ราวกับสายฟ้าได้พุ่งผ่านความคิดของเป่ยเฟิง มันทำให้ม่านหมอกที่อยู่ในใจของเขาหายไป !
ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็พุ่งเข้ามาในใจจนทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านเบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น !
“ในเมื่อพันรูปร่างได้หลอมรวมและกลายเป็นหนึ่งเดียวกับข้า งั้นก็หมายความว่า …” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
ยิ่งเขาพูดขึ้น ประกายแสงก็เปล่งประกายในดวงตาของเขาสว่างมากขึ้นราวกับกำลังมองสิ่งสวยงาม
“ชั้วะ !”
ทันใดนั้นดาบยาวที่อยู่ในมือเป่ยเฟิงพุ่งออกไปไกลลับสายตา !
“ฮ่าฮ่า อย่างที่ข้าคิด !” เป่ยเฟิงมองดาบสีดำที่กลับมาบินรอบตัวเขาและหัวเราะเสียงดัง
“พันรูปร่างเป็นส่วนหนึ่งของรายกายข้าและมันรวมไปถึงวิญญาณด้วย ดูเหมือนข้าจะสามารถควบคุมมันได้ด้วยพลังจิต”
รอยยิ้มที่ตื่นเต้นปรากฏบนหน้าเป่ยเฟิงในขระที่เขามองก้อนหินขนาดใหญ่ที่ห่างออกไป 800 เมตรถูกแยกออกเป็น 2 ส่วน
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เขามีความสุข หากมันเป็นเพียงการที่เขาสามารถควบคุมได้ด้วยพลังจิตเขาคงไม่มีความสุขขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นก็คือพลังของพันรูปร่าง หากเขาสามารถทำให้พันรูปร่างเข้าสู่ร่างกายของคนอื่นได้นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถควบคุมชีวิตหรือความตายของคน ๆ นั้นได้หรือยังไงกัน !
เมื่อพิจารณาอย่างดีแล้วเป่ยเฟิงก็ตะโกนขึ้น “หลี่ปู้”
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้ว !” หลี่ปู้รีบมาโดยไม่ชักช้า
“ไปจับสัตว์อสูรมาซักหลายตัวสิ ข้าต้องการเป็น ๆ เอาตั้งแต่ขั้นแรกของร้อยปีไปจนถึงขั้นสี่ของร้อยปี” เป่ยเฟิงออกคำสั่งทันที
เพื่อยืนยันความคิดนี่ เป่ยเฟิงจึงทดลองมันกับสัตว์อสูรก่อน
“ขอรับ !”
หลี่ปู้พยักหน้าและพาคนออกไปหลายคน
พวกเขาไม่กล้าชักช้า พวกเขารีบพุ่งเข้าไปในป่าลึกทันที
“กี้ !”
ในขณะเดียวกัน เป่ยเฟิงเห็นกู่ฉีกำลังหัวเราะเสียงดัง มันกำลังนั่งอยู่ข้างทะเลสาบโดยการใช้หางของมันเป็นเหยื่อตกปลา
ไม่มีใครรู้เหมือนกันว่าทะเลสาบนี้ลึกแค่ไหนและมันมีตัวอะไรอยู่ข้างล่าง เมื่อสัตว์ในทะเลสาบเห็นหางเล็ก ๆ แกว่งไปมาเบา ๆ บนผิวน้ำพวกมันก็จะรีบว่ายขึ้นมาแล้วกัดทันที
หลังจากนั้นเจ้ากระต่ายก็ยกปลาและกุ้งหน้าโง่ทั้งหลายขึ้นมาแล้วเหวี่ยงพวกมันไปด้านข้างและดูพวกมันดิ้นไปมาบนพื้นดิน
ไม่ต้องเอ่ยถึงขนาดของมัน เพราะโลกใบนี้เต็มไปด้วยหลิงฉีที่หนาแน่น ดังนั้นปลาและกุ้งเหล่านี้จึงแข็งแกร่งกว่าปกติ กุ้งเครฟิชมีขนาดเท่าลูกฟุตบอลและมันโบกก้ามของมันท้าทายกู่ฉี สุดท้ายมันก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ ด้วยอุ้งเท้า
“ดูเหมือนแกจะว่างเกินไป ข้าคงหาอะไรให้แกทำมั่งแล้ว” เป่ยเฟิงพูดด้วยความขุ่นเคือง ราชาสัตว์อสูรกลับทำตัวไม่สมกับราชา มันใช้หางของมันเพื่อเป็นเหยื่อตกปลาและกุ้ง หากคำพูดนี้กระจายออกไปโลกภายนอกมันคงทำให้คนอื่นหัวเราะจนตาย
“กี้ !”
กู่ฉีกรอกตาและเตะปลาและกุ้งที่เหลือกลับเข้าไปในทะเลสาบ มันรู้ดีว่าไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องมัน แต่มันอยากจะหาอะไรทำแก้เบื่อเท่านั้น มันกระโดดไปตรงหน้าเป่ยเฟิงและมองเขาด้วยความรังเกียจ
“คุบ !”
เป่ยเฟิงยกริมฝีปากแล้วเหยียดมือออกไปลูบหัวเจ้ากระต่ายด้วยความพอใจ
“ไม่เคารพผู้อาวุโสเรอะ”
“กี้ กี้ !” กู่ฉีถุยน้ำลายลงอย่างเฉยเมยก่อนจะเตะเป่ยเฟิงออกไป
“ตู้มม !” ฝุ่นกระจายไปทั่วและเป่ยเฟิงก็ค่อย ๆ คลานออกมาจากก้อนหินก้อนหนึ่ง รอยเท้าขนาดใหญ่ปรากฏบนเสื้อคลุมสีขาวของเขา
“กี้ กี้ !”
กู๋ฉีแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างมีความสุขราวกับจะสื่อว่ามันสนุกมาก
เป่ยเฟิงรู้ว่ามันไร้ประโยชน์ ถึงแม้ว่าสติปัญญาของกู่ฉีจะไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ แต่นิสัยของมันค่อยข้างผันผวน บางครั้งก็ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็ก ๆ
เป่ยเฟิงตบฝุ่นบนร่างและมองรอยเท้าที่ชุด จากนั้นริมฝีปากของเขาก็กระตุกเบา ๆ “เอาล่ะ หยุดเล่นได้แล้ว ข้ามีงานที่เหมาะสำหรับแกแล้ว” เป่ยเฟิงพูดอย่างจริงจัง
“กี้ !” แม้จะเห็นความจริงจังของเป่ยเฟิง กู่ฉีก็ยังทำตัวหยิ่งยโสและยกหูขึ้น
ไม่กี่วันก่อน ทักษะพันกระเรียนได้ส่งผลต่อจิตใจของมันทำให้ทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
ความจริงที่ว่าเป่ยเฟิงไม่โกรธกับการเตะของมันก็เป็นหลักฐานชั้นดีของความใกล้ชิด
เป่ยเฟิงมองกู่ฉีอย่างจริงจังและพยักหน้าในใจ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น “ข้าต้องการสัตว์อสูรที่มีพลังขั้นราชาพันปีตัวเป็น ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่”
“กี้ กี้ !” กู่ฉีพยักหน้าและตกลง
“ระวังตัวด้วย ถ้าไม่ไหวก็ลืมมันแล้วถอยมาซะ”
เป่ยเฟิงเป็นห่วงว่ากู่ฉีจะจริงจังเกินไปจึงเตือนมัน
“กี้ !” กู่ฉีส่งเสียงตอบก่อนจะกระโดดออกไป การกระโดดของมันในแต่ละครั้งนั้นไกลกว่าร้อยถึงพันเมตรเสมอ ด้วยการกระโดดไม่กี่ครั้งมันก็หายไปจากสายตาของเป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงนั่งขัดสมาธิโดยใช้ความพยายามของเขาในการสร้างอาวุธทุกชนิดจากพันรูปร่าง
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการฝึกฝน เช่นเดียวกันสำหรับการควบคุมพันรูปร่าง ในตอนแรกมันใช้เวลา 5 นาทีในการก่อตัวเป็นครึ่งดาบ แต่ตอนนี้เป่ยเฟิงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สร้างเป็นดาบยาวได้แล้ว !
แต่มันเป็นดาบง่าย ๆ ที่ธรรมดามาก ในส่วนอาวุธชิ้นอื่น เป่ยเฟิงยังต้องใช้การฝึกฝนเพื่อทำความคุ้นเคยกับพวกมัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็หยุดฝึก พร้อมกับหลี่ปู้ที่กลับมาพร้อมกับสัตว์อสูร ในขณะเดียวกันที่เขาหยุดเพราะเขาใช้พลังจิตไปไม่น้อยเช่นกัน
การควบคุมพันรูปร่างให้เป็นอาวุธทุกชนิดมันกินพลังจิตไปมาก เป่ยเฟิงไม่ต้องการให้มีอะไรไม่คาดคิดเกินขึ้นในตอนที่พลังจิตของเขาไม่เพียงพอ
เลือดฉีของเขาปะทุขึ้นเหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เลือดฉีและพลังจิตมันเชื่องโยกกันดังนั้นเขาจึงใช้สมุนไพรจิตวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังจิตที่อ่อนล้าให้กลับมาเป็นปกติ
“ท่านหัวหน้าตระกูล นี่คือสัตว์อสูรที่ท่านต้องการ พวกเราจับมาได้ทั้งหมด 64 ตัว”
หลี่ปู้ยืนด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้และมีคลื่นบางอย่างกระจายออกมาจากตัวเขา มันดูราวกับเขาผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
“ลำบากเจ้าแล้ว” เป่ยเฟิงพยักหน้าให้หลี่ปู้และให้เขานำสัตว์อสูรมาหาเขาทีละตัว
“โฮก !”
สัตวือสูรคำรามใส่เขาโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
‘แล้วข้าจะควบคุมพันรูปร่างแล้วเอามันใส่เข้าไปในร่างของสัตว์อสูรได้ยังไงกัน ?’
เป่ยเฟิงคิดซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับเข็มสีดำปรากฏในมือของเขา โดยไม่พูดอะไรมาก เขาคว้าเจ้าสัตว์อสูรขั้นหนึ่งของร้อยปีขึ้นมาทันที พลังอันยิ่งใหญ่ของเขามันเพียงพอที่จะทำให้เจ้าอสูรทั้งหลายทำอะไรเขาไม่ได้
‘ไม่ ๆ ตรงนี้ไม่ดี ข้าไม่ควรเริ่มจากสมอง ถ้าข้าเริ่มจากสมองมันมีความเป็นไปได้ที่มันจะตายทันที’
เป่ยเฟิงสังเกตสัตว์อสูรตัวนี้อย่างรอบคอบและตัดสินใจทันที หากเขาไม่เริ่มจากหัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนเช่นกัน
“แก๊ง !”
เป่ยเฟิงสะบัดเข็มและมันก็ทะลุเกล็ดแล้วพุ่งเข้าไปในหัวของมันทันที
“โฮก !”
สัตว์อสูรที่เป่ยเฟิงกำลังทำความเข้าใจอยู่นั้นอยู่ดี ๆ ก็แข็งตัวและดิ้นรนอย่างแรง ร่างของมันกระตุกอย่างรุนแรงและในไม่ช้าดวงตาของมันก็ม้วนขึ้นพร้อมกับโฟมสีขาวที่ไหลออกมาจากปากของมัน
“ข้าแทงไปโดนตรงไหนกัน ?”
เมื่อมองดูสัตว์อสูรตรงหน้า เป่ยเฟิงอึดอัดเล็กน้อย สัตว์อสูรตัวนี้ตายกระทันหันและเหตุผลความเป็นไปได้นั่นคือเขาแทงผิดจุด
หลังจากพยักหน้าให้กับผู้คุ้มกันแล้ว เขาก็เริ่มการทดลองกับสัตวือสูรตัวที่สองทันที
สัตว์อสูรตัวที่สองดีกว่าเดิมเล็กน้อย นอกเสียจากยังมีชีวิตอยู่ ส่วนอื่น ๆ ของมันกลับเคลื่อนไหวไม่ได้
สัตว์อสูรตัวที่สามไม่ตายหรือเป็นอัมพาต แต่มันกลับกลายเป็นตัวงี่เง่าแทน มันวิ่งไปมาก่อนจะใช้ปากของมันกัดไปที่เป่ยเฟิง สุดท้ายเขาก็ต้องใช้ฝ่ามือของเขาฆ่ามันด้วยการตบเพียงครั้งเดียว
เป่ยเฟิงเริ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้น จากนั้นเขาก็ให้นำสัตว์อสูรอีกตัวเข้ามาทันที คราวนี้เขาเจาะเข็มอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการเจาะเข้าไปในสมองของสิ่งมีชีวิต
“ฮู้วว !”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะซับเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงด้วยแขนของเขาพร้อมกับมองสัตว์อสูรตรงหน้าไปด้วย
เมื่อมันถูกปล่อยตัว มันรู้สึกว่าร่างของมันเบาลง มันคำรามขึ้นก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทันที
“สำเร็จ !” เป่ยเฟิงมองมันชั่วครู่ก่อนจะร้องตะโกนด้วยความดีใจและรอยยิ้มกว้าง ๆ บนหน้าของเขา
เมื่อสัตว์อสูรวิ่งไปไกลกว่า 600 เมตร เป่ยเฟิงก็สั่งบางอย่างจากนั้นเข็มในสมองของมันก็เริ่มหมุน !
“โอ้ววว !”
เสียงร้องที่หวาดกลัวดังขึ้น จากนั้นมันก็ล้มลงพร้อมกับชีวิตที่ดับลง
“อย่างที่คิด พันรูปร่างเป็นส่วนหนึ่งกับข้า ตราบใดที่อยู่ในระยะที่ข้าควบคุมได้ข้าก็สามารถทำอะไรก็ได้เหมือนกับการขยับแขนขาของข้า” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง แม้ว่าผู้คุ้มกันของเขาจะไม่รู้ว่าเป่ยเฟิงกำลังทำอะไร แต่พวกเขาก็เดินไปลากศพของสัตว์อสูรตัวนั้นกลับมาหาเขา
“ฟุ้บ !”
ด้วยการเฉือนเพียงครั้งเดียว กระโหลกของสัตว์อสูรก็เปิดออกอย่างง่ายดาย สมองของมันเปลี่ยนเป็นข้าวต้มพร้อมกับเข็มสีดำเล็ก ๆ ที่นอนเงียบ ๆ อยู่บนนั้น
เป่ยเฟิงสะบัดมือ จากนั้นพันรูปร่างก็กลับมาหาเขา
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็เริ่มไล่ฆ่าสัตว์อสูรอย่างง่ายดาย เขาราวกับนักวิทยาศาสตร์บ้าที่กำลังใช้สัตว์อสูรในการทดลองของเขาอย่างต่อเนื่อง