ในตอนที่กู่ซานเฉิงกำลังจะระเบิดตัวเอง กู่ฉีก็ได้ใช้พลังวิญญาณของมันโดยใช้ระฆังแดงเลือดขังอีกฝ่ายเอาไว้จนมันสามารถถ่วงเวลาเขาได้ 10 วินาที ซึ้งเวลาเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่มันจะหนีออกมาจากระยะของแรงระเบิดได้
ตราบใดที่มันไม่ได้อยู่ในระยะแรงระเบิด ต่อให้เป็นพลังของผู้มีพลังระดับราชาพันปีก็ทำอะไรมันไม่ได้มากนัก
“กี้ !”
กู่ฉีเงยหน้าขึ้นและคำรามก้อง เสียงของมันดังออกไปทุกทิศทางราวกับกำลังประกาศความแข็งแกร่งของมัน
หยดเลือดสีเงินขนาดใหญ่หยดลงมาจากมุมปากของกู่ฉีเนื่องจากพลังวิญญาณของมันถูกทำลายลงไปเพราะแรงระเบิดตัวเองของกู่ซานเฉิง แม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บแต่มันก็บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันฮ่านบิงและคนอื่น ๆ ก็นิ่งเงียบราวกับจักจั่นในฤดูหนาว พวกเขาไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยเพราะกลัวว่ามันจะดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรตัวนี้
‘จบแล้ว ทุกอย่างมันจบสิ้นกันแล้ว’
ดวงตาของฮ่านบิงไร้ชีวิต ความมั่นใจและความกล้าหาญทั้งหมดของเขาถูกทำลายจนหมดแล้ว
กู่ฉีหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะก้าวเดินออกไป หลังจากก้าวออกไปไม่กี่ก้าวมันก็หายไปแล้ว
“ไม่มีใครหยุดตระกูลหลี่ได้แล้ว แม้แต่ท่านเจ้าเมืองก็ถูกสังหาร”
“ใช่ ตอนนี้ตระกูลหลี่คือตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองซานชวน หลังจากที่พวกเขายึดครองคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองและยึดทรัพยากรทั้งหมดของท่านเจ้าเมืองไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับท่านเจ้าเมืองคนก่อน แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก”
คนด้านล่างอ้าปากค้างและพูดคุยกัน คราวนี้ท้องฟ้าของเมืองซานชวนกำลังเปลี่ยนไปจริง ๆ
ในเวลาเดียวกัน ความโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนของตระกูลหลี่มันทำให้ทุกคนหวาดกลัวอย่างมาก นอกจากตระกูลเจิ้งที่ถูกทำลายลงไปแล้วไม่มีใครรู้ว่าใครจะเป็นรายต่อไป ดังนั้นทุกคนจึงระมัดระวังตัวอย่างมาก พวกเขากลัวว่าใบมีดที่แขวนเหนือหัวจะหล่นลงมาปั่นคอของพวกเขาเป็นรายต่อไป
“กี้ กี้ !”
ร่างของกู่ฉีปรากฎบนท้องฟ้าพร้อมกับแสงแวบวาบเพียงเล็กน้อย มันลอยอยู่เหนือคฤหาสน์ตระกูลหลี่ก่อนจะค่อย ๆ ลอยลงมา เมื่อมันเห็นกลุ่มคนที่รออยู่ที่คฤหาสน์มันก็ส่งเสียงร้องเบา ๆ
เมื่อเห็นมัน เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าเขาจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี คนอื่น ๆ อาจไม่เข้าใจความหมายของมัน แต่เป่ยเฟิงเข้าใจมันดี มันกำลังตื่นเต้นและกำลังโชว์ให้เห็นว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน
“หลี่ปู้ ดูเหมือนงานต่อไปนี้ของเจ้าจะหนักแล้ว รีบเข้าไปจัดการธุรกิจของคฤหาสน์เจ้าเมืองซะ หากใครกล้าเล่นลิ้นกับพวกเราก็ฆ่าพวกมันทิ้งซะ”
“ขอรับ”
หลี่ปู้พยักหน้าและนำเจ้าตัวนิ่มกับฮ่านกุยพร้อมกับคนของเขาอีก 8 คน
เป่ยเฟิงหันกลับมาและพูดต่อ “หลี่ปิง เจ้าไปแจ้งตระกูลใหญ่ต่าง ๆ บอกว่าตระกูลหลี่ของเราจะจัดการประมูลขึ้นและทุกคนสามารถเข้าร่วมงานประมูลได้ รายการที่จะประมูลคือสมบัติและธุรกิจของตระกูลเจิ้งและคฤหาสน์เจ้าเมือง”
“ค่ะ”
ใบหน้าของหลี่ปิงเย็นชาดุจน้ำแข็ง หากไม่ใช่เพราะเธออ้าปากออกมาเล็กน้อยคนอื่น ๆ คงจะมองข้ามเธอไปแล้ว
ช่วงเวลาที่เธอพูดมันถึงกับทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน พวกเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นบางอย่างเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหลี่ปิง
‘ดูเหมือนหลี่ปิงน่าจะใกล้ทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีแล้ว ช้าที่สุดคงใช้เวลาครึ่งเดือน หากเร็วที่สุดก็คงใน 3-5 วัน’
เป่ยเฟิงเข้าใจความสามารถของหลี่ปิง แรงกดดันของเธอใกล้จะเปลี่ยนไปแล้ว 2 ใน 3 ของเลือดฉีของเธอเปลี่ยนเป็นสีเงินแล้ว เมื่อเลือดฉีของเธอถูกเปลี่ยนเป็นสีเงินหมดนั่นหมายความว่าเธอพร้อมจะทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีแล้ว
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์ ตัวเขาเองอีกไม่นานก็จะทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีด้วยเช่นกัน
เป่ยเฟิงก้าวออกไปก้าวเดียวก่อนจะหายไปโดยทิ้งคำพูดเอาไว้ “หากไม่มีอะไรสำคัญก็อย่ารบกวนข้า”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในไม่ช้าก็ผ่านไป 3 วัน ใน 3 วันที่ผ่านมาคนของตระกูลหลี่ทุกคนตื่นเต้นอย่างมาก ใบหน้าของพวกเขาแจ่มใสซึ้งแม้แต่ตอนหลับมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
สมบัติทั้งหมดของตระกูลเจิ้งและคฤหาสน์เจ้าเมืองถูกจัดการเสร็จสิ้นภายใน 3 วัน นี่เป็นเพราะความช่วยเหลือจากตระกูลและกองกำลังอื่น ๆ ที่หวังจะประจบประแจงตระกูลหลี่ ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการยากที่จะทำให้สำเร็จใน 3 วัน
ที่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจ มีตึกขนาดใหญ่ที่สามารถจุคนได้หลายหมื่นคน ในเวลานี่ทางเข้าของตึกนี่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย
ไม่เพียงแค่ตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ของเมืองเท่านั้น แม้แต่คนธรรมดาจำนวนมากก็มาร่วมสนุกด้วยเช่นกัน
“เฮ้อ ข้าไม่รู้ว่านี่มันโชคดีหรือเปล่า ข้าไม่เข้าใจเลยว่าตระกูลหลี่กำลังจะทำอะไร”
“ไม่ต้องห่วง ข้าแน่ใจว่าตระกูลหลี่ไม่กล้าสู้กับพวกเราทุกคนแน่ ๆ”
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลหลี่ไม่ต้องการอยู่ในเมืองซานชวนอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงขายของทุกอย่างที่ขายได้”
คนของตระกูลที่มีชื่อเสียงของเมืองซานชวนรวมตัวพูดคุยกันกับการประมูลที่เกิดขึ้น
“เป็นไปไม่ได้ ! ถึงพวกเขาจะไม่ได้อยู่เมืองซานชวนแต่พวกเขาก็ยังได้ประโยชน์จากธุรกิจพวกนี้ ทำไมพวกเขาถึงขายมันกัน ?
ตราบใดที่พวกเขาปล่อยให้คนจัดการแทน พวกเขาก็จะได้กำไรต่อปีจำนวนมหาศาล บางทีมันอาจจะมากกว่าราคาที่พวกเขาขายออกไปด้วยซ้ำ”
เมื่อคำได้ยินคำพูดเหล่านั้น คนอื่น ๆ ก็หัวเราะเยาะทันที ไม่มีใครเชื่อว่าตระกูลหลี่ต้องการออกจากเมืองซานชวน พวกเขาคิดว่านี่มันเรื่องตลกชัด ๆ
หลี่ปิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนักกับตระกูลใหญ่เหล่านี้ เธอแจ้งกับพวกเขาเพียงแค่ว่าจะมีการประมูลเกิดขึ้นในอีก 3 วัน ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาสับสน
“เงียบ”
แสงไฟในห้องประมูลหายไปหลงเหลือแต่เพียงแสงสว่างที่มีคนของตระกูลหลี่ยืนอยู่ซึ้งนั่นคือเวทีที่ใช้ประมูล
“ทุกท่าน พวกเราตระกูลหลี่ไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ในเมืองซานชวนอีกต่อไป ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจขายธุรกิจเหล่านี้ เราจะขายให้กับผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุด”
หลี่ไป๋หยู่ยืนอยู่บนเวทีและเผชิญหน้ากับตระกูลต่าง ๆ ของเมืองซานชวน
“หะ ? ตระกูลหลี่วางแผนอะไรไว้กันแน่ ? ทำไมพวกเขาถึงขายธุรกิจพวกนี้ทิ้งกัน …”
“นี่คือโอกาสของเรา ! ในเมื่อตระกูลเจิ้งและคฤหาสน์เจ้าเมืองถูกทำลายลงไปแล้ว พวกเราต้องควบคุมธุรกิจของพวกเขาให้ได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลของพวกเราอย่างมาก”
“ในเมื่อสองฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองถูกทำลายลงไปแล้ว มันถึงเวลาของพวกเราแล้ว หากพวกเรามีตัวตนระดับราชาพันปีอยู่ด้วย เมืองนี้มันจะกลายเป็นสนามเด็กเล่นของพวกเรา !”
ทุกคนราวกับถูกสะกดจิตหลังจากได้ยินเสียงประกาศ
ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครต้องการให้มีคนนั่งอยู่เหนือหัวพวกเขา พวกเขาต้องการที่จะอยู่บนจุดสูงสุดนั่น !
ในขณะเดียวกันนั้นตัวตนระดับราชาพันปีก็ไม่มีเหลืออยู่ในเมืองซานชวนอีกต่อไป นั้นเพราะว่าตระกูลหลี่ไม่ต้องการอยู่ที่เมืองนี่อีกแล้ว
“ในการประมูลครั้งนี้จะใช้หินวิญญาณในการเสนอราคา ธุรกิจแรกที่จะประมูลก็คือห้องโถงสัตว์อสูร เริ่มต้นที่ หินวิญญาณระดับต่ำ 3,000 ก้อน !”
หลี่ไป๋หยู่เปิดการประมูล
หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อนมีค่า 10,000 HCD หินวิญญาณระดับกลางหนึ่งก้อนมีมูลค่า 100,000 HCD และหินวิญญาณระดับสูงหนึ่งก้อนมีมูลค่า 1,000,000 HCD
“ห้องโถงสัตว์อสูร อ่า ! เพียงแค่ม้าเลือดแดง 10,000 กว่าตัวมันก็เพียงพอสำหรับใช้งานทั้งกองทัพ ม้าพวกนี้มันมีประโยชน์มากไม่ว่าใช้เองหรือจะเอาไว้ขายก็ตาม”
“ตระกูลหลี่กล้าขายพวกมันได้ยังไงกัน ?”
ผู้ที่อยู่ด้านล่างพูดคุยกันด้วยความกระตือรือร้น
“หินวิญญาณระดับต่ำ 10,000 ก้อน !”
ตระกูลหนึ่งเปิดราคา ห้องโถงสัตว์อสูรนั่นมันมีมูลค่าที่สูงกว่าราคานี้มาก
“12,000”
“15,000”
ตระกูลหลายตระกูลเริ่มเสนอราคากัน
เมื่อธุรกิจจำนวนมากถูกนำเสนอทีละรายการ คนที่มางานประมูลก็ตื่นเต้นกันมากขึ้น
ในทางกลับกัน หลี่ไป๋หยู่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย การประมูลครั้งนี้มันไม่ได้ราคาอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้ เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเป่ยเฟิงถึงยืนยันที่จะขายธุรกิจพวกนี้ไปแทนที่จะจัดการเอง
“สำหรับรายการสุดท้ายคือเคล็ดการฝึกฝนระดับราชา นี่คือเคล็ดการฝึกฝนที่สามารถฝึกฝนได้ตั้งแต่ขั้นหนึ่งของร้อยปีไปจนถึงราชาพันปีระดับสูงสุด ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 หินวิญญาณระดับสูง !”
ริมฝีปากเหมือนหยกของหลี่ไป๋หยู่ถึงกับกระตุกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เคล็ดการฝึกฝนระดับราชา ! มันสามารถฝึกฝนได้ไปจนถึงราชาพันปีขั้นสูงสุด มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถประเมินค่าได้ นี่ควรจะเป็นเคล็ดการฝึกฝนหลักของตระกูลหลี่ แต่มันก็ถูกเทขายทิ้งเช่นกัน…
“อะไรนะ ? เคล็ดการฝึกฝนระดับราชา ?”
“ตระกูลหลี่บ้าไปแล้วหรอ ?”
“เร็วเข้า ! รีบติดต่อท่านบรรพบุรุษ ! ไม่ว่าราคามันจะสูงแค่ไหนพวกเราก็ต้องได้มันมา !”
“ขายทุกอย่างของเราไม่ว่าจะเป็นสมบัติ สมุนไพรและพวกยาต่าง ๆ ! ถ้ามันยังไม่พอก็ขายสมบัติประจำตระกูลไปด้วย ไม่ว่ายังไงเราต้องเอามันมาให้ได้ !”
ทุกคนบ้าคลั่ง เคล็ดการฝึกฝนระดับราชามันเป็นของที่หายากอย่างยิ่ง เคล็ดการฝึกฝนที่คนส่วนใหญ่ฝึกฝนกันคือเคล็ดปกติที่มีอยู่ทั่วไป มันไร้ประโยชน์อย่างมากเพราะมันทำได้เพียงทำให้คนฝึกฝนมันไปได้ถึงแค่ขั้นสูงสุดของร้อยปี
แต่เคล็ดการฝึกฝนนี้มันสามารถทำให้คนที่ฝึกฝนนั้นฝึกฝนไปจนถึงระดับราชาพันปีได้ ! มันจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะตื่นเต้น ด้วยเคล็ดการฝึกฝนระดับราชามันเพิ่มความน่าจะเป็นที่จะทำให้ผู้ฝึกคนบรรลุระดับราชาพันปีได้มากกว่าคนปกติได้ถึง 30 % !
เพียงแค่ 30 % ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลใหญ่ที่ไม่เคยมีคนที่มีพลังระดับราชาพันปีซักคนรู้สึกตื่นเต้นจนต้องการมัน !
สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือเคล็ดการฝึกฝนนี้มันทำให้ผู้มีพลังระดับราชาพันปีสามารถฝึกฝนมันไปต่อได้จนไปถึงขั้นราชาพันปีระดับสูงสุด นอกจากนี้เคล็ดการฝึกฝนนี้มันยังมีความเข้าใจที่ถูกทำความเข้าใจเอาไว้อยู่แล้วอยู่ในแผ่นหยกสืบทอด มันบันทึกอธิบายถึงความเข้าใจต่าง ๆ ของเคล็ดการฝึกฝนเอาไว้ !
แผ่นหยกสืบทอดนั้นมีจำนวนการใช้ได้แตกต่างกันไปตามผู้ที่สร้างมัน โดยปกติแล้วแผ่นหยกสืบทอดนั้นสามารถใช้ได้เพียง 3 ครั้งมันก็จะหายไป
และจากการประมูลครั้งนี้มันน่าจะเป็นแผ่นหยกสืบทอดครั้งสุดท้าย ซึ้งหมายความว่าเมื่อใช้มันครั้งเดียวแผ่นหยกสืบทอดก็จะแตกสลายหายไป
ปรมาจารย์จากตระกูลใหญ่ยืนขึ้นและตะโกน “หินวิญญาณระดับสูง 30,000 ก้อน !”
ในขณะที่่เขาพูด แรงกดดันระดับครึ่งก้าวราชาพันปีก็กระจายออกมาจากร่างของเขา
“หินวิญญาณระดับสูง 31,000 ก้อน !” ปรมาจารย์จากตระกูลใหญ่อีกคนยืนขึ้นและปลดปล่อยพลังที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าออกมา
รายการสุดท้ายนี้มันคือสิ่งที่มีไว้แย่งชิงกันเฉพาะตระกูลใหญ่เท่านั้น เหล่าตระกูลเล็ก ๆ ทำได้เพียงมองด้วยตาสีแดงเท่านั้น
ตระกูลที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้มีเพียง 5-6 ตระกูลเท่านั้น พวกเขาเป็นตระกูลเก่าแก่และครั้งหนึ่งในอดีตบรรพบุรุษของพวกเขาเคยเป็นผู้มีพลังระดับราชาพันปี แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะอ่อนแอลงมากแต่อูฐที่หิวโหยก็ยังใหญ่กว่าม้า !
หลังจากสะสมสมบัติมาหลายรุ่น มันถึงเวลาที่พวกเขาจะนำมันมาใช้แล้ว !