ชิหลินเดินตามหลังชุยหยุนเทียน ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ใด ๆ ราวกับก้อนน้ำแข็ง
เมื่อมาถึงทางออกถ้ำ ชิหลินจึงถามขึ้น “นายท่าน พวกเราจะเอายังไงดีกับผู้ชายคนนั้นกับเจ้าอสูรนั่น ?”
เสียงของเขาแปลก ๆ มันราวกับเสียงเหล็กเสียดสีกัน
“ลืมมันไปซะ ความจริงแล้วที่ข้าสนใจพวกมันก็เพราะพวกมันมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่พอมาคิดดี ๆ แล้วดูเหมือนข้าจะคิดผิดไป” ชุยหยุนเทียนยืนพูดโดยเสื้อผ้าของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม
ชิหลินเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่มองชุยหยุนเทียนด้วยความสับสน
“โลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถอยู่นับไม่ถ้วน แต่จะมีซักกี่คนที่สามารถพัฒนาได้อย่างพวกเขา ? ยกตัวอย่างเช่นเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าดูดซับผงฟอสฟอรัสแดงเข้าไป เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ามีความสามารถมากแค่ไหน ?”
ชุยหยุนเทียนถอนหายใจและพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจว่าจะรับทั้ง 2 คนนั้นมาทำงานให้กับข้าเพราะข้ามีทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ ถึงแม้จะไม่เท่ากับการหนุนหลังจากทั้งตระกูลแต่ก็ยังทำให้คนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะก้าวล้ำกว่าคนปกติขึ้นไปอีกเล็กน้อย แต่ตอนนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะข้าสามารถเอาทรัพยากรที่ข้ามีมอบให้เจ้าได้แทนที่จะแบ่งมันออกเป็น 3 ส่วน”
“เจ้าอาจจะคิดว่าเจ้าฝีมือสูสีกับเจ้ากระต่ายนั่น แต่ถ้าเจ้าเจอมันในครั้งต่อไปเจ้าจะเข้าใจความแตกต่างของสวรรค์และโลก” ชุยหยุนเทียนพูดจบก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ จากนั้นร่างของเขาก็หายไปและไปปรากฏบนกิ่งไม้แล้วก็หายไปอีกครั้ง
ชิหลินไม่ได้กล่าวอะไร เขาติดตามไปเงียบ ๆ
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เดินไปตามเส้นทางเดียวกันกับ 5 วันก่อนจนมาถึงทางออกหุบเขา
“คารวะท่านหัวหน้าตระกูล !”
ก่อนที่เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ จะออกจากหุบเขา เงา 2 ร่างก็มาคุกเข่าตรงหน้าแล้วโค้งคำนับเขาด้วยความเคารพ
“อืม ดูเหมือนพวกเจ้าหลายคนจะทำได้ไม่เลวในหลายวันนี้”
เป่ยเฟิงดึงกู่ฉีกลับมา เมื่อตอนที่ทั้ง 2 ร่างปรากฏ กู่ฉีเกือบจะโจมตีพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ หลังจากมองดูซักพักเป่ยเฟิงก็รู้สึกยินดีมากเมื่อพวกว่าทั้ง 2 คนมาถึงขั้นสี่ของร้อยปีแล้ว
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะท่านรองหัวหน้า แต่อย่างไรก็ตาม เอ่อ …” หนึ่งในผู้คุ้มกันกล่าวด้วยความลังเล
“หืม ? มีอะไร ?” เป่ยเฟิงถาม
ผู้คุ้มกันกัดฟันและพูดต่อ “รองหัวหน้าหลี่ปิงบาดเจ็บสาหัสและตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาขอรับ”
เป่ยเฟิงขมวดคิ้วเบา ๆ และโบกมือ “นำทาง”
ทั้ง 10 คนเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขา เขาไม่ต้องการเห็นอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เดินทางมาถึงถ้ำ
ใบหน้าของหลี่ปิงซีดจางและพลังฉีในเลือดเธอก็ลดจนถึงระดับต่ำสุด อย่างไรก็ตามแรงกดดันแปลก ๆ มันกลับกระจายออกมาจากตัวเธอจนสามารถรู้สึกได้
“ท่านหัวหน้าตระกูล รองหัวหน้าหมดสติและไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลยตั้งแต่ที่เธอช่วยพวกเราไว้ บาดแผลบนร่างของเธอหายไปหมดแล้วแต่พลังฉีในเลือดของเธอกลับลดลงอย่างต่อเรื่อง พวกเรานำสมุนไพรวิญญาณจำนวนมากมารักษาเธอแต่มันกลับทำได้เพียงชะลออาการลงเท่านั้น” อีกคนรายงานด้วยความเคารพ
เป่ยเฟิงโบกมือและพูดเบา ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน”
“ขอรับ !”
ผู้คุ้มกันทั้งหมดออกไปยืนรออยู่นอกถ้ำ
ข้าง ๆ เขา หลี่ปู้ถามด้วยความลังเล “ท่านหัวหน้าตระกูล สภาพของหลี่ปิงเหมือนเธอจะเข้าใจวิถีแห่งเต๋าแล้วใช่หรือไม่ ?”
เป่ยเฟิงพยักหน้าและยิ้ม “ใช่ ข้ารู้สึกได้ถึงแรงกดดันนี้ทันทีที่เข้ามาในถ้ำ เมื่อเห็นเธอข้าก็แน่ใจแล้วว่าใช่”
“แต่ถึงเธอจะเข้าใจวิถีแห่งเต๋าแต่ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้” หลี่ปู้ขมวดคิ้วด้วยความสับสน นอกจากนี้เขายังเข้าใจว่ามันคืออะไรเพราะเขาเองก็เข้าใจในวิถีแห่งเต๋าของตัวเองแล้วเช่นกัน !
แต่มันแปลกไม่เหมือนที่เขาเคยรู้จัก เพราะสภาพของหลี่ปิงค่อนข้างแปลกประหลาด เมื่อตอนที่เขาเข้าใจวิถีแห่งเต๋ามันค่อนข้างราบรื่นและเป็นธรรมชาติมาก
“มันไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าเข้าใจวิถีแห่งเต๋าที่ระดับ 0 เท่านั้นซึ้งมันเป็นขั้นเริ่มต้น ส่วนวิธีแห่งเต๋าของข้าคือระดับ 1 แต่วิถีแห่งเต๋าของหลี่ปิงอย่างน้อยน่าจะเป็นระดับ 2 !” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยความจริงจัง
ความจริงแล้วเป่ยเฟิงตกใจมากเมื่อเห็นหลี่ปิงเข้าใจวิถีแห่งเต๋าและมันก็เริ่มด้วยระดับ 2 สิ่งที่น่าตกใจนี้ไม่สามารถอธิบายใด ๆ นอกจากคำว่า “น่าตกตะลึง”
“ท่านหัวหน้าตระกูล นั่นหมายความว่าถึงแม้วิถีแห่งเต๋าของเธอมันแข็งแกร่งกว่าของข้า แต่เธอกลับถูกกำราบโดยวิถีแห่งเต๋าของตัวเองเพราะร่างกายของเธอไม่พร้อมจึงไม่สามารถควบคุมมันได้ … และตอนนี้ที่พลังฉีของเธอหมดลงนั่นก็เพราะใช้ในการควบคุมมันใช่หรือไม่ เพราะวิถีแห่งเต๋าที่ทรงพลังเกินไปมันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เลือดฉีของเธอหายไปอย่างช้า ๆ งั้นรึ ?” หลี่ปู้ถามด้วยความตกใจ
“ใช่ เราทำได้แค่หาสมบัติธรรมชาติมาให้เธอเท่านั้น เราคงทำได้เพียงแค่จนกว่าเธอจะควบคุมวิถีแห่งเต๋าของตัวเองได้”
เป่ยเฟิงรู้สึกเหมือนคนที่ได้สมบัติล้ำค่า ภายในทีมผู้คุ้มคนเขากลับมีเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดถึง 2 อัน นั่นคือหลี่ปู้และหลี่ปิง
เขาสะบัดมือจากนั้นสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากแหวนมิติของเขาแล้วซึมซับเข้าไปในร่างของหลี่ปิง
แม้ว่าพลังฝึกฝนในปัจจุบันของหลี่ปิงคือระดับสูงสุดของขั้นร้อยปี แต่เพราะเธอกำลังทำความเข้าใจและควบคุมวิถีแห่งเต๋าระดับ 2 หากเธอควบคุมมันได้ การที่จะฆ่าผู้เชี่ยวชาญขั้นร้อยปีนั้นมันจะง่ายเหมือนปลอกผลไม้ !
ในเวลานั้นความแข็งแกร่งของเธอจะเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวราชาพันปีและอาจเทียบได้กับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากในหมู่ผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวราชาพันปี !
หลังจากสั่งทุกอย่างจบ เป่ยเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปที่ทะเลสาบต่อทันที
ส่วนกู่ฉีเองก็เป็นบอดี้กาดอยู่ข้าง ๆ เป่ยเฟิงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาก่อกวน
คันเบ็ดสีเหลืองทองปรากฏในมือของเป่ยเฟิงจากนั้นเขาก็เหวี่ยงเบ็ดลงไปในทะเลสาบด้วยท่าทางเรียบง่าย
“กี้ กี้ !”
กู่ฉีมองดูการเคลื่อนไหวของเป่ยเฟิงด้วยความตกใจและไม่เชื่อ เมื่อเห็นน้ำวนสีดำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน หัวใจของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันที ความรู้สึกถึงสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งแผ่ออกมาจากหลุม มันน่ากลัวเกินไป !
เป่ยเฟิงไม่ได้อธิบายใด ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามให้กู๋ฉ่มองมันเช่นกัน ในโลกนี้สิ่งเดียวที่เขาไว้ใจได้คือกู่ฉีเพราะเขาได้ทำพันธะวิญญาณกับมันแล้วมันจึงไม่แปลกที่เข้าใจไว้ใจมันมาก
***
ที่ไหนสักแห่งในโลกอีกใบ ผืนดินขนาดใหญ่มหึมาหมุนไปช้า ๆ ในความมืดมิดของจักรวาล แม้ว่ามันจะดูเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ เพราะทุกการเคลื่อนไหวของมันเร็วอย่างมาก !
ดินแดนแห่งนี้ใหญ่จนหาที่เปรียบไม่ได้ มันมีรูปร่างเหมือนยอดเขา อย่างไรก็ตามยอดเขานี้มันกลับใหญ่มากจนสามารถบดบังดวงอาทิตย์ทั้ง 3 ที่หมุนรอบตัวมันได้
สัตว์แปลก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนสามารถมองเห็นได้บนดินแดนนี้ แต่ละตัวปลดปล่อยแรงกดดันที่ทรงพลังอย่างมาก กรงเล็บและฟันของพวกมันบางตัวเป็นสีดำคล้ายโลหะแวววาว
“ปึง ปึง !”
ยักษ์ตัวเล็กสูงกว่า 10 จางเดินไปอย่างช้า ๆ โดยทิ้งไว้เพียงรอยเท้าขนาดใหญ่ไว้ในป่า ร่างใหญ่มหึมาของมันทำให้เกิดเสียงดังทุกครั้งที่มันเดิน
ยักษ์น้อยตัวนี้ดูคล้ายมนุษย์ แต่มันเป็นเพียงโครงร่างเท่านั้นที่ดูคล้าย
ร่างของยักษ์ตัวเล็กมันมีสีดำสนิทราวกับมันถูกสร้างมาจากเหล็ก
“โอ้ว !”
ยักษ์น้อยถือกระบองขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะทำมาจากวัสดุเดียวกันกับร่างของมัน ลึกเข้าไปในป่ามีเสียงคำรามดังออกมาดูเหมือนจะเตือนให้ยักษ์น้อยอยู่ห่างเอาไว้
“โฮก !”
“ปึง ปึง !”
ยักษ์น้อยไม่สน มันเงยหน้าคำรามและทุบอกด้วยแขนข้างซ้ายจนเกิดเสียงดังพร้อมกับประกายไฟที่กระจายออกมาจากหน้าอกจากแรงกระแทก !
“แกร๊ก !”
“ปัง !”
เมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกไม่ได้ออกไปแม้จะเตือนไปแล้ว สัตว์อสูรในนั้นก็โกรธอย่างมาก เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งจากนั้นเสียงต้นไม้ล้มลงก็ดังขึ้นมาตามทางที่ดูเหมือนจะพุ่งมาหายักษ์น้อย
ยักษ์น้อยคำรามและทิ้งกระบองจนเกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้น จากนั้นมันก็พุ่งออกไปหาก้อนหินที่สูงหลายสิบเมตร
“โฮก !”
กล้ามเนื้อของยักษ์น้อยเกร็งจากนั้นมันก็ออกแรงยกก้อนหิน ด้วยเสียงคำรามของยักษ์ ก้อนหินขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากพื้น !
“ฟิ้ว !”
ยักษ์น้อยยกก้อนหินที่มีน้ำหนักมากกว่ามันถึง 2 เท่าด้วยมือเปล่า จากนั้นมันก็ขว้างก้อนหินไปทางทิศที่มีเสียงต้นไม้ล้ม !
“ตู้ม !”
ก้อนหินลอยทะยานไปบนฟากฟ้าก่อนจะตกลงมาเกิดเสียงดัง !
สถานที่ที่ก้อนหินล่วงลงไปนั้นดูคล้ายกับเพิ่งเกิดการชนของอุกกาบาต มันไม่มีใบหญ้าซักใบเดียวพบได้ในระยะ 1,000 เมตรและมีเสาหินจากก้อนหินจำนวนมากที่พุ่งทะลุต้นไม้ไป !
“โอ้ว !”
สัตว์อสูรที่ยังไม่ปรากฏตัวคำรามขึ้นอีกครั้ง นกและสัตว์ป่ารอบ ๆ เงียบลงทันที ในเวลาเดียวกันสิ่งที่ดูคล้ายลูกบอลสีดำใหญ่กว่า 10 เมตรก็ลอยกลับมาทันที !
พลังของลูกบอลนั้นควบแน่นจนถึงขีดสุด ทุกอย่างที่มันพุ่งผ่านนั้นถูกทำลายทั้งสิ้น !
“โฮก !”
ยักษ์น้อยคำราม แต่จากน้ำเสียงแล้วมันดูตื่นเต้นมาก !
“แก๊ง !”
วินาทีต่อมามันก็หยิบกระบองขึ้นมันขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปที่ลูกบอลก้อนโตอย่างโหดเหี้ยม !
เกิดการระเบิดที่น่ากลัวและทุกอย่างรอบ ๆ 1,000 เมตรก็ถูกทำลายลงในทันทีที พลังงานสีดำกระพริบคล้ายกระแสไฟฟ้าไปมาอยู่รอบ ๆ อย่างต่อเนื่อง
“โอ้ว !”
เงาดำหล่นลงมาจากท้องฟ้า แรงกระแทกของมันทำให้เกิดคลื่นกระแทกจำนวนมากกระจายออกไปไกล
“ปัง ปัง ปัง !”
เมื่อคลื่นกระแทกปะทะเข้ากับต้นไม้ มันทำให้ต้นไม้ทุกต้นสั่นสะเทือนอย่างแรงก่อนจะระเบิดเป็นชิ้น ๆ !
กิ่งไม้และใบไม้ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วหมุนไปในอากาศพร้อมกับแรงกดดันมหาศาลที่กดดันรอบ ๆ
“วิ้ง !”
ยักษ์น้อยรู้สึกเพียงแค่ว่ามันเหมือนยุงหลายล้านตัวกำลังบินอยู่รอบ ๆ หัวของมันทำให้ตาของมันหมุนพร้อมกับดาวเต็มหัว
ก่อนที่ยักษ์น้อยจะรู้สึกตัว หางเหล็กสีดำสนิทก็ปรากฏตัวตรงหน้ามัน !
หางสีดำนั้นเร็วเหมือนสายฟ้า มันแม่นยำเหมือนนักฆ่าระดับสูงที่โจมตี มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันได้ทัน !
“ดิ๊ง !”
เสียงปะทะเบา ๆ จากนั้นหางสีดำก็หายไป จากนั้นสัตว์อสูรสูงกว่า 50 เมตรก็ปรากฏตัว มันในตอนนี้อยู่ห่างจากยักษ์น้อยหนึ่งพันลี้พร้อมกับหางสีดำที่แกว่งไปมาเบา ๆ
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือทันทีที่มันโจมตีพลาด มันก็ถอยห่างออกไปไกลถึงพันลี้ !