ในตอนนี้ แรงกดดันของหลี่ปิงก็เข้าใกล้ราชาพันปีมากขึ้น ! แม้แต่หลี่ปู้ก็ไม่มีโอกาสเอาชนะเธอได้ !
ร่างของหลี่ปิงค่อย ๆ ลอยลงมาช้า ๆ วิถีแห่งเต๋าที่ทรงพลังของเธอคอยห้อมลอมเธอจนเธอดูราวกับเป็นจักพรรดินี !
แรงกดดันของเธอค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะหายไป ครู่ต่อมาเธอก็เดินไปข้างหน้าและทักทายเป่ยเฟิง “ท่านหัวหน้าตระกูล”
“อืม การฝึกฝนวิธีแห่งเต๋ามันไม่ใช่สิ่งที่จะเร่งรีบได้ หากเจ้าเร่งรีบมากเกินไปมันจะไปทำลายรากฐานของเจ้า นอกจากนี้มันยังส่งผลกระทบอย่างมากในตอนที่เจ้าจะทำลายคอขวดไปยังราชาพันปี” เป่ยเฟิงเตือนอย่างจริงจัง
“ข้าน้อยรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว” หลี่ปิงกล่าวด้วยความเคารพสูงสุด ในเวลาเดียวกันเธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากทำไมเธอรู้สึกถึงบางอย่างที่คอยชักจูงเธอทำให้เธอปราณาที่จะไปถึงขั้นสูงสุดของร้อยปี แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับมาเป็นปกติแล้ว
เป่ยเฟิงหันไปหาหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ถึงพวกเจ้าจะต้องการพลัง แต่จงจำเอาไว้ว่าพวกเจ้าต้องควบคุมมัน ไม่ใช่ให้มันควบคุมเรา”
“ขอรับ !” ทุกคนตอบพร้อมกัน
เป่ยเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหันไปพูดกับหลี่ปิง “อืม ตอนนี้เจ้าควรละเว้นการฝึกฝนไปก่อน เจ้าควรใช้โอกาสนี้ปรับสภาพจิตใจและฝึกฝนการควบคุมพลังให้ได้สมบูรณ์เสียก่อน”
“ค่ะ !” หลี่ปิงตอบกลับ
เป่ยเฟิงเดินออกจากหุบเขา ของเหลวสีดำไร้รูปร่างปรากฏในมือของเขาจากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นดาบ !
หากสังเกตดี ๆ จะพบว่านี้มันดูไม่เหมือนดาบแต่มันดูเหมือนเซเบอร์ ! [ดาบโค้ง]
มันคือดาบ 2 ด้าน แต่ทว่าอีกด้านของมันราวกับฟันฉลาม !
อีกด้านดูหนักหน่วงเสมือนคมดาบ ด้ามจับของมันมีมังกรดำขดอยู่รอบด้ามและมีลวดลายคล้ายเกล็ดมังกรตรงด้ามจับ ด้ามจับนี้มันพอดีมือของเป่ยเฟิงอย่างมาก
“ร่างกายที่แข็งแกร่งจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝน แต่ทว่า พลังคือสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน เหมือนมดจำนวนมหาศาลที่สามารถรุมกัดช้างให้ตายได้” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ส่งเสียงเรียกฮานกุยและเจ้าตัวนิ่ม
ภายในระยะหนึ่งพันเมตร ตราบใดที่เป่ยเฟิงยังคงมีพลังจิตหลงเหลือ เขาสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตใด ๆ ก็ได้
“มออ !”
“โอ่ว !”
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มเดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจจากระยะไกล สัตว์อสูรทั้งสองไม่ได้โง่แม้แต่น้อย มันมองก็รู้ว่าเจ้ามนุษย์คนนี้ต้องมีนิสัยแปลก ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ากระต่ายนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันจะรุมจัดการเป่ยเฟิงอย่างแน่นอนหากมันมีโอกาส !
“ไม่ต้องกลัวไป ข้าไม่ทำอันตรายต่อชีวิตของพวกเจ้าหรอก ข้าแค่ต้องการขอความร่วมมือเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพวกเจ้าในการทดลองของข้าเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเจ้าก็แค่บอกว่ารู้สึกยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง แล้วข้าจะตอบแทนด้วยสมุนไพรจิตวิญญาณที่มี”
เป่ยเฟิงยิ้มเบา ๆ ราวกับลุงแปลกหน้าที่กำลังถืออมยิ้มล่อลวงเด็กน้อยหลายคน
“มออ !
“โอ่ว !”
สัตว์อสูรทั้งสองมองหน้ากัน หลังจากสนทนากันเล็กน้อยพวกมันก็เดินเข้าไปหาเป่ยเฟิงช้า ๆ
ช่วยไม่ได้ การต่อต้านนั้นไร้ประโยชน์ ตอนนี้พวกมันทำได้เพียงวางใจคนตรงหน้าเท่านั้น
ด้วยความคิด ผงพันรูปร่างก็ปรากฎในมือเป่ยเฟิง หลังจากนั้นเขาก็วางมันไว้ที่ใต้จมูกสัตว์อสูรทั้งสอง
ใบหน้าของเป่ยเฟิงตอนนี้จริงจังมาก หลังจากที่สัตว์อสูรทั้งสองสูดลมหายใจเข้าไปแล้ว พลังจิตที่ทรงพลังของเขาก็รวมตัวกัน หลังจากนั้นเขาก็พยายามมองด้านในร่างของสัตว์อสูรเหล่านี้ !
“โอ่ว !”
รูขุมขนของเจ้าตัวนิ่มลุกชุน เกล็ดสีเงินของมันตั้งขึ้นพร้อมกับแข็งทื่อ ดวงตาของมันมองเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความโกรธ
“มออ !”
ปฏิกิริยาของฮานกุยนั้นไม่รุนแรงเท่าเจ้าตัวนิ่ม แต่ร่างของมันสั่นเล็กน้อย มันมองเป่ยเฟิงด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม
เป่ยเฟิงหยุดครู่หนึ่ง ทำไมพวกมันถึงทำท่าแปลก ๆ กัน ?
“ดูเหมือนข้าจะคาดหวังเกินไป” มันน่าจะใช้ได้แค่เพียงสัตว์อสูรที่มีพลังขั้นร้อยปี สำหรับสัตว์อสูรขั้นราชาพันปีนั้นมันเป็นไปได้ยากเพราะร่างกายของมันถูกยกระดับให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ร่างของพวกมันถูกห่อหุ้มด้วยชั้นพลังงานที่ใช้ในการป้องกันพลังจิตจากภายนอก มันทำให้ยากที่จะมองผ่านเข้าไป
พลังจิตของเป่ยเฟิงสามารถสัมผัสกับชั้นกำแพงสีเงินก่อนที่จะเข้าไปในผิวของพวกมัน ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่เขาก็ไม่สามารถมองทะลุกำแพงนั้นได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแผนการของเป่ยเฟิงที่จะใช้พันรูปร่างควบคุมสัตว์อสูรขั้นราชาพันปีนั้นล้มเหลว
สมองนั้นลึกลับอย่างมาก การประมาทเพียงเล็กน้อยมันส่งผลต่อชีวิตและความตายได้ ตอนนี้เขาไม่สามารถมองทะลุกำแพงแสงได้และหากเขาต้องควบคุมเซลล์ที่ซับซ้อนในบริเวณสำคัญที่หัวของสัตว์อสูรนั้นมันจะถือว่าเป็นความฝันที่โง่มาก
“ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าไปได้” เป่ยเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นเมื่อรู้ว่าหวังมากเกินไป อย่างที่คาดคิดมันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาอาจจะต้องใช้เวลาก้าวทีละก้าว
“อ่าว !”
“มอ ?”
สัตว์อสูรทั้งสองตัวแข็งครู่หนึ่ง พวกมันเตรียมตัวที่จะถูกทรมานโดยมนุษย์ผู้ชั่วร้ายตรงหน้า สุดท้ายคือจบทั้งแบบนี้ ?
สัตว์อสูรทั้งสองรู้สึกแปลก ๆ ในใจ ทำไมมันแค่นี้ล่ะ ตั้งแต่ต้นแกรู้ไหมว่าทำให้ราชาผู้นี้ต้องกังวลมาตลอดครึ่งวันนี้ !
“ก็ได้ ๆ นี้ของพวกเจ้า”
เป่ยเฟิงมองสัตว์อสูรทั้งสองที่ยังไม่ไปไหน เขามอบสมุนไพรจิตวิญญาณที่หายากให้พวกมัน
“ได้เวลาต้องกลับแล้ว” เป่ยเฟิงพึมพำแล้วมองออกไปไกล
อีกด้าน บนดาวเทียนมู่ ตระกูลหลี่กำลังรวมตัวกัน
“ท่านพ่อ ตระกูลเจิ้งมันคิดไม่ซื่อแน่ ๆ เพียงแค่เดือนเดียวร้านอาหารกว่า 10 แห่งของตระกูลหลี่ก็ต้องปิดตัวลงแล้ว” หลี่ฉิหลินรายงานด้วยสีหน้าหนักใจ
หลี่ไป๋หยู่มองใบหน้าหลี่เหลียงด้วยท่าทางมืดมนและพูดขึ้น “พวกมันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว ! พี่ใหญ่ ไม่ว่าปลาจะตายหรืออ้วนจะขาด พวกเราต้องสู้กับพวกมันให้มากที่สุด !”
“พี่รอง คำพูดของท่านดูดี แต่พวกเราจะสู้กับตระกูลเจิ้งจริง ๆ หรือ ? พวกท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าจุดจบที่รออยู่คืออะไร !” ซู่เหม่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา
เมื่อคำพูดของซู่เหม่ยจบ ทั้งห้องก็เงียบสนิท ทุกคนรู้สึกหมดหนทาง
ตระกูลเจิ้งเสมือนเบเฮมอทในสายตาพวกเขา ท่านเจ้าเมืองก็มาจากตระกูลเจิ้ง นอกจากนี้พวกมันยังมีผู้เชี่ยวชาญนับพัน แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของร้อยปีก็ยังมีหลายสิบคน ในขณะเดียวกันท่านเจ้าเมืองนั้นยังมีพลังถึงขั้นครึ่งก้าวราชาพันปี !
ยิ่งกว่านั้น ท่านเจ้าเมืองยังมีกองทัพส่วนตัวที่แข็งแกร่งหลายพันคน แม้แต่ทหารที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีพลังขั้นสามของร้อยปี !
ส่วนตระกูลหลี่ ? พวกเขามีสมาชิกหลักเพียง 10 กว่าคนเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีนั้นมีเพียงหลี่ปู้
สำหรับนักสู้ที่จะว่าจ้าง ลืมพวกเขาไปได้เลย มันคงจะดีหากเป็นศัตรูกับผู้อื่น แต่นี้คือตระกูลเจิ้ง ! ไม่ต้องพูดถึงการขอความช่วยเหลือ การไม่ถูกเหยียบซ้ำก็ดีแค่ไหนแล้ว !
“ถึงอย่างนั้น เราจะปล่อยให้บู่ฮุยแต่งงานกับเจ้าบัดซบไร้ประโยชน์นั้นไม่ได้เด็ดขาด มันคงมีเพียงความตายที่ในฐานะภรรยาน้อยรออยู่เท่านั้น” ใบหน้าของหลี่เหลียงนั้นจริงจังและเสียงของเขาก็เด็ดขาด
“พี่ใหญ่ พวกเราทุกคนควรปล่อยบู่ฮุยไป มันไม่ดีหรือยังไงที่บู่ฮุยได้แต่งงานเข้าตระกูลเจิ้ง เราจะมีตระกูลเจิ้งคอยสนับสนุนเราในเมืองนี้ มันจะมีใครกล้าเผชิญหน้ากับเราอีก ?” ซู่เหม่ยพูดด้วยเสียงเย็นชาพร้อมกับมองหลี่เหลียงด้วยความสงสัย
“แก !”
“เพี้ยะ !”
หลี่เหลียงกำลังจะขึ้นเสียง แต่ทันใดนั้นเสียงตบก็ดังไปทั่วห้อง !
“เจ้ากล้าตบข้า ?” ซู่เหม่ยจับแก้มตัวเองด้วยความตกใจ
“การตบครั้งนี้ถือว่าเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลหลี่ของข้ามอบการตัดสินใจให้เจ้า !”
ดูเหมือนว่าหลี่ฮวงจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาจ้องมองซู่เหม่ยอย่างเย็นชา
ซู่เหม่งแทบไม่อยากจะเชื่อ นับตั้งแต่เธอแต่งเข้าตระกูลเธอไม่เคยถูกดุด่าจากหลี่ฮวงมาก่อนเลยซักครั้ง ! แต่ตอนนี้เธอถูกหลี่ฮวงตบหน้า !
“คำพูดของข้ามันผิดตรงไหน ! ตระกูลเจิ้งแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ของเรานับร้อยเท่า ! ตราบใดที่บู่ฮุยแต่งเข้าตระกูลของพวกเขาถึงแม้จะเป็นภรรยาน้อยแต่มันก็ช่วยยกระดับตระกูลหลี่ของเรา ! ถ้าเราทำให้พวกเขาขุ่นเคืองแทนเราจะต่อต้านตระกูลเจิ้งยังไง ?”
ซู่เหม่ยโกรธมาก เธอทั้งทุบและเตะหลี่ฮวง
“ถ้าเธอยังไม่เข้าใจอีก งั้นก็กลับบ้านตระกูลซู่ไปซะ แล้วไปไตร่ตรองความคิดตัวเอง”
หลี่ฮวงปล่อยให้ซู่เหม่ยทุบตีและด่าว่าเขาจนกว่าเธอจะพอใจ จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วเรียกผู้คุ้มกันให้พาซู่เหม่ยออกไป
“น้องสาม …”
ในตอนนี้ ทุกคนของตระกูลหลี่มีสีหน้าซับซ้อน หลี่เหลียงพยายามจะอ้าปากแต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะพูดอะไร
หลี่ฉิหลินและหลี่บู่ฮุยทั้งคู่มองหน้ากัน มันราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอรู้จักลุงสาม
หลี่ฮวงหัวเราะราวกับดูถูกตัวเองและพูดขึ้น “พี่ใหญ่ ข้ารู้ว่าทุกคนดูถูกข้ามาเสมอ ข้ายังรู้ด้วยว่าพวกเจ้าทั้งสองบู่ฮุยกับฉิหลินไม่ชอบหน้าข้า แต่ถึงยังไงข้าก็เป็นคนของตระกูลหลี่ เราไม่ได้เป็นตระกูลขายผู้หญิงเพียงเพื่อประโยชน์ของพวกเรา !”
ในขณะเดียวกัน ทุกคนในตอนนี้มองหลี่ฮวงเปลี่ยนไปจากเดิม ใครจะไปคิดกันว่าคนที่เอาแต่กินและเล่นในที่สุดก็เปลี่ยนไป พวกเขาทุกคนดูพอใจมาก
“มันไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้ไขปัญหา น้องรอง เจี่ยเฉินเป็นศิษย์หลักของนิกายนภาเปลวเพลิง ทำไมพวกเราไม่ลองให้เจี่ยเฉินคุยกับตระกูลเจิ้งดูล่ะ ? หากตระกูลเจิ้งไม่เต็มใจนั้นก็จะทำให้นิกายนภาเปลวเฟลิงไม่พอใจแน่นอน” หลี่เหลียงพูดในขณะมองหลี่ไป๋หยู่
“พี่ใหญ่ จริงอยู่ที่ว่านิกายนภาเปลวเพลิงนั้นทรงพลังกว่าตระกูลเจิ้ง แต่อย่าลืมว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนดาวเทียนมู่ รัฐบาลนั้นต่อต้านนิกายภายนอกมาก” หลี่ไป๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ลองดูก่อน เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วในตอนนี้”
หลี่เหลียงถอนหายใจ
ในขณะเดียวกัน หลี่บู่ฮุยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่เริ่มก็อ้าปากพูดขึ้น “ท่านพ่อ มันยังมีอีกวิธี !”
“เข้าเรียนมหาลัยเทียนมู่ ! ตราบใดที่ข้าเข้าเรียนมหาลัยเทียนมู่ได้ แม้แต่ตระกูลเจิ้งก็ไม่กล้าทำอะไรกับตระกูลหลี่ของเรา !”
หลี่บู่ฮุยมองทุกคนที่ตอนนี้มีใบหน้าขัดแย้งกันไปมา จากนั้นก็มีเสียงพูดขึ้น “มันพูดง่าย บู่ฮุย เจ้ามั่นใจแค่ไหน ?”
หลี่เหลียงยิ้มอย่างขมขื่น นั่นคือมหาลัยเทียนมู่ มันคือมหาลัยชั้นนำของดาวเทียนมู่ นักศึกษาเกือบทุกคนคืออัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าที่ไหนกัน ?
หลี่บู่ฮุยหยุดชั่วครู่และตอล “ซัก 20 %”
“20 % ?”
“บู่ฮุย เจ้ามั่นใจว่ามากถึง 20 % ?”
ทั้งตระกูลหลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะระเบิดความตื่นเต้นออกมา ถึงจะแค่ 20 % แต่นั้นก็สูงมากแล้ว !
“ใช่ พลังของข้าในตอนนี้มาถึงขั้นสี่ของร้อยปีแล้ว นอกจากนี้วิชานภาอักษรเองก็สำเร็จขั้นสูงสุดแล้ว” คำพูดของหลี่บู่ฮุยราวกับระเบิดที่ทำให้ทุกคนอยากกรีดร้อง
“ดี ! ดี ! เวลาที่จะสอบเข้าเหลือน้อยแล้ว ตระกูลหลี่ตัดสินใจที่จะมอบทรัพยากรที่มีให้เจ้า !”
หลี่เหลียงและหลี่ไป๋ยู่เลือกที่จะพนันครั้งสุดท้าย ถึงแม้ว่ามันจะเพียง 20 % แต่มันก็มากพอที่ตระกูลหลี่จะยอมเดิมพัน !
หากทำไม่สำเร็จ ตระกูลหลี่จะต้องเผชิญหน้ากับหมัดของตระกูลเจิ้ง !
เหลือเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนกว่าจะถึงเวลาสอบ ตราบใดที่พวกเขาทนไปถึงตอนนั้นและหลี่บู่ฮุยสามารถเข้ามหาลัยเทียนมู่ได้ อันตรายของตระกูลหลี่จะหายไปทันทีราวกับควันบุหรี่ !