Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 516

ตอนที่ 516

เมื่อเห็นชายมีหนวดเดินเข้ามา รอยยิ้มแปลก ๆ ก็ปรากฏบนหน้าเป่ยเฟิง

หลี่ปู้มองชายมีหนวดที่กำลังเดินเข้ามาหาท่านหัวหน้าตระกูลและหัวเราะเบา ๆ ในใจ “เส้นทางสวรรค์มีให้เดินแต่เจ้ากลับไม่สนใจมัน แต่เส้นทางนรกเจ้ากลับอยากจะเดินไป”

“พวกแกสองคนมาที่นี่ได้อย่างปลอดภัย งั้นพวกแกต้องจ่ายค่าคุ้มครองโดยเป็นแหวนมิติวงนั้น”

ชายมีหนวดเยาะเย้ย เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาใจดีกับทั้งสองคนอีกต่อไป เขาบอกความต้องการของเขาโดยไม่ปิดบัง

“คิกคิก ฮั่นตั๋วมันเอาอีกแล้ว”

“เจ้าสองคนนั้นโชคดีจริง ๆ หึ เจ้าฮั่นตั๋วนั้นยิ่งมีชื่อเสียงเรื่องการก่อเรื่องอยู่ด้วย”

“ฮ่า มีแต่คนที่อ่อนแอกว่ามันเท่านั้นแหละมันถึงกล้าทำแบบนั้น คิกคิก ลองให้มันมาอยู่ทำกับกลุ่มพวกเราสิ ! มันคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้”

ผู้ฝึกตนจำนวนมากหันไปมองและคุยกันอย่างสนุกสนาน

ฮั่นตั๋วได้ยินคำพูดเหล่านี้เช่นกัน แต่เขาได้แต่อดกั้นความโกรธพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง เนื่องจากเขาอ่อนแอกว่าคนเหล่านั้นมาก

“เจ้าอยากได้แหวนมิติของข้า ?” เป่ยเฟิงถามโดยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“เอามันมาแล้วข้าจะปล่อยแกไป” ฮั่นตั๋วขมวดคิ้ว มันไม่รู้สถานการณ์เลยจริง ๆ

“งั้นเอาไปสิ”

เป่ยเฟิงถอดแหวนมิติออกจากนิ้วแล้วโยนไปทางฮั่นตั๋ว

“บัดซบ ! ไอ้เด็กบัดซบนั้นโง่จริง ๆ !”

“มันอาจจะเป็นนายน้อยจากตระกูลเล็ก ๆ ที่ออกมาดูโลกภายนอกก็ได้ ความแข็งแกร่งของฮั่นตั๋วมันแข็งแกร่งเกินไปมันเลยทำให้เขาหวาดกลัว”

“นี้มันใช่เรียกว่าขึ้เขลาที่ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์หรือเปล่า ?”

กลุ่มผู้ฝึกตนกำลังมองและคาดเดาว่าเป่ยเฟิงจะจัดการฮั่นตั๋วอย่างไร แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าเขาจะมอบให้ง่าย ๆ ขนาดนี้

“???” ฮั่นตั๋ว

ฮั่นตั๋วยังคงยืนมึนงง เขาคิดว่าคนตรงหน้าจะทิ้งความภูมิใจแล้วสบถคำหยาบใส่เขาต่อหน้าทุกคน แต่เขากลับถอดแหวนมิติมาให้เขาง่าย ๆ มันจึงทำให้เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย “หรือว่าการปล้นใครบางคนมันจะกลายเป็นเรื่องง่ายไปแล้ว ?”

เป่ยเฟิงยังคงสงบนิ่ง เขามองฮั่นตั๋วและพูดเบา ๆ “ในเมื่อข้าให้แหวนมิติกับเจ้าไปแล้ว งั้นมันถึงเวลาที่เจ้าจะมอบชีวิตมาแล้วล่ะ”

ฮั่นตั๋วไม่รู้ว่าเป่ยเฟิงหมายถึงอะไร เขาจึงพูดออกมาด้วยความสับสน “พูดบ้าอะไรของแก – แกกล้างั้นรึ !”

“อินทรีหมี ทุบ !”

เป่ยเฟิงไม่ลังเลใด ๆ หลังจากพูดจบเขาก็โจมตีทันที ทันใดนั้นกล้ามเนื้อของเขาก็พองขึ้นราวกับเต็มไปด้วยพลังมหาศาล !

เสียงกระแทกดังขึ้นจากการที่เขาใช้หมียักษ์และอินทรีควงนภา พื้นที่รอบ ๆ เปลี่ยนกลายเป็นกำปั้นแล้วพุ่งไปข้างหน้า

ชื่อเสียงของฮั่นตั๋วก็ไม่ใช่ของปลอม ร่างของเขาสั่นและกระดูกแตกบางส่วนหลังจากที่รับหมัดของเป่ยเฟิงเข้าไป !

เป่ยเฟิงไม่สนใจใด ๆ เขาต่อยไปข้างหน้าอีกครั้งจนเกิดรอยแยกของมิติ !

ฮั่นตั๋วคำรามขึ้น “แกตายแน่ !”

ตอนแรกเขาตั้งใจจะปล่อยคนตรงหน้าไป แต่ใครจะคิดกันว่าอีกฝ่ายจะเปิดฉากโจมตีก่อน !

“หัวหน้า !”

“เจ้านั่นกล้าสู้กลับ ? งั้นพวกมันสมควรตาย !”

เพื่อนร่วมทีมของฮั่นตั๋วไม่ใช่คนมีเกียรติ พวกเขารีบพุ่งเข้าไปหาเป่ยเฟิงทันที

“ชิ้ง !”

เสียงดึงดาบดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลี่ปู้ที่ขวางทางคนอื่น ๆ

“น่าสนใจ พวกมันเริ่มสู้กันแล้ว”

“ถือซะว่าดูเอาสนุกละกัน ถ้าภายใน 5 นาทีไม่มีผู้ชนะ พวกเราก็ฆ่าพวกมันซะในเมื่อทำเราเสียเวลาขนาดนี้”

ผู้นำของกลุ่มอื่น ๆ รวมตัวกันและพูดคุยกัน

ฮั่นตั๋วยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็พุ่งไปข้างหน้า เป็นเพียงแค่ขั้นสี่ของร้อยปีขั้นต้นแต่กลับกล้าหันเขี้ยวใส่เขา ? เจ้าเด็กนี้มันคิดว่าตัวเขาเป็นลูกพลับอ่อนหนุ่มที่สามารถถูกใครรังแกก็ได้ ?

“บูม !”

การโจมตีครั้งที่ 2 ปะทะกันจนเกิดคลื่นทรงพลังกระจายไปรอบ ๆ

ฮั่นตั๋วถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าวพร้อมกับขาที่ชาไม่หยุด แต่จากนั้นเขาก็ตั้งหลักแล้วพุ่งไปหาเป่ยเฟิงด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม !

เป่ยเฟิงก็ไม่กลัวเช่นกัน เขายืนคงยืนอยู่ที่เดิมโดยมีกรงเล็บที่ทรงพลังครอบคลุมอยู่รอบ ๆ หลังจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่อีกครั้ง !

ทั้ง 2 ปะทะกันอีกครั้งจนเกิดรอยแยกของอากาศรอบ ๆ ราวกับอวตารของพระพุทธเจ้าพันกร

ในอีกด้าน หลี่ปู้อยู่ในสถานะที่ค่อนข้างน่าสังเวช คน ๆ หนึ่งต่อสู้กับอีก 17 คน ไม่สิ มันควรจะเป็น 17 คนรุมหนึ่ง

แม้ว่าความแข็งแกร่งของจะเป็นถึงขั้นสี่ของร้อยปีขั้นสูงสุด แต่มันก็ยังยากที่จะรับมือกับคนจำนวนมาก !

“ตาย !”

เป่ยเฟิงเตะออกไปอย่างรวดเร็วจนฮั่นตั๋วเสียหลัก จากนั้นมือซ้ายของเขาก็คว้าข้อมือของฮั่นตั๋ว แล้วมือขวาก็แทงนิ้วไปที่หน้าผากของฮั่นตั๋วราวกับดาบ !

ชั้นเลือดฉีหลายชั้นราวกับคลื่นมหาสมุทรไหลลงไปในทะเลจิตสำนึกของฮั่นตั๋ว จากนั้นก็เปลี่ยนให้สมองของเขากลายเป็นข้าวต้ม

“ถ้าจะโทษก็โทษตัวเองที่อ่อนแอเกินไป”

เป่ยเฟิงมองไปยังฮั่นตั๋วที่ตายแล้วตรงเท้าของเขา เขาได้รับบาดเจ็บที่มือซ้ายเล็กน้อย เขาส่ายแขนไปมาจากนั้นเลือดฉีก็ไหลลงมาที่รอยช้ำแล้วแผลก็หายไป

พลังของเป่ยเฟิงไม่ได้แข็งแกร่งกว่าฮั่นตั๋ว แต่ทว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่ามาก ที่จริงเขาสามารถฆ่าฮั่นตั๋วได้ง่าย ๆ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก่อนที่ฮั่นตั๋วจะตอบสนองทันได้ด้วยซ้ำ

“เอ๊ะ ? ฮั่นตั๋วตายแล้ว”

“นี้มันหมายถึงการไล่ล่าห่านป่าทุกวันแต่สุดท้ายก็ถูกห่านป่าไล่ล่าแทน”

“คิกคิก ฮั่นตั๋วมันคิดว่าตัวเองกำลังข่มขู่สัตว์ตัวน้อย ๆ ที่ไม่เป็นอันตราย แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายคือหมาป่าที่หิวโหย !”

กลุ่มผู้ฝึกตนที่กำลังดูอยู่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปได้เร็วขนาดนี้

เป่ยเฟิงโบกมือและแหวนมิติของฮั่นตั๋วก็ลอยมาอยู่ในมือของเขา พลังจิตที่ทรงพลังของเขาสามารถทำลายตราประทับของฮั่นตั๋วได้ในทันที

พื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 30 เมตรปรากฏขึ้นในการรับรู้ของเป่ยเฟิง “ถึงแหวนนี้มันจะด้อยกว่าแหวนอันเก่าของข้า แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” เป่ยเฟิงพึมพำ

หลังจากมองดูของในแหวนเพียงชั่วครู่ เขาก็ส่ายหัวด้วยความผิดหวัง สิ่งที่มีค่าคงเป็นแกนสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีกว่า 600 อัน ส่วนที่เหลือคือขยะ

จากนั้นร่างกายของเป่ยเฟิงก็หายไปแล้วไปปรากฏตัวข้างหลังหลี่ปู้

“หมียักษ์กระแทก !”

“ปีกนภาสวรรค์ !”

เป่ยเฟิงราวกับมาเดินเล่น ทุกการต่อยของเขาจะต้องมีใครบางคนตาย !

ในไม่ช้าเป่ยเฟิงและหลี่ปู้ก็ฆ่าคนอื่น ๆ ไปกว่า 15 คน

สองคนสุดท้ายที่เหลือรอดนั้นอ่อนแอกว่าคนอื่น ๆ พวกเขาหันหน้ามองกันก่อนที่คนหนึ่งจะตะโกนขึ้น “แยกทางแล้วหนีไป !”

“มาดูกันว่าพวกแกจะหนีไปได้ไหม” เป่ยเฟิงส่ายหัว จากนั้นเขาก็ใช้อินทรีปีนภูเขาและแม่น้ำ !

ร่างจำแลงของอินทรีควงนภาที่ใหญ่กว่า 10 เมตรปรากฏตัวขึ้น ปีกของมันทอดยาวออกไปหลายสิบเมตร จากนั้นมันสะบัดปีกไปยังทั้งสองคนที่กำลังหนีไป ปีกที่แหลมคมที่เปล่งประกายแสงสีทองพุ่งเข้าไปหาทั้งคู่ทันที !

เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างขึ้น คนที่หนีไม่แม้แต่จะหันหลังไปมอง พวกเขาไม่สนใจใด ๆ นอกจากเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเท่า

“ตุ้บ !”

เสียงแทงทะลุบางอย่างถึงสองครั้งดังขึ้น

“สุดท้ายการฆ่าและปล้นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ได้กำไรมากที่สุด” เป่ยเฟิงเล่นกับแหวนมิติ 5 วงในมือพร้อมกับหัวเราะออกมา

“เลือกไปอันหนึ่งแล้วเก็บไว้กับตัว”

เป่ยเฟิงยื่นมือออกไปหาหลี่ปู้

หลี่ปู้ไม่ได้ปฏิเสธใด ๆ เขาหยิบแหวนขึ้นมาสุ่ม ๆ โดยไม่แม้แต่จะมอง

เป่ยเฟิงนำแกนสัตว์อสูร 300 อันออกจากแหวนมิติของฮั่นตั๋วและเดินนำหลี่ปู้ไปยังผู้นำกลุ่มอื่น ๆ แล้วมอบแกนสัตว์อสูรโดยท่าทางไม่แยแสใด ๆ

หลังจากได้แกนสัตว์อสูรมาครบแล้ว ชายชราก็เก็บพวกมันเข้าไปในทันทีแล้วหยิบวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมาเพื่อสร้างค่ายกล จากนั้นหมอกจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นแล้วป้องกันการมองเห็นรวมไปถึงพลังจิตของคนอื่น ๆ

ทุกคนรู้สึกได้ถึงพลังค่ายกลขั้นสูง แต่ทว่าในหมอกชายชรากำลังยิ้มแย้มจนรอยยิ้มฉีกไปถึงหูในขณะเก็บแกนสัตว์อสูรลงไปในแหวนมิติทั้งหมดของเขา

ระลอกคลื่นสีแดงปรากฏขึ้นรอบ ๆ ภูเขา จากนั้นประตูที่กว้างพอสำหรับ 10 คนเข้าไปก็เปิดขึ้น กลุ่มผู้ฝึกตนไม่ได้ลังเลใด ๆ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

เป่ยเฟิงพูดกับหลี่ปู้ก่อนจะหายตัวไป “ข้าไม่เข้าไปหรอกนะ ถ้าเจ้าอยากเข้าไปก็ได้ แต่หลังจากนั้นก็ไปรอข้าที่ภูเขาก่อนหน้านี้”

สิ่งที่เขาต้องการนั้นคือต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่อาวุธ ในขณะเดียวกัน หลี่ปู้ได้แต่เฝ้ามองด้านหลังของเป่ยเฟิงพร้อมกับสบถออกมาในใจ เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ! ความรู้สึกของการถูกทิ้งเอาไว้เขาทนมันไม่ไหวอีกแล้ว

เป่ยเฟิงรีบวิ่งไปที่ภูเขาตรงกลาง เคยมีคำพูดเอาไว้ว่าม้าจะตายได้หากต้องวิ่งขึ้นไปบนภูเขา แม้ว่าความเร็วของเป่ยเฟิงจะเร็วมาก แต่เขาก็ยังใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงเชิงเขา

เมื่อเห็นกระต่ายนักเลงที่บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากรวมไปถึงผู้ฝึกตนของมนุษย์ เป่ยเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความกลัวเพียงอย่างเดียวของเขาคือการที่เขามาสายเกินไป อย่างไรก็ตามดูจากสถานการณ์แล้วดูเหมือนยังไม่สาย

เสียงการต่อสู้สามารถได้ยินจากบนภูเขา เป่ยเฟิงรีบวิ่งขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว

ยิ่งเขาเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ จำนวนศพของกระต่ายนักเลงก็เพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกันจำนวนของผู้ฝึกตนของฝั่งมนุษย์กลับน้อยลงมากกว่าเดิม

อาจจะเป็นเพราะกระต่ายนักเลงที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีส่วนมากถูกฆ่าตายที่ด้านนอก กระต่ายนักเลงส่วนใหญ่ที่เป่ยเฟิงเห็นในที่นี่ส่วนมากมีพลังเพียงขั้นสองหรือสามเท่านั้น มีไม่กี่ตัวที่มีพลังขั้นสี่

“ฆ่า ! ฆ่าเจ้าพวกกระต่ายบัดซบนี้ให้หมดแล้วโชคดีจะเป็นของเรา !”

“ทุ่งสมุนไพรจิตวิญญาณอันล้ำค่านี้กลับถูกพวกกระต่ายนักเลงชั้นต่ำนี้ครอบครองเอาไว้ !”

“ผลดวงดาวสวรรค์ รากมังกรดำ ดอกไม้โชคลึกลับ ทั้งหมดมันคือสมุนไพรอันล้ำค่า !”

หลังจากวิ่งมาได้ครึ่งทางบนภูเขา เป่ยเฟิงก็พบกับกลุ่มผู้ฝึกตนที่ด้านหน้า

สิ่งแรกที่เขาได้กลิ่นคือกลิ่นหอมของสมุนไพรจากนั้นก็ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นของเลือด

กระต่ายนักเลงหลายพันตัวกำลังปกป้องสวนสมุนไพรใหญ่ ดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงและไม่เคลื่อนไหวใด ๆ พวกมันกำลังใช้ชีวิตของพวกมันเข้าสู้กับผู้ฝึกตนของฝั่งมนุษย์อย่างดุเดือด

ทุกนาทีจะมีกระต่ายนักเลงและผู้ฝึกตนของทางมนุษย์ล้มตายลง นี้แหละคือความจริงของโลกใบนี้ ความจริงที่ว่าการพยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งและมั่นคั่งยิ่งขึ้น !

กลุ่มกระต่ายนักเลงทั้งหมดในที่แห่งนี้มีพลังขั้นสี่ของร้อยปี นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ฝึกตนของมนุษย์ถึงไปต่อไม่ได้

“ดูเหมือนพวกเขาจะอดใจไม่ไหวแล้ว” เป่ยเฟิงพึมพำในขณะมองผู้ฝึกตนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง กระต่ายนักเลงค่อย ๆ ล้มลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนพวกมันยากที่จะต้านทานพวกมนุษย์

กระต่ายนักเลงที่บาดเจ็บหนักจนสู้ไม่ไหวเลือกที่จะทิ้งศพของพวกมันเอาไว้ จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปยังยอดเขา

ผู้ฝึกตนของฝั่งมนุษย์ราวกับถูกฉีดด้วยเลือดไก่ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในสวนสมุนไพรด้วยความบ้าคลั่ง พวกเขาไม่แม้แต่จะหยุดควบคุมเลือดฉีของพวกเขา พวกเขารีบคว้าและขุดสมุนไพรจิตวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง

สมุนไพรจำนวนมากถูกขุดออกมาโดยที่ยังไม่ถึงเวลา หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที สวนสมุนไพรที่เขียวขจีทั้งหมดก็กลายเป็นว่างเปล่า

ชุยหยุนเทียนยืนนิ่งอยู่ด้านบน โดยมีกลุ่มชายชุดดำอยู่ด้านหลัง เขามองผู้ฝึกตนด้านล่างที่กำลังแย่งสมุนไพรกันอยู่ เขาเปิดปากและพูดราวกับกำลังพูดกับตัวเอง “ทำไมเจ้าไม่ไปเลือกสมุนไพรนั้นบ้าง บางอันมันอาจจะมีประโยชน์สำหรับผู้ฝึกตนขั้นราชาพันปีด้วยซ้ำ”

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท