นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ !
เมื่อมีคนตกต่ำและต้องโชคร้ายอยู่เพียงตัวคนเดียว เขาจะมีความคิดหนึ่งเข้ามานั่นก็คือต้องการลากคนที่อยู่ข้าง ๆ ให้มีสภาพแบบเดียวกันกับเขา !
ทั้ง 2 ไม่สนใจกระต่ายนักเลงรอบตัวเนื่องจากพวกเขากำลังสู้กันเองอยู่
“กี้กี้ !”
กระต่ายตัวหนึ่งมองหรี่ตามองมนุษย์ตรหน้า ขนของมันมีสีขาวอมเทาซึ้งแตกต่างจากตัวอื่น ๆ ที่เป็นสีขาวเหมือนหิมะ มันดูมากประสบการณ์และดวงตาของมันก็เปล่งประกายความรังเกียจออกมา
เมื่อมันเห็นโอกาส มันก็ระเบิดพลังขาแล้วกระโดดพุ่งไปหาทั้งคู่ !
“ตุ้บ !’
“แกร๊ก !”
แรงระเบิดของพลังขาของมันน่ากลัวมาก ก่อนที่มนุษย์ทั้ง 2 จะตอบสนองได้ทัน พวกเขาก็ถูกถีบด้วยเท้าอันทรงพลัง !
ผู้ฝึกตนทั้ง 2 บินออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกมาจนเกิดภาพติดตาด้านหลัง พวกเขาพุ่งออกไปไกลและทะลุต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้น
ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของกระต่ายนักเลงคือขาหลัง แม้แต่กระต่ายธรรมดาก็สามารถฆ่านกอินทรีได้หากมันเจอลูกถีบของกระต่าย ดังนั้นจึงไม่ต้องอธิบายพลังการถีบของกระต่ายนักเลงที่มีพลังถึงขั้นสี่ของร้อยปี !
กระต่ายสีเทาตัวนี้ทรงพลังและมันดูคล้ายกับกระต่ายขั้นสี่ของร้อยปีตัวอื่น ๆ แต่ทว่ามันกลับแข็งแกร่งกว่าตัวอื่น ๆ มาก !
กระต่ายตัวนี้แท้จริงแล้วมันเป็นราชาตัวจริงของเหล่ากระต่าย ความแข็งแกร่งของมันได้มาจากการฝึกฝนและประสบการณ์ มันไม่เหมือนเหล่ากระต่ายตัวอื่น ๆ ที่ได้รับพลังมาเพราะความโชคดี
ตรงอกของผู้ฝึกตนทั้ง 2 ยุบลงพร้อมกับเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากปากของพวกเขารวมไปถึงอวัยวะภายในของพวกเขาด้วย
“เร็วกว่านี้ !” จีเฟ่ยพูดด้วยความตกใจ เธอไม่กล้าหันไปมองอีกต่อไป เธอรีบวิ่งให้เร็วขึ้น
มันน่ากลัวเกินไป พื้นที่รอบ ๆ ทั้งหมดราวกับสนามเด็กเล่นของกระต่ายนักเลง ! มีกระต่ายนักเลงหลายพันตัวที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปี นอกจากนี้พวกมันยังมีลูกน้องที่มีพลังน้อยกว่าอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ! ตอนนี้จีเฟ่ยรู้สึกเสียใจมากที่มาที่นี่แล้วก้าวขาลงไปเล่นน้ำในโคลนเหล่านี้
“นี้มันบ้าอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นทำไมสัตว์อสูรชั้นต่ำถึงมีพลังมากขึ้นได้ขนาดนี้กัน !” ลี่เหว่ยกันฟัดพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน แต่หากคิดอีกแง่เขาคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะมีสัตว์อสูรขั้นราชาพันปีปรากฏตัว !
“ดูเหมือนว่าเราอาจจะขายข้อมูลนี้ในราคาสูงได้” ลี่เหว่ยตัดสินใจ โอกาสโชคดีแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาได้ง่าย ๆ ในเมื่อเขาไม่สามารถสู้กับพวกมันได้ เขาก็พยายามที่จะเอากำไรมาให้ได้มากที่สุดแทน
ตอนแรกเมื่อลี่เหว่ยรู้ข่าวเรื่องการอาละวาดของกระต่ายนักเลง เขาก็นำคนหลายร้อยคนมุ่งหน้ามาที่ภูเขาร้อยทำลายด้วยความมั่นใจ แต่ในตอนนี้คนที่มาด้วยเหลือไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ก็เป็นคนจากกลุ่มอื่น ๆ
“หืม ? มีคนอยู่ข้างหน้า !”
ผู้ฝึกตนทุกคนมีการมองที่ดีมาก พวกเขามองเห็นควันจากระยะไกล ความคิดที่ว่ามีคนอยู่ตรงนั้นก็เข้ามาในหัวพวกเขา
“สาวน้อย ดูเหมือนจะมีใครอยู่ข้างหน้าจริง ๆ ดูเหมือนเราแค่ต้องระวังการโจมตีจากข้างหลังเพียงอย่างเดียวแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ จีเฟ่ยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นควันที่อยู่ไกลออกไป ในหัวของเขาเต็มไปด้วยแผนการต่าง ๆ นา ๆ
“ท่านหัวหน้าตระกูล เราทำแบบนี้มันไม่ใช่ว่าเป็นการดึงดูดกลุ่มสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่เข้ามางั้นหรือขอรับ …” หลี่ปู้และหลี่ปิงยืนขนาบข้างเป่ยเฟิงพร้อมกับหันไปมองรอบ ๆ
ตรงกลางที่พวกเขายืนอยู่มีซากสัตว์อสูรขนาดใหญ่ที่ถูกย่างเหนือกองไฟ หยดน้ำมันสีทองขนาดใหญ่เปล่งประกายออกมาจากผิวของมันและส่งกลิ่นหอมออกมา
เป่ยเฟิงยักไหล่อย่างเฉยชาในขณะเคี้ยวเนื้อเขาก็พูเขึ้น “อย่ากังวลไปน่า ถ้าพวกมันมาจริง ๆ เราก็แค่สู้กับมัน ถ้าสู้ไม่ได้ก้แค่หนี”
“ไม่เลว กรอบน้ำนุ่มใน เนื้อข้างนอกมันกรอบแต่เนื้อข้างในมันนุ่มนิ่มมาก ยิ่งเคี้ยวเท่าไหร่ก็ยิ่งเพลิน มันมีน้ำจำนวนมากในเนื้อมันทำให้เคี้ยวได้ไม่เบื่อ งับ” เป่ยเฟิงพยักหน้า สัตว์อสูรตัวนี้ต้องเป็นอาหารรสเลิศจากธรรมชาติแน่นอน มันไม่จำเป็นต้องใส่ส่วนผสมจำนวนมากเพื่อเพิ่มรสชาติเลย เพียงแค่รสเดิมของมันก็อร่อยมากแล้ว
หลี่ปู้และคนอื่น ๆ หมดคำพูด แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากระมัดระวังรอบด้านต่อไป
“หืม ? มีคนกำลังมา !” ใบหน้าของหลี่ปู้เปลี่ยนไปเมื่อมองเห็นกลุ่มผู้ฝึกตนมากกว่า 10 คนกำลังวิ่งมาหาพวกเขา
“ชิ้ง !”
ผู้คุ้มกันอีกคนดึงดาบออกมาแล้วมองคนที่กำลังเข้ามาใกล้
“แย่แล้วขอรับท่านหัวหน้าตระกูล ! มีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังวิ่งมาทางนี้ พวกเขาทุกคนมีพลังขั้นสี่ของร้อยปี ดูจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วดูเหมือนพวกเขากำลังถูกไล่ล่าโดยพวกสัตว์อสูร” หลี่ปู้รายงานเป่ยเฟิง
“อืม งั้นพวกเราหนีกันก่อนละกัน” เป่ยเฟิงพูดด้วยท่าทางเฉยชาไม่รีบร้อนพร้อมกับกลืนเนื้อคำสุดท้ายลงไป
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนหยิ่งที่จะทำตัวเมินเฉยกับคนเหล่านี้ได้ กลุ่มคนมากกว่า 10 คนที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีทั้งหมดถือว่าเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งพอสมควร แต่ทว่าพวกเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพอ่อนล้า เห็นได้ชัดว่าตัวที่ไล่ล่าพวกเขามันไม่ธรรมดา
“บัดซบ ! คนพวกนั้นมันพยายามจะหนีเหมือนกัน” ลี่เหว่ยเห็นกลุ่มของเป่ยเฟิงเตรียมจะหนี เขาก็สบถออกมาทันที เขารีบเร่งความเร็วมากกว่าเดิมขึ้นหลายเท่า จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง “สหายข้างหน้ารอสักครู่ ! ข้ามีข้อเสนออยากจะคุยกับท่าน !”
เป่ยเฟิงหันไปมองเขาและยิ้มขึ้น “ได้สิ เราจะคุยกันทีหลังถ้าเจ้ามีชีวิตรอดมาได้ละนะ”
“ไอ้บัดซบ !” เมื่อเห็นว่าแผนการเอาปัญหามาให้ล้มเหลว ลี่เหว่ยก็สบถและยังคงพุ่งไปหากลุ่มของเป่ยเฟิง
เคยมีเรื่องราวบางอย่างบันทึกไว้ว่า มีเด็ก 2 คนอยู่ในป่าและพวกเขาเจอเสือ การหนีจากเสือนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่การหนีให้เร็วกว่าอีกคนนั้นมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดมากกว่า !
กลุ่มของลี่เหว่ยเองก็เช่นกัน พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นสี่ของร้อยปี ส่วนกลุ่มของเป่ยเฟิงแล้วยกเว้นเป่ยเฟิงและหลี่ปู้ ทุกคนต่างมีพลังขั้นสามของร้อยปีทั้งหมด ดังนั้นความเร็วของพวกเขาจึงน้อยกว่ากลุ่มลี่เหว่ย ในไม่ช้าระยะห่างของทั้ง 2 ก็เริ่มใกล้กันมากขึ้น
“กีกี้ !”
กลุ่มสีขาวปรากฏด้านหลังลี่เหว่ย ตามมาด้วยเสียงร้อยที่น่าสยดสยอง จากนั้นกระต่ายจำนวนมากก็กระโดดขึ้นลงปรากฏตัวขึ้น การกระโดดแต่ละครั้งของมันสามารถกระโดดไปได้ไกลหลายร้อยถึงพันเมตร !
มีกระต่ายเกือบ 50 ตัวกำลังวิ่งไล่ล่ากลุ่มของลี่เหว่ยอยู่ กระต่ายตัวอื่น ๆ ล้มเลิกที่จะไล่ล่าไปแล้วเพราะพวกมันแข็งแกร่งไม่พอ
ระยะห่างของทั้ง 3 กลุ่มยังคงลดลงเรื่อย ๆ จากตอนแรกพันเมตรก็เหลือเพียงร้อยเมตร !
“ปิดผนึกแช่แข็ง !”
ลี่เหว่ยเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดฉี คุณสมบัติพลังของเขาคือธาตุน้ำแข็ง เขาปลดปล่อยพลังออกมาจากฝ่ามือจากนั้นฟีนิกซ์น้ำแข็งก็ปรากฏตรงหน้า แต่ทว่าเขาไม่ได้ปามันไปหาพวกกระต่ายนักเลง เขากลับปาไปที่กลุ่มของเป่ยเฟิงแทน !
“ท่านหัวหน้าตระกูล วิ่ง ! ข้าจะหยุดมันไว้เอง ! กำแพงไร้ลักษณ์ !” หลี่ปู้ตะโกนขึ้นเมื่อเห็นฟีนิกซ์น้ำแข็งขนาดใหญ่กว่า 10 จางพุ่งมาหา เขาระเบิดพลังเลือดและฉีออกมา จนมันครอบคลุมตัวเขาราวกับน้ำตกขนาดใหญ่ที่สูงมากขึ้นเรื่อย ๆ !
กระแสน้ำสีแดงเลือดปรากฏตรงหน้าหลี่ปู้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นง้าวขนาดใหญ่ที่ไม่มีการตกแต่งใด ๆ หากมองดี ๆ จะเห็นได้ถึงกลิ่นอายโบราณที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ !
หลี่ปู้นหันหลังและสับฟีนิกซ์น้ำแข็ง !
“แกร๊ก !”
การโจมตีทั้ง 2 ปะทะกันจากนั้นหน้าของหลี่ปู้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ผมสีแดงเข้มของเขาปลิวไปตามสายลมพร้อมกับง้าวสีเลือดที่พุ่งไปข้างหน้าที่ปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น
รอยแตกจำนวนมากปรากฏบนร่างของฟินิกซ์น้ำแข็ง ในเวลาเดียวกันฉีน้ำแข็งจำนวนมากก็ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของหลี่ปู้
“เป็นไปได้ยังไงกัน ! เป็นแค่วิชาไร้ลักษณ์ระดับ 3 แต่ทำไมถึงหยุดพลังของข้าได้ ?” ใบหน้าของลี่เหว่ยเปลี่ยนไปทันที เขารู้จักทักษะต่อสู้และเคล็ดการฝึกฝนของหลี่ปู้ดีเนื่องจากจำมันได้ แต่นั้นก็ทำให้เขาตกใจมากยิ่งขึ้น !
วิชาไร้ลักษณ์อาจจะฟังดูเหมือนมีอำนาจแข็งแกร่ง แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเคล็ดการฝึกฝนที่ดีกว่าเคล็ดการฝึกฝนระดับต่ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเป็นเคล็ดขยะที่สามารถพบได้ทุกที่บนถนน แต่เพราะมันเป็นของระดับต่ำเขาจึงแปลกใจมากที่มันหยุดการโจมตีของเขาได้ !
มันคือปาฏิหารย์ชัด ๆ ! การฝึกฝนด้วยสายเลือดฉีของเขานั้นเป็นสายเลือดบริสุทธิ์และยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกวิชาไร้ลักษณ์ ดังนั้นการโจมตีแต่ละครั้งแน่นอนว่าไม่ธรรมดา !
ดวงตาของจีเฟ่ยแวบวาวด้วยความไม่มั่นใจ แต่จากนั้นก็แทนด้วยความมุ่งมั่น จากนั้นเธอก็สั่งคนคุ้มกันรอบตัวเธอทันที “โจมตีพร้อมกัน !”
“ครับท่าน !”
ผู้คุ้มกันหลายคนโจมตีออกไปโดยไม่ลังเล วิชาและเทคนิคจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกไป !
เพียงแค่การโจมตีของลี่เหว่ยก็ทำให้หลี่ปู้ต้องใช้พลังทั้งหมดของเขา ตอนนี้มีการโจมตีอีกมากมายที่กำลังพุ่งมาหา นั้นทำให้โอกาสที่เขาจะเอาชนะได้เท่ากับศูนย์
หลี่ปู้ยืนมองการโจมตีที่พุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าไร้ความสุขหรือเศร้าใจใด ๆ “ท่านหัวหน้าตระกูลจะหนีไปได้อย่างปลอดภัยแล้วหรือยังนะ ?”
“อินทรีหมี กระชาก !” เสียงดังก้องข้าง ๆ หลี่ปู้พร้อมกับร่างหมีขนาดใหญ่และอินทรีควงสวรรค์รวมตัวกันจนเกิดกระแสน้ำวนสีเทาเงิน !
พลังงานที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับไร้ขีดจำกัด ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเป่ยเฟิงนั้นทำให้วิชาสังหารของวิชาสัตว์อสูรนั้นน่ากลัวมาก !
“แกร๊ก !”
“ปุก !”
“ปัง !”
การโจมตีต่าง ๆ ที่พุ่งเข้าถูกทำลายลงไปพร้อมกับพืชและต้นไม้รอบ ๆ ที่สูญเสียความบริสุทธิ์จนแห้งเหี่ยวลง การโจมตีอันแรกที่ถูกทำลายลงนั้นคือฟินิกซ์น้ำแข็งของลี่เหว่ยตามมาด้วยการโจมตีของจีเฟ่ย !
จากนั้นเงาอีก 4 เงาก็สั่นสะท้านและกระอักเลือดออกมาพร้อมกับกระเด็นไปข้างหลัง !
จีเฟ่ยและคนของเธอมองเป่ยเฟิงด้วยความตกใจ จากนั้นก็พาคนของเธออีก 2 คนแยกไปอีกทาง
ลี่เหว่ยและอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทว่าข้างหลังของพวกเขาอีกไม่กี่สิบเมตรนั้นคือกลุ่มของกระต่ายนักเลง !
“บูมม !”
“แกร๊ก !”
กระต่ายนักเลงตัวหนึ่งมาถึงมันมองคนที่บาดเจ็บสาหัสด้วยรอยยิ้มบนหน้า จากนั้นก็ยกกระบองแหลม ๆ ในมือขึ้นแล้วทุบไปที่หัวของคน ๆ นั้นทันที !
ในไม่ช้าราวกับลูกแตงโมถูกทุบ ของเหลวสีแดงจำนวนมากก็กระจายไปทั่ว ใบหน้าของกระต่ายที่ดูไร้เดียงสาถูกปนเปื้อนไปด้วยเลือดสด ๆ ทำให้มันดูดุร้ายอย่างมาก
ลี่เหว่ยรีบไหลเวียนเลือดของเขา ขณะเดียวกันกระต่ายนักเลงก็ปรากฏเหนือหัวของเขา จากนั้นก็ยกกระทะทำอาหารสีดำขึ้นมาแล้วทุบเข้าที่หัวของเขา !
“แกร๊ก !”
กระทะสีดำถูกทุบเข้าที่หัวของลี่เหว่ย จากนั้นตรงกลางของกระทะก็เริ่มแตกออกพร้อมกับมีบางส่วนที่ติดไปกับหัวของลี่เหว่ย
“อ๊ากกก ! ตายซะไอ้บัดซบ !”
ลี่เหว่ยไม่สนใจเลือดและฉีที่วุ่นวายอยู่ในร่างอีกต่อไป เขาบังคับเลือดให้ไหลเวียนไปตามพลังฉีแล้วระเบิดพลังออกมา จากนั้นหอกน้ำแข็งก็ปรากฏเหนือหัวกระต่ายแล้วพุ่งเข้าไปหามัน
“แกร๊ก !”
หอกน้ำแข็งพุ่งแทงเข้าไปในร่างของกระต่ายนักเลง จากนั้นชั้นน้ำแข็งก็ปกคลุมไปทั่วตัวกระต่าย และในไม่ช้าพวกมันก็ค่อย ๆ แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย !
“ท่านหัวหน้าตระกูล …” หลี่ปู้หันไปมองเป่ยเฟิงพร้อมกับจุกที่คอ เขาไม่คิดเลยว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะหันหลังกลับมาช่วยชีวิตเขา !
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พวกเจ้าทั้ง 10 คนอย่าแยกย้ายกันเด็ดขาด พวกเราต้องไปพร้อมกัน” เป่ยเฟิงไม่ได้พูดอะไรมาก คนเหล่านี้อ่อนแอเกินไปที่จะไปสู้เพียงลำพังได้ และนั้นก็จะทำให้เกิดคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงไม่ต้องการให้กลุ่มคนที่ภักดีต่อเขาต้องมาตายที่นี่
“ขอรับ !”
หลี่ปู้พยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามความตั้งใจที่จะปกป้องของเขารวมไปถึงความต้องการที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น !