ฝุ่นค่อย ๆ จางลง จากนั้นก็ปรากฏร่างของกระต่ายนักเลง
“นั่นเขา !”
ผู้คนรอบ ๆ มองด้วยความตกใจ พลังของเป่ยเฟิงที่ทุกคนเห็นก่อนหน้านี้มันน่าตกใจมาก ความแข็งแกร่งของเขามันไม่ได้น้อยไปกว่าครึ่งก้าวราชาพันปี !
“ดูเหมือนมันจะยุ่งยากมากขึ้นแล้วสิ”
ใบหน้าของทั้ง 4 คนรู้สึกมืดม่น พวกเขารู้สึกปวดหัวมากในตอนนี้
มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าพวกเขาจะจัดการกับหลี่ปู้ได้ แต่ก่อนที่เขาจะสังหารอีกฝ่ายได้ มันก็มีอีกคนที่แข็งแกร่งมาก ๆ และมีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าครึ่งก้าวราชาพันปีปรากฏตัวออกมา
พวกเขาทั้ง 4 ไม่ได้อยู่ในวัยเลือดร้อนที่เมื่อเห็นแล้วจะเข้าสู้ ตอนนี้พวกเขามีลูกน้องมากมายทำให้ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง การไม่ได้ออกแรงมานานมันทำให้จิตวิญญาณแห่งความกล้าของพวกเขาไม่มีอีกแล้ว
พวกเขาทั้ง 4 ติดอยู่ที่ครึ่งก้าวราชาพันปีมาร้อยกว่าปี หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็เป็นไปได้ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะไปถึงขั้นราชาพันปีได้ในชีวิตนี้ !
บางทีหากพวกเขาจุดไฟขึ้นมาได้ มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะไปถึงขั้นราชาพันปีได้
เพื่อฆ่าหลี่ปู้และคนอื่น ๆ มันทำให้พวกเขาสูญเสียคนของตัวเองไปกว่าร้อยคน แค่พูดจำนวนนี้ออกมาก็ทำให้พวกเขาปวดใจอย่างมาก !
แต่ตอนนี้เมื่อเป่ยเฟิงปรากฏตัว หากพวกเขาต้องการจะฆ่าอีกฝ่ายด้วยวิธีเดียวกัน มีความเป็นไปได้ที่ต้องเสียสละกลุ่มใหญ่ไปอีกกลุ่ม !
เจิ้งถังอ้าปากและพูดด้วยความเคร่งครึม “ลงไปสู้กันเถอะ ให้คนอื่น ๆ อยู่ข้างหลังคอยเชื่อเราพวกเรา !”
“ท่านพูดถูก กล้ามาทำให้พวกเราโกรธ หากวันนี้พวกมันไม่ตายพวกเราก็คงจะนอนไม่หลับ” ชายร่างกำยำพูดโดยไม่ลังเล
แม้ว่าอีก 2 คนจะไม่ต้องการทำตาม แต่หากทำเช่นนั้นจะทำให้ผู้ติดตามของพวกเขาที่สะสมมาแยกย้ายหายหนีจากพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำตาม
“ฆ่า !”
ทั้ง 4 มองหน้ากันไปมาก่อนจะถลาลงเหมือนนกอินทรีที่พุ่งไปหาเหยื่อ !
“กู่ฉี ฉันจะปล่อยที่เหลือให้แกละกัน”
เป่ยเฟิงมองด้วยความเบื่อหน่าย คงมีแค่คน 200 กว่าคนเท่านั้นที่พอจะค่าเวลาให้เขาได้ วันนี้จะไม่มีใครซักคนที่ฝันว่าจะมีชีวิตรอดไปได้
“กี้ !”
ปากของกระต่ายนักเลงไม่ขยับ แต่เสียงที่ดังออกมาก็เหมือนเป็นการตอบรับ ทันใดนั้นดาบสีแดงก็ปรากฏในมือของมัน จากนั้นมันก็กระโจนเข้าหาทั้ง 4 !
เมื่อเห็นเป่ยเฟิงไม่ได้ขยับหรือไม่สนใจพวกเขา มันทำให้เจิ้งถังและคนอื่น ๆ รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สู้ด้วยตัวเองมานาน แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นครึ่งก้าวราชาพันปีนั้นก็ยังเป็นถึงจุดสูงสุดของผู้ที่มีพลังขั้นร้อยปี !
เมื่อเห็นว่าผู้นำทั้ง 4 เข้ามามีส่วนร่วมด้วย จิตวิญญาณของคนอื่น ๆ เองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพุ่งเข้าหาเป่ยเฟิงด้วยความกระหาย
เมื่อลงมาจากฟ้าทันใดนั้นกระต่ายตัวหนึ่งสีแดงเข้มก็ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา พวกเขาทั้ง 4 รู้สึกว่ากระต่ายตัวนี้ดูคล้ายกับกระต่ายนักเลง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สนใจมันนัก
“ปัง !”
แต่ทันใดนั้นความคิดต่อไปของพวกเขาก็ถูกทำลายทันที แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของมัน เพียงแค่แรงกดดันที่มันปล่อยออกมาก็คล้ายกับระเบิดทรงพลังที่สามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้ !
“ราชาพันปี !”
“เป็นไปได้ยังไงกัน !”
“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นราชาพันปี !”
“หนีเร็วเข้า !”
ทั้ง 4 มองด้วยความตกใจและหัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แรงกดดันของมันเหนือกว่าพวกเขาทั้ง 4 รวมพลังกันเสียอีก !
ใครจะไปคิดกันว่าจะมีราชาพันปีปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ต่อให้เป็นราชาพันปีที่อ่อนแอที่สุดก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอย่างมาก
ทั้ง 4 ไม่ต้องการสู้อีกต่อไป พวกเขารีบหนีกลับด้วยความเร็วมากกว่าตอนที่มา !
กู่ฉีก้าวไปข้างหน้าจากนั้นก็ยกขาขึ้นแล้วเตะออกไป ริ้วรอยพลังงานสีแดงเลือดระเบิดกลายเป็นใยแมงมุมพุ่งไปหาทั้ง 4 คน !
ทั้ง 4 รู้สึกว่าร่างของพวกเขาแข็งทื่อ พวกเขารีบสลัดใยที่พุ่งเข้ามา หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้วเร่งความเร็วขึ้นอีกครั้งโดยไม่หันมามอง !
“ชิ้ง !”
ลำแสงดาบที่ส่งพลัง 4 สายเปล่งประกายพุ่งเข้าหาร่างทั้ง 4 !
กู่ฉีไม่ได้สนใจที่จะมองทั้ง 4 คนอีกต่อไป มันกลับลงมาที่พื้นก่อนจะหยิบแครอทขนาดใหญ่ออกมากัดกิน
“แกร๊ก !”
“ตู้มมมม !”
ในขณะที่ด้านล่างกำลังวุ่นวาย ภูเขาสูง 300 เมตรที่อยู่ด้านหลังก็ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลอยไปบนฟ้า ! ตรงจุดที่มันระเบิดนั้นเป็นรอยตัดที่เรียบเนียนยราวกับกระจก !
“ตูม !”
เจิ้งถังและอีก 3 คนที่รีบหนีอยู่นั่น ทันใดนั้นร่างของพวกเขาก็แยกออกเป็น 2 ส่วน แรงโน้มถ่วงค่อย ๆ พาร่างกายของเขาลอยลงไปด้านล่างก่อนจะหล่นลงพื้นในที่สุด !
พลังของดาบเดียว … ช่างน่าสะพรึงกลัว !
ผู้เชี่ยวชาญขั้นครึ่งก้าวราชาพันปีกลับถูกสังหารโดยไม่มีโอกาสได้ต่อต้าน !
นี่คือราชาพันปี ! สำหรับราชาพันปีแล้ว ผู้ฝึกตนทั่วไปก็เหมือนกันหมด พวกเขาสามารถจัดการได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว !
บางทีอาจจะมีอัจฉริยะที่อยู่ในขั้นร้อยปีที่สามารถสู้กับราชาพันปีได้ อย่างไรก็ตามทั้ง 4 คนนั้นไม่ใช่ และยิ่งสำหรับกู่ฉีแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ดูมันสิ มันไม่เหมือนอัจฉริยะที่ได้รับพรจากสวรรค์งั้นหรือ ?
“อึก !”
กลุ่มผู้ฝึกตนที่กำลังพุ่งไปหยุดชะงักทันที พวกเขารู้ดีว่าผู้นำของพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน มันไม่ใช่ปัญหาเลยหากพวกเขาจะสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของร้อยปี ต่อให้เป็น 10 ต่อ 1 พวกเขาก็สู้ได้สบาย !
แต่ตอนนี้ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไร พวกเขาก็ถูกฆ่าตายแล้ว !
“วิ่ง !”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนก่อน แต่ทุกคนก็ตื่นขึ้นจากความฝันทันที พวกเขาแต่ละคนรีบใช้ทักษะหรือวิชาที่ตัวเองมีแล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด
“อุก !”
ดาบฉีสีแดงเลือดปรากฏตัวขึ้นและในไม่ช้านักวิ่งแถวหน้าก็ล้มลงอย่างช้า ๆ
“ใครก็ตามที่วิ่งจะจบลงด้วยวิธีแบบเดียวกัน ผ่อนคลายไว้น่า ข้าไม่ได้มีความตั้งใจจะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด แต่ข้าเพียงแค่อยากให้พวกเจ้าทิ้งแหวนมิติเอาไว้เท่านั้น” เป่ยเฟิงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังจากเงียบเป็นเวลา 10 วินาที ก็มีเสียงจากคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ทุกคนอย่าไปเชื่อมัน มันไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ ๆ ! ทำไมพวกเราไม่ลองสู้กับมันดู ? เรามีคนเยอะกว่าและไม่มีทางแพ้แน่ !”
“อยากตายสินะ !” ดวงตาของเป่ยเฟิงส่องประกายความเย็นชาออกมา จากนั้นกระต่ายนักเลงข้าง ๆ เขาก็ส่งพลังไปโดยไม่แยแส !
“อ๊ากกก !”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญรอบ ๆ เกือบจะตอบโต้กลับ อย่างไรก็ตามพวกเขาทำเพียงตื่นขึ้นแล้วรีบถอยห่าง
“ซู๊ดดด !”
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็มองร่างของชายคนนั้นด้วยความกลัว ร่างของเขากำลังนอนอยู่บนแอ่งเลือดโดยมีริ้วรอยขีดข่วนจำนวนมากอยู่ทั่วร่าง !
คน ๆ นั้นดูราวกับถูกเปลี่ยนเป็นเนื้อที่ถูกตัด แต่ทว่าเขากลับยังมีชีวิตอยู่ !
ทุกครั้งที่เขาหายใจเข้า เขาจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก !
ทุกคนหันหน้าหนี พวกเขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ไปทั่วกระดูกสันหลัง
ดวงตาของเป่ยเฟิงกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ทิ้งแหวนมิติไว้ซะแล้วถึงจะไปจากที่นี่ได้”
ต้องเลือกระหว่างสิ่งของกับชีวิตพวกเขา ?
คำตอบนั้นชัดเจนมาก ตราบใดที่มีชีวิตก็หาเงินมาได้ แต่ถ้าคนตายไปทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์
จากนั้นก็มีคนนำ พวกเขามอบแหวนมิติของเขาให้เป่ยเฟิง หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มทำตาม สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็มอบแหวนมิติให้กับเป่ยเฟิง
“พวกเจ้าไปได้แล้ว”
เป่ยเฟิงโบกมือเบิกเฉยและทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“โอ้ใช่แล้ว ถ้าพวกเจ้าคิดที่จะพาเพื่อมาแก้แค้นละก็ ข้าจะทำให้รู้ว่าจุดจบมันเป็นยังไง”
เป่ยเฟิงยิ้มและชี้สหายที่โชคร้ายโดนความสามารถทางวิญญาณของกู่ฉีเข้าไป
เมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยเฟิง ทุกคนรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อเพราะคิดว่าจะกลับคำพูด แต่เมื่อได้ยินส่วนที่สอง พวกเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมาก
ทุกคนเดินผ่านสหายที่โชคร้ายที่ยังคงมีสติอยู่ เขาส่งเสียงพึมพำน่างสารอยู่บนพื้นไม่หยุด ไม่มีใครกล้าหยุดดูเขาซักคน มันราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นและกำลังเตือนตัวเองด้วย
“ท่านหัวหน้าตระกูล นี้มัน … ?”
ปากของหลี่ปู้เปิดค้างด้วยความตกใจ แต่เดิมเขาคิดว่าจะมีการต่อสู้สะเทือนฟ้า เขาพร้อมที่จะถูกสังหารเพื่อปกป้องเป่ยเฟิง แต่ใครจะไปคิดกันว่าการต่อสู้นี้จะเป็นการต่อสู้ของฝ่ายเดียว !
“นี่คือคู่หูของข้า กระต่ายนักเลงกู่ฉี มันเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังขั้นราชาพันปี” เป่ยเฟิงแนะนำให้หลี่ปู้
ดวงตาของกระต่ายนักเลงเปล่งประกายแปลก ๆ แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ มันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้แต่มันก็ไม่ค่อยอยากพูด
“ราชาพันปี ?!”
แม้ว่าหลี่ปู้จะคาดเดามาก่อน แต่เขาก็ยังตกใจอย่างมากอยู่ดีเมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยเฟิง
ตระกูลใดก็ตามที่ไม่มีราชาพันปีคอยปกป้อง นั้นก็เหมือนกลุ่มเนื้อชิ้นใหญ่ มันง่ายมากที่กองกำลังที่แข็งแกร่งจะเขมือบมัน ทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันของตระกูลหลี่มีมูลค่าหลายพันล้าน HCD แม้ว่าจะมีเงินขนาดนี้แต่ราชาพันปีก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
แต่เดิมตระกูลหลี่นั้นสามารถเติบโตได้มากกว่านี้ แต่เพราะพวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีคอยปกป้อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าสัมผัสถึงสิ่งที่เรียกว่าประโยชน์จากตระกูลใหญ่
ตระกูลหลี่ปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเพียงซี่โคร่งไก่สำหรับตระกูลใหญ่เท่านั้น พวกเขาไม่คุ้มค่าที่จะถูกกลืนกิน แต่มันก็น่าเสียดายที่จะปล่อยไป แต่ถ้าพวกเขาก้าวต่อไปอีกก้าวพวกเขาก็จะกลายเป็นเนื้อที่ชุ่มฉ่ำทันที !
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าเมื่อตระกูลหลี่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นราชาพันปีปกป้องแล้วพวกเขาจะพัฒนาไปได้ไกลและรวดเร็วแค่ไหน !
แม้ว่าตระกูลหลี่จะมีเพียงสัตว์อสูรระดับราชาพันปี แต่มันก็ยังเป็นถึงขั้นราชาพันปี !
“ท่านหัวหน้าตระกูล ข้าได้เจอกับโชคชะตาบางอย่างโดยบังเอิญ … ” หลี่ปู้กล่าวหลังจากฟื้นจากความตกใจของเขา
“ไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมา ในเมื่อเจ้าเจอมันโดยบังเอิญนั่นก็เป็นของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ข้าฟัง” คำพูดของเป่ยเฟิงขัดจังหวะคำพูดของหลี่ปู้
“ขอรับ !”
หลี่ปู้พยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอยากจะตายเพื่อเจ้านายของเขามากยิ่งขึ้น
“ไปจากที่นี่กันเถอะ มิตินี้มันกำลังจะพังทลายลงแล้ว” เป่ยเฟิงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะออกไปพร้อมกับหลี่ปู้และกู่ฉี
เขาไม่รู้ว่ามรดกบนภูเขาอีกลูกคืออะไร แต่เขาไม่มีเวลาให้สำรวจมันอีกต่อไป
หากมิติแห่งนี้พังทลาย แม้แต่ราชาพันปีก็ต้องตาย
เป่ยเฟิงไม่ต้องการสัมผัสกับความรู้สึกที่จิตวิญญาณลอยล่องไปในอวกาศโดยไร้จุดหมายอีกครั้ง
ความเร็วของพวกเขาเร็วมาก ในไม่ช้าพวกเขาก็ปรากฏตัวตรงหน้าเหมืองอีกครั้ง
เป่ยเฟิงไม่หยุดแค่นั้น ตลอดทางที่เขาเห็นผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ พวกเขาก็จะมองเป่ยเฟิงด้วยความหวาดกลัว
เมื่อกลับมาถึงพื้นดินแล้ว ก็สามารถมองเห็นท้องฟ้าที่มืดและดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้าส่องแสงสีเงินออกมา
เป่ยเฟิงมองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับความคิดต่าง ๆ โลกใบนี้ดูเหมือนไม่ได้อยู่ในระบบสุริยะเดียวกันกับดาวเทียนมู่ ท้องฟ้าบนดาวเทียนมู่นั้นถูกปกคลุมไปด้วยดวงจันทร์สีม่วง 3 ดวงเสมอ แต่เวลานี้บนท้องฟ้ากลับมีเพียงดวงจันทร์สีขาวเท่านั้น
“แกร๊ก !”
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากระยะไกลดึงดูดความสนใจของคนที่กำลังหนีออกมา
พื้นที่รอบ ๆ เหมืองเริ่มพังลงกระทันหัน มันดูเหมือนเป็นกระจกที่กำลังจะแตก !
แม้ว่ารอยร้าวเหล่านี้จะดูไม่อันตราย แต่มันเป็นสิ่งที่แม้แต่ราชาพันปีก็ไม่สามารถต่อต้านได้ !
รอยแตกสีดำค่อย ๆ กระจายราวกับมันสามารถตัดผ่านภูเขาได้ง่าย ๆ ในไม่ช้าภูเขาขนาดใหญ่ก็พังทลายลงกลายเป็นเศษหินจำนวนนับไม่ถ้วน
ผู้คนที่มองดูอยู่รู้สึกหนักหน่วงในใจ การพังทลายนี้ไม่ด้อยไปกว่าภัยพิบัติจากสวรรค์ พลังของมนุษย์ดูเล็กจ้อยมากเมื่อเทียบกับมัน มนุษย์ดูเหมือนไม่สามารถทนได้แม้แต่การโจมตีครั้งเดียวจากมัน