ในห้องที่เรียบง่าย มีกลิ่นหอมหวนลอยอยู่ในอากาศซึ้งมันเป็นควันที่แยกออกมาจากอากาศอีกที
เมื่อได้ยินคำสั่งของเป่ยเฟิง มีหลายคนถึงกับตกตะลึง
“ท่านปู่ ! ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้ !”
“ท่านพ่อ หากเราไปแตะต้องพวกนักสืบเหล่านั้น พวกมันจะใช้ข้ออ้างนั่นเพื่อเริ่มสงครามและนั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันจะเริ่มโจมตีพวกเราเต็มกำลัง”
หลี่ฉิหลินและหลี่เหลียงพยายามเกลี้ยกล่อมเขา
ตระกูลหลี่จะไม่รู้เกี่ยวกับนักสืบที่ตระกูลเจิ้งส่งมาได้ยังไง ? ไม่มีทางอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นนักสืบพวกนั่นไม่ได้สนใจที่จะปกปิดร่องรอยของเขาแม้แต่น้อย
ด้วยความสามารถของตระกูลหลี่ในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยงั้นหรือที่จะจัดการนักสืบไม่กี่คน ? ไม่แน่นอน ! การฆ่านักสืบเหล่านั้นมันง่ายพอ ๆ กับการบี้มดไม่กี่ตัวสำหรับพวกเขา
ส่วนที่ยากที่สุดคือพวกเขาจะจัดการกับการตอบโต้ของตระกูลเจิ้งยังไง !
แม้ว่าตระกูลหลี่จะโกรธแค้นคนให้ข้อมูล แต่พวกเขาก็เลือกที่จะทนเท่านั้น
แต่ตอนนี้คำสั่งของเป่ยเฟิงคือการฆ่านักสืบของตระกูลเจิ้งซะ จากนั้นก็โยนร่างของพวกเขากลับเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลเจิ้ง นั้นมันไม่ต่างไปจากการตบหน้าตระกูลเจิ้งงั้นหรือ ?
และนั่นมันจะไม่ทำให้ทุกคนยกเว้นหลี่บู่ฮุยตกอยู่ในอันตรายหรือยังไงกัน ?
“ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องห้ามข้า หลี่ปู้ ไปสั่งสอนตระกูลเจิ้ง ข้าอยากจะเห็นใบหน้าพวกมันในวันพรุ่งนี้ตอนพระอาทิตย์ขึ้น”
เป่ยเฟิงไม่ได้สนใจตระกูลเจิ้งแม้แต่น้อย ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ตระกูลเจิ้งนั้นไม่มีค่าพอให้เขาสนใจอีกต่อไป
เป็นเจ้าเมืองที่มาจากตระกูลเจิ้ง ? แล้วยังไงกัน เมืองซานชวนเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่อย่างมากสุดก็เจ้าเมืองก็ควรจะมีพลังแค่ราชาพันปีธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงกู่ฉี เพียงแค่หลี่ปู้ก็เพียงพอที่จะจัดการกับตระกูลเจิ้ง !
“ท่านพ่อ …”
“ท่านปู่ ตระกูลเจิ้งพวกมันแข็งแกร่งเกินไป มันไม่ใช่พวกที่ตระกูลหลี่ของเราจะตอแยพวกมัน หากพวกเราทำให้พวกมันขุ่นเคืองพวกมันจะไม่รั้งรออีกต่อไป” หลู่ฉิหลินพยายามเกลี้ยกล่อมเป่ยเฟิงด้วยใบหน้ามืดมน
“ใช่แล้วท่านพ่อ นอกจากนี้การสอบก็ใกล้เข้ามาแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรหลี่บู่ฮุย เราแค่รอให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ให้ได้ก่อน เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย” หลี่ไป๋ยู่วิเคราะห์สถานการณ์
“ตระกูลหลี่ของข้าไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาตอแยได้ นอกจากนี้เตรียมตัวย้ายถิ่นฐานซะ ข้าวางแผนที่จะย้ายตระกูลของเราไปไว้ในเมืองเทียนฮวง”
เป่ยเฟิงโยนสิ่งที่น่าตกใจให้กับคนของตระกูลหลี่อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน หลี่ปู้ก็เดินออกไปพร้อมกับผู้คุ้มกันอีกหลายคน พวกเขาพร้อมแล้วที่จะไปไล่ฆ่าคน
“ท่านพ่อ ท่านวางแผนที่จะขายธุรกิจทั้งหมดของเราจากนั้นก็หนีไปยังเมืองเทียนฮวงงั้นหรือ ? แต่ตระกูลเจิ้งพวกมันจะไม่ปล่อยพวกเราไปง่าย ๆ แน่นอน …” หลี่เหลี่ยงสับสน เขากล่าวออกมาในขณะกำลังจินตนาการถึงผลกระทบที่ตามมา
“ท่านพ่อ … ธุรกิจของตระกูลหลี่ของเราตกต่ำไปมาก นอกจากนี้คนทั้งเมืองก็รู้ถึงความต้องการของตระกูลเจิ้ง พวกเขาไม่มีใครกล้าซื้อธุรกิจของพวกเราแน่นอน” หลี่ฮุยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“พวกเจ้าจะกังวลไปทำไม ว่าแต่บู่ฮุยอยู่ไหน ?”
เป่ยเฟิงโบกมือพร้อมกับมองหาบู่ฮุย
“บู่ฮุยอยู่ในโรงเรียนตลอดเวลา เธอพยายามเตรียมสอบด้วยความตั้งใจ นอกจากนี้เธอกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นหากเธอปรากฎตัวขึ้นที่นี่” หลี่เหลี่ยงตอบด้วยความเสียใจ
บู่ฮุยถือได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างมาก เธอมีพลังระดับสามของร้อยปีก่อนอายุยี่สิบ เมื่อเธอทำลายคอขวดไปยังระดับสี่ของร้อยปีได้นั้นจะทำให้เธอมีโอกาสมากถึง 50% ที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้
อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นมันทำให้หลี่บู่ฮุยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากตระกูลได้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงลดโอกาสที่เธอจะทำสำเร็จไปอีกก้าว
“หลี่ปิง พาบู่ฮุยกลับมาที่คฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า” เป่ยเฟิงออกคำสั่งต่อ เขารู้ดีว่าพรสวรรค์ของหลี่บู่ฮุยนั้นถือว่าเป็นระดับสูงมากในดวงดาวเทียนมู่ อย่าลืมว่าเธอแทบจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากตระกูล แต่เธอก็ยังพัฒนาตัวเองจนมีพลังระดับสามของร้อยปีได้ด้วยตัวเอง
หากมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับหลี่บู่ฮุยตั้งแต่วัยเด็ก เป่ยเฟิงเชื่อว่าในปัจจุบันหลี่บู่ฮุยอาจจะกลายเป็นคนที่มีพลังระดับราชาพันปีไปแล้วในตอนนี้
เป่ยเฟิงไม่ได้ต้องการที่จะเป็นคนเดียวที่ค้ำจุนตระกูลหลี่ เขาต้องการคนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะช่วยเหลือตระกูลหลี่ไปพร้อมกับเขา
“ค่ะ” หลี่ปิงพยักหน้าก่อนจะเงียบอีกครั้ง
“เอ๊ะ ?”
หลี่ไป๋ยู่และหลี่เหลี่ยงทันใดนั้นก็ตกตะลึงก่อนจะตามมาด้วยความประหลาดใจ
ในตอนที่หลี่ปิงพูดขึ้นมันถึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าเธอยืนอยู่ในห้องนี้ มันเป็นเรื่องตลกมากที่ผู้มีพลังระดับสี่ของร้อยปีไม่สังเกตเห็นการมีตัวตนของหลี่ปิง มันถือว่าผิกปกติอย่างมาก
ในที่สุดเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นหลี่ปิง พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่อันตรายที่แพร่ออกมาจากเธอราวกับเธอคือดาบที่คมกริบ
ทั้งสองตกใจมาก หลังจากนั้นก็หันไปมองผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ ในไม่ช้าพวกเขาก็ตกใจจนตะโกนเสียงดัง !
“เป็นไปได้ยังไงกัน ! ทุกคนมีพลังระดับสี่ของร้อยปีกันหมด !”
ใบหน้าของหลี่เหลี่ยงเต็มไปด้วยความประหลาดใจเพราะเขาสามารถบอกถึงพลังของผู้คุ้มกันแต่ละคนได้ทันทีด้วยการมองเพียงครั้งเดียว
หลี่เหลี่ยงจำได้ดีเพราะเป็นเขาที่เลือกผู้คุ้มกันทั้งสิบคนด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าตอนแรกพวกเขาแต่ละคนมีพลังที่ระดับไหน อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นกลับสามารถทำลายคอขวดไปได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ !
“ไปได้แล้ว”
เป่ยเฟิงส่งสัญญาณให้หลี่เหลี่ยงออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ
หลี่เหลี่ยงและคนอื่น ๆ เดินข้ามสวนและทันใดนั้นหลี่ไป๋ยู่ก็อุทานออกมา “ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านพ่อถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ !”
“ใช่ ข้ารู้สึกได้ว่ามีแรงกดดันมหาศาลทุกครั้งที่ข้าพยายามจะพูดกับท่านพ่อ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
หลี่เหลี่ยงขมวดคิ้ว เขาไม่สามารถบอกได้ว่าระดับพลังของท่านพ่อในตอนนี้อยู่ที่เท่าไหร่แม้ว่าเขาจะมีพลังถึงขั้นสี่ของร้อยปี
ในที่สุดหลี่ไป๋ยู่และหลี่ฮุยก็คิดได้ พวกเขามองตากันและรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนกัน !
มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น นั้นก็คือพลังของท่านพ่อเขานั้นสูงกว่าพวกเขา ! มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่อธิบายได้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่สามารถบอกได้ว่าท่านพ่อพวกเขามีพลังอยู่ที่ระดับใด !
แต่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ท่านพ่อของพวกเขาเพิ่งจะทำลายคอขวดไปยังระดับสองของร้อยปีเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และมันสมควรเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ท่านพ่อของพวกเขามีพลังเหนือกว่าพวกเขาไปแล้ว !