Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 539

ตอนที่ 539

จี่ฉีและคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าซู่หยุนจงกำลังขี่เสือและไม่สามารถลงมาได้ พวกเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุข พวกเขาวิ่งไปที่คฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางสวนสมุนไพร

“มีของดี ๆ จำนวนมากแน่ ๆ เพราะมันมีค่ายกลปกป้อง”

ดวงตาของจี่ฉีเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

“ศิษย์พี่ ข้ารู้สึกว่าพวกเรากำลังทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ทำไมเราต้องมาทำลายค่ายกลนี้ด้วย น่าจะไปดูสมบัติที่รังราชาสัตว์อสูรจากนั้นก็ไปช่วยท่าอาจารย์ ถ้าหากเราช่วยท่านอาจารย์ฆ่าเจ้าเสือดำนั่นด้วยความช่วยเหลือจากท่านมันจะง่ายมากในการทำลายค่ายกลนี้”

ฮวงหลินยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังมองพวกเขาโจมตีค่ายกล ในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้และพูดขึ้น “ศิษย์น้อง ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะไปหาสมบัติที่รังราชาสัตว์อสูรก่อน”

จี่ฉีหันกลับมามองฮวงหลิน แม้ว่าเขาจะดูเหมือนตั้งใจฟังแต่ความจริงแล้วเขารังเกียจอีกฝ่ายมาก

เขายังคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์พี่ใหญ่อยู่จริง ๆ งั้นรึ ? เพ้ย ! เขาเป็นแค่ไอ้ไร้ประโยชน์ที่มีพลังราชาพันปีขั้น 2 เท่านั้น ! จี่ฉีเย้ยหยันในใจ

“งั้นก็แยกกันซะ”

ฮวงหลินหงุดหงิดมาก สุดท้ายเขาก็ไม่ทน เขาเลือกจะหันหลังจากไป

ตรงกันข้ามกับซู่ซินยี่ที่กำลังขัดแย้งในใจ เธอเปิดและปิดปากไปมาในขณะที่เห็นจี่ฉีมองเธอ สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจเบา ๆ และไม่พูดอะไร

“พวกแกบังคับข้า !” ฮวงหลินเดินเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นแรงกดดันของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“แกร๊ก !”

คอขวดที่เขายับยั้งมานานหลายปีในที่สุดก็พังทลายลง …. ใช่แล้ว เขาในตอนนี้มาถึงราชาพันปีขั้น 3 แล้ว !

เขาหัวเราะเยาะเย้ย จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในรังราชาสัตว์อสูร

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉีและลูกน้องอีก 2 คนกำลังขุดดินอย่างรวดเร็ว ตัวนิ่มนั้นขุดเร็วมาก

“แกร๊ก !”

หินสีดำที่ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขาถูกตัดขาดจากกรงเล็บของตัวนิ่ม

เมื่อมันดึงกรงเล็บออกมา หลิงฉีที่หนาแน่นก็กระจายเข้ามาในถ้ำผ่านรอยแตก !

“อ่าวว !”

“กี้ กี้ !”

กู่ฉีกระโดดลงมาจากด้านหลังฮานกุยทันทีพร้อมกับดมกลิ่นไปมา จากนั้นเมื่อรู้สึกได้ถึงหลิงฉีใบหน้าของมันก็ตื่นเต้นมาก

ด้านข้าง ตัวนิ่มและฮานกุยกำลังมองการกระทำของกู่ฉี แม้จะอยู่ด้านหลังแต่พวกมันก็ไม่กล้าเปิดศึกจู่โจมก่อน

“ตู้มม !”

ราวกับว่ามันไม่พอ กู่ฉียืนขึ้นและเตะอย่างแรงไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ !

เสียงดังสนั่นจากนั้นทางเดินกว้าง 5-6 เมตรก็ปรากฏตรงหน้าพวกเขา ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ขวางทางถูกเตะออกไปไกลกว่าพันเมตร

ทันใดนั้นก้อนหินจิตวิญญาณทั้งหลายก็ปรากฏตรงหน้าสัตว์อสูรทั้ง 3 มันทำให้พวกมันหน้ามืดตามัวไปหมด

“กี้ กี้ !”

