาพันปีขั้นสูงสุดได้ !
มันมีแม้กระทั่งอัจฉริยะบางคนที่ถูกกล่าวว่าเป็นผู้ที่ถูกสวรรค์เลือกที่มีพลังน้อยกว่าผู้เชี่ยวชาญบางคน แต่เพราะเขามีพลังด้านจิตวิญญาณแข็งแกร่งมากทำให้เขาสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี !
ราชาพันปีส่วนใหญ่จะมีพลังวิญญาณเพียงแค่ 1 แบบเท่านั้น อัจฉริยะบางคนที่หาได้ยากก็มีแค่ 2 หรือไม่ก็ 3 เท่านั้น !
แน่นอนว่าไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่สร้างพลังวิญญาณแบบเดียวนั้นไม่แข็งแกร่ง ในบางครั้งผู้เชี่ยวชาญที่มีพลังวิญญาณแบบเดียวแต่เขาก็อาศัยความเข้าใจและความแข็งแกร่งนั้นเอาชนะคนอื่นได้เช่นกัน !
ยิ่งเข้าใจพลังวิญญาณของตัวเองมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะชนะในการต่อสู้ยิ่งมากขึ้น
ในขั้นที่ 6 และ 10 ของราชาพันปีนั้นมีโอกาสอีก 2 ครั้งที่สามารถปลุกพลังวิญญาณอีกแบบของพวกเขาขึ้นมาได้ โอกาสที่สองนี้มันมีไว้เพื่อเพิ่มความสามารถของพลังวิญญาณที่มีอยู่หรือไม่ก็หากไม่พอใจก็สามารถให้กำเนิดพลังวิญญาณใหม่ของพวกเขาได้
สำหรับกระต่ายนักเลงตัวนี้ ทั้งที่มันเพิ่งก้าวมาถึงราชาพันปี แต่มันกลับปลุกความสามารถด้านพลังวิญญาณได้ถึง 4 แบบ นอกจากนี้ดูเหมือนมันจะเข้าใจรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมจึงทำให้มันแข็งแกร่งอย่างมาก !
อย่างแรกก็คือระฆังเลือด มันมีความสามารถด้านป้องกันที่น่าตกใจมาก
อย่างที่สองก็คือดาบ 8 เหลี่ยม มันมีความสามารถด้านโจมตีที่น่ากลัว
อย่างที่ 3 คือการควบคุมเลือด แม้ว่ามันจะเป็นทักษะการก่อกวนแต่มันก็มีประโยชน์อย่างมาก บางทีหากมันพัฒนามากขึ้นมันอาจจะควบคุมเลือดในหัวของคู่ต่อสู้เลยก็ได้ … หรือบางทีหากมันระบายเลือดของอีกฝ่ายออกมาจนหมดได้ในทันทีละก็ … มันน่ากลัวเกินไป !
ความสามารถสุดท้ายคือสิ่งที่ท้าทายสวรรค์มากที่สุด ความสามารถในการต่อต้านความตาย !