คนรับใช้กำลังคิดอยู่ว่าพวกเขาควรจะวิ่งหนีหรือแอบอยู่ที่ไหนสักที่จนกว่าเรื่องจะจบดีหรือไม่ แต่ทว่าทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาราวกับท้องฟ้าคำราม มันทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่กดดันอย่างมาก
ก่อนที่คนรับใช้จะเงยหน้ามองไปยังทิศของเสียง เขาก็พบกับความว่างเปล่าตรงหน้า
“อึก อึก !”
คนรับใช้สะดุ้งพร้อมกับหันไปมองเป่ยเฟิงที่เพิ่งกินเนื้อสัตว์อสูรลมควันที่สูงกว่า 2 เมตรไปจนหมด !
“นี้มัน … ความเร็วในการกินของท่านหัวหน้าตระกูลมันไม่เร็วไปหน่อยหรือยังไงกัน ?”
ความคิดนี้ไม่ใช่เขาเท่านั้น คนอื่น ๆ ก็คิดแบบเขาเช่นกัน !
เพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้น เนื้อสัตว์อสูรลมควันที่สูงกว่า 2 เมตรก็หายไปอยู่ในท้องของเป่ยเฟิง !
มันไม่มีแม้แต่เศษกระดูกหลงเหลืออยู่ ปากของเป่ยเฟิงเปิดกว้างจนใหญ่กว่าหัวของเขา นอกจากนี้ฟันของเขายังส่องประกายให้เห็นถึงความแหลมคมที่สามารถกลืนอาหารขนาดใหญ่ได้สบาย ๆ !
ในฐานะผู้มีพลังระดับราชาพันปี การควบคุมขนาดของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
สัตว์อสูรตัวนี้มีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปี แม้ว่าปกติแล้วมันจะเป็นมาตรฐานของเป่ยเฟิง แต่ทว่าในตอนนี้มันไม่มีค่าสำหรับเขาที่กำลังหิวโหยแม้แต่น้อย
“มีสัตว์อสูรแค่ตัวเดียวหรือยังไงกัน !” พลังจากอาหารไหลผ่านท้องของเป่ยเฟิง มันราวกับหยดน้ำเล็ก ๆ เท่านั้น เป่ยเฟิงคำรามถามถึงอาหารอีกครั้ง
คนรับใช้รีบนำสัตว์อสูรที่เพิ่งย่างเสร็จมาทันที พวกเขาเป็นเพียงผู้มีพลังขั้นสองของร้อยปีเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงคำรามของเป่ยเฟิงมันเกือบจะทำให้พวกเขาต้องสลบ
ความสงบโดยปกติของเป่ยเฟิงได้หายไปหมดเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับความหิวโหยของเขา
ร่างของเขาพุ่งออกไปยังทิศทางของห้องครัวทันที
ห้องครัวของคฤหาสน์ตระกูลหลี่มีขนาดใหญ่มาก นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยวัตถุดิบทุกชนิด เป่ยเฟิงพุ่งเข้าไปในห้องครัวโดยไม่สนใจคนรับใช้แม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็คว้าปูที่ใหญ่กว่า 10 เมตรที่กำลังนึ่งอยู่ในหม้อขนาดใหญ่ขึ้นมา
“แกร๊ก !”
เป่ยเฟิงไม่สนใจความร้อนแม้แต่น้อย เขาฉีกเปลือกปูออกไปจากนั้นก็เอาเนื้อทั้งหมดของมันเข้าปากทันที !
เป่ยเฟิงไม่ได้มีอารมณ์จะมาสนใจรสชาติของมัน เขาตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ยังมีสัตว์อสูรเหลืออีกกี่ตัว ? รีบปรุงพวกมันทั้งหมดมาให้ข้าเดียวนี้ ! ให้เร็วกว่านี้ ! ข้าไม่สนใจว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง ข้าต้องการความเร็ว !”
พ่อครัวจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับพวกเขาไม่ได้สติ มันราวกับพวกเขากำลังคิดว่าพวกเขาอาจจะอยู่ผิดที่และกำลังพบกับท่านผู้นำตระกูลตัวปลอม …
เป่ยเฟิงกินปูเสร็จในเวลาไม่ถึงนาที จากนั้นเขาก็พุ่งไปยังสัตว์อสูรที่กำลังถูกทำอาหารอยู่ข้าง ๆ ซึ้งตรงนั้นมีพ่อครัวที่กำลังทำอาหารอยู่ เขาขวางเป่ยเฟิงและพูดด้วยความเคารพ “ท่านหัวหน้าตระกูล ข้าต้องขอโทษด้วยแต่อาหารคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราไม่สามารถทำให้มันแปดเปื้อนได้ภายใต้การทำอาหารของพวกเรา !”
พ่อครัวเหล่านี้คือคนที่ตระกูลหลี่จ้างมา พวกเขาค่อนข้างโด่งดังในเมืองซานชวน จากมุมมองของพวกเขาการกินอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่ลิ้มรสมันให้ดีนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ !
“หืม ? เจ้าแน่ใจ ? ข้าให้โอกาสเจ้าได้พูดอย่างรอบคอบอีกครั้ง ข้าจะขอคำตอบจากเจ้าหลังจากกินอาหารจานนี้เสร็จแล้ว !’
ฟันของเป่ยเฟิงเปล่งประกายจนดูน่าสะพรึงกลัว พ่อครัวเหล่านี้มีพลังเพียงแค่ขั้นสามของร้อยปีเท่านั้น มันทำให้พวกเขาถึงกับตัวสั่นเมื่อเห็นฟันของเป่ยเฟิง
คนที่ขวางทางเขาแม้ว่าจะหวาดกลัวมากแต่เขาก็ถามด้วยความลังเล “งั้นข้าขอถามท่านหัวหน้าตระกูลได้หรือไม่ว่าท่านจะทำยังไงหากเราไม่เห็นด้วย ?”
“ตระกูลหลี่จะไม่ทิ้งขยะไว้ที่นี่ ข้าชื่นชมหลักการของเจ้าจริง ๆ แต่ทำไมข้าต้องเก็บพ่อครัวที่ปฎิเสธจะทำอาหารไว้ด้วย ?” เป่ยเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
หลังจากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไร เขาหันกลับมาฉีกขาขนาดใหญ่แล้วก็กลืนมันลงไป เขากลืนแม้แต่กระดูกชิ้นใหญ่ของเนื้อ
เป่ยเฟิงในตอนนี้ราวกับหลุมดำที่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่ว่าเขาจะกินอาหารไปมากแค่ไหนแต่กระเพาะของเขาก็ไม่เต็มซักที
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเป่ยเฟิงเพิ่งบรรลุระดับราชาพันปีและเลือดฉีของเขาก็บรรลุระดับราชาพันปีไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้มันยังหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่างกายของเขาในตอนนี้มันจึงแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังระดับราชาพันปีธรรมดา ๆ อย่างมาก
ความสามารถในการย่อยอาหารของเขาก็อยู่ในระดับที่น่ากลัวมากเช่นกัน อาหารที่เข้าไปในกระเพาะของเขาจะถูกย่อยทันทีเพื่อเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังแล้วเติมเต็มไปยังแก่นแท้แห่งชีวิตที่เหนื่อยล้าของเขา
แก่นแท้แห่งชีวิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และเป่ยเฟิงก็ใช้พวกมันไปในตอนที่บรรลุระดับพลังเมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าตอนนี้เขาจะเต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาล แต่เขากลับไม่สามารถใช้พลังของตัวเองได้ในสถานการณ์แบบนี้
ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะเขาบรรลุมาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่อย่างน้อยรากฐานของเขาก็ไม่ได้เสียหายใด ๆ เขาเพียงแค่เติมเต็มพลังจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูมันก็พอ
เป่ยเฟิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก หากเขาเผลอทำร้ายรากฐานของตัวเอง มันจะทำให้การฝึกฝนในอนาคตของเขานั้นย่ำแย่อย่างมาก
สถานการณ์ที่ทำให้แก่นแท้แห่งชีวิตเสียหายนั่นยังมีอีกมากมายนัก ทว่าหากมันเสียหายและไม่สามารถหาสมบัติล้ำค่ามาฟื้นฟูได้ทัน มันก็จะทำให้พวกเขาราวกับคนพิการไปตลอดชีวิต ยกเว้นก็แต่จะมีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่ยินดีจะสละแก่นแท้แห่งชีวิตของตัวเองบางส่วนเพื่อรักษาให้อีกฝ่าย ไม่งั้นมันก็ไม่มีทางฟื้นฟูได้ง่าย ๆ
แต่ทว่าสมบัติที่สามารถฟื้นฟูแก่นแท้แห่งชีวิตได้นั้นหาง่ายเสียที่ไหนกัน ? ไม่จำเป็นต้องพูดถึงตัวเลือกที่ให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนช่วยเหลือ ต่อให้เป็นเครือญาติหรือตัวหัวหน้าตระกูลเองก็ยังลังเลที่จะช่วย การใช้แก่นแท้แห่งชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาแก่นแท้แห่งชีวิตของอีกคน มันจะทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบไม่น้อย
พ่อครัวทำได้เพียงแค่มองหน้ากันไปมาพร้อมกับทำสีหน้ายากลำบาก ในขณะเดียวกันจิตใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จากคำพูดของเป่ยเฟิงมันราวกับจะเตือนพวกเขาว่าพวกเขาจะถูกฆ่าแน่นอนหากพวกเขาไม่เห็นด้วย
ชายชราคนหนึ่งอ้าปากและพูดขึ้น “ตาแก่อย่างข้าเริ่มทำอาหารในตอนที่มีอายุได้เพียงแค่ 10 ขวบ และนับตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ผ่านมา 300 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่เริ่มทำอาหาร อาจารย์ของข้าได้สอนไว้ว่าข้าต้องทำอาหารด้วยความจริงใจเพื่อสร้างอาหารที่อร่อยที่สุดขึ้นมา’
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความลังเลก่อนจะพูดต่อ “และข้าก็ทำแบบนั้นมาตลอด … สำหรับข้าแล้ว ต่อให้เป็นขนมปังธรรมดาข้าก็ต้องทำให้มันอร่อยที่สุด !”
คนอื่น ๆ ตกอยู่ในความคิดเดียวกันเมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เคารพอีกฝ่ายมากขึ้น เขาคือพ่อครัวที่แท้จริง …!
ในขณะเดียวกันความรู้สึกโศกเศร้าก็พุ่งออกมาในใจของพวกเขา ตาแก่คนนี้ไม่เคยทรยศหลักการของตัวเองเลยซักครั้งในชีวิต เขามีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปี นั้นหมายความว่าเขาจะมีอายุได้ไม่เกิน 400 ปี แล้วตาแก่คนนี้มีอายุมากกว่า 300 ปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเหลือเวลาอีกไม่มากนัก ดังนั้นเขาจึงยึดมั่นในหลักการของตัวเองจนถึงที่สุด
ในของทุกคนเต็มไปด้วยความซับซ้อน พวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนอกจากเคารพอีกฝ่าย แต่สำหรับตัวพวกเขาเอง พวกเขาควรจะเลือกอย่างไรดี ?
อย่างที่คาดไว้ พ่อครัวชรากล่าวต่อ “ถึงแม้ทักษะการทำอาหารของข้าจะไม่สูงมากนัก แต่อย่างน้อยข้าก็ยึดมั่นในหลักการของตัวเองมานานกว่าครึ่งชีวิต เวลาที่เหลืออยู่ของข้าก็ใกล้หมดแล้ว ดังนั้นสำหรับตาแก่อย่างข้าแล้ว ข้าขอเลือก …”
‘ดู ! นี่คือต้นแบบปรมาจารย์ที่แท้จริงงั้นหรือ ? นี่มัน !’
เพื่อยึดมั่นในหลักการของตัวเอง เขาถึงกับเลือกละทิ้งชีวิตของตัวเอง เขาเลือกที่จะตายมากกว่าสร้างอาหารขยะ !
ในสายตาของพ่อครัวคนอื่น ๆ มันราวกับว่าพ่อครัวชราคนนี้กำลังเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ !
ชายชราหยุดพักชั่วครู่ก่อนจะประกาศอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ตาแก่อย่างข้าขอเลือกที่จะชูนิ้วกลางเพื่อแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ต่ออาหาร ! ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ท่านหัวหน้าตระกูลต้องการ !”
“ตุ้บ !”
“แกร๊ก !”
“สวัสดี ? 911 ? รถคว่ำช่วยมาที พอดีทางโค้งมันชิดเกินไป !”
ผู้คนที่กำลังฟังชายชราด้วยความเคารพถึงกับตกตะลึง บัดซบ น้องสาวแกสิ ! พวกเราได้ยินผิดหรือแกพูดผิดกัน ? ทันใดนั้นภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่ายก็พังทลายโดยสมบูรณ์ !
บัดซบ ทำไมแกไม่พูดมันออกมาตรง ๆ ?
จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระที่มันไม่เกี่ยวอะไรด้วยนานขนาดนี้เลยหรือยังไงกัน ?
คนรอบ ๆ อยากจะคว้าคอชายชราแล้วถามเขาว่า แกยังมีเกียรติของพ่อครัวอยู่ไหม แล้วหลักการของแกอะไรนั้นแกให้หมาที่บ้านแกกินไปแล้วงั้นรึ ?
เจ้าแก่นี้ไร้ยางอายเกินไปแล้ว …
แต่ในพวกเขาก็คิดว่าการตัดสินใจของชายชราไม่ผิดแม้แต่น้อย … เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขาเตรียมตัวจะทำเช่นกัน …
ตลกแล้ว เมื่อเทียบระหว่างหลักการของชีวิตกับชีวิตน้อย ๆ ของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าอะไรสำคัญกว่า !
ในขณะเดียวกันพ่อครัวชราดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก เขาเริ่มย่างสัตว์อสูร 5 ตัวพร้อมกัน ท่านหัวหน้าตระกูลสั่งมาว่าต้องการแค่ความเร็วและไม่สนใจรสชาติ หึ ! ในไม่ช้าไฟที่ลุกโชนอยู่ด้านล่างสัตว์อสูรทั้ง 5 ตัวก็ท่วมตัวพวกมัน !
เปลวไฟเหล่านี้ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา ๆ แต่พวกมันคือเปลวไฟพิเศษที่ถูกจุดโดยใช้ไม้จิตวิญญาณชนิดพิเศษเป็นเชื้อเพลง
อุณหภูมิของเปลวไฟสูงมากและทุกคนก็สามารถบอกได้ทันทีว่าด้านนอกของสัตว์อสูรเหล่านี้ถูกเผาจนสุกแล้ว
เป่ยเฟิงหันไปมองคนรอบ ๆ และนั่นก็ทำให้ทุกคนสั่นกลัวทันที หลักการหมามันสิ หลักการบ้าบออะไรกัน … พวกเขาโยนพวกมันออกไปนอกหน้าต่างในทันที !
มีบางคนเผลอสบตากับเป่ยเฟิง พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังสบตากับสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่ง !
พวกเขาทำได้เพียงแค่ปรุงอาหารด้วยการเผาเท่านั้น ทำไมพวกเขาถึงเลือกวิธีนี้ ? เพราะมันเร็วสุดนอกเหนือจากการกินแบบดิบ ๆ ยังไงล่ะ …
ในไม่ช้าไม้จิตวิญญาณชนิดพิเศษจำนวนมากก็ถูกโยนลงไปในกองไฟ จากนั้นความร้อนก็เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ
คลื่นความร้อนพุ่งออกมาจากห้องครัวและห้องครัวในตอนนี้ก็ราวกับเตาเผาขนาดใหญ่ โชคดีที่ห้องครัวถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่แข็งแรง พวกเขาจึงไม่กลัวที่มันจะเกิดไฟไหม้ขึ้น
ทุกคนในที่แห่งนี้คือผู้ฝึกตน แม้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น แต่เพียงแค่พวกเขาโคจรเลือดฉีหนึ่งรอบ ความร้อนในตัวพวกเขาก็ลดลงแล้ว
เป่ยเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นก็หันหลังกลับ อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็ยังรู้ดีว่าอะไรดีสำหรับพวกเขา หากพวกเขาเลือกอีกตัวเลือก เขาจะไม่ฆ่าอีกฝ่ายแต่เขาจะปล่อยให้คนเหล่านี้ต้องทนทุกข์ทรมานแทน
ตอนแรกเป่ยเฟิงตัดสินใจที่จะจัดการคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้เขาพบว่าไม่มีใครยึดมั่นในหลักการของตัวเองอีกต่อไปแล้ว !
ในขณะเดียวกัน หลี่ปู้กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงแรมเล็ก ๆ และร้านอาหารทั้งหมดในเมืองโดยมีคนกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ข้างหลังเขา เขาสั่งและไล่ลูกค้าทั้งหมดของอีกฝ่ายโดยใช้พลังของตัวเอง จากนั้นก็นำอาหารที่ถูกปรุงสุกทั้งหมดกลับมาที่ตระกูลหลี่ !
ตอนนี้ตระกูลหลี่ราวกับจักรพรรดิของเมืองซานชวน นอกจากนี้พวกเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ทุกคนยินยอมที่จะหลีกทางและทำตามที่พวกเขาต้องการทันทีโดยไม่สนใจว่าตัวพวกเขาเองจะเป็นใครก็ตาม ! ต่อให้ตัวพวกเขาคือหัวหน้าตระกูลที่มีฐานะสูงส่งก็ตาม !