บรรยากาศโดยรอบนั้นหนักหน่วงมาก คนของหอการค้าชิงโจวเริ่มเข้ามาดูล้อมเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ
“เจ้าพวกนี้เป็นใครกัน ? ทำไมพวกเขาถึงกล้าเป็นศัตรูกับหอการค้าชิงโจว !”
“ใครจะไปรู้ บางทีพวกเขาอาจจะมีดีบ้างก็ได้ หึหึ เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ?”
พนักงานสองคนกระซิบกันไปมาโดยคิดว่าเป่ยเฟิงและพวกของเขานั้นกล้ามากที่มาสร้างปัญหาขึ้นที่นี่ อย่าลืมว่าหอการค้าชิงโจวของพวกเขานั้นมีผู้เชี่ยวชาญขั้นราชาพันปีถึง 3 คน !
แม้แต่คนจากหอการค้าที่ทรงพลังบางแห่งก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะสร้างปัญหาที่นี่ นั่นก็เพราะพวกเขารู้ว่าหากสู้กันนั้นจะทำให้สูญเสียทั้งสองฝ่าย
“กี้ กี้ !” กู่ฉีหันไปมองเป่ยเฟิงด้วยความขุ่นเคืองราวกับพร้อมจะกัดนิ้วของเขา แกคิดว่าหัวของราชาผู้นี้มีไว้โขกหัวตามใจชอบหรือยังไง ?
“ว๊ากกก !”
“เพล้ง !”
มันทุบแครอทลงบนพื้นด้วยความโกรธ จากนั้นก็เปล่งเสียงคำรามออกมาจนทำให้แก้วระเบิดเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับการระเบิดพลังฉีของมัน
“ที่นั่นหอการค้าชิงโจวใช่ไหม ? มันเกิดอะไรขึ้นที่ชั้นบน ?”
“หืม ? เกิดอะไรขึ้น ?”
เศษแก้วจำนวนมากหล่นลงมาด้านบนทำให้คนที่อยู่ประตูมองด้วยความประหลาดใจ โชคดีที่คนเหล่านี้เป็นผู้ฝึกตน ดังนั้นจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เป็นไปได้ยังไงกัน ? ฉีแข็งแกร่งมาก สัตว์อสูรตัวนั้นอาจจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์หยุนก็ได้ !”
“โอ้พระเจ้า นั่นมันสัตว์อสูรขั้นราชาพันปี !
“ดูเหมือนเราจะเจอปัญหาเข้าแล้ว”
ทุกคนต่างสั่นสะท้านกับฉีที่แข็งแกร่งนี้ มันราวกับว่ากู่ฉีสามารถบดขยี้พวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“ลุงหยุน ฆ่าพวกมันให้หมด ! พวกมันทำให้ข้าบาดเจ็บขนาดนี้ !” หยานฮั่วตะโกนออกมาเพราะคิดว่าพานหยุนเฟ่ยจะช่วยมันได้ อย่าลืมว่าลุงของมันเป็นถึงผู้มีพลังขั้นราชาพันปี เขาเป็นหนึ่งในสามบุคคลสำคัญของหอการค้าชิงโจว เขาต้องเอาชนะกู่ฉีได้ง่าย ๆ แน่นอน
“ชิ้ง !”
เจ้ากระต่ายหยิบดาบสีแดงเลือดออกมาแล้วเคลือบด้วยฉีแห่งจิตสังหาร
“บัดซบ !” พานหยุนเฟนตกตะลึง ใครจะไปคิดกันว่ามีสัตว์อสูรขั้นราชาพันปีอยู่กับอีกฝ่าย
ในขณะเดียวกันฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ใกล้ถึงตัวเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ แล้ว
พื้นดินเริ่มพังทลายเมื่อฝ่ามือใกล้จะร่อนลงปะทะกับเป่ยเฟิง
ในขณะที่เห็นกู่ฉี พานหยุนเฟ่ยก็เห็นสัตว์อสูรอีกสองตัวอยู่กับอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่คิดว่าพวกมันจะเป็นสัตว์อสูรขั้นราชาพันปี
“ชิ้ง !” ดาบสีแดงเลือดปะทะกับฝ่ามือของพานหยุนเฟ่ยกลางอากาศ มันปะทะกันจนเกิดลำแสงสีแดงกระจายออกมา
“ฟุ้บ !”
ทั้งดาบและฝ่ามือดันกันไปมาโดยไม่ได้ขยับจากจุดปะทะมากนัก อย่างไรก็ตามสุดท้ายดาบก็พุ่งทะลุฝ่ามือแล้วพุ่งออกไปด้านบน
ดาบเฉือนเข้ากับเพดานแล้วตัดผ่านพุ่งออกไป
“ให้มันจบแค่นี้เถอะ” พานหยุนเฟ่ยพูดขึ้นพร้อมกับหยุดเคลื่อนไหว
“นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ไปกันเถอะ” เป่ยเฟิงมองเขาก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับหลี่ปู้และคนอื่น ๆ
หยานฮั่วกระโดดไปด้านหน้าเป่ยเฟิงพร้อมกับเลือดที่ออกมาจากปาก เขาตะโกนด้วยความโกรธ “ลุงหยุน เราจะปล่อยพวกมันไปจากที่นี่ไม่ได้ ! พวกมันมาหาเรื่องราวถึงที่และข้าก็บาดเจ็บเพราะพวกมัน ! พวกเราต้องฆ่าพวกมัน !”
“รับนี้ไปซะ !”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยานฮั่ว ใบหน้าของพานหยุนเฟ่ยก็เปลี่ยนไป เขารีบกระโดดไปหาหยานฮั่วทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีของเขา !
“ชิ้ง !”
“ชั้วะ !”
แม้ว่าพานหยุนเฟ่ยจะเร็ว แต่มันมีคนเร็วกว่า ! เป่ยเฟิงคว้าดาบจากคนของเขาออกมาแล้วตวัดเป็นคลื่นดาบออกไป !
แม้ว่ามันจะดูเป็นท่าพื้นฐานไม่ได้มีอะไรอันตราย แต่ทว่าความเร็วของมันไม่ใช่สิ่งที่จะดูถูกได้ !
มันเร็วมาก เพียงพริบตาเดียวก็หายไป
“อ๊ากก !” หยานฮั่วร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับมองแขนที่หายไป หยดเลือดสด ๆ ไหลลงมาจนย้อมพื้นกลายเป็นสีแดง
แขนที่ถูกตัดนั้นหายไป ใช่แล้วมันหายไป ! การเฉือนของเป่ยเฟิงทรงพลังมากจนตัดแขนและทำลายมันไปพร้อมกัน
ด้วยความสามารถของหยานฮั่นเขาสามารถติดแขนที่ถูกตัดให้เข้ากันใหม่ได้ แต่ทว่าแขนมันได้หายไปโดยสมบูรณ์ มันจึงกลายเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากทันที
ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของเขา มันยังไม่ถึงขั้นที่จะงอกแขนขึ้นมาใหม่ได้ แม้ว่าเขาจะพบยาอมตะและสามารถงอกแขนขึ้นมาใหม่ได้ แต่มันจะไม่เหมือนแขนเดิมของเขา
“มันจะมากไปแล้ว ! แกคิดจะประกาศสงครามกับหอการค้าชิงโจวของข้างั้นรึ !” พานหยุนเฟ่ยถามด้วยความโกรธพร้อมกับขวางทางเดินของเป่ยเฟิง หยานฮั่วทำพลาดจริง ๆ แต่ด้วยสถานะของเขาที่ว่าเขาคือลูกชายของหยานไป๋ มันกลายเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ทันที
หยานไป๋นั้นให้กำเนิดนลูกชายในตอนที่เขาแก่แล้ว เขาจึงเอ็นดูลูกชายของเขามาก และตอนนี้ลูกชายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้การดูแลของเขา แล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“พวกเราไม่ใช่เด็กแล้ว ดังนั้นการจะทำอะไรก็ต้องเตรียมรับผลที่ตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด ข้าแน่ใจว่าเจ้าคงไม่ต้องการให้ข้าบอกเหตุผลของเรื่องนี้ให้เจ้ารู้หรอก”
เป่ยเฟิงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เขาดูสงบมาก
“ส่วนเจ้า ถ้ายังบ่นไปเรื่อย ๆ มันจะไม่จบแค่แขนเท่านั้น แต่ข้าจะสอนบทเรียนให้กับหอการค้าชิงโจงไปในตัว ครั้งต่อไปข้าจะไม่เมตตาใด ๆ ทั้งนั้น” เป่ยเฟิงพูดช้า ๆ โดยจ้องมองหยานฮั่ว
ตอนแรกหยานฮั่วมองเป่ยเฟิงด้วยความเกลียดชัง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเป่ยเฟิงมองมา เขากับรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งกระดูก เขาทำได้เพียงสบถในใจเท่านั้น
“มันจะฆ่าข้า ! มันกล้าฆ่าข้าจริง ๆ !” หยานฮั่วสบถในใจด้วยความโกรธ
เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเป่ยเฟิงจะกล้ามองข้ามความจริงที่ว่าเขาคือลูกชายของหยานไป๋ !
ด้วยความคิดเหล่านี้ที่เข้ามาในใจ หยานฮั่วเริ่มรู้สึกกลัวการใช้ชีวิตมากขึ้น !
คงมีเพียงพานหยุนเฟ่ยเท่านั้นที่รู้ว่าหยานฮั่วอาจจะตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่านี้หากเขายังกล้ายั่วยุคนพวกนี้ต่อ
“แกเคยคิดบ้างหรือเปล่า ? ถึงข้าจะไม่รู้ว่าจะข้าจะรอดจนถึงตอนจบหรือเปล่าแต่ข้าแน่ใจว่าทุกคนในที่แห่งนี้จะต้องตายแน่นอน”
“แก !” คำพูดเหล่านี้ทำให้พานหยุนเฟ่ยโกรธมาก แต่เขารู้ว่าหากเกิดการต่อสู้จริง ๆ หอการค้าชิงโจวมีแต่เสียเปรียบ “ออกไปซะ !”
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เดินผ่านพานหยุนเฟ่ยออกไปนอกประตู
“ฟู่ว !”
หลังจากเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เดินจากไปแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากเกิดการต่อสู้จริง ๆ พวกเขาจะเป็นคนพวกแรกที่ต้องตายแน่นอน
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สาบานว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น ชีวิตของพวกเขามีค่ามากกว่าความอยากรู้อยากเห็น
“ฮึ่ม ! ไปจับตามองพวกมันไว้ !” พานหยุนเฟ่ยหันไปสั่งคนของเขา ผู้คนกำลังมองหอการค้าชิงโจวอยู่ด้านนอก เขาจะปล่อยให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ ได้ยังไงกัน ? คนอื่น ๆ จะคิดว่าหอการค้าชิงโจวเป็นพวกอ่อนแอ
“แต่ท่าน …” คนของเขาที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้จับตามองเป่ยเฟิงและกลุ่มของเขารู้สึกหวาดกลัว การไปคนเดียวนั้นหมายถึงการแส่หาความตาย
“อะไร ?” ใบหน้าของพานหยุนเฟ่ยมืดมน จากนั้นเขาก็ระเบิดพลังฉีจนทำให้คนของเขาบินออกไปราวกับถูกชนด้วยรถบรรทุกแล้วไปกองอยู่บนพื้น
พานหยุนเฟ่ยจ้องมองพวกเขาและถามขึ้นด้วยความตกใจ “เจ้าเห็นอะไรหรือไม่ ?”
คนของเขาลุกขึ้นมาพร้อมกับตอบ “ไม่ขอรับ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น !”
หลังจากแยกย้ายกันไป พานหยุนเฟ่ยก็เหยียดมือที่มีเลือดออกมา ซึ้งมันถูกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของเขา
‘อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ! ดูเหมือนต้องพาหยานฮั่วไปที่ปลอดภัยก่อน’
ก่อนหน้านี้พานหยุนเฟ่ยไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยเป่ยเฟิงไปเพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป สัตว์อสูรตัวนั้นมันแข็งแกร่งมาก
หากเขาเลือกที่จะสู้ ทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักทั้งคู่และพานหยุนเฟ่ยไม่ใช่คนที่กล้าแบกรับความเสี่ยงนั้น
ในทางกลับกัน ใบหน้าของหลู่จี้ซีดขาวด้วยความกลัว ในฐานะหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดการขัดแย้งครั้งนี้ เขารู้ดีว่าหยานฮั่วจะลงความโกรธที่เขาแน่นอน
ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของอีกฝ่าย ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นต้องตายแน่ ๆ แต่ใครจะไปคิดกันว่าเรื่องมันจะพลิกผันขนาดนี้
เมื่อมองดูเป่ยเฟิงและคนของเขาค่อย ๆ เดินจากไป หลู่จี้อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็เงียบลง
เป่ยเฟิงเข้าใจความต้องการของหลู่จี้ แต่เขาไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรทั้งนั้น สำหรับเขา หลู่จี้เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านมาในชีวิตเท่านั้น
เขาเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายและให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากพลาดก็ถือว่าพลาดไปตลอดกาล
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ก้าวออกมาจากหอการค้าชิงโจวภายใต้สายตาที่จับจ้องของพนักงานทุกคน ในเวลาเดียวกันมีคนจำนวนมากชุมนุมกันอยู่ที่ด้านนอก เมื่อเห็นพวกเขาเดินออกมา ทุกคนก็มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและความกลัว *
แม้ว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน แต่เป่ยเฟิงก็ประกาศโดยไม่สนใจใด ๆ “ข้ามีทรัพยากรและสมบัติจำนวนมากที่ต้องการจะขาย หากใครสนใจสามารถมาคุยกับข้าได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบและจ้องมองเป่ยเฟิงด้วยความตกใจ
คนเหล่านี้ตระหนักได้ถึงสิ่งที่เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ได้ทำไว้ในตึกทันที
การออกมาโดยไม่เป็นอันตรายนั้นหมายถึงเรื่องใหญ่ที่แท้จริง !
*
LN:ที่เห็นว่ามองด้วยความเคารพและกลัวนั้นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในตึก