ผู้ฝึกตนกว่าร้อยคนได้มารวมตัวกัน พวกเขาทั้งหมดมีพลังอยู่ที่ระดับร้อยปี
ในตอนนั้นมีชายคนหนึ่งหันไปพูดกับเพื่อนของเขา “พี่เฟิง ข้าอยากจะรู้ว่าจะมีซักกี่คนที่มีชีวิตรอดไปได้”
เฟิงวู่ส่ายหัวและพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าครั้งสุดท้ายที่ซากโบราณเปิด ตอนนั้นมีคนเข้าไป 1,300 คน แต่มีเพียง 10% เท่านั้นที่ยังมีชีวิตรอด และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถนำยาเปลี่ยนร่างออกมาได้’
“และคน ๆ นั้นก็ได้ประโยชน์จำนวนมากในการเดินทางครั้งนั้น ตอนนี้เขาถูกจัดอันดับติด 1 ใน 10 ของผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก’
ดวงตาของเฟิงวู่ลุกโชนไปด้วยความมุ่งมั่น ชื่อเสียงจะโด่งดังขนาดไหนกันหากติดอันดับน่ะหรือ ?
ตอนนั้นคน ๆ นั้นมีพลังเพียงระดับร้อยปี แต่ทว่าเขากลับพัฒนาอย่างราบรื่นจนสามารถบรรลุระดับราชาพันปีโดยใช้เวลาเพียง 100 ปี !
อันดับโลกส่วนใหญ่เต็มไปด้วยผู้มีพลังระดับราชาพันปี โดยอายุไม่จะถูกนำมานับ ซึ้งมีเพียง 1,000 คนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะติดอันดับ !
สำหรับผู้ที่ติด 1 ใน 10 ของอันแรกแรกนั้น ไม่ต้องจินตนาการเลยว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน !
“จำนวนคนที่มาครั้งนี้น่าจะมากกว่าครั้งที่แล้ว เป็นเพราะเอาผู้เชี่ยวชาญคนนั้นเป็นตัวอย่าง มันทำให้แม้แต่ตระกูลใหญ่ก็ยังมาที่นี่” คน ๆ นั้นพูดขึ้นด้วยความกังวล หากมีคนมากขึ้นย่อมหมายความว่าโอกาสที่จะได้รับสิ่งที่เรียกว่า ‘ความบังเอิญ’ ย่อมมีน้อยลง
ยิ่งกว่านั้น อัจฉริยะจากตระกูลใหญ่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังหรือพรสวรรค์
เป่ยเฟิงเดินตามอินทรีเก้าหัวและราชาเสือดำมายังที่โล่งแห่งหนึ่ง จากนั้นอินทรีเก้าหัวก็พูดกับเขาไม่กี่คำก่อนจะรีบจากไป เป่ยเฟิงนั่งลงสบาย ๆ และมองผู้คนที่อยู่รอบ ๆ
สัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่มีพลังมากสุดอยู่ที่ระดับราชาพันปีขั้นสูงสุด สำหรับมนุษย์มีมนุษย์อยู่ที่นี่กว่า 2-300 คน ส่วนผู้มีพลังถึงระดับราชาพันปีนั้นมีไม่ถึง 20 คน
หากสังเกตุดี ๆ จะพบว่า 20 คนนี่อยู่ที่นี่เพื่อปกป้องอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของพวกเขา
เป่ยเฟิงมองไปรอบ ๆ ก่อนจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขายังมีเวลาเพียงพอก่อนที่ซากโบราณจะเปิด คนเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ของจำนวนทั้งหมด
‘หากคนเหล่านี้ต้องการอยู่รอดไปจนถึงตอนจบ อาศัยเพียงแค่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันคงไม่พอ’ เป่ยเฟิงประเมินพวกเขาเงียบ ๆ สัตว์อสูรทั้งหลายต่างยินดีที่จะให้มนุษย์เข้าไปในซากโบราณที่พวกมันปกป้องอยู่ นั่นเป็นเพราะหากมนุษย์สามารถมีชีวิตรอดมาได้ มนุษย์ผู้นั้นก็จะได้รับประโยชน์จำนวนมาก
พรสวรรค์ของคนเหล่านี้สูงกว่าผู้มีพลังระดับร้อยปีธรรมดา ๆ แม้ว่าจะเทียบกับกองกำลังที่เขาช่วยพัฒนามาเองไม่ได้ก็ตาม แต่ทว่าอินทรีเก้าหัวได้บอกว่าไม่ใช่แค่เป่ยเฟิงเท่านั้นที่เป็นพวกเดียวที่จะเข้าสำรวจในครั้งนี้
การจากไปของอินทรีเก้าหัว มีแนวโน้มว่ามันจะไปหาคนมาเพิ่ม
มันเดาไม่ยากเลยว่าทำไมมันถึงพาคนมาเพิ่ม นั่นก็เพราะมันคาดหวังไว้สูงดังนั้นจึงหาคนมาเพิ่มเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะทำสำเร็จ
หากเปรียบเทียบระหว่างคนที่อยู่รอบ ๆ กับกองกำลังของเป่ยเฟิง เป่ยเฟิงคิดว่าคนของเขาแข็งแกร่งกว่าเพราะเขามอบทรัพยากรจำนวนมากให้ แต่ทว่ารากฐานของพวกเขายังอ่อนแอเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่รอบ ๆ ที่นี่แต่พวกเขามีจำนวนน้อยเกินไป
เป่ยเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกคนของเขาทั้ง 8 คนเข้ามา
เขามองไปที่พวกเขาและพูดขึ้น “พลังในปัจจุบันของพวกเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะเอาชีวีตรอดมาได้ ตอนนี้ข้าจะมอบวิชาต่อสู้ให้พวกเจ้าแต่ละคน ซึ้งเจ้าจะทำความเข้าใจมันได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับโชคของพวกเจ้าเอง ข้าหวังว่าจะเห็นพวกเจ้าทุกคนกลับมาแบบมีชีวิตรอดได้”
“ขอรับ !”
ใบหน้าของทั้ง 8 คนเต็มไปด้วยความตื้นตัน พวกเขาเดินตามหลังเป่ยเฟิงและได้รับรู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เหนือกว่าความเข้าใจของพวกเขาในโลกใบนี้ และในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบว่าพวกเขามันอ่อนแอสิ้นดี
แต่ตอนนี้โอกาสมันมาถึงแล้ว พวกเขาได้โอกาสในการแข่งกับผู้มีพลังระดับเดียวกัน มันถึงเวลาที่ทั้ง 8 คนจะแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาออกมา
“ตั้งมั่นในจิตและทำให้ฉีของเจ้าสงบลง !” เป่ยเฟิงเปล่งเสียงจากนั้นทั้งแปดคนก็ตกอยู่ในสภาวะตั้งมั่น
ในเวลานั้นเมล็ดแปดเมล็ดก็พุ่งออกมาจากพลังจิตของเป่ยเฟิง มันพุ่งเข้าไปในจิตใจของทั้งแปดคนโดยตรง
ที่เขาสอนไปนั้นแท้จริงแล้วมันคือวิชาสัตว์อสูร !
วิชาสัตว์อสูรมันมีความแตกต่างกันไป ซึ้งเขาแบ่งมันออกมาถึง 8 รูปแบบและส่งผ่านพวกเขาไปตามลักษณะของแต่ละคน
ในไม่ช้าทั้งแปดคนก็สูญเสียการรับรู้ของโลกภายนอกไป
เมล็ดพลังจิตของเป่ยเฟิงพุ่งเข้าไปในจิตใจของพวกเขา มันสร้างภาพที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นในใจของพวกเขา
สัตว์อสูรที่ทรงพลังแต่ละตัวกำลังเคลื่อนไหวไปตามแบบของพวกมัน
น้ำเทียนจุนช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับพวกเขา ตอนนี้ทุกคนต่างทุ่มเทไปกับการทำความเข้าใจสื่งที่ท่านหัวหน้าตระกูลมอบให้
เมื่อเห็นทั้งแปดคนเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง เป่ยเฟิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะเอาชีวิตรอดกลัมาได้หรือไม่
เขาไม่ใช่คนเลี้ยงสัตว์ที่อยากจะซ่อนฝูงแกะไว้ด้านหลังโดยที่ตัวเองออกมาเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง สิ่งที่เขาต้องการคือการเลี้ยงกลุ่มหมาป่าหิวโหยที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้กับเขา !
หมาป่าที่เขาเลี้ยงแน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา พวกมันต้องเป็นหมาป่าที่สามารถเดินทางไกลได้พันลี้ พวกมันสามารถกินเนื้อหรือทุกอย่างที่พวกมันเดินทางไกลพันลี้ได้ พวกมันต้องกินทุกอย่างที่ขวางหน้า !
หากทั้งหมดสามารถเอาตัวรอดมาได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่หากทำไม่ได้ เป่ยเฟิงก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ในเมื่อพวกเขาเลือกที่จะก้าวเดินในเส้นทางของนักสู้ นั่นหมายความว่าการต่อสู้และการฆ่าคือเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันของพวกเขา
กองกำลังของเขาในตอนนี้เสมือนได้กลับมายืนอยู่บนจุดที่สูงขึ้นไปอีกนิด หากพวกเขายังต้องตายอีกก็ได้แต่โทษว่าตัวเองเป็นขยะเท่านั้น
จะตำหนิเป่ยเฟิงว่าใจร้ายไม่ได้ โลกของนักสู้มันก็เป็นแบบนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีของจำกัด มีเพียงคนที่พร้อมจะเสี่ยงเท่านั้นถึงจะได้มันมาครอง
ในสถานการณ์ที่ทรัพยากรมีจำกัด หากคน ๆ นั้นต้องการคว้ามันมานั่นหมายความว่าคนอื่นก็จะไม่ได้มัน แล้วสถานการณ์แบบนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นตามมางั้นหรือ ?
นั่นก็คือการต่อสู้ !
สาเหตุของการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่น ๆ ต้องมาสนใจ แน่นอน ชีวิตและความตายของพวกเขาก็ด้วยเช่นกัน !
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ผ่านไป 3 วัน
3 วันนี้เมฆและหมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ
เป่ยเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ไม่เหมือนใครจากในเมฆ
“หยิน !”
นกสีเขียวขนาดใหญ่กางปีกกว้างหลายร้อยเมตรร้องขึ้น จากนั้นก็ค่อย ๆ ล่อนลงมาจากท้องฟ้า
ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากร่างของมัน มันเป็นสัตว์ร้ายที่มีพลังใกล้เคียงระดับหมื่นปี !
สัตว์ร้ายตัวนี้ต่างจากสัตว์อสูร สัตว์ร้ายจะมีความคิดที่เรียบง่ายและไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ทว่าความแข็งแกร่งของพวกมันไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย
มีรุ่นเยาว์กว่า 10 คนนั่งอยู่บนหลังสัตว์ร้ายสีเขียวตัวนี้ พวกเขาดูสง่างาม ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ตระกูลฉิงมาแล้ว !”
“ใครจะไปคิดกันว่าแม้แต่ตระกูลฉิงก็มาด้วย ! ชายคนนั้นเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉิง เขาน่าจะมีพลังระดับหมื่นปี !”
“ฉิงซู่หยูก็มาที่นี่ด้วย ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไม่เบา ข้าได้ยินมาว่าเขาสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังระดับราชาพันปีด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายเท่านั้น !”
“ใครจะไปคิดกันว่าตระกูลฉิงจะยอมเสี่ยงมากขนาดนี้ พวกเขาเป็นอัจฉริยะที่ไร้ขีดจำกัด ! พวกเขาไม่กลัวว่าจะเอาชีวิตมาทิ้งในซากโบราณงั้นหรือ ?”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างอ้าปากค้าง พวกเขาพูดคุยกันอย่างเมามันส์
“วิ้ง !”
ในขณะเดียวกัน เรือเหาะสูง 20 จั้งยาว 100 จั้งก็พุ่งทะลุท้องฟ้าลงมา เพียงไม่กี่นาทีมันก็เดินทางไปได้ไกลหลายหมื่นเมตร ไม่น่าแปลกที่เรือขนาดใหญ่เช่นนี้จะไม่มีเสียงดังรบกวนแม้แต่น้อย
เรือมันดูทั้งเก่าและเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้มากมาย มันมีรอยใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ตามลำ มันดูราวกับใกล้พัง แต่ทว่ามันกลับไม่มีใครกล้าพูดใด ๆ ออกมาแม้แต่น้อย
นั่นเป็นเพราะว่ามันมีธงที่แขวนอยู่บนเสากระโดงเรือ โดยมันมีคำว่า ซุย อยู่บนนั้น
“ปึง ปึง !”
เสียงดังมาจากไกล ๆ ตรงทิศตะวันออกพร้อมกับพื้นดินที่เริ่มสั่นสะเทือน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกันจากนั้นปากก็อ้าค้าง
มนุษย์ขนาดมหึมาเดินมาจากระยะไกล ความสูงของเขาสูงกว่าพันเมตร !
มนุษย์ผู้นี้มีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขา !
แต่ละก้าวของเขามันดูช้า แต่ทว่ามันกลับก้าวแบบสม่ำเสมอ
ด้วยขนาดของเขาที่ดูใหญ่ มันทำให้ทุกก้าวที่ก้าวออกไปนั้นไกลหลายสิบกิโลเมตร !
รอยเท้าขนาดใหญ่ถูกทิ้งเอาไว้บนพื้น มันทำให้สัตว์อสูรที่หนีไม่ทันหลายตัวถูกบีบกลายเป็นเนื้อบด
สัตว์อสูรระดับราชาพันปีที่บินได้หลายตัวถึงกับตกใจกลัว พวกมันรีบหนีไปให้พ้นทางอีกฝ่าย แต่ทว่ายักษ์ตัวนั้นเพียงแค่เอื้อมมือคว้าออกไป จากนั้นก็จับสัตว์อสูรเหล่านั้นเข้ามาในปาก
“ฟ่อ ! นั่นมันสัตว์อสูรระดับราชาพันปีขั้นสูงสุดเลยนะ !”
“เจ้ายักษ์นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว !”
“นั่นมันคนจากนิกายปีศาจแรกเริ่ม !”
“พลังฉีของเจ้ายักษ์นั่นแข็งแกร่งเกินไป ! แม้ว่ามันจะดูไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการฝึกฝน แต่อาศัยแค่พลังฉีของมัน มันก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับผู้มีพลังระดับหมื่นปี !”
“เขาเป็นชนพื้นเมืองที่อยู่ในหอเชื่อมสวรรค์ลำดับที่ 23 ชาวพื้นเมืองไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ร่างกายของพวกเขาทรงพลังจนน่าตกใจ ทันทีที่พวกเขาเกิดมาพวกเขาก็จะมีพลังเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับสามของร้อยปี ! และเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีพลังเทียบได้กับผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นสูงสุด ! ผู้ที่โดดเด่นหน่อยตั้งแต่เด็กก็จะมีพลังเทียบเท่าผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นสูงสุด หากโตมาก็จะมีพลังเทียบเท่าผู้มีพลังระดับหมื่นปี !”
ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ พลังของอีกฝ่ายมันน่าตกตะลึงจนเกินจินตนาการของพวกเขา อีกฝ่ายแข็งแกร่งได้ง่ายโดยที่ไม่ต้องมีความรู้เรื่องการฝึกฝนใด ๆ
หอเชื่อมสวรรค์ลำดับที่ 23 มันไม่สามารถสำรวจได้หมดนั่นเป็นเพราะการปรากฎตัวของยักษ์ที่น่ากลัวเหล่านี้
ทรัพยากรภายในที่แห่งนั้นน่าจะมีมหาศาล มันจึงไม่แปลกที่ชาวพื้นเมืองจะได้รับประโยชน์มากที่สุด มันถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ฝึกตนด้านกายาเลยก็ว่าได้ !
นิกายอสูรแรกเริ่มก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดไปจนถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยผู้ชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม !
นิกายแห่งนี้มีประวัติอันยาวนาน พวกเขาเชื่อในร่างกายและหมัดของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาฝึกฝนร่างกายเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจที่จะกลั่นฉีแม้แต่น้อย
ทุก ๆ ขั้นตอนในการฝึกนั้นใช้ทรัพยากรอย่างน้อย 10 เท่าของผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ซึ้งจากประวัติอันยาวนานได้บอกไว้ว่าพวกเขามีจำนวนน้อยมาก ๆ
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ผู้คน มันก็ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นยักษ์ตัวเล็กที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกว่า 20 คนกำลังยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์ แต่ละคนสูงกว่า 2-3 เมตรเลยทีเดียว
ดวงตาของพวกเขามีสีแดง มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ไม่นานก็มีนิกายและตระกูลจำนวนมากเดินทางมา มันทำให้ผู้คนอ้าปากค้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ว่านิกายหรือตระกูลใหญ่เหล่านี้จะไม่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขามีตัวตนระดับหมื่นปีอยู่ด้วย รากฐานของพวกเขาล้ำลึกและไม่มีทางที่จะประเมินพวกเขาได้ง่าย ๆ
เป่ยเฟิงจับตามองพวกเขา ความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ พวกเขาแต่ละคนแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนของเขาเสียด้วยซ้ำ
แม้ว่าคนของเขาจะมีพลังระดับร้อยปีขั้นสูงสุด แต่ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวราชาพันปีก็ยังไม่สามารถประมาทได้
และมีถึง 3 คนที่ดูดีไม่น้อย
เป่ยเฟิงมอง 3 คนอย่างจริงจัง คนแรกคือฉิงริยู่จากตระกูลฉิง โดยปกติแล้วเส้นทางการฝึกฝนของผู้ชายนั่นควรจะแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับประสบความสำเร็จมากกว่า เป่ยเฟิงจึงคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะไม่ธรรมดา แม้แต่แรงกดดันที่กระจายออกมาจากตัวเธอก็ยังอ่อนแอกว่าเขาในตอนที่ยังไม่เป็นระดับราชาพันปีเพียงเล็กน้อย
อีกคนคือเด็กหนุ่มสูง 1.7 เมตรจากนิกายปีศาจแรกเริ่ม เมื่อเทียบกับสหายข้าง ๆ แล้วเขาดูราวกับไก่ท่ามกลางฝูงนกกระเรียน
แต่ทว่าออร่าเลือดฉีของเขากลับแข็งแกร่งอย่างมาก นอกจากนี้มันยังมีลวดลายคล้ายดอกบัวโลหิตกระเพื่อมอย่างช้า ๆ ที่ด้านหลังของเขา แรงกดดันที่รั่วไหลออกมาจากร่างของเขามันราวกับว่าเขาสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังระดับราชาพันปีได้ !
คนที่สามคือเด็กหนุ่มจากตระกูลซุย ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง แต่ผมของเขาเป็นสีแดงเลือด ออร่ากระหายเลือดปะทุเต็มร่างของเขาพร้อมกับจิตสังหารที่ลอยไปมาอยู่ทั่วตัวเขา
จิตสังหารและออร่ากระหายเลือดนั่นดูราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับเขา อาศัยเพียงแค่ออร่าของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสองคนก่อนหน้านี้แล้ว !
ทั้งสามล้วนเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ หากพวกเขาบรรลุระดับราชาพันปี มันมีความเป็นไปได้ที่อย่างน้อยพวกเขาจะหลอมรวมเลือดฉีได้อย่างน้อย 90% !
แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ที่จะไปถึงสมบูรณ์แบบ !
สูงกว่า 90% ยังมี 91% 92% … ไปเรื่อย ๆ จนถึง 100% !
แม้ว่า 90% และ 100% อาจจะดูเหมือนถูกกั้นด้วยเส้นบาง ๆ แต่ความจริงแล้วมันคือระยะทางไม่มีทางทำได้ง่าย
ด้วยพรสวรรค์ชั้นยอดและรากฐานที่มั่นคง ไหนจะอำนาจหนุนหลังอีก อนาคตของพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าไม่มีทางประเมินได้
เป่ยเฟิงไม่คิดเลยว่าจะมีอัจฉริยะระดับสูงจำนวนมากมาเสี่ยงกับซากโบราณแห่งนี้
และในไม่ช้า 12 กลุ่มใหญ่สุดท้ายก็มาถึง ซึ้งชื่อแต่ละคนนั้นสามารถเขย่าแผ่นดินด้านนอกได้ !
นอกจากนี้พวกเขายังตามมาด้วยผู้มีพลังระดับหมื่นปีถึง 12 คนที่มาพร้อมกับศิษย์ของพวกเขา !