ในโรงเรียนซานชวน มันราวกับมีแรงกดดันมหาศาลหนักหน่วงอยู่ในอากาศ ใช่แล้ว มันคือแรงกดดันที่รู้สึกได้จากการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จะเป็นตัวตัดสินอนาคตของพวกเขา
โรงเรียนซานชวนมีพื้นที่กว้างกว่าหมื่นมู่ นอกจากตัวโรงเรียนแล้วมันยังมีโรงแรมและร้านอาหารราวกับที่นี่คือเมืองเล็ก ๆ
ข้างในหนึ่งตึก อาจารย์เกือบทุกคนในโรงเรียนซานชวนได้มารวมตัวกัน พวกเขากำลังประชุมกันอย่างตั้งใจ
ชายชราที่มีหนวดยาวสีขาวนั่งอยู่ที่นั่งหลักและดูเคร่งครึมมาก
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว อาจารย์ทุกคนต้องให้ความสำคัญกับการสอบครั้งนี้ของนักเรียนทุกคน !”
แม้ว่าชายชราคนนี้จะดูแก่ แต่เขากลับเต็มไปด้วยพลังมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ในร่างของเขา ด้วยการมองเพียงครั้งเดียวก็สามารถบอกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ที่มีพลังระดับราชาพันปีที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง !
ชายชราจริงจังเรื่องนี้มาก เพราะไม่มีใครสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้เลยหลังจากผ่านมาร้อยปี
ถึงแม้รัฐบาลจะจัดสรรทรัพยากรจำนวนมากมาให้โรงเรียนซานชวน แต่ทว่าตอนนี้มันถึงขีดจำกัดแล้ว
เนื่องจากไม่มีนักเรียนของโรงเรียนซานชวนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา มันจึงทำให้ทรัพยากรที่พวกเขาได้มานั้นกลับมาอยู่ในช่วงมาตรฐานดั้งเดิม
แต่หากมีนักเรียนของโรงเรียนซานชวนคนหนึ่งสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ โรงเรียนก็จะได้รับทรัพยากรมากกว่าปกติถึงสามเท่า !
“อาจารย์ใหญ่ เราได้คัดเลือกนักเรียนดีเด่นมาสิบคน พวกเรารู้สึกว่ามีเพียงสิบคนนี้เท่านั้นที่มีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้” หัวหน้าภาควิชากล่าวขึ้น
“ฮึ่ม ! ไม่มีนักเรียนที่โดดเด่นจนพวกเจ้าคิดว่าสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้เลยหรือยังไง ?” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ตอนนี้ทรัพยากรของเรามีจำกัด ดังนั้นทำไมไม่ดูแลนักเรียนเพียงแค่ 2-3 คนก็พอล่ะ อย่างน้อยมันก็เพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ และหากพวกเขาทำได้ พวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้น !”
หัวหน้าภาควิชาเงียบไปเมื่ออาจารย์ใหญ่ว่ามาเช่นนั้น
“คำพูดของท่านข้าเห็นด้วย ทำไมเราไม่เลี้ยงนกตัวเดียวให้ดีที่สุดจากนั้นก็ปล่อยนกตัวที่เหลือไปหากินในป่า มันน่าจะดีไม่น้อยหากเราให้ความสำคัญกับนักเรียนไม่กี่คน แต่ทว่าหากเราทำแบบนั้นมันจะมีปัญหาตรงคัดเลือกคนที่พวกเราจะดูแลนี้สิ” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยท่าทางลังเล
“ข้าคิดว่าเฉินไซซวนไม่เลวนะ เธอสามารถทำลายคอขวดไปยังระดับสี่ของร้อยปีได้ตั้งแต่อายุยังน้อยเพียงเท่านี้ หากเรามอบทรัพยากรให้เธอมากขึ้น เธอจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้แน่ ๆ !”
“ข้าคิดว่าเฟิงหยางดีกว่า เขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่มตนและมีความอดทนสูงมาก ที่สำคัญคือบรรพบุรุษของเขาคือผู้มีพลังระดับราชาหมื่นปีที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง หากเราให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นไม่แน่เขาอาจจะปลุกพลังทางสายเลือดขึ้นมาก็ได้”
ทุกคนรีบแนะนำนักเรียนของตัวเองทันที
ทุกที่ที่มีผู้คนย่อมมีการแข่งขันเสมอ เนื่องจากโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย ดังนั้นอาจารย์ทุกคนจึงพยายามที่จะส่งเสริมนักเรียนของตัวเอง เพราะพวกเขารู้ดีว่าหากนักเรียนของพวกเขาทำได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลจำนวนมาก
ชายชราเงียบไปราวกับกำลังจมอยู่ในความคิดตัวเอง
“ข้าคิดว่าหลี่บู่ฮุย เธอมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้เธออายุน้อยมากและเธอยังมีพลังระดับสามของร้อยปีขั้นสูงสุดอีกด้วย” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปล่งเสียงออกมา
ความเงียบเกิดขึ้นทันทีเมื่อเธอพูดขึ้น
“มิสถัง คุณล้อเล่นใช่ไหม ? หลี่บู่ฮุยนั้นมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นจนตัดสิบอันดับก็จริง แต่เธอไม่ดีพอที่จะให้เราทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดของเราให้เธอ”
“ใช่แล้ว คนอื่น ๆ มีพลังถึงขั้นสี่ของร้อยปีกันหมดไม่ว่าจะเป็น เฉินซุยตงหรือไป๋หยู่ฮาน ทำไมพวกเราต้องทุ่มเททรัพยากรให้คนที่มีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปีระดับสูงสุดด้วย ?”
การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไป ทุกคนพยายามต่อสู้เพื่อนักเรียนของตัวเองเพราะท้ายที่สุดที่ว่างมันมีเพียง 3 ชื่อเท่านั้น
“มิสถัง มันมีอะไรให้เธอคิดแบบนั้น ปกติแล้วถ้าคนที่ไม่มีความสามารถจริง ๆ เธอจะไม่มีวันพูดชื่อออกมา อะไรที่เธอคิดว่าหลี่บู่ฮุยสมควรได้รับมันกัน” ชายชรากล่าวขึ้น เนื่องจากทรัพยากรไม่ได้มีมากมายนักดังนั้นพวกเขาจึงควรเน้นไปที่คนที่เหมาะสมมากที่สุด เพื่อให้พวกเขามีโอกาสมากที่สุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ให้ได้
“ถึงแม้ว่าบู่ฮุยจะมีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปีระดับสูงสุดเท่านั้น แต่ทว่ารากฐานของเธอนั้นแข็งแกร่งมาก มันแข็งแกร่งเสียจนผู้มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีบางคนก็ไม่อาจสู้กับเธอได้ทั้ง ๆ ที่เธอแทบจะไม่ได้รับทรัพยากรจากตระกูลของเธอเลย ลองจินตนาการดูสิค่ะว่าเธอจะพัฒนาได้เร็วขนาดไหนหากเธอมีทรัพยากรเพียงพอ !” ถังหลี่แย้งขึ้นแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับความไม่พอใจจำนวนมาก
มันเป็นความรู้ทั่วไป ร่างกายของคนเราจะมีพลังต่อต้านทุกครั้งที่ใช้สมุนไพรจิตวิญญาณไป ดังนั้นยิ่งใช้มันก็ยิ่งได้รับผลของสมุนไพรจิตวิญญาณน้อยลง ตรงกันข้ามกับหลี่บู่ฮุยที่ไม่เคยได้รับทรัพยาหายากมาก่อนเลยซักครั้ง ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่หลี่บู่ฮุยจะพัฒนาอย่างมากหากเธอได้ทรัพยากรล้ำค่า !
นั่นคือเหตุผลที่ถั่งหลี่มั่นใจมาก มันจะเกิดอะไรขึ้นหากหลี่บู่ฮุยทำลายคอขวดไปยังขั้นสี่ของร้อยปีได้ ตอนนี้เธอมีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปีระดับสูงสุดแต่ก็ยังเอาชนะขั้นสี่ของร้อยปีได้แล้ว มันจะเป็นยังไงกันหากเธอมีพลังขั้นสี่ของร้อยปี ? แน่นอนว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก !
‘ดูเหมือนเธอจะเป็นตัวเลือกที่ดี’
ชายชราไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ดูเหมือนเขาได้ตัดสินใจในใจไปแล้ว
‘บัดซบ ดูเหมือนสถานการณ์ในตอนนี้จะช่วยอะไรข้าไม่ได้อีกแล้ว ข้าคงนั่งดูเฉย ๆ ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว’
ชายชราอีกคนมองอาจารย์ใหญ่และถอนหายใจ ทันใดนั้นก็มีความคิดถึงปรากฎในใจและเขาก็พูดออกไปทันที “ท่าน มันเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ผู้หญิงที่มิสถังแนะนำมาจะยอดเยี่ยม แต่เธอยังเทียบกับเฉินซุยตงและไป๋หยู่ฮานไม่ได้ อย่าลืมว่าเธอยังมีปัญหากับตระกูลเจิ้งอยู่”
“อะไรนะ ? ท่านที่ปรึกษา ท่านหมายความว่ายังไง !”
ใบหน้าของถังหลี่มืดลงด้วยความน่ากลัว
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก อย่าลืมว่าโรงเรียนซานชวนตั้งอยู่ในเมืองซานชวน พวกเราไม่สมควรสร้างศัตรูกับตระกูลเจิ้งเพียงเพราะนักเรียนคนเดียว”
“ถึงแม้ว่าเราจะไม่กลัวตระกูลเจิ้ง แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสู้กับพวกเขา เพราะการสู้กับพวกเขามีแต่จะทำให้เราเดือดร้อนเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะไม่เอาทรัพยากรของเราไปให้เธอ นอกจากนี้มันยังเหลือเวลาอีกไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นก่อนการสอบจะเริ่มขึ้น เธอไม่มีทางพัฒนาไปได้มากกว่านี้แน่นอน”
“หากพวกเราเอาทรัพยากรที่มีในตอนนี้มอบให้เฟิงหยางและทำให้เขาบรรลุระดับสี่ของร้อยปีขั้นสูงสุดได้ บางทีเขาอาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่สำเร็จก็ได้” ที่ปรึกษายังคงอธิบายอย่างช้า ๆ
ในตอนแรกอาจารย์ทุกคนสงสัยว่าพูดเรื่องหลี่บู่ฮุยกับตระกูลเจิ้งทำไม แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจและเห็นด้วย
“ข้าเห็นด้วย มันเป็นความจริงที่หลี่บู่ฮุยไม่เหมาะที่เราต้องมอบทรัพยากรให้เธอ ข้าคิดว่าคนที่เหมาะสมที่สุดที่เราจะมอบทรัพยากรให้คือเฟิงหยาง เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุด” อาจารย์อีกท่านสนับสนุนทันที
“ใช่แล้ว … นอกจากนี้เฟิงหยางยังดูเหมือนมีพรสวรรค์มากกว่าหลี่บู่ฮุยเสียอีก”
การสนับสนุนเฟิงหยางเริ่มเด่นชัดมากขึ้นพร้อมกับถังหลี่ที่เต็มไปด้วยความผิดหวังซึ้งแตกต่างกับที่ปรึกษาที่เต็มไปด้วยความยินดี