Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 514

ตอนที่ 514

เป็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีฟ้าและผมของเขาก็ถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย รอยยิ้มบนหน้าของเขาราวกับรังเกียจเหยียดหยามโลกใบนี้ อีกคนดูเหมือนสัตว์อสูร รูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายกับมนุษย์ยกเว้นว่าเขามีเขา 2 ข้างบนหัว เขามีความยาวและเว้าโค้งราวกับพวกมันต้องการแทงทะลุท้องฟ้า

ทุกย่างก้าวของสัตว์อสูรจางจุนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเบา ๆ อย่างไรก็ตามมันกลับเงียบเชียวไร้เสียงใด ๆ มันมีเพียงเสียงฝีเท้าก้าวเดินเท่านั้น

แสงสีทองพุ่งออกมาจากดวงตานั้นราวกับกำลังค้นหาสิ่งมีชิวิตในป่า

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่รู้ตัวว่าถูกค้นหาด้วยแสงสีทองนั้นรู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกเขากำลังหดเกร็งพร้อมกับเหงื่อที่ปรากฏทั่วหน้า

“ถอยเร็วเข้า !”

“เจ้านั่นทรงพลังเกินไป มันคงไม่ใช่ราชาพันปีหรอกนะ ?”

ชุยหยุนเทียนเหลือบมองครั้งเดียวและไม่สนใจอีกต่อไป เขาพาคนของเขาเข้าไปในรังของพวกกระต่ายนักเลง

“ราชาพันปี ? ไม่ การที่จะเป็นราชาพันปีได้จะต้องทำให้พลังวิญญาณตื่นขึ้นมาซะก่อน แต่เขาคนนั้นมีเพียงร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบเท่าราชาพันปี”

เป่ยเฟิงรู้สึกตกใจเช่นกัน นั่นเป็นใครกัน ? เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำทั้งหมดมองเขาราวกับเขาเป็นหัวหน้าของพวกเขา

“ท่านหัวหน้าตระกูล เราจะไปกันต่อจริง ๆ นะหรือ ?” หลี่ปู้ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ในด้านจิตวิทยาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากไปและไม่อยากทิ้งชีวิตของเขา

เป่ยเฟิงเพียงแค่เหลือบมองและกล่าวต่อ “ไปสิ ทำไมพวกเราจะไม่ไป ? ดูสิ แม้แต่เจ้าพวกนั้นก็ยังอยู่เลยถึงมันจะกลัวมากก็เถอะ”

หลี่ปู้หันหน้าไปมองจากระยะไกล เขาเห็นผู้ฝึกตนที่เต็มไปด้วยความกลัวก่อนหน้านี้กลับมาหมดแล้ว “ใช่แล้ว ยังไงซะมนุษย์ก็ต้องตายเพราะนั่นคือโชคชะตา มันก็เหมือนนกที่จะตายเพราะอาหาร อ๊า ! สถานการณ์แบบนี้มันยิ่งทำให้คนเหล่านี้มีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าไปในรังกระต่ายนักเลง !”

“ใช่ จริงอยู่ที่มีคนจำนวนมาก แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้ว่ามีสมบัติอะไรรออยู่ แต่ด้วยมีคนจำนวนมากขนาดนี้มันยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับพวกเขามากนั้น ดังนั้นทุกคนจึงมีความคิดเดียวกันนั้นคือพวกเขาคิดว่าตัวเองจะโชคดีได้สมบัตินั้นมา” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย คนเหล่านี้เป็นคนที่มีความคิดเหมือนนักพนันทั่วไป

“แล้วทำไม ?” หลี่ปู้ถามด้วยความลังเลราวกับไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

เป่ยเฟิงมองหน้าหลี่ปู้และยิ้มขึ้น “เจ้ากำลังจะบอกว่าข้ามีความคิดเหมือนพวกนักพนันเหล่านั้นใช่หรือไม่ ?”

หลี่ปู้ลูบจมูกด้วยความละอายโดยไม่พูดอะไร อย่างไรก็ตามการกระทำของเขามันก็เหมือนกับการยอมรับมัน

“มันไม่เหมือนกัน จริงอยู่ที่ว่าคนพวกนั้นเป็นเหมือนนักพนัน แต่กลุ่มที่นำหน้าก็เหมือนนายธนาคาร หากเตรียมตัวพอนักพนันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เพียงแต่พวกเขาแค่ต้องระวังเจ้ามือจะล้มโต๊ะก็พอ !” เป่ยเฟิงยิ้มราวกับเขารู้อะไรบางอย่าง

หลี่ปู้ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น สำหรับเขามันไม่มีความแตกต่างกันเลยระหว่างเขากับนักพนัน ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถหาคำพูดใด ๆ ที่จะตอบโต้คำพูดของท่านหัวหน้าตระกูลได้

“ไปกันเถอะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้แม้แต่น้ำซุป”

คำพูดของเป่ยเฟิงยังไม่ทันจบ ร่างของเขาก็สั่นและหายไปแล้ว

ในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นกับทิศทางอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ผู้ฝึกตนหลายคนกำลังวิ่งเข้าไปที่ศูนย์กลางของการต่อสู้

มันง่ายมากที่จะตามหาทิศทางการเดินทางของกลุ่มชุยหยุนเทียน นั้นเพราะเขามีความมั่นใจอย่างมาก พวกเขาไม่แม้แต่จะปกปิดร่องรอยของพวกเขา สิ่งที่หลงเหลือจากเส้นทางของพวกเขาคือเศษซากการต่อสู้

เมื่อกลุ่มคนค่อย ๆ ปรากฏตัว กลุ่มคนทั้งหมดก็รวมตัวกันแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน เป่ยเฟิงและหลี่ปู้เองก็ซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกเขา

คนกลุ่มนี้มาจากทุกทิศทาง ทุกคนไม่รู้จักกันและกัน แต่เพราะกลุ่มของชุยหยุนเทียนนั้นแข็งแกร่งเกินไปมันจึงบังคับให้พวกเขาทุกคนต้องเป็นพันธมิตรกัน

แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ทุกคนยังคงคอยระแวงกันและกัน มันเป็นสิ่งที่ดีหากพวกเขาไม่แทงกันเองและคอยระวังด้านหลังให้กัน มันไม่มีความหวังใด ๆ หากเศษผ้าจะแยกตัวกันแทนที่จะรวมตัวทำให้มันยิ่งใหญ่แทน

อย่างน้อยก็มีคนจำนวนมากคิดแบบนี้ เหตุผลเดียวที่พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มนั้นก็คือไม่ให้เป็นที่น่าสนใจเกินไป ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นจุดเด่นแทน

ภูเขาที่สูงตระหง่านกว่าพันจางปรากฏตรงหน้าทุกคน มันไม่มีใครทราบเช่นกันว่าความยาวของภูเขานี้ยาวกี่ลี้ แต่ทว่ารูปร่างของมันราวกับดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ปลดปล่อยพลังแสนคมกริบออกมา

ตรงหน้าภูเขาเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ มันยังคงมีร่องรอยการที่ถูกใช้โดยเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นหลงเหลืออยู่

ชายชราลูบเคราของเขาและขมวดคิ้วในขณะสังเกตด้านหน้า “นี้มันเหมืองที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน ในตอนนั้นมันมีหินวิญญาณระดับกลางอยู่จำนวนมาก แต่พอผ่านไปหลายพันปีแล้วการขุดเหมืองนี้ก็ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป”

“ถ้ามันเป็นเหมืองจริง ๆ มันจะต้องมีอุโมงค์ที่ซับซ้อนอยู่ด้านล่างแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขามุ่งไปทางไหนกัน”

ชายที่ดูเหมือนนักฆ่าเดินออกมาและพูดขึ้น “ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ จริงอยู่ที่เราต้องการทำลายอีกฝ่าย แต่ถ้าเกิดเราต้องปะทะกับพวกเขาซึ่งหน้าเราจะทำยังไงกัน ?”

เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมสีชมพูลวดลายดอกไม้ก้าวออกมาและพูดขึ้น “จากการคำนวณของข้า พวกเรามีคนอยู่ทั้งหมด 300 คนที่อยู่ที่นี่ การแยกกันมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน แต่ว่าเราไม่สามารถแยกกันจนดูน้อยมากเกินไปได้ ไม่อย่างนั้นเราจะถูกอีกฝ่ายเล่นงานแทนในกรณีที่เจอพวกเขา”

ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบเป่ยเฟิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้แต่รู้สึกสั่นเทาราวกับรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่ยากจะอธิบาย

หญิงสาวอายุประมาณ 28 ปีก้าวออกมาและพูดขึ้น “คำพูดของนายน้อยเถาฮัวนั้นถูกต้อง พวกเราจะแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 20 คน เพื่อไปตามหาสมบัติ ในขณะเดียวกันก็คิดวิธีหาทางกำจัดอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ด้วย เมื่อพวกเขาถูกกำจัดออกไปจนหมดแล้วพวกเราค่อยมาแข่งขันกันเพื่อสมบัติอย่างเป็นธรรมอีกที ทุกท่านว่าอย่างไร ?”

“ท่านหญิงลู่หยู่พูดถูก !”

อย่างที่คิด คำพูดของท่านหญิงลู่หยู่ยอดเยี่ยมที่สุด !

ฝูงชนปรบมือด้วยความตื่นเต้น พวกเขาดูหลงเสน่ห์ลู่หยู่อย่างมาก

‘นี้มันทักษะใช้พลังจิตระดับสูง’ เป่ยเฟิงคลายมือของเขาทันทีที่รู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจของเขาฟื้นฟูกลับมาแล้ว ดูเหมือนว่ารูปลักษณ์ที่สวยงามจะหลอกล่อผู้คนได้อย่างดีเยี่ยม

“ยัยแม่มดบัดซบ ดูเหมือนยัยนั้นพยายามทำให้คนตกเสน่ห์หล่อนอีกแล้ว”

“กิกิ ไอ้พวกงี่เง่า พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกมันจะตายยังไงหลังจากถูกขายโดยยัยแม่มดนี้”

แม้ว่าเธอจะมีเสน่ห์ แต่คนส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในความงุนงงชั่วครู่ก่อนจะฟื้นตัวกลับมา

ในขณะเดียวกันลู่หยู่ก็มองไปยังคนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเธอพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา “น่าสนใจ”

คนเหล่านี้คือคู่แข่งที่แท้จริงของเธอ แม้ว่าพวกเขาจะตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วแต่นั่นก็เป็นเพราะเธอใช้พลังจิตกระจายไปยังทุกคน

ดวงตาของเป่ยเฟิงเปล่งประกายด้วยความสนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นใครบางคนในระดับพลังเดียวกันกับเขาใช้พลังจิตที่ทรงพลัง เมื่อเทียบกับเขาแล้วมันยังมีช่องว่างกันอยู่ เป่ยเฟิงไม่เชื่อหรอกว่าพลังวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นจะเทียบเท่ากับเขา

ในไม่ช้าการแบ่งกลุ่มก็ถูกจัดจนเสร็จ เป่ยเฟิงและหลี่ปู้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

“บอกพลังและทักษะพิเศษของแกมา” ชายคนหนึ่งที่มีหนวดเคราก้าวมาด้านหน้าเป่ยเฟิงและมองเขาด้วยความรังเกียจ จากรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายมันดูเหมือนเขาเป็นลูกน้องของกลุ่มเล็ก ๆ

รูปลักษณ์ในปัจจุบันของเป่ยเฟิงนั้นแตกต่างจากนักฆ่าชั้นยอด เขาดูเหมือนนายน้อยของตระกูลที่ร่ำรวยที่เดินทางมาพร้อมผู้คุ้มกันของเขา

“ขั้นสี่ของร้อยปีขั้นต้น ทักษะพิเศษเกี่ยวกับหมัด”

“ขั้นสี่ของร้อยปีขั้นสูงสุด เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด”

เป่ยเฟิงตอบกลับด้วยท่าทางเฉื่อยชา เขากำลังตกปลาในแม่น้ำดังนั้นมันจะมีเป็นการดีหากทุกคนประเมินพลังของเขาอยู่ในระดับต่ำ เป่ยเฟิงส่งคำแนะนำแบบนี้ให้หลี่ปู้เงียบ ๆ

“ตามมาดี ๆ ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะถ้าเกิดแกตาย”

ชายมีหนวดหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจที่จะแนะนำตัวแม้แต่น้อย

เป่ยเฟิงไม่สนใจมันเช่นกัน เขาเดินตามกลุ่มเข้าไปในเหมือง

เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้รู้จักกันมาก่อนหน้านี้และชายมีหนวดคนนั้นก็ดูเหมือนผู้นำของกลุ่มนี้

หลังจากเข้าไปในเหมือง สภาพแวดล้อมก็มืดลง โชคดีที่มีแร่ไร้ค่าจำนวนมากไม่ได้ถูกขุดออกมาจากเหมือง แร่พวกนี้เปล่งแสงสลัว ๆ อยู่ในความมืดมิดของเหมือง

แสงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ฝึกตนที่ทรงพลังที่จะใช้เพื่อดูสภาพแวดล้อมของพวกเขาให้ชัดเจน

ความจริงแล้วสภาพของเหมืองในตอนนี้ย่ำแย่มาก อากาศเต็มไปด้วยฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วน มันทำให้รู้สึกอึดอัดอย่างมากในตอนหายใจเข้า

นอกจากนี้มันยังมีกลิ่นเหม็นจาง ๆ ที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยพวกกระต่ายนักเลง กลิ่นนี้มันเหม็นไปทั่วเหมือง

“แกสองคำเดินนำ ถ้าพวกแกอยากให้เราปกป้องพวกแกก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย” ชายมีหนวดชี้ไปที่เป่ยเฟิงและหลี่ปู้

“อืม” เป่ยเฟิงพยักหน้าและเดินไปข้างหน้าพร้อมกับหลี่ปู้

“ท่านหัวหน้าตระกูล ทำไมพวกเราต้องทนพวกมันด้วย ข้าสามารถหยุดหัวหน้าพวกมันได้และคนที่เหลือก็ไม่ใช่แม้แต่คู่มือที่จะสู้กับท่านได้ ทำไมพวกเราต้องมาทนแบบนี้กันด้วย ?” หลี่ปู้กล่าวเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจกับชายมีหนวด

“ไม่ต้องรีบ นกที่โดดเด่นเกินไปจะถูกยิง คนพวกนี้ยังมีประโยชน์อยู่ มันเหมาะที่จะเอามาเป็นโล่กำบังให้พวกเรา” เป่ยเฟิงยิ้มและยักไหล่

แม้ว่าการกระทำของเขาจะดูเหมือนผ่อนคลายแต่แท้จริงแล้วเขาจริงจังมาก เหตุผลนั้นก็เพราะมันไม่ควรเงียบแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากกลุ่มก่อนหน้านี้ ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้อะไรในเหมือง แต่เป่ยเฟิงนั้นรู้ดี กลุ่มของชุยหยุนเทียนเองก็รู้เช่นกัน

เนื่องจากพวกเขารู้ว่ามีอะไรในเหมือง มันจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่เตรียมการให้ดี ไม่อย่างนั้นต่อให้ได้ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์มาจริง ๆ แต่เมื่อข่าวถูกปล่อยออกไป ในเวลานั้นแม้แต่พวกเขาเองก็คงไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้

ถ้าเป็นเขา เป่ยเฟิงจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใครก็ตามที่เข้ามาในเหมืองจะต้องลืมเรื่องนี้ไป

แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เป่ยเฟิงจึงเริ่มกังวลว่าคนเหล่านี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดและเตรียมลงดาบ

“เจ้าสองตัวนั้นดูน่ารักจริง ๆ ขั้นสี่ของร้อยปี ? ยังคงพวกมันก็แค่หมาอยู่ดี” เสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากทีมของชายมีหนวด เสียงของเขาไม่ดัง แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้สัง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ดีว่าคำเหล่านี้หมายความว่ายังไง

ชายมีหนวดหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้น “ฮ่าฮ่า หม่าจี อย่าไปพูดถึงเจ้าสองตัวนั้นเลย มันเป็นขยะที่ไม่ควรพูดถึง อ๊า ! ต่อให้มีพวกมันอีกซัก 18 คน พี่ใหญ่คนนี้ก็ไม่กลัวหรอก !”

“ท่านหัวหน้าตระกูล !” ใบหน้าของหลี่ปู้มืดลงพร้อมกับนิ้วแม่มืดซ้ายที่ขยับไปที่ด้ามดาบ

“ไม่ต้องสนใจ จะไปสนใจคนที่กำลังจะตายเพื่อะไร ?” เสียงของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและไร้อารมณ์ เขาหันหน้าไปมองกลุ่มข้างหลังก่อนจะเดินต่อไป

“หืม ? พวกมันทนได้ยังไงกัน ?”

เสียงหัวเราะของเขาหายไป เขาไม่เชื่อคำพูดของสองคนนั้น เขาจะเชื่อเฉพาะที่สิ่งเขาเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น มันมีปลาทุกชนิดในทะเล หากพวกเขาประมาทเพียงนิดเดียวอาจจะจบลงด้วยการถูกลากขึ้นเรือ

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้มาจากกลุ่มใหญ่ แต่ก็กล้าที่จะมาที่นี่เพียงแค่สองคน ไม่รู้ว่าเพราะพวกเตรียมตัวมาดีหรือเพราะพวกเขาเป็นคนปัญญาอ่อนจริง ๆ !

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท