เมื่อพวกเป่ยเฟิงเข้าไปในที่พักแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติยกเว้นแต่พวกจมูกยาวทั้งหลายที่ดูผิดหวัง
แต่คนที่ฉลาดย่อมรู้สึกถึงพายุที่กำลังมาเยือนเนื่องจากพวกเขาเห็นคนของหอการค้าชิงโจวอยู่รอบ ๆ
“ท่านหัวหน้าตระกูล มีบางคนกำลังสอดแนมเรา” หลี่ปู้รายงานให้เป่ยเฟิงฟัง
“อย่าไปสนใจ ถ้ามันกล้าปรากฎตัวต่อหน้าพวกเราก็แค่ฆ่าทิ้งซะ”
เป่ยเฟิงนั่งอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม เขาพูดให้หลี่ปู้สบาย ๆ แต่แววตาของเขาดุร้ายมาก
“ไม่ได้มีเพียงหอการค้าชิงโจวเท่านั้น มันยังมีผู้ฝึกตนหลายคนที่กำลังสอดแนมเราเช่นกัน ดูเหมือนการค้าที่เรากับหอการค้าตงหลินจะถูกเปิดเผยออกมาแล้ว”
หลี่ปู้กังวลว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้จะดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้าไปจนยากจะจัดการได้
“หอการค้าตงหลิน …” เป่ยเฟิงพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะรุกรานหอการค้าตงหลิน
“ข้าเข้าใจแล้ว ไปบอกคนอื่น ๆ ให้ระวังตัวไว้” เป่ยเฟิงบอกก่อนจะกลับไปนอน
ย้อนกลับมาที่หอการค้าตงหลิน เหลียนเป่ยกำลังมองดูลูกน้องของเขาที่สร้างปัญหา
“นักประเมิน เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมการค้าของเราถึงรั่วไหลออกไปได้ ?”
ตรงหน้าเหลียนเป่ยคือเหล่าพนักงานและชายวัยกลางคน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่
เมื่อได้ยินเสียงที่จริงจังของเหลียนเป่ย ใบหน้าของจางกานมืดลงและเขาก็คุกเข่าบนพื้นทันที “ผู้จัดการ มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้แด่เพียงผู้เดียว ข้าสมควรตาย”
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าสมควรตายงั้นก็ตายไปซะ” เหลียนเป่ยสะบัดแขน จากนั้นแสงไฟสีขาวก็กระพริบวูบวาบ
แม้แต่พนักงานของเขาก็ไม่กล้าส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ดูเหมือนมีบางคนจะลืมกฎของเราไป ข้าคิดว่ามันคือสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องจำได้ เอาล่ะ นำหัวของเจ้านี้ไปมอบให้กับลูกค้าของเราซะ”
เมื่อเห็นเหลียนเป่ยจริงจังขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าคัดค้านใด ๆ ทั้งนั้น หัวหน้าของพวกเขาคือผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้น 6 ซึ้งไม่แปลกที่ลูกน้องอย่างพวกเขาจะกลัวเขามาก !
“หยานไป๋กับคนอื่น ๆ จะมาตอนไหน ?” ภายในหอการค้าชิงโจว มีกลุ่มคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ ซึ้งหนึ่งในนั้นคือพานหยุนเฟ่ยและที่ปรึกษาสูงวัยของเขา
“นายท่าน ท่านหยานไป๋และคนอื่น ๆ จะมาถึงในอีก 2 วัน” ชายชราตอบด้วยความเคารพจากนั้นก็กล่าวเสริม “ถึงจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือที่หอการค้าของเราและพนักงานปิดบังเอาไว้ แต่ดูเหมือนลูกค้าของเราจะลดลงไปถึง 10%”
“ไม่ต้องกังวลไป ถึงแม้ลูกค้าเราจะหายไปแต่เราสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสั่งสอนอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เราต้องให้คนอื่นรู้ว่าเราไม่ใช่พวกที่จะรุกรานได้ง่าย ๆ !”
พานหยุนเฟ่ยไม่ได้กังวลเพราะเขารู้ดีว่าตราบใดที่ทั้ง 3 คนมารวมตัวกัน หอการค้าชิงโจวจะไม่มีวันล้ม
เวลาผ่านไป
เป่ยเฟิงลืมตาขึ้นพร้อมกับระเบิดพลังออกมาจนทำให้ทั้งห้องราวกับถูกพายุถล่ม กระเบื้องสีขาวบนพื้นแตกเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับกระแจที่ระเบิด
“ในที่สุดก็สำเร็จ !” เป่ยเฟิงตะโกนด้วยความดีใจ ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดสูงสุดของร้อยปีที่แท้จริง !
“ท่านหัวหน้าตระกูล เกิดอะไรขึ้น ?”
หลี่ปิงรีบวิ่งเข้ามาและสำรวจรอบ ๆ ด้วยความกังวล
“ไม่มีอะไร อ่อใช่ เรือรบมาถึงแล้วใช่ไหม ?” เป่ยเฟิงถามพร้อมกับบอกให้หลี่ปิงใจเย็นลง
“ท่านหัวหน้าตระกูล เรือรบกำลังจะมาถึงในอีก 15 นาทีหากไม่มีการล่าช้าใด ๆ หลายวันมานี้ข้าได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับหอการค้าชิงโจวได้จำนวนมาก นอกเหนือจากพานหยุนเฟ่ยที่สู้กับกู่ฉีในวันนั้น พวกเขายังมีผู้ที่มีพลังระดับราชาพันปีอีก 2 คน !”
จากการบอกเล่าดูเหมือนหยานไป๋จะเก่งกว่าพานหยุนเฟ่ยอย่างมาก แต่คนที่อันตรายที่สุดคือหลู่ซีมู่ ดูเหมือนเขาจะมีพลังระดับราชาพันปีขั้น 3
หลี่ปิงบอกข้อมูลให้เป่ยเฟิงฟังช้า ๆ แน่นอนว่าส่วนที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่ศัตรูในที่โล่ง แต่มันยังมีศัตรูในที่มืดอีกด้วย
“จงเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อเรือรบมาถึงในเวลานั้นจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น หากข้าคิดถูกละก็ เรือรบลำนี้น่าจะเป็นเรือรบที่หอการค้าชิงโจวส่งมาเพื่อมาหาเรื่องโดยเฉพาะ” เป่ยเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง สำหรับเขา หอการค้าชิงโจวคือศัตรูตัวจริง ส่วนผู้ฝึกตนที่อยู่ในที่มิดที่รอใช้ประโยชน์ของสถานการณ์นั้นไม่ได้มีอะไรให้กังวล
ราชาพันปีไม่ใช่คนที่ล้อเล่นด้วยได้ เป่ยเฟิงเชื่อว่าไม่มีคนมากนักที่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ค่ะ !” หลี่ปิงพยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอก็คิดแบบนั่น
“กู่ฉี การเตรียมการของแกไปถึงไหนแล้ว” เป่ยเฟิงเชื่อมต่อกับกู๋ฉีในใจและถามมันโดยตรง
“กี้ กี้ !”
เจ้ากระต่ายส่ายหัวเบา ๆ
“ไม่เป็นไร อย่าไปฝืนมันเลย ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากไม่น้อย” เป่ยเฟิงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ชีวิตของผู้ฝึกตนนั้นคือการต่อสู้โดยเดิมพันด้วยชีวิต มันไม่มีทางที่ทางเดินของเขาจะราบรื่นไปตลอดทาง
กู่ฉีดื่มน้ำเทียนจุนเข้าไป ในขณะเดียวกันมันก็กินสมุนไพรเพิ่อพยายามทำลายคอขวดไปยังระดับต่อไป แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ความเร็วในการฝึกฝนของสัตว์อสูรนั้นช้ากว่ามนุษย์อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกู่ฉีเพิ่งจะทำลายคอขวดมาไม่นาน ดังนั้นมันย่อมมีผิดหวังบ้างเล็กน้อย
ถึงอย่างนั้นเจ้ากระต่ายตัวนี้ก็ยังพัฒนาตัวเองจนมาถึงระดับจุดสูงสุดของราชาพันปีขั้นสองได้ !
ด้วยทักษะที่มันมี ต่อให้เป็นราชาพันปีขั้นสี่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับมัน !
ทันใดนั้นวัตถุขนาดใหญ่ก็ปรากฏเหนือเมฆ !
เรือรบที่ยาวหลายกิโลเมตรปรากฎบนท้องฟ้า การยิงปืนใหญ่หลักเพียงครั้งเดียวของมันทรงพลังพอ ๆ กับการโจมตีเต็มกำลังของผู้มีพลังระดับราชาพันปี !
มันดูราวกับปราสาทลอยฟ้าที่ส่องแสงสีฟ้าออกมา
มันคือภาพที่ยอดเยี่ยมมากที่ในชีวิตคน ๆ หนึ่งจะได้เห็นซักครั้ง !
ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจกับเรือรบลำนี้มาก เมื่อมันลงมาถึงพื้นก็เกิดแรงลมมหาศาลที่กระจายออกไป
“ช่างเป็นโลกที่มหัศจรรย์จริง ๆ ถึงแม้ข้าจะอาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยวิถีแห่งการต่อสู้ แต่เทคโนโลยีมันกลับก้าวหน้าไปไกลมาก” เป่ยเฟิงตื่นเต้นมาก เทคโนโลยีของที่นี่ก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าโลกใบเดิมมาก น่าเสียดายที่คนที่นี่ให้ความสำคัญกับอาวุธมากกว่าความเป็นอยู่ของประชาชน
หลังจากเรือรบลงจอดถึงพื้น ทุกคนรู้สึกได้ว่าการต่อสู้ใกล้เข้ามาแล้ว ผู้ฝึกตนจำนวนมากบินอยู่เหนือเป่ยเฟิงและเฝ้ารอการต่อสู้ด้วยความตื่นเต้น !
“ไปกันเถอะ ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าหอการค้าชิงโจวจะมีดีซักแค่ไหน”
เป่ยเฟิงเดินนำหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ออกจากที่พักโดยไม่สนใจการจ้องมองของคนรอบ ๆ
“หึ โชคครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย ข้าละอยากรู้จริง ๆ ว่าใครจะลงมือก่อน”
“ใช่ ๆ … แต่ข้าได้ยินมาว่าหอการค้าชิงโจวจริงจังมากในการกำจัดพวกเขาทั้งหมด !”
“มันยากที่จะพูด อย่าลืมว่ายังมีคนอื่นที่รอปล้นโชคครั้งนี้อยู่ด้วย”
ผู้ชมรอบ ๆ รู้สึกกระตือรือร้นมาก
“โอ้ ? ไม่ ดูนั่นพวกมันกำลังไปทางนั้น !”
ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเปล่งเสียงด้วยความประหลาดใจเมื่อพวกเขาเห็นเป่ยเฟิงและคนของเขามุ่งหน้าไปทิศหนึ่ง
“อะไรกัน ? พวกเขามุ่งหน้าออกจากเมือง ? พวกเขาไม่รู้หรือยังไงว่าพวกเขาเสมือนเนื้อฉ่ำ ๆ สำหรับผู้ฝึกตนที่หิวโหยพวกนี้ ?”
ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไปที่นั่น การอยู่นอกเมืองหมายความว่าใครจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีกฏ !
ในไม่ช้าผู้ฝึกตนจำนวนมากก็เริ่มติดตามกลุ่มของเป่ยเฟิงไป
“น่าสนใจ พวกมันออกมาทั้งหมดเลยงั้นหรอ ?”
“ชายคนนี้กล้าหาญจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาอ่อนแอ”
บางคนชื่นชมเป่ยเฟิงและบางคนก็เวทนาเขา แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาคือคนบ้าหรือไม่ก็มั่นใจในตัวเองมากเกินไป
“ดูเหมือนข้าจะไม่ได้ต่อสู้มานานเกินไป มันเลยทำให้บางคนลืมไปแล้วว่าหอการค้าชิงโจวของเราทำลายศัตรูยังไง !”
“ไอ้มันฝรั่งบัดซบ ใครมันกล้าตัดแขนลูกของข้า ?!”
เมื่อประตูห้องโดยสารขนาดใหญ่เปิดขึ้น ชายสองคนที่น่าเกรงข้ามก็ก้าวออกมาพร้อมกับผู้ฝึกตนในชุดคลุมสีม่วงอีก 10 กว่าคน ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ที่ระดับสี่ของร้อยปี พวกเขาผ่านการต่อสู้มาจำนวนมากทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยจิตสังหาร !
เมื่อเห็นชายสองคนที่น่ากลัวปรากฎตัวขึ้น พานหยุนเฟ่ยก็ยิ้มและทักทาย “พี่หยาน พี่หลู่”
หยานไป๋ข้ามพิธีรีตองทั้งหมดและถามขึ้น “น้องหยุน เจ้าคนที่ทำลูกชายข้าพิการมันอยู่ไหน ?!”
“พี่หยาน มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าปะทะซึ้ง ๆ หน้ากับข้า นอกจากนี้ดูเหมือนพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าจึงไม่สู้กับพวกมันเพราะกลัวว่าจะทำให้หยานฮั่วตกอยู่ในอันตราย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พานหยุนเฟ่ยรู้สึกว่าตัวเองผิดอย่างมาก
“เจ้าอย่าได้ตำหนิตัวเอง เจ้าพวกนั้นมันอยู่ไหน ?” หลู่ซีมู่กล่าวขัดขวางการพูดคุยของทั้งคู่เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่น่าอึดอัด
“ไม่ต้องห่วง พี่หลู่ ข้าได้ให้คนจับตามองพวกมันอยู่”
พานหยุนเฟ่ยและพวกเขาคุยกันเล็กน้อยจากนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาหาเขา
“นายท่าน เป้าหมายออกจากเมืองไปแล้ว !” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งรีบมารายงานกับพานหยุนเฟ่ย
“อะไรนะ ? พวกมันคิดหนีงั้นรึ ?”
“ใครจะไปคิดกันว่าพวกมันจะเลือกเส้นทางไปนรกมากกว่าที่จะไปสวรรค์ !”
หลู่ซีมู่และหยานไป๋ในตอนนี้มีความคิดที่แตกต่างกันมาก
หลู่ซีมู่คิดว่าอีกฝ่ายพยายามหนีเข้าไปในภูเขาร้อยทำลายเพื่อซ่อนตัว
ส่วนหยานไป๋นั่นคิดว่าพวกมันกำลังแส้หาเรื่องตายเพราะว่านอกเมืองมันไม่มีกฏห้ามใด ๆ อีกต่อไป