“ไล่ตามพวกมันไป อย่าปล่อยให้พวกมันหนีเข้าไปในภูเขาร้อยทำลายได้ หาพวกมันทุกซอกทุกมุมไม่เว้นแม้แต่ในพุ่มไม้” หลู่ซีมู่สั่ง
จากนั้นกลุ่มผู้ฝึกตนก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพุ่งไปยังนอกเมืองทิศของเป่ยเฟิง
นอกเมือง เป่ยเฟิงและคนของเขาหยุดเดินเนื่องจากมีคนขวางเส้นทางของพวกเขา
“เจ้าเป็นใคร ?” หลี่ปู้ก้าวไปข้างหน้าและถามกับชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าพวกเขา
ชายคนนี้เต็มไปด้วยมัดกล้ามขนาดใหญ่ เขามีความสูงมากกว่าหนึ่งจั้ง มันจึงไม่ยากที่จะมองเห็นเขา
ยามประตูเมืองหันมามองดูและกลับไปทำธุระของพวกเขาต่อ
ตราบใดที่คนพวกนี้ไม่ได้ต่อสู้กัน เขาก็จะไม่รบกวนอีกฝ่าย
“ข้าคือซีซุยซาน !” ชายร่ายสูงตะโกน
“แล้วเจ้าขวางทางพวกเราทำไม ?” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว ติดสินจากรูปร่างหน้าตาแล้วอีกฝ่ายน่าจะเป็นผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นสี่ !
กู่ฉีไม่ได้ส่งเสียงร้องใด ๆ แต่มันกลับจ้องมองซีซุยซานด้วยความจริงจัง
“ข้ามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลง จงขายหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันก่อนให้กับข้าซะ !” ซีซุยซานกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่มลึก แม้ว่าคำพูดเขาจะไม่ได้ดูเย่อหยิ่ง แต่มันก็ทำให้คนฟังรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
“แล้วถ้าข้าไม่ขายให้ล่ะ ?” เป่ยเฟิงพูดโดยไม่คิดอะไรมาก
ซีซุยซานเกาหัวและพูดต่อ “งั้นก็ลืมมันไปซะ ข้าจะรอจนกว่าพวกเจ้าจะตายแล้วค่อยไปแย่งชิงกับคนอื่นเอาก็ได้”
“งั้นขาย !” เป่ยเฟิงจ้องมองซีซุยซายพร้อมกับรอยยิ้มแปลก ๆ บนหน้าของเขา
“เอ๊ะ ?” เมื่อเห็นเป่ยเฟิงยอมขาย มันทำให้ซีซุยซานรู้สึกสับสน ทำไมอยู่ดี ๆ พวกเขาถึงจะขายให้เขากัน
หรือว่าเพราะเขาติดตามเป่ยเฟิงมานานจึงทำให้เขาตัดสินใจขายให้
“ท่านหัวหน้าตระกูล …” หลี่ปู้ต้องการพูดบางอย่างแต่ก็ไม่มีความกล้าพอ
“ไม่ต้องห่วง ชายคนนี้เลือกที่จะค้าขายกับพวกเราแทนที่จะขโมยไปจากพวกเรา มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวเขาน่าเชื่อถือได้” เป่ยเฟิงบอกกับหลี่ปู้ นอกจากนี้ซีซุยซานยังบอกอีกด้วยว่าเขาสามารถรอให้เป่ยเฟิงตายแล้วปล้นจากคนอื่นได้
เป่ยเฟิงคิดทบทวนไปมาเมื่อตอนได้ยินข้อเสนอของอีกฝ่าย ซึ้งเขาไม่มีทางเลือกนอกจากยินยอมขายให้เขา มันจะเป็นการเสียเปรียบหากอีกฝ่ายร่วมกับอีกฝ่ายเพื่อสู้กับพวกเขา
… แน่นอนว่าการที่จะทำเช่นนั้นได้ อีกฝ่ายจะต้องเสียหินวิญญาณไปไม่น้อยกว่า 50,000 ก้อนเพื่อจ้างซีซุยซาน
ซีซุยซานนั้นเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งพอตัวจนแม้แต่กู่ฉีก็ไม่อาจเอาชนะได้ง่าย ๆ เป่ยเฟิงย่อมไม่ต้องการให้มีศัตรูซุ่มอยู่ในความมืดเพื่อรอจัดการเขา
เหนือประตู มีเด็กหนุ่มยืนอยู่ เขาจ้องมองลงมาที่พวกของเป่ยเฟิงอยู่ในความมืด
“นายน้อย เจ้าพวกผู้ฝึกตนทั้งหลายนี้ ทุกวันพวกมันเริ่มมีความกล้ามากขึ้น พวกเราควรสอนบทเรียนให้กับพวกมันหรือไม่ ?” ชายสวมชุดเกราะที่น่าเกรงขามพูดกับเด็กหนุ่มด้วยท่าทางเคารพ
“ไม่ต้องสนใจ พวกมันเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น ตราบใดที่พวกมันไม่สร้างปัญหาภายในเมืองก็ปล่อยไป แต่ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจจริง ๆ จับตาดูเขาเอาไว้ หากเขายังมีชีวิตรอดกลับมาได้ให้พาเขามาพบข้า”
เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมสีเงินยื้มในขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องเป่ยเฟิง
“ขอรับ !” นายพลที่สวมชุดเกราะพยักหน้าราวกับเข้าใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการ แต่เขารู้สึกสับสนเล็กน้อยทำไมนายน้อยถึงสนใจผู้ฝึกตนที่มีพลังเพียงร้อยปีแทนที่จะฆ่าเขาซะ
“อะไรกัน ?” เป่ยเฟิงหันกลับมามองประตูเมืองด้านหลังเพราะรู้สึกถึงบางอย่าง
“โอ้ ? เขาเจอข้า ? น่าสนใจ” รอยยิ้มของเด็กหนุ่มกว้างมากขึ้น
หลี่ปู้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเป่ยเฟิงจึงพูดด้วยความกังวล “ท่านหัวหน้าตระกูล เกิดอะไรขึ้น ?”
“ไม่มีอะไร”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงดูปกติ แต่ลึกในใจแล้วเขารู้สึกแปลก ๆ มันราวกับมีบางอย่างกำลังจ้องมองเขาอยู่ในเงามืด แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองมันกลับหายไปราวกับสายลม
ซีซุยซานก็หันมามองเขาและเกาหัวก่อนจะพึมพำ “ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นคนดี”
สิบลี้ไกลจากประตูเมือง เป่ยเฟิงและคนของเขาหยุดที่นี่ “น่าจะตรงนี้ หลี่ปู้ไปเตรียมพร้อมซะ” เป่ยเฟิงพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับสำรวจรอบ ๆ
“ขอรับ !” หลี่ปู้พยักหน้าและหายตัวไป หลังจากนั้นก็ปรากฎตัวอีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่กี่นาที
“น่าสนใจ จากสิ่งที่แกทำกับหอการค้าชิงโจวของข้า แกยังมีความกล้าพอที่จะรอข้าอยู่ที่นี่” เสียงดังออกมาจากระยะไกลตามมาด้วยคนสิบกว่าคนที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าที่ค่อย ๆ ลอยลงมา
“โอนเงินของแกมาทั้งหมดแล้วจบชีวิตตัวเองลงซะ !” หยานไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงน่ากลัวพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า
“มาสู้กันดีกว่า” เป่ยเฟิงไม่ตีพุ่มไม้ เขากล่าวออกไปโดยตรง
“แกนี้มันช่างกล้าหาญเสียจริง ! น่าเสียดายที่ข้าอยากให้แกโอนเงินก่อนแล้วค่อยจัดการ ข้าได้แต่หวังว่าแกจะมีชีวิตจนถึงตอนจบ” พานหยุนเฟ่ยพูดพร้อมกับยิ้มให้กับเป่ยเฟิงราวกับเขาเป็นเพียงมดที่อ่อนแอ
“สู้ !”
หลี่ปู้ก้าวไปข้างหน้าจากนั้นเขาก็ระเบิดพลังออกมา ต่อให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาก็ไม่กลัว !
“สู้ ! สู้ ! สู้ !”
หลี่ปิงและคนอื่น ๆ ก็ระเบิดพลังออกมาด้วยเช่นกัน
“โฮก !”
“มออ !”
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มเองก็คำรามและเผยร่างที่แท้จริงออกมา ในไม่ช้ามันก็ขยายตัวจนใหญ่กว่าสิบจั้ง มันปลดปล่อยพลังฉีของราชาพันปีออกมากระจายออกไปทุกทิศทาง
“ดูเหมือนหอการค้าชิงโจวจะงานเข้าซะแล้ว ฮ่าฮ่า สัตว์อสูรระดับราชาพันปีถึง 3 ตัว ! ไม่ว่าใครจะชนะในตอนจบ สุดท้ายหอการค้าชิงโจวก็ต้องเสียหายอยู่ดี บางทีแม้แต่หลู่ซีมู่กับอีกสองคนอาจจะจบชีวิตที่นี่เลยก็ได้”
“การต่อสู้นี้น่าสนใจมาก”
ผู้ฝึกตนหลายคนยืนอยู่ห่าง ๆ และเฝ้าดูพวกเขา
“หึ นี่คือทั้งหมดที่แกมีงั้นรึ ? น้องหยาน เจ้าจัดกับเจ้าพวกอ่อนแอพวกนั้นแล้วกัน น้องหยุน เจ้ากับข้ามาร่วมมือกันจัดการเจ้าพวกสัตว์หน้าขนนี้” หลู่ซีมู่กล่าวกับทั้งสองคนจากนั้นก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่สัตว์อสูร
“พวกเจ้า คอยป้องกันรอบ ๆ อย่าให้คนอื่นเข้ามายุ่งได้ !” หยานไป๋สั่งกับคนของเขาที่อยู่ด้านหลัง
“ขอรับ !”
ชายสามในสิบคนแยกย้ายกระจายไปประจำตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้แกตายง่าย ๆ แน่นอน”
ด้วยความโกรธ หยานไป๋ลงความโกรธทั้งหมดไปที่เป่ยเฟิง ทุกคนยกเว้นหลี่ปู้และหลี่ปิง คนอื่น ๆ กำลังรับมือกับแรงกดดันอากาศที่หยานไป๋ส่งมา
“พวกเจ้าออกห่างจากตรงนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะช่วยได้ ไปจัดการกับคนของมันแทน หลี่ปิงกับหลี่ปู้ พวกเจ้าร่วมสู้กับข้า !” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหยานไป๋ที่กำลังพุ่งเข้ามา เป่ยเฟิงจึงสั่งคนของเขาทันที
“ขอรับ !”
คนอื่น ๆ รีบถอยหลังไปทันทีเพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นภาระมากกว่าช่วยเป่ยเฟิงในสถานการณ์ปัจจุบัน
ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะทำอะไรไม่ได้ แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น พวกเขาจะต้องแกร่งจนไม่จำเป็นต้องหนีและสามารถปกป้องท่านหัวหน้าตระกูลของพวกเขาได้ !
“ปัง !’
“ชิ้ง !”
ห่างออกไปไม่ไกล หลู่ซีมู่และพานหยุนเฟ่ยเริ่มสู้กับกู่ฉีและสัตว์อสูรอีกสองตัว
ซึ้งมันส่งผลให้พื้นที่รอบ ๆ เต็มไปด้วยรอยแตกของพื้นและหินจำนวนมาก ลำแสงการโจมตีพุ่งออกไปทุกทิศทางและบางครั้งก็ฆ่าผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีบางคนที่อยู่รอบ ๆ !
“ช่วยไม่ได้ ! ข้าจะดูแลแกเอง จากนั้นข้าจะให้พวกของแกได้เป็นสักขีพยานในการตายของคนที่พวกมันติดตาม !” หยานไป๋หัวเราะ เขาต้องการให้เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัวและหมดหวัง !
“ฆ่า !”
เป่ยเฟิงดึงดาบสีดำออกมาและเปิดฉากต่อสู้ !
“สู้ !”
หลี่ปู้ยิ้มราวกับคนบ้า จากนั้นก็พุ่งเข้าหาหยานไป๋พร้อมกับง้าวสวรรค์ !
“เปลี่ยนแปลง !”
หลี่ปิงดึงเข็มขัดออกมาพร้อมกับใส่วิถีแห่งเต๋าของเธอลงไป จากนั้นฉีที่แข็งแกร่งก็ปรากฎบนดาบยาวสีฟ้าของเธอ !
“แสวงหาความตาย !”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีทั้งสามที่มีพลังใกล้เคียงกับราชาพันปี ใบหน้าของหยานไป๋ยังคงนิ่งเฉย !
มันยากที่จะเห็นผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีร่วมแรงกันโจมตีผู้มีพลังระดับราชาพันปี !
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเพียงพวกอ่อนแอสามคน มันทำให้หยานไป๋รู้สึกโกรธมากที่ถูกต้อนรับด้วยของขวัญชิ้นนี้ !
“ตู้ม !”
การโจมตีทั้งสามปะทะกับฝ่ามือของหยานไป๋ !
การปะทะนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องผละออกจากกัน ซึ้งผลออกมาคือเป่ยเฟิงพ่ายแพ้ในการปะทะครั้งนี้ !
ถึงอย่างนั้นมันก็น่าประทับใจมาก ! มันไม่เคยมีผู้ฝึกตนระดับร้อยปีคนใดที่สามารถโจมตีผู้ฝึกตนระดับราชาพันปีแล้วเกิดผลลัพธ์แบบนี้มาก่อน !
ซึ้งอย่าลืมว่าหยานไป๋ไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับราชาพันปีธรรมดา ๆ เขาเป็นถึงราชาพันปีขั้นสาม นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย เขาถือได้ว่าเป็นราชาของผู้ฝึกตนระดับราชาพันปีขั้นต้นเลยก็ว่าได้
“มีเพียงคนที่รอดชีวิตเท่านั้นที่จะถูกเรียกว่าผู้ให้ ส่วนคนที่ตายไปจะถูกเรียกว่าไร้ค่า !” หยานไป๋กล่าวด้วยความไร้ปราณี