เจ้ากระต่ายโบกมือแสดงความจริงใจที่หาได้ยากราวกับจะบอกว่าให้ลูกน้องทั้ง 2 ของมันช่วยตัวเอง

หลิงฉีที่นี่หนาแน่นมาก ไม่มีใครเคยสอนมันแต่หลิงฉีจำนวนมากก็ไหลเข้าไปในร่างของสัตว์อสูรทั้ง 3 โดยอัตโนมัติ

เจ้ากระต่ายเดินมาถึงใจกลางเหมืองหินจิตวิญญาณและมองดูหยดน้ำสีเขียวที่หยดลงมาจากหินย้อยที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เมตรและยาวกว่า 1 กิโลเมตร มันย้อยลงมาจนมีขนาดเล็กเท่าหัวมนุษย์

ใช้เวลาไม่นานของเหลวสีเขียวก็หยดลงมาหนึ่งหยด หลังจากนั้นมันก็หยดลงมาอีกหยด

ของเหลวที่อยู่ในหลุมตื้นได้รวมกันจนคล้ายกับเยลลี่ มันมีพลังงานมหาศาลที่ไม่สามารถจินตนาการได้

น้ำลายค่อย ๆ ไหลออกมาจากปากของกู่ฉีเมื่อเห็นภาพนี้ มันกำลังจะก้มหัวลงไปในสระน้ำสีเขียวเล็ก ๆ นั้นแต่สุดท้ายก็หยุด

“ว๊าก !” เจ้ากระต่ายก้มหัวลงเล็กน้อยและกวาดตามองรอบ ๆ จากนั้นมันก็เก็บของเหลวล้ำค่าพวกนี้ไว้ในแหวนของมัน

หลังจากนั้นมันก็นอนบนพื้นและเปิดปากเพื่อรอให้ของเหลวหยดถัดไปหยดลงมา แต่มันก็รอแล้วรอเล่ากลับไม่มีของเหลวซักหยดลงมาที่ปากที่เปิดกว้างของมัน

“กี้ กี้ !”

หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าของเจ้ากระต่ายก็เปลี่ยนเป็นความโมโห มันกระโดดขึ้นแล้วดูดของเหลวสีเขียวที่กำลังจะหยดลงมา

หลังจากนั้นมันก็ใช้อุ้งมือของมันกระแทกที่หินย้อยขนาดใหญ่ !

“ตู้ม !”

การกระแทกโดยเต็มกำลังทำให้หินย้อยสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พังลงมา

“ว๊าก !” ใบหน้าของเจ้ากระต่ายกระตุกและโมโหมากขึ้น มันกวาดดาบสีแดงเลือดแล้วเฉือนไปมาอย่างบ้าคลั่งไปที่หินย้อย

“แกร๊ก !”

ทุก ๆ การเฉือนมันเต็มไปด้วยพลังงานเลือดฉีจำนวนมากและยังมีดาบฉีที่คมมากแฝงอยู่ ในไม่ช้าหลังจากฟันออกไปร้อยกว่าครั้งหินย้อยก็ค่อย ๆ ล่วงลงมากับพื้น

ส่วนหนึ่งของพื้นสีเขียวสูง 1 เมตรค่อย ๆ เผยออกมา มันยังมีบางส่วนฝังอยู่ในหินและเปล่งประกายสีเขียวออกมา

“กี้ กี้ !”

เจ้ากระต่ายกระโดดไปมาบนพื้นและส่งเสียงร้องจนทำให้ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มต้องรีบแอบ

ตอนนี้ทั้งคู่กำลังคิดสิ่งเดียวกันก็คือเจ้ากระต่ายตัวนี้น่ากลัวเกินไป ! ถ้ามันใช้การฟันนั้นกับพวกมันเพียงแค่เศษเสี้ยว พวกมันจะไม่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เลยหรอ ?

“กี้ กี้ !”

เจ้ากระต่ายตรวจสอบต้นไม้สีเขียวในมืออย่างระมัดระวัง จากรูปร่างมันดูคล้ายต้นไผ่ชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันมีขนาดเล็กกว่าไผ่มาก

ลำต้นของมันหนาน้อยกว่านิ้วหัวแม่มือและกิ่งของมันก็บางมาก มันเปลืออยต้นและไม่มีใบใด ๆ ซักใบ

เจ้ากระต่ายรู้สึกได้ถึงพลังแห่งชีวิตที่ยิ่งใหญ่และกว้างราวกับมหาสมุทรจากมัน แม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าคืออะไรแต่มันต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแน่นอน

จากนั้นก็มันก็เก็บพืชต้นนี้เข้าไปในแหวนมิติที่ใช้เก็บสมุนไพรวงเดียวกับเก็บแครอท หลังจากนั้นก็หันไปมองหินจิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนด้วยสายตาขัดแย้งไปมา

“กี้ กี้ !”

หลังจากคิดเป็นเวลานานมันก็เริ่มลงมือ ราวกับมันได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต มันหยิบแครอทขนาดใหญ่ออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ปิดตาลงแล้วทุบแครอทกลายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ด้วยความโหดเหี้ยม จากนั้นมันก็ล้างแครอทแล้วเก็บไว้ในแหวนมิติอย่างระมัดระวัง

“กี้ กี้ !”

เจ้ากระต่ายสั่งให้ลูกน้องทั้ง 2 ของมันขุดหินจิตวิญญาณออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเน้นไปที่หินจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น

ถึงกระนั้นมันก็ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าแหวนมิติจะอัดแน่นไปด้วยหินจิตวิญญาณ

เจ้ากระต่ายเต็มไปด้วยใบหน้าขมขื่น มันหันหลังและเดินจากไป ทุก ๆ ก้าวที่เดินจากไปมันจะหันกลับมามองทุกครั้ง

ส่วนลูกน้องทั้ง 2 ของมันถือว่าเป็นโชคร้ายของพวกมันมาก หลังจากทำงานอย่างหนักเพื่อขุดหินสุดท้ายพวกมันก็ถูกทุบตีอีกครั้งเพียงเพราะพวกมันไม่มีแหวนมิติ

ฮวงหลินเดินเข้าไปในรังราชาสัตว์อสูรที่อยู่บนหน้าผา อย่างที่เขาคิด มันถูกครอบคลุมไปด้วยค่ายกลป้องกัน

อย่างไรก็ตามค่ายกลนี้อ่อนแอกว่ารอบ ๆ คฤหาสน์หลังนั้นมาก การโจมตีทุกครั้งของเขาทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“ใครกัน ?”

ฮวงหลินหยุดและมองกลับไปข้างหลัง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเอง”

ซู่ซินยี่สวมชุดเดรสสีเหลืองอ่อน เธอเดินช้า ๆ พร้อมกับสีหน้าขัดแย้งกันไปมา

“ซินยี่ …”

ฮวงหลินรู้สึกปวดใจ ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นภรรยาของคนอื่นทั้งที่เคยสาบานว่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต …

“ศิษย์พี่ ข้า …”

ซู่ซินยี่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันฮวงหลินก็นึกถึงเด็กสาวไร้เดียงสาที่เคยติดตามเขามาตลอด

“ซินยี่ …” ใบหน้าของฮวงหลินขัดแย้งไปมา เขาเอื้อมมือออกไปช้า ๆ แล้วแตะที่หน้าผากของเธอ เขาจำได้ว่าหลายปีก่อนเขาชอบทวงท่าเดินของเธอมากที่สุด …

“ปีนี้ … เจ้าสบายดีหรือไม่ ?” ฮวงหลินถามอย่างช้า ๆ

“จี่ฉีปฎิบัติกับข้าอย่างดี ….” ซินยี่ลังเลก่อนจะพูดขึ้น

“ฮึ่ม ! ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องมาแอบพบศิษย์พี่ใหญ่อย่างลับ !”

เสียงอันเยือกเย็นดังก้องราว เสียงมันราวกับความหนาวเหน็บที่พัดมาพร้อมกับฤดูหนาวจัด มันทำให้ซู่ซินยี่และฮวงหลินใบหน้าแข็งค้าง จี่ฉีเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ การมองของเขาราวกับงูพิษที่มองเหยื่อ เมื่อเขาเห็นการกระทำที่ใกล้ชิดของทั้งคู่มันทำให้เขารู้สึกราวกับมีหมวกสีเขียวสวมอยู่บนหัวของเขา

เมื่อซู่ซินยี่พูดว่าเธอจะออกไปตรวจสอบรอบ ๆ ว่าทำไมฮวงหลินถึงไปนานนัก จี่ฉีเพียงเหลือบมองเท่านั้นก่อนจะแอบตามเธอมา ในที่สุดเขาก็พบว่าเธอทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก

ความรู้สึกของจี่ฉีซับซ้อนมาก การที่ต้องมองดูผู้หญิงที่ตัวเองชอบไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นนั้นเขาจะพูดอะไรดี ? ‘ข้าก็เจ็บเหมือนกัน แต่ข้าเลือกที่จะให้อภัยเธอ …. แต่สำหรับไอ้บัดซบนั่น ! บิดาผู้นี้จะฆ่ามัน !’

“ศิษย์พี่ข้าอธิบายได้ -“

“ออกไปให้พ้น !”

ซู่ซินยี่กำลังจะอธิบาย แต่มันคงจะดีกว่านี้ที่ไม่เธอไม่พูดอะไร ทันทีที่เธออ้าปากจะอธิบาย จี่ฉีก็จะยิ่งโกรธมากขึ้น เขาสะบัดมือจากนั้นพลังฉีของเขาก็กระแทกเธอถอยหลังไปทันที

“ชิ้ง !”

ดวงตาของจี่ฉีเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดพร้อมกับชักดาบออกมา เขาไม่พอใจศิษย์พี่ใหญ่คนนี้มานานมาก ตั้งแต่เด็ก พลังของฮวงหลินจะเหนือกว่าเขาเสมอ นอกจากนี้ท่านอจารย์เองก็ยังมองเขาด้วยความโปรดปรานอย่างมาก แม้แต่ผู้หญิงที่เขาชอบก็ยังชื่นชมเขาด้วยเช่นกัน

ด้วยความยากลำบากในที่สุดเขาก็พบโอกาส ไอ้บัดซบฮวงหลินมันตัดสินใจที่โง่เง่าด้วยการอาสามาเฝ้าสถานที่ที่น่าสังเวชแห่งนี้โดยลำพังมันทำให้เขาสามารถขโมยผู้หญิงของมันไปได้

แต่ดูจากตอนนี้แล้วเขากับมันคงอยู่อย่างสันติไม่ได้หากฮวงหลินได้กลับไปนิกาย ! ใครจะไปรู้ว่าจะมีวันไหนที่สามีจะจับได้ว่าภรรยาของเขามีชู้ !

เป็นไปได้ไหมว่าในหนึ่งพันวันจะมีขโมยเข้ามา แล้วใครจะไปป้องกันขโมยได้เป็นพัน ๆ วันกัน ?

ซู่ซินยี่ยกย่องศิษย์พี่ใหญ่จนออกนอกหน้าในอดีต ! จี่ฉีรู้สึกว่าหากเขาปล่อยให้ทั้งคู่ใช้เวลาร่วมกันนานอีกหน่อยเป็นไปได้ว่าจะมีหมวกสีเขียวสวมบนหัวของเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฆ่าฮวงหลินที่นี่และตอนนี้ !

“อย่าสู้กันนะ อย่าสู้กันเลย !”

ซู่ซินยี่ยืนหวาดกลัวอยู่ด้านข้างแม้ว่าเธอจะมีพลังขั้นราชาพันปีเช่นกัน เธอร้องไห้และตะโกนราวกับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ด้านหนึ่งคือคนที่เธอชื่นชอบอย่างมากและอีกด้านคือสามีของเธอ เธอไม่สามารถเลือกได้

“ผู้หญิงอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องจมูกไวในเรื่องผู้ชายหรอก !” จี่ฉีโมโหมาก เขาพุ่งออกไปทันที ดาบในมือของเขาเหวี่ยงอย่างไร้ความปราณีไปยังฮวงหลินพร้อมกับดาบฉีที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบ

จี่ฉีได้เปรียบฮวงหลินอย่างมากในตอนนี้ เขาสามารถกดดันอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ พลังของจี่ฉีนั้นมาถึงราชาพันปีขั้นสี่ระดับสูงสุด ในขณะที่ฮวงหลินมีพลังเพียงราชาพันปีขั้นสามเท่านั้น

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท