Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 632

ตอนที่ 632

เมื่อคิดว่ายาเปลี่ยนร่างที่พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมาเป็นเพียงขยะบางส่วนของนิกายเหล่านั้น มันทำให้เขาอยากจะกระอักเลือดออกมา

ผู้ฝึกตนที่เพิ่งออกมาจากซากโบราณไม่รู้ว่าสัตว์อสูรที่เคารพกำลังคิดอะไรอยู่ หากพวกเขารู้ พวกเขาคงสาปแช่งอย่างแน่นอน

บัดซบ แกทำเป็นกระอักเลือดเหมือนแกเป็นคนไปหามาเอง เราสิที่เป็นคนไปเสี่ยงชีวิตเพื่อไปหามันมา แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับแก ?

หากไม่ใช่ความว่าที่ว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ พวกเขาคงจัดการเจ้าสัตว์อสูรที่น่ารังเกียจนี้ไปแล้ว

สัตว์อสูรที่เคารพสำรวจยาเปลี่ยนร่าง จากนั้นก็ประกาศขึ้น “การสำรวจครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว การสำรวจครั้งต่อไปจะเป็นอีก 100 ปีนับจากนี้ ข้าหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกเจ้าทุกคนในเวลานั้น”

“น่าเสียดายเจ้าสัตว์ร้ายหลุมแห่งความว่างเปล่านั้น แต่ก็อย่างว่าแหละ หากมันออกมาจริง ๆ คงมีแต่พวกเราที่จะพินาศ” ผู้มีพลังระดับหมื่นปีถอนหายใจ

“ใช่ คุณค่าของสัตว์ร้ายหลุมแห่งความว่างเปล่ามันมีมากมายมหาศาล บางทีมันอาจจะมากกว่าสมบัติทั้งหมดที่ตระกูลข้าสะสมมาเสียด้วยซ้ำ”

กลุ่มผู้มีพลังระดับหมื่นปียืนอยู่กลางอากาศเฝ้ามองสัตว์ร้ายหลุมแห่งความว่างเปล่าด้วยความเสียดาย

“สัตว์ร้ายหลุมแห่งความว่างเปล่ามันน่ากลัวจริง ๆ คงมีแค่พวกเราเท่านั้นแหละที่รู้ถึงความน่ากลัวของมันแบบชัด ๆ” ผู้มีพลังระดับร้อยปีกล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจ

“หยุดมองได้แล้ว สัตว์ร้ายจิตวิญญาณแห่งความว่างเปล่ามันไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะฝันว่าจะจัดการมันได้” คนของตระกูลฉิงเยาะเย้ยเขา

“อย่าได้ดูถูกคนอื่นนัก เหตุผลเดียวที่เจ้าแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นนั้นก็เพราะเจ้าเกิดมาพร้อมกับภูมิหลังที่ดี เพราะมีตระกูลใหญ่หนุนหลัง พวกเจ้าเลยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการฝึกฝนหรอก !” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเยาะเย้ยกลับ

“หยุดซะ เจ้าอยากตายหรือยังไง ?” ผู้ฝึกตนพเนจรอีกคนรีบวิ่งมาห้าม

โดยไม่คาดคิด สมาชิกของตระกูลฉิงกลับพยักหน้าและยอมรับตรง ๆ “เจ้าพูดถูก การได้กลับมาเกิดเป็นสมาชิกในตระกูลใหญ่ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ”

ผู้ฝึกตนพเนจรเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาก้าวออกไปและพูดขึ้น “เจ้า !!! ข้าจะฝึกฝนให้หนักและจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าคนที่ไม่มีใครหนุนหลังเลยแบบข้าก็สามารถเอาชนะพวกเจ้าได้ด้วยความพยายาม ! ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา อย่าได้รังแกผู้เยาว์ให้มากนัก !”

ผู้คนรอบตัวเงียบลงทันที

ความเงียบกินเวลาอย่างน้อยหนึ่งนาที จากนั้นเสียงเยาะเย้ยก็ดังขึ้นจากฉิงริยู่ว “ไร้สาระ หากการฝึกหนักมันมีประโยชน์จริง งั้นจะมีอัจฉริยะไว้ทำไม ?”

“ฮ่าฮ่า ทำไมพวกเจ้าถึงได้แค่กลั่นแกล้งพวกผู้เยาว์กัน ? ทำไมพวกเจ้าไม่ลองดูว่าตอนนี้พวกเจ้าอายุเท่าไหร่กันแล้ว ?” ศิษย์ของนิกายอสูรแรกเริ่มเข้าร่วมเยาะเย้ยด้วย

เสียงหัวเราะของพวกเขาหยาบและเสียงดัง

รุ่นเยาว์ที่พูดนั้นยังมีอายุน้อย แต่ดูเหมือนเขาได้รับการยอมรับจากทุกคนเพราะสหายของเขาที่ร่วมด้วยกันต่างมีอายุหลายร้อยปี

“หลายร้อยปีที่ผ่านมาพวกเจ้าทุกคนก็เป็นได้เพียงแค่สุนัขเท่านั้น ด้วยพลังเพียงระดับร้อยปีทำไมเจ้าถึงได้มีความมั่นใจขนาดนี้ ?” คนของตระกูลฉิงเยาะเย้ยอีกฝ่าย

ร่างกายของเป่ยเฟิงสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนี้

“น่าสนใจ”

เป่ยเฟิงหันไปมองคนที่กำลังพูดกันอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ในโลกใบนี้ แม้ว่าคำเหล่านี้จะแตกต่างกันบ้าง แต่เขาก็คุ้นเคยกับมันดี

“ถ้าข้ามีทรัพยากรมากพอเหมือนพวกเจ้า ข้าคงไม่ก้าวไปได้ช้าแบบนี้หรอก !”

ผู้ฝึกตนคนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา ทำไมเขาถึงไม่มีโชคในเรื่องการฝึกฝน ทำไมเขาถึงไม่ต้องกังวลในเรื่องทรัพยากรและทักษะฝึกฝน ทำไมเขาต้องเสี่ยงตายเพื่อทรัพยากรเพียงเล็กน้อยกัน ?

คนของตระกูลฉิงหัวเราะและกวักมือยั่วยุ “เจ้าไม่คิดว่าตัวเองอ่อนแอกว่าข้างั้นรึ ? เข้ามา ข้าสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเจ้า”

“อย่าใจร้อน ชายคนนั้นเป็นศิษย์ของตระกูลใหญ่” คนที่อยู่ข้างเขาเตือน พวกเขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรเท่านั้น มันจะไปเทียบกับผู้ที่มีตระกูลใหญ่หนุนหลังได้ยังไงกัน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายลังเล คนของตระกูลฉิงจึงยิ้มและพูดต่อ “ไม่ต้องกังวล มันก็แค่การแลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ข้าจะไม่เอาความเจ้าแน่ มีคนมากมายที่นี่ พวกเขาจะเป็นพยานให้เจ้าได้ ถ้าไม่มีเหตุผลที่จะกลับคำพูด”

จางหยวนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ได้ เรามาสู้กัน ! ข้าจะทำให้รู้ว่าข้าไม่ได้อ่อนแอกว่าเจ้า !”

เมื่อคิดว่าตัวเองต้องสู้กับสัตว์อสูรอย่างดุเดือดมาตลอดหลายปีเพียงเพื่อทรัพยากร และเมื่อนึกถึงความสะดวกสบายของคนที่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง มันทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก

เขาไม่พอใจพวกตระกูลและนิกายเหล่านี้มานานแล้ว พวกเขาทำราวกับตัวเองสูงส่งและยิ่งใหญ่ตลอดเวลา ตอนนี้เมื่อมีโอกาสเขาก็จะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนพเนจร แต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าพวกที่ถูกดูแลโดยตระกูลใหญ่ !

“หกร่างกลืนกินสวรรค์ !”

“ดาบนิรันดร์”

ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง พวกเขาใช้วิชาสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา !

เลือดฉีอันน่าสะพรึงกลัวระเบิดออกเมื่อทั้งสองปะทะกัน

ภายในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งสองก็ปะทะกันไปหลายร้อยครั้งแล้ว !

“ปัง !’

“เป็นไปไม่ได้ !”

มีใครบางคนพุ่งออกมาจากพร้อมกับรอยฝ่ามือที่ประทับอยู่ที่หน้าอก

แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ร้ายแรง แต่อวัยวะทั้งห้าของเขาและภายในทั้งหกต่างได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

“น่าผิดหวัง นี่คือความสามารถที่เจ้ามี ? มันไม่พอแม้แต่จะรับฝ่ามือของข้าเลยแม้แต่น้อย” คนของตระกูลฉิงส่ายหัวด้วยความรังเกียจ

“เจ้าบอกว่าเจ้าแข็งแกร่งแต่เจ้าไม่รู้วิธีใช้มัน แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาวุ่นวายกับข้า ? เจ้าไม่มีสิทธิ์ แต่ข้ามีสิทธิ์ !”

“สิทธิ์ที่ข้าได้มามันก็มาจากชีวิตของผู้แข็งแกร่งรุ่นก่อนที่สร้างขึ้นมาบนดวงดาวเทียนมู่ !”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นดอกไม้ที่เติบโตในโรงเรือน เป็นเด็กทารกอ่อนแอตัวเล็กที่ต้องได้รับการปกป้องตลอดเวลาหรือยังไง ? เมื่อตอนข้าอายุเพียง 14 ปี ข้าก็ได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรแล้ว ตอนนั้นเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ?” คนของตระกูลฉิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เป็นไปไม่ได้ ! ข้ามีพลังระดับร้อยปีเหมือนกัน นอกจากนี้ทักษะต่อสู้ของข้าก็ไม่เลวเช่นกัน ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งกว่าข้า ?”

จางหยวนไม่สามารถยอมรับได้ เขาพ่ายแพ้ได้ง่ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?

“ถึงแม้ข้าจะบอกว่าจะไม่ทำให้เจ้าต้องตาย แต่ข้าจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าใครก็สามารถเข้ามาท้าทายตระกูลฉิงได้ตราบที่เขาต้องการ” เมื่อพูดจบเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและเตรียมจะลงมือ

เป่ยเฟิงก้าวออกมาและพูดอย่างสงบ “พอแล้ว ให้เรื่องมันลงแค่นี้เถอะ ไว้หน้าข้าบ้าง”

“ท่านหัวหน้าตระกูล … ?’

หลี่ปู้และหลี่ปิงมองหน้ากันทันที แม้ว่าเป่ยเฟิงจะปฎิบัติกับตระกูลของตัวเองอย่างดิบดี แต่พวกเขารู้ดีว่าเป่ยเฟิงไม่ใช่พวกที่ชอบไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเข้าไปยุ่งกัน ?

เป่ยเฟิงไปยืนขวางทางคนของตระกูลฉิงและปลดปล่อยพลังระดับราชาพันปีออกมา

ความจริงแล้วนี่คือสิ่งที่เป่ยเฟิงตั้งใจจะทำ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดที่คุ้นเคยของโลกใบเดิม มันทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงประโยคเดียวก็ตาม

คนของตระกูลฉิงลังเลครู่หนึ่งและพูดขึ้น “ในเมื่อผู้อาวุโสเอ่ยปาก งั้นเรื่องนี้ถือว่าจบลงที่นี่แล้วกัน”

“ขอบคุณมาก” เป่ยเฟิงพยักหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายไว้หน้าเขา เขาจึงตอบรับอีกฝ่ายเช่นกัน

เลือดค่อย ๆ ไหลออกมาจากริมฝีปากของจางหยวน ดวงตาของเขาเต็มไปดวามริษยาพร้อมกับพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องมายุ่ง ซักวันหนึ่ง ซักวันหนึ่งข้าจะใช้ความแข็งแกร่งบอกกับพวกเจ้าทุกคนว่าข้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเจ้าทุกคน !”

ใบหน้าของคนตระกูลฉิงเปลี่ยนไป เขาหันไปถามเป่ยเฟิง “ผู้อาวุโส นี่ … ?”

ร่างของเป่ยเฟิงแข็งเล็กน้อย ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาหันไปมองจางหยวนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ข้าไม่ค่อยแสดงความมีน้ำใจออกมาบ่อยนัก แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร ? ตอนนี้แม้ว่ามันจะแปลก … แต่ข้ามีคำถามอยากจะถามบางอย่างจากเจ้า”

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท