Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 615

ตอนที่ 615

“หยุด !”

“ฆ่า !”

เหล่าผู้ติดตามของชายวัยกลางคนไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสถานการณ์แบบนี้

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาจะเอาชนะเป่ยเฟิงได้ง่าย ๆ แต่ในไม่ช้ากระดานมันกลับพลิกกลับโดยสมบูรณ์ !

ตั้งแต่เริ่มพวกเขามีเวลาหายใจไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น แต่ผลลัพธ์มันกลับตาลปัตรขนาดนี้ !

พวกเขาเชื่อมั่นในตัวของชายวัยกลางคนไม่น้อย เนื่องจากมันมีระยะความต่างของพลังระหว่างเป่ยเฟิงและชายวัยกลางคนอยู่

นอกจากนี้มันยังมีพวกสัตว์อสูรระดับราชาพันปีที่คอยดูท่าทีอยู่รอบ ๆ

ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่คิดว่าจะเกิดผลลัพธ์แบบนี้ !

แม้ระยะห่างของพวกเขากับชายวัยกลางคนจะสั้น ๆ และสามารถพุ่งเข้าไปหาได้ภายในไม่กี่วินาที แต่มันกลับไม่ง่ายขนาดนั้น

“ฮึ่ม พวกอ่อนแอไม่มีสิทธิ์ขอความช่วยเหลือ !” เป่ยเฟิงล้อเลียนชายวัยกลางคนก่อนจะโจมตีต่อไป

“อ๊าก ! ขวางกั้น ! โล่ไทเทเนียม ! เกราะอมตะ !”

ชายวัยกลางคนไม่คิดเลยว่าชายคนนี้จะโจมตีออกมาได้หลากหลายกระบวนท่าภายในไม่กี่วินาที !

ชายวัยกลางคนได้ใช้พลังวิญญาณของเขาอย่างเต็มที่ในการป้องกันการโจมตีของเป่ยเฟิง

“น่าขัน แกพูดมาได้ยังไงว่าเกราะอมตะ ?”

เป่ยเฟิงถึงกับชะงักไปชั่วครู่ ต้องยอมรับเลยว่าเซ้นส์การตั้งชื่อของอีกฝ่ายห่วยแตกกว่าเขามาก

“มังกรเสือ คู่เคลื่อน !”

เสือและมังกรรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วพุ่งไปตามหมัดของเป่ยเฟิง

“โฮก !”

“โฮก !”

เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้นสองครั้งพร้อมกับเป่ยเฟิงที่ขยับออกหมัด !

ด้วยความแข็งแกร่งของมังกรและความดุร้ายของเสือ มันทำให้หมัดของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก และหมัดที่น่าสะพรึงกลัวนี้ก็พุ่งตรงเข้าหาชายวัยกลางคน

“ปัง !”

หมัดพุ่งทะลุหน้าอก !

ในเวลานั้นไม่มีแม้แต่เสียงกระทบของโลหะ

แต่มันเป็นเสียงระเบิด

เลือดฉีของชายวัยกลางคนบาดเจ็บสาหัส

อวัยวะภายในของเขาครึ่งหนึ่งบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของเป่ยเฟิง !

หากเป็นผู้มีพลังเพียงร้อยปีจะต้องตายทันทีที่บาดเจ็บหนักขนาดนี้ แต่เพราะชายคนนี้มีพลังระดับราชาพันปีดังนั้นเขาจึงสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว แต่ทว่ามันจะทำให้รากฐานของเขาสั่นคลอนไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังดีกว่าถูกฆ่า !

เลือดสด ๆ หยดลงมาจากหน้าอกของเขา

“ขวางมัน ! ขวางมันที !”

ชายวัยกลางคนยิ้มให้กับผู้ติดตามของเขาที่พุ่งเข้ามา

“พี่ใหญ่ รีบหนีไป !”

“หลบเร็วเข้า !”

ทันใดนั้นเขาก็พบว่าผู้ติดตามของเขาดูตกใจอย่างมาก

“อุฟ !”

เงาสีดำที่มีรูปร่างเหมือนดาบเหวี่ยงไปทั่วร่างของชายวัยกลางคน

ที่คอของเขาค่อย ๆ มีเลือดซึมออกมา จากนั้นทั่วร่างของเขาก็ฟันขาดสะบั้น !

มันเป็นเป่ยเฟิง เขาใช้ดาบฉีที่เขาสร้างขึ้นมาฟันชายวัยกลางคน !

ดาบของเป่ยเฟิงไม่ได้มีคมเหมือนดาบ นอกจากนี้ตรงปลายของมันก็ไม่ใช่ใบมีด แต่ทว่ามันเป็นฟันฉลาม !

แถวของฟันที่แหลมคมบนตัวดาบทำให้มันดูเหมือนฟันฉลามของจริง !

เมื่อเห็นร่างกายของเขาระเบิด เป่ยเฟิงก็พึมพำ “หืม ? ดูเหมือนข้าจะลงมือหนังไป มันสะบั้นแม้แต่ร่างกายของเขา”

มันเป็นร่างกายที่ยอดเยี่ยม ! เขาควบคุมพลังจิตให้ยึดส่วนของร่างกายเข้าด้วยกันอย่างช้า ๆ

แต่ทว่าเพราะเขาเผลอทำลายอวัยวะภายในของอีกฝ่ายไปโดยไม่ตั้งใจ มันทำให้แม้ว่าจะรวบรวมชิ้นส่วนต่าง ๆ มาได้แต่มันก็ไม่มีสามารถพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ในอนาคตแล้ว

“พี่ใหญ่ !”

“ตาย ! ตาย ! ข้าจะฆ่าแก !”

ทั้ง 5 คนพุ่งเข้าหาเป่ยเฟิง ชายวัยกลางคนที่สูงกว่าหนึ่งจั้งคำรามพร้อมกับดวงตาสีแดง มันแสดงให้เห็นว่าเขาได้คลั่งไปแล้ว !

ร่างของเขาใหญ่โตจนทำให้คนอื่นรู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังมากกว่าผู้ใด จับคู่กับพลังวิญญาณที่เขาใช้มันยิ่งทำให้ร่างของเขาใหญ่ขึ้นไปอีก !

กล้ามเนื้อของเขาดูแข็งเหมือนเหล็ก มันโป่งพองและแข็งจนดูอันตราย

“ฆ่าข้าสิ ถ้าแกทำได้ละก็นะ”

เป่ยเฟิงเฉยชาจากนั้นเขาก็ก้มตัวลงหมอบเหมือนเสือที่เตรียมจู่โจม

“โลหิตชะรำสวรรค์ !”

เป่ยเฟิงตะโกนด้วยท่าทางที่เหมือนเสือ !

เสือขาวหิมะไร้ตำหนิปรากฎตัวด้านหลังเขาพร้อมกับจิตสังหารอันทรงพลัง !

ใช่ มันเป็นเสือขาว !

เสือขาวที่เป็นหนึ่งในสี่สิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน !

“ฆ่า !”

“ปัง !”

ชั้นน้ำแข็งสีเข้มปรากฎขึ้นบนพื้นเมื่อเสือปรากฎตัว

“นี่มันสัตว์อสูรอะไรกัน !”

“สายเลือดชั้นสูง ! ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ?”

“แม้แต่เสือโลหิตจากเผ่าเสือก็ไม่สามารถเทียบกับสัตว์อสูรตัวนี้ได้ !”

“ในเมื่อมนุษย์คนนี้สามารถสร้างเทวรูปของเจ้าตัวนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาเคยเห็นสัตว์อสูรตัวนี้มาก่อนแน่นอน !”

“ดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นมันมาก่อนนะ แต่ที่ไหนซักที่นี่แหละ”

เหล่าสัตว์อสูรที่มีพลังระดับราชาพันปีถึงกับตัวสั่นไปพร้อมกัน พวกมันไม่เคยเห็นสัตว์อสูรเช่นนี้มาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงภาพลวงตาที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นแต่มันก็ทำให้พวกมันรู้สึกถึงบางอย่างพิเศษ !

สัตว์อสูรที่ทรงพลังคิดไปคิดมาก่อนจะคำรามขึ้น “พระราชวัง ! ใช่แล้ว มันต้องเป็นสัตว์อสูรในพระราชวัง ! พวกเจ้าไม่คิดว่าสัตว์อสูรตัวนั้นมันเหมือนกับเทพมารราชาเสือขาวหรือยังไงกัน ?”

“มนุษย์รู้จักเทพเจ้าปีศาจเสือขาวได้ยังไงกัน ? มันผ่านมาตั้งหมื่นปีแล้วนะตั้งแต่เทพมารเสือขาวได้ปรากฎตัวออกมา !”

สัตว์อสูรเหล่านี้สับสนมาก มันเคยมีตำนานไว้ว่าเทพมารเสือขาวนั้นเคยมีตัวตนอยู่จริง ๆ แต่มันผ่านมาเป็นหมื่นปีแล้วตั้งแต่ที่เทพมารเสือขาวปรากฎตัวครั้งสุดท้าย นอกจากนี้เทพมารยังไม่ได้ทิ้งลูกหลานไว้เบื้องหลังอีกด้วย ดังนั้นหากนับตามสายเลือดแล้วกล่าวได้ว่าในเหล่าสายเลือดของเสือ เทพมารเสือขาวถือว่าเป็นราชาของพวกมัน

เป่ยเฟิงไม่ได้รู้เรื่องเหล่านี้ เทวรูปเสือขาวนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เขาจิตนาการขึ้นมาในตอนที่ฝึกฝนรูปแบบเสือเท่านั้น

หมียักษ์และมังกรเองก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎตัวในโลกมาก่อนเช่นกัน ดังสัตว์อสูรเหล่านี้จึงไม่อาจเข้าใจถึงแรงกดดันและพลังของทั้งคู่ สำหรับอินทรีทะลวงสวรรค์นั้น แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งมาก แต่สายเลือดของมันก็ไม่สามารถนำมาเทียบได้กับสัตว์อสูรที่มีพลังระดับราชาพันปี

“อ่อนแอเกินไป พวกแกมันอ่อนแอกว่าเจ้านั้นอีก”

เป่ยเฟิงต่อสู้กับทั้ง 5 คนโดยไม่ต้องใช้พลังวิญญาณใด ๆ เขาอาศัยแค่เลือดฉีและความเร็วของเขาก็สามารถสู้กับอีกฝ่ายได้สบาย ๆ !

พวกเขาเหล่านี้สงสัยมาก เพราะพวกเขาแทบจะรับการโจมตีจากเป่ยเฟิงเลยไม่ได้ซักครั้ง !

แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังระดับราชาพันปีกันทุกคน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกดดันเป่ยเฟิงได้แม้แต่น้อย

“หากพวกเราต้องตาย งั้นพวกเราจะลากแกไปตายด้วย !”

ยักษ์ตัวสูงที่ดูน่าเกลียดกล่าวขึ้น ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อ่อนแอแม้แต่น้อย มีเพียงไม่กี่คนที่มีพลังระดับราชาพันปีเช่นเดียวกับเขาที่จะเทียบกับเขาได้ !

นั่นเป็นเพราะเขาเป็นผู้ฝึกฝนทางด้านกายา !

มันไม่ใช่ความจริงไปซะทั้งหมดที่คนเราไม่สามารถกลับมาฝึกฝนได้เหมือนดั้งเดิมหลังจากหลอมรวมเลือดฉีไปได้แล้ว แต่ที่คนส่วนใหญ่เชื่อแบบนั้นเพราะว่าหลังจากหลอมรวมเลือดฉีได้แล้วพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การกลั่นเลือดฉีของพวกเขาและมันจะจบลงที่การบำรุงและเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สิ่งเดียวที่พวกเขาจะสูญเสียไปก็คือความแข็งแกร่งทางกายภาพแบบดั้งเดิมที่ได้จากการฝึกฝนหากเทียบกับผู้มีกายาบริสุทธิ์ที่มีระดับราชาพันปี !

“แกร๊ก !”

ร่างกายของเป่ยเฟิงเปล่งเสียงที่น่ากลัวในขณะที่เขาขยับแขนขา

จากนั้นเขาก็ต่อยออกไป และในไม่ช้ามังกรตัวหนึ่งก็ปรากฎออกมาจากหมัดกระแทกเข้ากับกำปั้นของยักษ์ตัวนั้น !

เมื่อหมัดทั้งคู่ปะทะกัน มันทำให้ร่างกายของเป่ยเฟิงสั่นไปชั่วครู่ จากนั้นกล้ามเนื้อของยักษ์ตัวนั้นก็ฉีกขาดสะบั้นพร้อมกับเส้นเลือดจำนวนมากที่ระเบิดออก !

“วิชาวิญญาณที่สับสน !”

แรงกดดันของเป่ยเฟิงเพิ่มขึ้นราวกับไร้ขีดจำกัด จากนั้นแสงสีขาวเงินก็พุ่งออกมาจากหัวของเขาปะทะกับยักษ์ตัวเล็ก !

ความเร็วของแสงมันเร็วเกินกว่าที่ยักษ์จะรู้สึกตัวทัน แต่ถึงเขาจะรับรู้ว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาแต่เขาก็ไม่สามารถหลบได้อยู่ดี !

“อ๊าก !”

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของเขากลิ้งพลิกอีกด้านพร้อมกับตัวเขาที่ทรุดตัวลงกับพื้น

เป่ยเฟิงใช้พลังจิตที่น่าสะพรึงกลัวของเขาโจมตีจิตวิญญาณของอีกฝ่ายโดยตรง !

ในทันทีที่พลังจิตของเขาทำลายพลังจิตของอีกฝ่ายได้ มันก็ได้ทำลายพลังวิญญาณของเขาไปด้วยเช่นกัน !

อาจกล่าวได้ว่าพลังจิตคืออาวุธ ในขณะที่วิญญาณคือที่หลอมอาวุธ !

การมีวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่ได้หมายความว่าพลังจิตจะทรงพลัง เช่นเดียวกันกับความสามารถอื่น ๆ

มีเพียงพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถใช้พลังจิตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ในขณะเดียวกัน การมีพลังจิตที่แข็งแกร่งก็สามารถทำลายพลังวิญญาณได้ดีกว่าอาวุธจากภายนอกเสียด้วยซ้ำ !

แม้ว่ายักษ์ตัวนี้จะมีพลังระดับราชาพันปี แต่พลังจิตของเขาจะมาเทียบกับเป่ยเฟิงได้อย่างไร หากต้องเผชิญหน้ากับเป่ยเฟิง เขาต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งพอสมควร เพราะพลังจิตของเป่ยเฟิงมันน่าสะพรึงกลัวราวกับเป็นใบมีดที่คมกริบ !

‘พลังจิตของข้ามันมาถึงระดับที่ส่งผลต่อความเป็นจริงได้แล้ว ในบรรดาผู้มีพลังระดับราชาพันปี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีพลังจิตแข็งแกร่งพอจะต้านทานข้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นการใช้พลังจิตโจมตีคนอื่นมันก็ทำให้ข้าเหนื่อยไม่น้อย’

‘ไม่เพียงแค่นั้น หากข้าประมาทคู่ต่อสู้เกินไป มันจะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับซึ้งมันอันตรายกว่าที่ใช้ออกไปเสียด้วยซ้ำ !’

เป่ยเฟิงเห็นว่าพลังจิตของเขาลดไปถึง 1 ใน 3 มันทำให้เขาค่อนข้างตกใจไม่น้อย

‘การทำลายพลังวิญญาณของอีกฝ่ายที่มีพลังพอ ๆ กับตัวเองมันควรจะใช้ความระมัดระวัง ดูเหมือนต้องมีพลังจิตสูงกว่าอีกฝ่ายไม่น้อยกว่า 3 เท่าถึงจะทำได้’

เป่ยเฟิงตัดสินใจว่าเขาจะให้การโจมตีนี้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหากับเขาได้หากอีกฝ่ายมีพลังจิตที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดไว้ ผลสะท้อนกลับนั้นมันน่ากลัวมากหากเขาโดนขึ้นมา

“ได้เวลาจบแล้ว” เป่ยเฟิงพึมพำก่อนจะขยับตัว ในไม่ช้าความเร็วของเขาก็เกินกว่าความเร็วเสียง !

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยฝ่ามือ มันพุ่งลงมาทำให้ทั้งสี่ยากจะขยับตัวไหว พวกเขาทำได้เพียงดิ้นรนด้วยความสิ้นหวัง

ความคิดของทั้งสี่ในตอนนี้คืออยากจะถอยหนีไป แม้ว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาจะปฏิบัติกับพวกเขามาเป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาไม่เห็นความหวังแห่งชัยชนะใด ๆ เลยด้วยซ้ำ !

แทนที่จะตายที่นี่เหมือนคนโง่ พวกเขาควรจะหนีไปแล้วค่อยกลับมาแก้แค้นอีกครั้งเมื่อพวกเขามีพลังมากกว่านี้ !

หากพี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะเห็นด้วยอยู่แล้ว จริงไหม ?

ทั้งสี่คนมองหน้ากัน พวกเขารู้แล้วว่าตอนนี้พวกเขาควรจะทำอะไร

แน่นอนว่าเป่ยเฟิงรู้ว่าทั้งสี่ต้องการหนี แต่ในเมื่อเขาโจมตีออกไปแล้ว มันมีโอกาสที่่อีกฝ่ายจะร้องขอความเมตตากับเขาด้วยงั้นหรือ ?

ศัตรูต้องถูกฆ่า มีเพียงศัตรูที่ถูกฆ่าไปแล้วเท่านั้นถึงจะถือว่าเป็นเรื่องดี !

เป่ยเฟิงไม่ต้องการทิ้งปัญหาใด ๆ ที่สามารถเป็นปัญหาในอนาคตไว้

ท้ายที่สุดแล้วมันมีอะไรอีกหลายอย่างที่เขาไม่รู้จักมากมายในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรรับประกันเขาได้ว่าศัตรูของเขาจะปล่อยเขาไปหากว่าต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในจังหวะสวรรค์บรรดาลในอนาคต *

*สวรรค์บรรดาล = เหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่สมควรเกิดขึ้น / เหตุการณ์ดี ๆ ที่ไม่สมควรเกิดขึ้น

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท