ปกติแล้วเถาวัลย์พันดาราสามารถสร้างดอกไม้ขึ้นมาได้ถึง 1,000 ดอก และมันทำให้คน 1,000 ใช้ประโยชน์จากมันได้
แต่ทว่าเถาวัลย์พันดาราต้นนี้มันสามารถสร้างดอกไม้ได้เพียง 3-5 ดอกเท่านั้น ซึ้งใช้ได้เพียงแค่ 3-5 คน …
ยิ่งไปกว่านั้นคือปริมาณทรัพยากรที่ใช้ในการดูแลเถาวัลย์พันดาราต้นนี้มันยังมากกว่าเถาวัลย์พันดาราแบบปกติ
ปกติแล้วเถาวัลย์พันดาราใช้เวลาเติบโตนานถึง 1,000 ปี หากปล่อยให้มันเติบโตโดยธรรมชาติ แต่ถ้าสภาพแวดล้อมที่มันปลูกไม่เหมือนกับที่มันโต ความเร็วในการเติบโตก็จะแตกต่างไปด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นหากมันเติบโตในสถานที่ที่เต็มไปด้วยหลิงฉีหนาแน่น มันจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีถึงจะโตเต็มที่หากเทียบกับสถานที่ที่มีหลิงฉีปกติ
หากมันถูกปลูกโดยที่ที่เต็มไปด้วยพลังจำนวนมาก มันจะทำให้พลังนั้นกลายเป็นปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตของมัน
มีความเป็นไปได้ที่จะให้มันเติบโตเต็มที่ภายในไม่กี่สิบปี แน่นอนว่าทรัพยากรที่ใช้มันเพียงพอที่จะสร้างผู้มีพลังระดับหมื่นปีได้ถึงหนึ่งคน
แต่ถ้าหากพวกเขาค้นพบว่าทรัพยากรจำนวนมากที่ทุ่มเทลงไปสุดท้ายกลับพบว่าเถาวัลย์พันดาราที่อ่อนแอต้นนี้มันสร้างดอกเพียงไม่กี่ดอก ปฎิกิริยาของพวกเขาจะเป็นอย่างไร …
… พวกเขาจะทำอะไรกับสัตว์อสูรเคารพตัวนี้ได้ ?
ภายใต้สายตาของผู้คน ต้นอ่อนเล็ก ๆ ปรากฎในมือของสัตว์อสูรที่เคารพพร้อมกับปลดปล่อยแสงดาวสีฟ้าอ่อน ๆ ออกมา
มันสูงเพียง 3 ชุน มีใบ 3 ใบ ต้นอ่อนถูกห่อหุ้มด้วยผลึกไร้สี
ผลึกนี้ถูกสร้างมาจากหลิงฉีที่ถูกกลั่นให้เป็นของเหลวจากหินวิญญาณระดับสูงสุด
มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาพลังชีวิตของเถาวัลย์พันดาราต้นนี้
ทันทีที่เป่ยเฟิงเห็นมัน เขาก็หมดความสนใจไปทันที
สิบปีมันนานเกินไป ตอนนี้เขาสนใจแค่การเพิ่มพลังในปัจจุบันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือมันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อหล่อเลี้ยงมันจนกว่าจะเติบโตเต็มที่ สำหรับเป่ยเฟิงแล้วมันเป็นการสูญเสียมากเกินไป
สัตว์อสูรที่เคารพมอบเถาวัลย์พันดาราให้กับฉิงริยู่โดยที่ผู้มีพลังระดับหมื่นปีต่างคุยกันอยู่เงียบ ๆ
“พี่ฉิง จำนวนทรัพยากรที่เถาวัลย์พันดาราต้องใช้มีจำนวนไม่น้อยใช่หรือไม่ … ตระกูลซุยของข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านนะ”
“ฮ่าฮ่า พวกเรา 12 กลุ่มเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ตระกูลหยินของข้าเต็มใจที่จะแบ่งทรัพยากรส่วนหนึ่งให้ท่านนะพี่ฉิง”
ผู้มีพลังระดับหมื่นปีต่างหัวเราะและต่างคนต่างต้องการมีส่วนร่วม
“ทุกท่าน โปรดใจเย็น ๆ … แม้ว่าตระกูลฉิงของข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่พวกเราก็สามารถเลี้ยงเถาวัลย์พันดาราได้สบาย ๆ”
ผู้อาวุโสตระกูลฉิงรู้ถึงความตั้งใจของคนพวกนี้ดี คำพูดของพวกเขามันฟังดูดีราวกับพวกเขายินดีจะช่วยเหลือเขาในการเลี้ยงดูเถาวัลย์พันดารา อย่างไรก็ตาม นั้นเป็นเพียงข้อแก้ตัวเพื่อที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมด้วยก็เท่านั้น
ทันทีที่เขาพูดจบ มันก็ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เงียบลงจนดูแปลก ๆ
ผู้อาวุโสตระกูลฉิงกลืนน้ำลายและพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม อย่างที่พี่ยี่ได้กล่าวมา พวกเราทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน หากทุกท่านยินดีที่จะมอบทรัพยากรบางส่วนเพื่อเลี้ยงดูเถาวัลย์พันดารา พวกเราก็ยินดีรับมันไว้ สำหรับส่วนแบ่งของเถาวัลย์พันดารา ตระกูลฉิงของเราจะขอไว้เพียง 30% ส่วนที่เหลือพวกเท่านแบ่งกันเอง พวกท่านคิดอย่างไร ? “
“ฮ่าฮ่า ดี แบบนี้สิดี”
“อีกไม่กี่วันข้าจะไปเยี่ยมตระกูลฉิงของเจ้าพร้อมกับเอาทรัพยากรไปให้ด้วย”
บรรยากาศเปลี่ยนไปอีกครั้งราวกับว่าบรรยากาศไม่สบายใจก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสตระกูลฉิงรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขนัก เขาตั้งใจจะฮุบประโยชน์ทั้งหมดไว้ให้ตัวเอง แต่ทว่าทรัพยากรที่ใช้ในการเลี้ยงดูเถาวัลย์พันดารานั้นไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลฉิงจะทำได้เพียงลำพัง
เมื่อเถาวัลย์พันดาราเต็มโตเต็มที่ เมื่อถึงตอนนั้นลูกหลานในอนาคตของพวกเขาก็จะเติบโตกลายเป็นอัจฉริยะที่น่าเหลือเชื่อ มันจะทำให้ความสามารถของตระกูลฉิงก้าวกระโดดผู้อื่น !
หากโชคของพวกเขาดีพอมันมีความเป็นไปได้ที่จะกลืนกินอีก 11 กลุ่ม
น่าเสียดายที่เขาไม่มีสิทธิ์ได้ทำแบบนั้น
หากเขาทำมันแล้วคนอื่น ๆ จะเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ ?
ความสัมพันธ์ของทั้ง 12 กลุ่มนั้นความจริงแล้วมันแปรปรวนอย่างมาก
ไม่มีใครใน 12 กลุ่มที่ต้องการให้กลุ่มใดแข็งแกร่งกว่าตน
เหตุผลที่ดินแดนของทั้ง 12 กลุ่มถูกเปลี่ยนมือบ่อย ๆ นั่นก็เพราะพื้นที่มันมีขนาดกว้างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ที่พวกเขาครอบครองมันจะเต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย
หากหนึ่งในตระกูลหนึ่งเติบโตก้าวกระโดดแบบฉับพลัน มันจะทำให้กลุ่มอื่น ๆ ร่วมมือกันเพื่อกำจัดอันตรายออกไปทันที
มีทรัพยากรมากขึ้นก็เท่านั้น หากเจ้ามีมากขึ้น คนอื่นก็จะได้น้อยลง
ผู้อาวุโสตระกูลฉิงไม่สงสัยเลยว่าหากเขาคิดจะฮุบทั้งหมดไว้คนเดียว คนอื่น ๆ จะทำลายตระกูลของเขาทันที !
หากเขาไม่ได้พูดประโยคที่สองออกไป มีความเป็นไปได้ที่เขาจะไม่ได้เดินออกจากที่นี่ !
ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เจ้าจะต้องแบ่งมัน
แม้ว่าตระกูลฉิงจะไม่สามารถฮุบทั้งหมดไว้คนเดียวได้ แต่พวกเขาก็ยังได้ส่วนแบ่งมากที่สุด ซึ้งมันเป็นจำนวนที่อีก 11 กลุ่มที่เหลือยังพอยอมรับได้
เขาเพิ่งก้าวผ่านประตูนรกเมื่อครู่นี้เอง
ยิ่งเขาคิดว่าเขาเกือบตาย มันยิ่งทำให้ผู้อาวุโสตระกูลฉิงทำอะไรไม่ได้นอกจากสั่นด้วยความหวาดกลัว
หากเป็นเพียงคนเดียว เขาไม่มีอะไรให้กลัว แต่หากมีการร่วมมือกันของอีก 11 กลุ่มที่เหลือ มันคือหายนะ ยกตัวอย่างเช่นต่อให้ผู้มีพลังระดับหมื่นปีสองคนร่วมมือกัน แม้ว่าเขาจะสู้ไม่ได้แต่เขาก็ยังหนีได้
… แต่ถ้าหากมีตั้งแต่สามคนขึ้นไป เขาจะไม่สามารถแม้แต่ที่จะหนีไปได้
และตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับหมื่นปีทั้ง 12 คนกำลังพูดคุยกันเรื่องส่วนแบ่งของเถาวัลย์พันดารา
ใบหน้าของพวกเขาดูสงบเหมือนปกติ แต่ในใจผู้อาวุโสตระกูลฉิงรู้ว่าไอ้แก่ทั้งหลายตรงนี้เป็นเสมือนหมาป่าที่หิวโหย ทันทีที่เขาตัดสินใจผิด พวกมันทั้งหมดคงไม่ลังเลที่จะกระโดดเข้าหาเขาและฉีกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย !
เป่ยเฟิงมองคนของเขาทั้ง 8 คนด้วยความตั้งใจ ออร่าของพวกเขาแข็งแกร่งและหนักหน่วงมาก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันดูราวกับพวกเขาเป็นเสมือนสัตว์อสูรที่พร้อมจะระเบิดพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ตลอดเวลา
“ไม่เลว ดีแล้วที่พวกเจ้ากลับมาแบบมีชีวิต”
เป่ยเฟิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า
ดูเหมือนทั้งแปดคนจะได้ประโยชน์มาไม่น้อย ตอนนี้รากฐานของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าบรรดาผู้มีพลังระดับร้อยปีขั้นสูงสุดหลายเท่า !
หากทั้งแปดคนร่วมมือกัน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังระดับราชาพันปีขั้นต้น พวกเขาก็ไม่กลัว บางทีอาจจะฆ่าได้ด้วยซ้ำ !
ด้วยความสามารถของเป่ยเฟิง เขาพบว่าพลังของทั้งแปดมาถึงจุดสูงสุดแล้ว พรสวรรค์ของพวกเขาในระดับร้อยปีถูกเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ พวกเขาสามารถบรรลุระดับราชาพันปีได้ตลอดเวลา
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนย่อมมีขีดจำกัด บางคนอาจแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังระดับร้อยปีเมื่อพวกเขามีพลังระดับเดียวกันเพียงเล็กน้อย บางคนอาจแข็งแกร่งกว่า 3-5 เท่าเมื่อพรสวรรค์ของพวกเขาถูกเผยออกมาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ไปถึงแค่พรสวรรค์ทั่ว ๆ ไปเท่านั้น
ทักษะฝึกฝน วิชาต่อสู้ ทรัพยากรและการชี้แนะจากปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง เงื่อนไขทั้งหมดมันสามารถช่วยให้ใครคนใดคนหนึ่งค้นพบพรสวรรค์ของตัวเองได้เร็วที่สุด
พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สภาพแวดล้อมที่เติบโตมาสามารถทำได้
“ท่านหัวหน้าตระกูล สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราได้มาจากซากโบราณ”
หลี่เหว่ยก้าวออกไปและส่งมองแหวนมิติให้เป่ยเฟิงด้วยความเคารพ
“หืม นอกเหนือจากทักษะฝึกฝนใด ๆ ที่พวกเจ้าค้นพบ พวกเจ้าเพียงแค่คัดลอกพวกมันเอาไว้และส่งมันให้ตระกูลหลี่ ส่วนของอย่างอื่นที่พวกเจ้าเก็บได้นั้นถือว่าเป็นของพวกเจ้าเอง”
เป่ยเฟิงพยักหน้าพึงพอใจให้กับความคิดของหลี่เหว่ย แต่เขาไม่ได้หยิบแหวนมา
การกระทำของหลี่เหว่ยได้พิสูจน์ความจริงใจของเขา แต่เป่ยเฟิงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อพิสูจน์ความภักดีของพวกเขาแม้แต่น้อย
เป่ยเฟิงไม่สนใจว่าคนของเขาจะได้อะไรมาบ้าง เขามีวิชาและทักษะที่เพียงพอสำหรับตัวเองแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากพิสูจน์ความภักดีของหลี่เหว่ยและคนอื่น ๆ แต่การที่พวกเขามอบแหวนมิติให้มันทำให้เป่ยเฟิงพอใจไม่น้อย
“ขอรับ !”
หลี่เหว่ยสับสน หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นรวมไปถึงอีกเจ็ดคนด้วย
เป่ยเฟิงไม่ได้ขาดทักษะฝึกฝน เคล็ดบัญญัติกฎสวรรค์มันสามารถใช้ฝึกฝนได้อีกนาน นอกจากนี้เคล็ดวิชามันต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เลือดฉีที่ได้จากการฝึกมันนั้นมันบริสุทธิ์อย่างมาก ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่เขาจะฝึกมันต่อไป
เขาไม่ได้ขาดทรัพยากรเช่นกัน ด้วยระบบตกปลา มันทำให้ทรัพยากรไม่ใช่สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุด
เช่นเดียวกับทักษะต่อสู้หรือวิชาต่อสู้ เพียงแค่วิชาสัตว์อสูรมันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีทักษะฝึกฝนของสำนักหยินหยาง …
สิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของเขานั้นมีน้อยมาก หากเขายังคงโลภมากอีก เขาจะไม่มีทางทำอะไรสำเร็จโดยซักอย่าง
เป่ยเฟิงไม่ต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกด้าน เขาต้องการจะเก่งกาจเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
เขาเงยหน้ามองไปยังสัตว์อสูรหลุมแห่งความว่างเปล่าที่กำลังคลั่ง โลกกว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ทุกชนิด
สิ่งมีชีวิตตัวนี้มันสามารถเดินทางผ่านมิติและคอยกินสิ่งที่อยู่ในมิติเป็นอาหาร
สิ่งมีชีวิตตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินไป พวกมันไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่เติบโตไปเรื่อย ๆ พวกมันก็แข็งแกร่งมากแล้วขนาดไม่ได้ฝึกฝนใด ๆ เลยแม้แต่น้อย
สัตว์อสูรหลุมแห่งความว่างเปล่าตรงหน้าเขามันดูใหญ่โตมโหฬารมาก แต่มันเป็นเพียงตัวเด็กที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ เมื่อมันเติบโตเต็มที่มันจะแข็งแกร่งกว่านี้ พลังของมันจะเทียบได้กับผู้มีพลังระดับหมื่นปีขั้นสูงสุด
มันจะสามารถบรรลุขั้นต่อไปได้ตลอดเวลา
สิ่งที่ทรงพลังแบบนี้ แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะทรงพลังแต่มันก็มีขีดจำกัด
ยิ่งสายพันธุ์แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสร้างลูกหลานได้ยากขึ้น !
ยกตัวอย่างเช่น ชิงหลง จูเชวี่ย ไป๋หู่ เสวียนอู่และสัตว์เทพตัวอื่น ๆ มันเป็นเรื่องยากมากที่พวกมันจะกำเนิดขึ้นมาใหม่ได้โดยปราศจากเงื่อนไขที่โหดร้าย !
แม้ว่าสัตว์วิญญาณแห่งความว่างเปล่าจะยังคงห่างไกลจากสัตว์อสูรเทพเจ้า แต่พวกมันก็ยังหาตัวได้ยากมาก
คนส่วนใหญ่ยากที่จะพบมันตลอดทั้งชีวิต แต่มีพวกมันหนึ่งในนั้นกำลังลอยหน้าลอยตาอยู่ต่อหน้าทุกคน
สัตว์อสูรหลุมแห่งความว่างเปล่าขนาดมหึมามองลงมาที่สะพานหินด้านหน้ามันด้วยความกลัว มันดูราวกับมันต้องการขึ้นไปบนสะพานหินและผ่านเข้ามาในโลกนี้ แต่มันก็เต็มไปด้วยความลังเล
ก่อนหน้านี้มันเคยลองมาเหมือนกัน แต่สะพานหินได้ทรมานมันอย่างมาก และคราวนี้ก็น่าจะเหมือนกัน
เมื่อผู้ฝึกตนทุกคนออกมา พวกเขาก็นำยาเปลี่ยนร่างให้สัตว์อสูรที่เคารพ จากนั้นก็กลับไปยืนหลังผู้อาวุโสของพวกเขา
สัตว์อสูรที่เคารพพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ดูเหมือนเขาต้องรวบรวมอัจฉริยะแบบนี้อีกในครั้งหน้าเพื่อเข้าไปซากโบราณ
จำนวนของยาเปลี่ยนร่างที่พวกเขานำกลับมานั้นมันมีจำนวนมาก
ไม่มีใครรู้ว่าซากโบราณคงอยู่มานานกี่หมื่นปีแล้ว มันมียาเปลี่ยนร่างจำนวนมากอยู่ข้างใน นอกจากนี้เหล่าคนที่ก้าวออกมานั้นบอกได้แค่ว่ายาเปลี่ยนร่างเหล่านี้ความจริงมันเป็นเพียงทรัพยากรที่ใช้สำหรับนิกายที่ใช้ฝึกสัตว์อสูรของพวกเขา
เมื่อรับรู้มัน มันทำให้สัตว์อสูรที่เคารพเกือบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวด นอกจากนี้เขายังตามหานักกลั่นยาจำนวนมากเพื่อกลั่นยาเปลี่ยนร่าง แต่ทว่าเขาก็พบว่ามันมีส่วนผสมไม่เพียงพอ
ส่วนผสมหลักที่ใช้ในการกลั่นเป็นสิ่งที่หายากมาก ๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังหายาก อย่างไรก็ตาม นิกายที่ฝึกสัตว์อสูรกลับมีส่วนผสมที่ว่ามากมาย พวกเขาใช้มันเพื่อสร้างยาเปลี่ยนร่างเพื่อฝึกสัตว์อสูรไว้ใช้ในสงคราม
สัตว์อสูรที่เคารพโหยหาความแข็งแกร่งจากยาเปลี่ยนร่าง แต่นิกายนั้นกลับใช้มันเพื่อสร้างสัตว์อสูรมารับใช้ …