ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส เขาพอใจกับศิษย์ใหม่คนนี้อย่างมาก ความสามารถและพรสวรรค์ของหลี่บู่ฮุยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่น้อย
แม้ว่าตอนนี้เธอจะอ่อนแอแต่ทว่าพรสวรรค์ของเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะระดับสูงสุดที่เขาเคยเห็นมากนัก
มันราวกับเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดมาเลยว่าไหม ? ยิ่งมองหลี่บู่ฮุยมันก็ยิ่งทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
เธอยังคงอ่อนแอแต่แล้วมันยังไงกันล่ะ ? ภายใต้การดูแลของเขา แม้แต่หมูที่ซุ่มซ่ามที่สุดหากได้รับการดูแลมันก็จะกลายเป็นราชาสัตว์อสูรที่มีพลังถึงขั้นราชาพันปี !
ในขณะเดียวกัน บุคคลทั้ง 5 ที่อยู่ด้านหลังเขาก็ตกตะลึงอย่างมาก ไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไงก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอมีอะไรดี
จะต้องรู้ก่อนว่าซิหลิงคือผู้มีพลังระดับหมื่นปี เข้าใจชัดหรือไม่ ! และแม้แต่ในหมู่ผู้มีพลังระดับหมื่นปีเองเขาก็จัดว่ามีอิทธิพลที่สูงมาก ! หากจะอธิบายให้ถูกก็ถือเหมือนเขาเสียดายเป่ยเฟิงจึงรับเธอมาแทน
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีพลังเพียงแค่ราชาพันปีนั้น ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความนัก
ทั้ง 5 ได้แสดงใบหน้ายิ้มแย้มต่อหลี่บู่ฮุย ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาทั้งอิจฉา ดูถูกและหวังร้ายต่อเธออย่างมาก แต่ทว่ามันกลับทำได้เพียงแค่เก็บไว้ในใจเท่านั้น ผู้ที่กล้าแสดงภาพลักษณ์เหล่านั้นต่อหน้าซิหลิงเหล่านั้นได้ตายไปหมดแล้ว
มีบางคนอยากจะขออาศัยอิทธิพลของหลี่บู่ฮุยไปด้วย แต่ทว่าพวกเขาทำได้เพียงแค่พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ
พวกเขาทั้ง 5 คนเป็นศิษย์ในนามของซิหลิงเท่านั้น เมื่อเทียบกับลูกศิษย์สายตรงอย่างหลี่บู่ฮุยแล้วสถานะของพวกเขามันไม่มีค่าที่จะกล่าวถึงแม้แต่น้อย
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีขั้นสูงสุด แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าหาเรื่องหลี่บู่ฮุย พวกเขาทำได้เพียงแค่ระงับความไม่พอใจทั้งหมดของพวกเขาไว้ในใจเท่านั้น
เป่ยเฟิงพยักหน้าและกล่าวขึ้น “การที่ผู้อาวุโสรับเธอเป็นศิษย์นั้นถือว่าเป็นโชคของหลี่บู่ฮุย ผู้อาวุโสข้ามีบางอย่างที่จะคุยกับหลี่บู่ฮุยเป็นการส่วนตัวซักเล็กน้อย”
“อืม” ซิหลิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มในขณะที่จิบน้ำชา หลี่บู่ฮุยเป็นคนเดียวที่เขาสนใจ สำหรับคนอื่น ๆ เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเป่ยเฟิงเป็นเมล็ดพันธุ์ที่นิกายสวรรค์นิรันดร์หมายปองเอาไว้ แต่ตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นศิษย์หลักของนิกาย เขาก็ไม่มีทางเข้าตาซิหลิงเช่นกัน
แม้ว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะหายาก แต่ทว่ามันก็มีไม่น้อย ในทุก ๆ ปีจะมีคนหลายหมื่นคนที่ได้รับสถานะเมล็ดพันธุ์ของนิกายสวรรค์นิรันดร์
แต่ก็ยังไร้ความหมายอยู่ดี หากเมล็ดพันธุ์ใดไม่ผ่านการคัดเลือกของนิกายภายใน 5 ปี คน ๆ นั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์ออกในทันที
บางครั้งก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถผ่านการคัดเลือกได้แม้ว่าจะผ่านไปหลายร้อยปี
มีอัจฉริยะจำนวนมากที่ไม่ได้ตระหนักถึงพรสวรรค์ของตัวเอง จะมีซักกี่คนกันที่มีพรสวรรค์เพียงพอจะก้าวไปยังระดับหมื่นปีและยืนอยู่ที่ ๆ เดียวกับซิหลิง ?
เป่ยเฟิงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก มันไม่สำคัญว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรในอนาคต เพราะในตอนนี้เขายังคงอ่อนแอเกินไป
เป่ยเฟิงพยักหน้าให้กับหลี่บู่ฮุยจากนั้นก็เดินจากไปโดยมีหลี่บู่ฮุยเดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง
เป่ยเฟิงหันกลับมาและพูดขึ้น “บู่ฮุย นี่คือโอกาสของเจ้า เจ้าอย่าได้ละทิ้งมันไป ตระกูลหลี่ยังคงมีข้าอยู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร เจ้าสามารถฝึกฝนได้โดยไม่มีอะไรให้ห่วง”
บางทีอาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณตามธรรมชาติของร่างกายนี้ มันทำให้เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดและการดูแลเอาใจใส่ต่อหลี่บู่ฮุย
สมองของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งเดียวที่สามารถเก็บความทรงจำไว้ได้ แม้แต่เซลล์ก็ทำได้เช่นกัน !
เซลล์เพียงเซลล์เดียวสามารถเก็บความทรงจำได้เล็กน้อย แต่เมื่อรวมเซลล์ทั้งหมดในร่างเข้าด้วยกันมันจะแตกต่างกันอย่างมาก
แม้ว่าจิตวิญญาณของหลี่ฉินเทียนจะหายไปเมื่อเป่ยเฟิงยึดร่างนี้และแม้กระทั่งร่องรอยวิญญาณที่เหลือจะถูกกำจัดทิ้งไปหมดแล้วก็ตาม เป่ยเฟิงก็ไม่มีทางลบความทรงจำที่เก็บไว้ในเซลล์ได้ นี่คือความรักและการเอาใจใส่ต่อสมาชิกของตระกูลหลี่ที่ฝั่งแน่นอยู่ในกระดูกของเขา
แม้ว่าเป่ยเฟิงจะสร้างเซลล์ใหม่แทนที่เซลล์เก่าทั้งหมด รวมไปถึงพลังที่เพิ่มขึ้นจนสามารถต่อต้านสัญชาตญาณของร่างกายได้บางส่วน แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถปฎิเสธความรู้สึกแบบนี้ไปได้
ในความเป็นจริงแล้วหากหลี่ฉินเทียนตายไปและเป่ยเฟิงไม่สามารถยึดร่างของเขาได้เขาก็จะไปยึดร่างของคนอื่นแทน แต่ทว่าเขาก็จะนำพากรรมที่เกิดจากหลี่ฉินเทียนตามไปด้วย !
การฝึกฝนเป็นกระบวนการทำให้จิตใจสงบลง เป่ยเฟิงไม่อยากให้หัวใจของเขาถูกรบกวนจากผลกรรมใด ๆ อีกในอนาคต
กรรมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ แต่มันกลับมีอยู่จริง บางทีเมล็ดแห่งกรรมมันอาจถูกหว่านลงไปโดยไม่ตั้งใจจนสุดท้ายมันก็กลายเป็นหินขนาดใหญ่ที่ขวางทางอนาคตเอาไว้
ตอนนี้ความปรารถนาดั้งเดิมของหลี่ฉินเทียนได้ถูกเติมเต็มโดยสมบูรณ์แล้ว เป่ยเฟิงจึงรู้ได้ทันทีว่าเมล็ดแห่งกรรมในที่สุดก็ถูกชะรำล้าง
“หนูเข้าใจแล้ว ท่านปู่ หนูจะตั้งใจฝึกฝน หากมีเวลาหนูจะกลับมาพบกับท่านปู่”
หลี่บู่ฮุยไม่เต็มใจที่จะจากไป แต่เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของเธอ เธอไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นจากตระกูลเจิ้งมาเกิดกับตระกูลของเธอ
“อืม ข้ามีทรัพยากรมากมายให้เจ้า แม้ว่าอาจารย์ของเจ้าจะไม่ได้ขาดของเหล่านี้ แต่นี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะให้ นำของสิ่งนี้ติดตัวไปด้วย เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่ปลอดภัยแล้วจึงค่อยใช้มัน เจ้าห้ามบอกใครเรื่องนี้ทั้งนั้นต่อให้เป็นอาจารย์ของเจ้าเองก็ตาม เข้าใจไหม ?”
เป่ยเฟิงพยักหน้าก่อนจะหยิบแหวนมิติวางลงที่ฝ่ามือของหลี่บู่ฮุย แหวนมิติวงนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมาก มันมากขนาดที่ว่าเป็นหนึ่งในสิบที่เป่ยเฟิงมีทั้งหมด !
สมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ทั่วไป ต่อให้เป็นราชาพันปีก็ยังต้องการมัน
ในขณะเดียวกันเป่ยเฟิงก็หยิบขวดหยกออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง ข้างในขวดมีหยดน้ำเทียนจุนขนาดเท่าเม็ดถั่ว ในขณะเดียวกันเขาก็กระจายพลังจิตอันทรงพลังออกไปรอบ ๆ ครอบคลุมพื้นที่กว้างกว่า 10 เมตรเพื่อป้องกันคนมองเห็นมัน
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ ท่านปู่”
ดวงตาของหลี่บู่ฮุยเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อเห็นว่าเป่ยเฟิงกำลังมองเธออย่างจริงจัง เธอก็รู้ได้ทันทีว่าน้ำในขวดนี้ต้องพิเศษมาก เธอจึงรีบเก็บมันทันที
“น้ำในขวดหยดนี้มันช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับเจ้าได้ จงจำไว้ว่าหากเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่ว มันจะทำให้ตระกูลหลี่ถูกกำจัดแน่นอน เจ้าตัวระวังเอาไว้ให้ดี !” เป่ยเฟิงเตือนด้วยความจริงจัง
หลี่บู่ฮุยแข็งค้างไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าด้วยความจริงจัง “ค่ะ สบายใจได้เลยท่านปู่”
‘ว้าว นี่ต้องเป็นสมบัติที่ช่วยทำความเข้าใจได้ ! มันอาจจะกลายเป็นต้นเหตุของสงครามและพายุเลือด ! ใครจะไปคิดกันว่าสมบัติแบบนี้จะมาอยู่ในมือของเธอได้’
ในขณะเดียวกันหลี่บู่ฮุยก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดท่านปู่ถึงได้เตือนเธอซ้ำ ๆ อย่างจริงจัง ความมั่งคั่งของชายคนหนึ่งอาจนำพาความพินาจจากความโลภของคนอื่นมาได้ !
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหลี่จะครอบครองมันเอาไว้ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงหยดเดียวแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนปรารถนาที่จะครอบครองมัน
หลังจากนั้นไม่นานเป่ยเฟิงและหลี่บู่ฮุยก็กลับมาที่ห้องโถง ดวงตาของหลี่บู่ฮุยแดงกล่ำ จากนั้นเธอก็เดินไปคุยกับหลี่เหลียงและแม่ของเธอ
เป่ยเฟิงจับหมัดและโค้งคำนับให้กับซิหลิงและพูดด้วยความจริงจัง “นับจากนี้ไปบู่ฮุยจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสแล้ว”
“ไม่ต้องกังวล ข้ารับรองความปลอดภัยของบู่ฮุยตราบใดที่เธอมากับข้า” ซิหลิงพยักหน้าและยิ้ม หลี่บู่ฮุยค่อย ๆ เดินไปข้าง ๆ เขาพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าหม่องของเธอที่หันไปมองหลี่เหลี่ยงและแม่ของเธอ
หลังจากนั้นซิหลิงก็ยืนขึ้น หลี่เหลียงและคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกใด ๆ แต่ทว่าสำหรับผู้มีพลังระดับราชาพันปีอย่างหลี่ปู้และเป่ยเฟิงนั้น การเคลื่อนไหวของเขาน่ากลัวอย่างมาก
แสงสว่างพุ่งออกมาจากร่างของซิหลิงจากนั้นชั้นพลังสีทองก็ไหลไปตามร่างกายของเขา ซิหลิงในตอนนี้เขาไม่เหมือนชายชราอีกต่อไป
เมื่อซิหลิงโบกมือ พลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาก่อนจะครอบคลุมหลี่บู่ฮุยและคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็หายตัวไป
“การวาร์ปงั้นเหรอ !” ดวงตาของเป่ยเฟิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ การเคลื่อนไหวของซิหลิงไม่ใช่การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอีกต่อไป ไม่ว่าความเร็วของคน ๆ หนึ่งจะเร็วแค่ไหนแต่มันก็ยังคงมีเส้นทางให้ติดตาม แต่ทว่าจากการรับรู้ของเป่ยเฟิงเขารับรู้ได้ว่าทั้งกลุ่มหายตัวไปจากจุดนั้นในทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
“เดี๋ยวก่อนนะ นั่นไม่ใช่การวาร์ป แต่มันคือเคล็ดการเคลื่อนที่แบบหนึ่งที่บีบช่องว่างมิติ ?” เป่ยเฟิงพูดกับตัวเอง แม้ว่านี่จะไม่ใช่การวาร์ปที่แท้จริง แต่มันก็ยังน่ากลัวมาก
ทันใดนั้นเรือรบ ‘ดาบนภา’ ก็สั่นสะเทือนจากนั้นก็หายตัวไป ความเร็วของมันถึงกับทำให้ผู้มีพลังระดับราชาพันปีต้องสิ้นหวัง
“ขอแสดงความยินดีกับท่านหัวหน้าตระกูลหลี่ด้วย ตระกูลหลี่มีหลานสาวที่ยอดเยี่ยมมาก !”
“ใช่ ๆ บู่ฮุยถูกเลือกให้กลายเป็นศิษย์ของผู้ทรงพลัง นั้นหมายความว่าความรุ่งเรืองของตระกูลหลี่มาเยือนแล้ว !”
“ข้ารู้มาตลอดแหละว่าบู่ฮุยเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ อย่างที่คิดไว้ เธอคือคนที่โดดเด่นที่สุดและสามารถเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ อ่า สมกับที่เป็นอัจฉริยะที่ถูกเลือกจากสวรรค์ ! ข้าคิดว่าพวกเราควรจะจัดงานฉลอง !”
หลังจากที่กลุ่มของซิหลิงจากไปแล้ว คนของโรงเรียนซานชวนก็เข้ามาแสดงความยินดีกับเป่ยเฟิงในทันที
ทุกคนรู้ดีว่าตระกูลหลี่กำลังจะไปจากที่นี่ ตอนนี้ลูกหลานของตระกูลหลี่ได้รับการยอมรับจากผู้ทรงพลัง ด้วยการมีอาจารย์แบบนี้ ต่อให้เป็นเพียงเศษชิ้นเนื้อเล็ก ๆ ที่หล่นลงมาจากมือของเขามันก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหลี่กลายเป็นตระกูลที่น่ากลัว
นอกจากนี้หลี่บู่ฮุยยังสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าอนาคตของเธอยากที่จะคาดเดาได้ !
หากพวกเขาไม่เริ่มเกาะอีกฝ่ายเอาไว้ตอนนี้แล้วพวกเขายังจะรออะไรอยู่ ?
“หืม ไม่จำเป็นต้องจัดงานฉลองหรอก ตระกูลหลี่ของเรากำลังจะออกจากเมืองซานชวนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ทุกท่านผักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ ตาแก่คนนี้อยากจะเก็บตัวเงียบ ๆ ซักหน่อย ไหน ๆ เรื่องนี้ก็จบแล้วมันถึงเวลาที่ข้าจะกลับไปเก็บตัวต่อแล้วล่ะ” เป่ยเฟิงพยักหน้าให้กับคนจากโรงเรียนซานชวนและจากนั้นก็ให้พ่อบ้านส่งแขก หลังจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หายตัวไป
ใบหน้าของผู้คนจากโรงเรียนซานชวนแข็งค้าง พวกเขาทำได้เพียงพูดคุยกับหลี่เหลี่ยงและคนอื่น ๆ ไม่กี่คำก่อนจะจากไป
“ฮึ่ม ! ไอ้พวกลืมบุญคุณ !”
“ใช่ หากไม่ใช่เพราะหลี่บู่ฮุยได้รับการยอมรับจากตัวตนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น พวกมันก็ไม่กล้าดูถูกพวกเราแบบนี้หรอก !”
“นอกจากนี้ อย่าลืมว่าหลี่บู่ฮุยนั้นถูกพวกเราดูแลเป็นอย่างดี ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ เธอเปลี่ยนตัวเองจากไก่ธรรมดา ๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นนกฟินิกซ์ แล้วดูสิ่งที่ตระกูลหลี่ทำกับเราสิ พวกมันไม่เห็นเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”
ถังหลี่ไม่พอใจคนอื่น ๆ ที่แสดงท่าทีต่อเป่ยเฟิงอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงทำใบหน้าดูถูกเหยียดหยามพวกเขา ตอนแรกเป็นพวกเขาเองที่ไม่อยากสนับสนุนหลี่บู่ฮุย แต่สุดท้ายเธอก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ แล้วดูพวกแก่ ๆ บัดซบพวกนี้สิ พวกเขากล้าเรียกร้องความสนใจจากความสำเร็จของเธอ
พวกเขาทำเหมือนกับว่าหลี่บู่ฮุยจะไม่มีทางสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้หากไม่มีพวกเขา
ในตอนแรกโรงเรียนนั้นไม่ได้มีการแบ่งแยกเรื่องสังคมและการให้ความรู้กับทุกคน ทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีและพวกเขาคอยแลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน แต่ละโรงเรียนเป็นสถานที่สำหรับการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนความรู้ที่ดี แต่ทว่าสิ่งนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
ดาวเทียนมู่ไม่ได้พบเจอกับสงครามมานานหลายหมื่นปี และในไม่ช้าโครงสร้างของโรงเรียนที่สืบทอดกันมานานก็เริ่มจางหายไป มีคนไม่มากนักที่สามารถทำใจลดตัวลงไปเพื่ออยู่กับฝ่ายที่มีฐานะต่ำกว่าได้ และยังมีอีกหลายคนที่ไม่เต็มใจจะแบ่งปันความรู้ของพวกเขา
ในทางตรงกันข้ามกับโรงเรียนที่ตั้งอยู่ข้างในหอคอยเชื่อมสวรรค์ที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น พวกเขาสร้างผู้ฝึกตนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จำนวนมาก มันราวกับว่าโรงเรียนของพวกเขาได้กลั่นผู้ฝึกตนเหล่านั้นขึ้นมา !
ในไม่ช้าถังลี่ก็ตัดสินใจได้แล้ว โรงเรียนซานชวนเล็กเกินไปสำหรับเธอและมันไม่มีทางที่เธอจะเติบโตที่นี่ได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นคนอื่น ๆ กำลังโมโห อาจารย์วัยกลางคนคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นในทันที “ตระกูลหลี่คือตระกูลที่ทำลายคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองไปนะ …”
เมื่อคำพูดของเขาจบลง มันก็ทำให้คนที่กำลังสาปแช่งตระกูลหลี่เงียบลงทันที