พลังสั่นสะเทือนของช้างมันแลดูไร้จุดสิ้นสุด หากช้างได้เติบโตจนโตเต็มที่ มันจะมีพลังเทียบเท่ากับผู้มีพลังระดับหมื่นปี มันถือว่าเป็นหนึ่งในบรรดาสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด
แม้ว่าตอนนี้มันจะมีพลังเพียงระดับสามของร้อยปี แต่พวกมันก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ
“แกร๊ก !”
เสียงกระดูกสั่นสะเทือนดังขึ้น แม้ว่าหลี่เหว่ยจะเหมือนโจมตีด้วยทุกอย่างจนหมดแล้ว แต่ความจริงแล้วมันยังไม่จบแค่นั้น !
การโจมตีของหลี่เหว่ยนั้นเขาใช้พลังทั้งหมดพร้อมกับปลดปล่อยพลังฉีออกไปในครั้งเดียว !
ในตอนที่เขาปะทะเข้ากับช้าง เขารู้สึกราวกับไม่ได้ปะทะกับเท้าของมัน แต่มันคือภูเขาขนาดใหญ่ทีไม่มีใครสามารถสั่นสะเทือนได้ !
แรงกดดันอันมหาศาลของมันเฉกเช่นเดียวกับยอดเขาไท่ซาน
หลี่เหว่ยทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับกระดูกสันหลังที่แตกหัก เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การโจมตีของหลี่เหว่ยนั้นบังคับให้ช้างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากนั้นมันก็ถอยหลังออกไป 10 ก้าว
หลี่เหว่ยนอนอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงและจ้องมองไปที่สะพาน อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงแค่ส่ายหัวอย่างขมขื่น ดูเหมือนมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะข้ามไปแล้ว
“แปร๊น !”
พลังอันยิ่งใหญ่ปะทุออกมาจากช้างราวกับมันโกรธมาก งาของมันเปล่งประกายพุ่งเข้าหาหลี่เหว่ย !
‘มันจะจบลงแบบนี้งั้นหรอ ? น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเดินไปพร้อมกับพวกเจ้าได้อีก ฮ่าฮ่า ข้าทำให้ท่านหัวหน้าตระกูลต้องผิดหวังแล้ว’
หลี่เหว่ยรู้สึกสงบอย่างมาก ใบหน้าของเขาดูไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะเห็นงาของช้างกำลังใกล้เข้ามา มันราวกับว่าเขาละทิ้งอารมณ์ทางโลกไปโดยสมบูรณ์
“ฟู้ม !”
พลังอันยิ่งใหญ่ของช้างพุ่งมาถึงหลี่เหว่ย งาของมันอยู่ห่างจากหัวของเขาเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ
ทันใดนั้นอากาศที่ด้านหน้าของงาก็สั่นสะเทือน จากนั้นก็มีรอยแตกบางอย่างตรงหน้าหลี่เหว่ย !
อย่างไรก็ตาม หลี่เหว่ยไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรืออย่างไร เขาเห็นช่างตัวสั่นเล็กน้อย
“แปร๊น !”
ช้างสั่นเบา ๆ จากนั้นหยดเลือดสีทองก็หยดลงมาจากเขี้ยวของมัน ทันทีที่หยดเลือดปรากฎ มันทำให้อากาศรอบ ๆ สั่นไหว !
เลือดหนึ่งหยดลอยอยู่กลางอากาศสักครู่ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในร่างของหลี่เหว่ย !
“นี่มัน …?”
หลี่เหว่ยอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาไม่คิดอะไรมาก เขารีบกลั่นหยดเลือดในร่างกายทันที
หยดเลือดมันราวกับดวงอาทิตย์ที่เปล่งประกายออกมาอย่างน่าตกใจ !
หยดเลือดลอยอยู่ในหัวใจของเขา มันปลดปล่อยเลือดเหนียวหนืดออกมาจากหัวใจ !
เมื่อเลือดกระจายไปทั่วร่าง มันทำให้ร่างกายของเขามีชีวิตชีวาขึ้นมาก !
ช้างตัวสั่นอีกครั้ง จากนั้นมันก็กลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับรูปปั้นแล้วก็หายไป
ผู้ฝึกตนคิดว่าตัวเองต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่โดยไม่คาคคิด สัตว์อสูรที่อยู่ด้านหน้าพวกเขากลับกลายเป็นเงาลวงตาแล้วค่อย ๆ หายไป
ผู้คนเหล่านี้ไม่มีเวลาว่างมาฉลอง พวกเขามองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน
พวกเขาพบว่ามีหลายคนที่ได้รับหยดเลือดหนึ่งหยดจากสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่หยดเลือดธรรมดา ๆ บางทีมันอาจจะเป็นแก่นเลือดของสัตว์อสูรตัวนั้นก็ได้ นอกจากนี้มันยังเป็นถึงแก่นเลือดของสัตว์อสูรที่ยังไม่โตเต็มที่ !
“แล้วการได้มันโดยบังเอิญของข้าล่ะ ?”
“ทำไมพวกเขาถึงได้ แต่ข้าไม่ได้ล่ะ ?’
“นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ! อย่าบอกนะว่ามันขึ้นอยู่กับโชคด้วย ?”
ผู้คนครวญครางเมื่อมองเห็นผู้ฝึกตนที่นั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับปลดปล่อยพลังฉีจำนวนมากออกมา
พวกเขาทั้งหมดมาพร้อมกัน ทำไมถึงมีบางคนได้มันโดยบังเอิญแต่พวกเขาไม่ได้กัน ?
ความไม่เท่าเทียมแบบนี้มันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เกิดปัญหา !
หากไม่มีใครได้รับมันซักคน คนเหล่านี้ก็คงจะไม่โกรธขนาดนี้
แต่ทันใดนั้นก็มีบางคนที่คิดบางอย่างได้
พี่น้องคู่หนึ่งมองหน้ากันจากนั้นพี่ชายก็กล่าวขึ้น “แก่นเลือดแน่นอนว่ามันกลั่นได้ยากมาก แล้วตอนนี้เจ้าพวกโชคดีกำลังยุ่งอยู่กับการกลั่นเลือดด้วยพลังทั้งหมด ดังนั้นพวกมันน่าจะไม่มีเวลามาสนใจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ หากพวกเราเคลื่อนไหวในตอนนี้และฆ่าพวกมัน พวกเราสามารถดึงแก่นแท้ออกมาเป็นของพวกเราได้”
“แล้วมันจะมีปัญหาไหม ? สะพานหินนี้มันแปลกเกินไป … ทำไมเราไม่ลืมมันไว้ ? เรายังไม่ได้เข้าไปในซากโบราณเลยนะ และข้าก็แน่ใจว่ามันมีของดี ๆ รอเราอีกมากมายในซากโบราณนั้น !” น้องชายกังวลเล็กน้อยและแนะนำให้เลิกคิด
พี่ใหญ่ถอนหายใจและดุเขา “แกนี่มันโง่จริง ๆ ! ใครจะไปรู้ว่าเราอาจได้สมบัติมาเพียงเล็กน้อยก็ได้ แกดู แก่นเลือดพวกนี้มันไม่ธรรมดาเลยเห็นไหม ดูผู้ชายคนนั้นสิ เขากำลังรับพลังจากสวรรค์อยู่เห็นไหม เมื่อกี้เขาใกล้จะตายอยู่แล้ว แล้วแกดูตอนนี้สิ เขาดูเหมือนคนใกล้ตายหรือไม่ ? หากพวกเรารอให้เขากลั่นแก่นเลือดจนเสร็จ ความแข็งแกร่งของเขาคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งอีกคนเมื่อเข้าไปในซากโบราณ !”
หลังจากนั้นก็หยุดพูดสักพักแล้วพูดต่อ “นอกจากนี้ แกคิดว่ามีแค่พวกเราหรือยังไงที่คิดแบบนั้น ? แกดูสายตาของคนรอบ ๆ สิ ! นั่นคือดวงตาของหมาป่า ! แม้ว่าเราจะไม่ทำ แต่คนอื่นทำแน่นอน เราก็แค่ขอส่วนแบ่งด้วยนิดหน่อยก็เท่านั้น !”
น้อยชายพยักหน้าราวกับตัดสินใจได้ “มันฟังดูสมเหตุสมผลดี … งั้น เราจะจัดการใครดี ?’
พี่ใหญ่ตอบโดยไม่ลังเล “พวกคนของตระกูลใหญ่เราคงแตะต้องไม่ได้ ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเราแน่นอนว่ากำลังถูกจับตามองโดยพวกตระกูลต่าง ๆ อยู่ หากเราแตะต้องคนของพวกเขา เมื่อออกไปโลกภายนอกพวกเราจะถูกตามไล่ฆ่าแน่ ดังนั้นอย่าได้ไปแตะพวกเขา เราต้องเลือกพวกที่ไม่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง !”
จากนั้นพี่ชายก็พูดต่อ “ไปเถอะ เราต้องรีบแล้ว !” แผนการหลบหนีที่ดีจำเป็นต้องมีจำนวนมาก เพราะพวกเขามีความคิดแบบเดียวกัน !
หากเขาสามารถกลั่นแก่นเลือดสำเร็จ ความแข็งแกร่งของสองพี่น้องจะเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน !
ตอนนี้พวกเขามีพลังเพียงระดับร้อยปี เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้อีกฝ่ายมีพลังระดับราชาพันปี พวกเขาก็ไม่กลัว !
สองพี่น้องมองหน้ากันจากนั้นก็เดินไปหาคน ๆ หนึ่ง
หลังจากผ่านการทดสอบแรก มีเพียงหนึ่งในสี่จาก 1,000 คนที่รอดมาได้
และในหมู่พวกเขามี 40 กว่าคนเท่านั้นที่ได้แก่นเลือด
ในหมู่พวกเขามีเกือบ 30 คนมาจาก 12 กลุ่มใหญ่
ที่เหลืออีก 10 คนหรือมากกว่านั้นคือผู้ฝึกตนพเนจร
บรรยากาศค่อนข้างแปลก เห็นได้ชัดว่าทุกคนมีเจตนาเดียวกัน แต่ไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นคนแรกที่เปิดศึก
พวกเขาไม่กล้าโจมตีคนของ 12 กลุ่มใหญ่เพราะผู้อาวุโสของพวกเขายังคงดูอยู่ที่ทางเข้า นอกซะจากการซ่อนตัวอยู่ในซากโบราณไปตลอดกาล พวกเขาคงทำอะไรไม่ได้มาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีใครหนุนหลังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีอะไรให้ห่วง ทุกคนเริ่มกระชับวงล้อมเข้าไปใกล้ผู้คนเหล่านั้น
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่จะได้รับแก่นเลือดก็คือ ต้องสร้างความเสียหายจำนวนมากให้กับสัตว์อสูรเหล่านั้นถึงจะได้แก่นเลือดมา สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำสิ่งใดนอกเสียจากเอาตัวรอดจากการโจมตีของมัน พวกเขาจะไม่ได้รับสิ่งใดทั้งสิ้น
เป่ยเฟิงเฝ้าดูอยู่ข้างนอกและเขาเข้าใจสถานการณ์บนสะพานดี
ผู้ที่ได้รับแก่นเลือดนั้นมีเพียงเหตุผลเดียว พวกเขาสร้างความเสียหายจำนวนหนึ่งกับสัตว์อสูรที่ปะทะกับพวกเขา
สามคนที่โดดเด่นที่คือก็คือฉิงริยู่และอีกสองคนที่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ทำให้ได้รับแก่นเลือดมาถึง 10 หยด !
เป่ยเฟิงเดาว่าคุณภาพของแก่นเลือดนั้นมีความแตกต่างกันตามความเสียหายที่ทำได้กับอีกฝ่าย
ผู้ที่ทำร้ายสัตว์อสูรได้จะได้รับหยดเลือดหนึ่งหยด ส่วนผู้ที่เอาชนะได้จะได้รับ 10 หยด สำหรับการฆ่าสัตว์อสูรนั้นไม่มีใครทำได้ทั้งสิ้น ! อย่างไรก็ตาม มันก็ได้รางวัลที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยหากเอาชนะมันได้ !
เป่ยเฟิงพยายามคำนวณบางอย่าง หากเป็นเขา การเอาชนะสัตว์อสูรเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หากเขาต้องฆ่ามัน เขาอาจต้องใช้ไพ่ทั้งหมดที่มีเลยก็ได้ !
สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนเติบโตขึ้นมาในธรรมชาติ สายเลือดของพวกมันแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์ของพวกมัน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกมันจึงสูงมาก !
สัตว์อสูรมีพลังที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ ดูได้จากสัตว์อสูรระดับสูงเหล่านี้ก็พอ
แม้ว่ารากฐานของเป่ยเฟิงจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็จำเป็นต้องใช้ไพ่ทั้งหมดเพื่อฆ่ามัน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก !
แน่นอนว่านี่คือสมมติฐานหากเป่ยเฟิงอยู่ในระดับร้อยปี
หากยังมีพลังระดับร้อยปีแล้วใช้ทุกอย่างที่มี เขาสามารถฆ่าได้มากสุดเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ส่วนตัวที่สามนั้นขึ้นอยู่กับโชคของเขา มันมีโอกาสสูงมากที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส !
ร่างกายของสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก
ส่วนใหญ่แล้วยิ่งร่างของมันมีขนาดใหญ่ พวกมันยิ่งเต็มไปด้วยพลังฉีมากขึ้น อย่างน้อยพวกมันก็มีพลังฉีมากกว่ามนุษย์ที่มีพลังระดับเดียวกันถึง 10 เท่า !
ดังนั้นแม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะมีพลังระดับร้อยปี แต่พลังฉีของมันกลับทรงพลังอย่างมาก
นี่เป็นเรื่องปกติ แต่หากเป็นทายาทสัตว์อสูรระดับเทพเจ้าอย่างชิงหลง จูเชวี่ย ไป๋หู่และเสวียนอู่ เป่ยเฟิงไม่สงสัยเลยว่าหากสัตว์อสูรระดับเทพเจ้าเหล่านี้มีพลังเพียงร้อยปี มันก็สามารถสังหารผู้มีพลังระดับพันปีได้ !
และมันไม่ใช่แค่ผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นแรกเท่านั้น ต่อให้เป็นขั้นสองหรือสาม … แม้กระทั่งขั้นสี่ของราชาพันปีก็ถูกพวกมันจัดการได้ !
แน่นอนว่าลูกหลานของสัตว์อสูรระดับเทพเจ้าเหล่านี้เมื่อมันเกิดมาจะไม่มีทางอ่อนแอ เพียงแค่ตอนที่เกิดมาความแข็งแกร่งของพวกมันก็สมควรจะอยู่ในระดับสูงสุดของสัตว์อสูรส่วนใหญ่ !
ด้านนอก ผู้เชี่ยวชาญระดับหมื่นปีต่างลุกขึ้นยืนพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหวเมื่อเห็นฉากตรงหน้า
อย่างที่คิด มันเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมที่ปล่อยให้คนของเขาเข้าไป ดูพวกเขาสิ เพียงแค่เพิ่งเข้าไป พวกเขาก็ได้แก่นเลือดอสูรระดับสูงมาแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะต้องหาวิธีรายงานเรื่องความลับของซากโบราณต่อกลุ่มของพวกเขาแล้ว
เผ่าสัตว์อสูรจะมาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของผู้เดียวได้ยังไงกัน ! นี่คือความคิดของพวกเขา
พวกเขาจะต้องบอกเรื่องนี่กับทางนิกายเพื่อมาควบคุมซากโบราณแห่งนี้ อย่าว่าแต่ของในซากโบราณ ลำพังเพียงแค่แก่นเลือดของสัตว์อสูรบนสะพานแห่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วน
‘ฮึ่ม ! พวกแกคิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรอว่าพวกแกคิดอะไร ? ตราบใดที่ท่านผู้นั้นยังอยู่ที่นี่ แม้แต่พันธมิตรนักสู้ก็ไม่กล้าทำอะไรเราหากเราไม่ยั่วยุพวกมัน ! ‘
หมอกสีดำปกคลุมใบหน้าของสัตว์อสูรที่เคารพเพื่อบดบังใบหน้าของเขา
บนสะพาน พี่น้องทั้งสองคนค่อย ๆ เดินเข้าไปด้านข้างผู้ฝึกตนที่อยู่โดดเดี่ยวคนหนึ่ง เขากำลังกลั่นแก่นเลือดอยู่และดูราวกับเขาไม่มีสามารถทำอะไรได้ ในขณะเดียวกันคนที่อยู่ใกล้เคียงก็เริ่มกระชับวงล้อมเข้ามาใกล้ พวกเขากำลังรอคนที่จะเปิดประเดิมคนแรก
สองพี่น้องวางแผนว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร จะหนีอย่างไรและจะหลีกเลี่ยงการถูกขโมยจากผู้คนที่อยู่รอบ ๆ อย่างไร