หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 170.2 มงคลคู่มาสู่บ้าน (2)

บทที่ 170.2 มงคลคู่มาสู่บ้าน (2)

อวี๋หวั่นไปที่ห้องครัวและทำอาหารจานเล็กๆ สองอย่าง เมื่อกลับไปที่ห้อง เยี่ยนจิ่วเฉาตื่นขึ้นแล้ว ทั้งคู่ทานอาหารด้วยกัน

อวี๋หวั่นไปอยู่ที่วัดสองวัน ความอยากอาหารของเยี่ยนจิ่วเฉายังไม่ดีนัก ข้าวชามเล็กๆ ก็ยังยากที่จะกลืนลงคอ แต่อวี๋หวั่นกลับมามันก็ต่างไป จานหนึ่งเป็นแกงเปรี้ยวรากบัว หม้อหนึ่งเป็นแกงเต้าหู้ปลาจี้อวี๋ เยี่ยนจิ่วเฉากินอย่างหมดจด แม้ต้นหอมสักชิ้นก็ไม่เหลือ

พ่อครัวหัวเราะชอบใจ

หลังอาหารกลางวัน อวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานด้านหลัง เพลิดเพลินกับความเย็นสบาย

วันนี้อากาศร้อน อวี๋หวั่นให้คนรับใช้ไปนำก้อนน้ำแข็งมาหนึ่งถังและใส่ลิ้นจี่ที่ล้างแล้วลงไป

จิ้งจอกหิมะตัวน้อยก็ร้อนยิ่งนัก วิ่งแลบลิ้นออกมานอนบนน้ำแข็ง

ปลายนิ้วเรียวของเยี่ยนจิ่วเฉาจับคอและยกตัวมันขึ้นอย่างไร้ความปรานี

จิ้งจอกหิมะตัวน้อยคร่ำครวญพร้อมกับใช้กรงเล็บตะกายขึ้นลง!

เยี่ยนจิ่วเฉายิ้มมุมปากอย่างขี้เล่นและวางมันลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ ลูบไล้หน้าท้องขาวเล็กน้อยด้วยปลายนิ้ว

จิ้งจอกหิมะตัวน้อยถูกลูบอย่างสบาย

แต่ไม่รู้คิดอย่างไร จู่ๆ มันก็ลุกขึ้นยืน ใช้มือทั้งสองข้างตะปบนิ้วชี้ของเยี่ยนจิ่วเฉา และกดเข้าไปในก้อนน้ำแข็ง

หลังจากกดไปสักพัก ก็นอนลงอีกครั้งและเอานิ้วเย็นๆ นั้นมาไว้ที่ท้อง

เยี่ยนจิ่วเฉาลูบท้องของมันอีกครั้ง

ว้าว

จิ้งจอกหิมะน้อยสุดเท่!

“เยี่ยนจิ่วเฉา ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน” อวี๋หวั่นปอกลิ้นจี่

“อันใดหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามพลางถูท้องจิ้งจอกหิมะ

อวี๋หวั่นป้อนลิ้นจี่ที่ปอกเปลือกแล้วให้กับจิ้งจอกหิมะตัวน้อย

ในขณะที่เพลิดเพลินกับการนวดของนายท่าน สุนัขจิ้งจอกหิมะก็ได้รับอาหารจากนายหญิง มันใช้อุ้งมือถือลิ้นจี่และใช้ปากของมันดูดคำใหญ่

“ไป๋หลี่เซียง…มาจากหวั่นเจาอี๋” อวี๋หวั่นบอกต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดให้เยี่ยนจิ่วเฉาฟัง อวี๋หวั่นเพียงบอกความจริงอย่างเป็นกลางและไม่ได้ใส่ความคิดของเธอลงไปด้วย เยี่ยนจิ่วเฉาจะรู้ความตั้งใจของหวั่นเจาอี๋ได้อย่างไร แล้วจะรู้เห็นสิ่งที่เซียวเจิ้นถิงทำได้อย่างไร เขามีหัวใจที่เป็นกลาง ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องโน้มน้าว

เยี่ยนจิ่วเฉาที่กำลังถูนิ้วกับจิ้งจอกหิมะหยุดชะงัก

จิ้งจอกหิมะตัวน้อยดูดลิ้นจี่เสร็จแล้ว ก็จับแกนลิ้นจี่แล้วมองไปที่นิ้วของเจ้านายอย่างไม่พอใจ จับมันไปแช่ในก้อนน้ำแข็งและนำมากดที่ท้องของมันต่อ

เยี่ยนจิ่วเฉากลับมามีสติและถูต่อไป

จิ้งจอกหิมะน้อยหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ

อวี๋หวั่นต้องการเอ่ยมากกว่านี้ แม้หวั่นเจาอี๋จะเป็นคนร้าย ทว่าไม่ใช่ตัวการที่ก่อกรรมทำชั่ว ตัวการคือตี้จีองค์เล็กแห่งหนานจ้าว

“เหตุใดท่านถึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย?” อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความสงสัย “ท่าน…รู้อยู่แล้วหรือ?”

ตั้งแต่อวี๋หวั่นบอกเขาว่าฮูหยินเหยาเห็นบ้านเล็กของบิดาเขา เยี่ยนจิ่วเฉาก็พอเดาได้ว่าบ้านเล็กนั้นคือตี้จีองค์เล็กแห่งหนานจ้าว บุตรชายของหัวหน้าเผ่าเล็กๆ อะไรนั่น ทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งบังหน้าเท่านั้น สิ่งที่เรียกว่าหลบหนีนั้นก็คงเป็นเพียงการซ่อนตัวอยู่ในเมืองเยี่ยนเท่านั้น

“ท่านพ่อของข้าอาจจะยังไม่ตาย”

อวี๋หวั่นถึงกับผงะ

“และอาจจะเป็นราชบุตรเขยแห่งหนานจ้าว”

อวี๋หวั่นตกตะลึง

แค่เรื่องที่เยี่ยนอ๋องยังไม่ตายก็เพียงพอที่จะทำให้คนตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า แล้วยังราชบุตรเขยแห่งหนานจ้าวอีก…นี่ทำให้อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร

หากเป็นเช่นนั้นจริง ตี้จีองค์เล็กแห่งหนานจ้าวก็มีแรงจูงใจเพียงพอที่จะฆ่าเขา เพื่ออ้างว่าเยี่ยนอ๋องเป็นของตนเอง นางต้องการให้บุตรชายของนางเป็นเลือดเนื้อเพียงหนึ่งเดียวของเยี่ยนอ๋อง แล้วเยี่ยนอ๋องละ? เขาคิดอย่างไร? ระหว่างนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? กลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

“ท่านรู้สึก…ว่าท่านพ่อยังไม่ตายมาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่?”

ดังนั้นเขาจึงลังเลที่จะสืบทอดตำแหน่ง

เขากำลังรอให้บิดาของเขากลับมา ทว่าคาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นั้นได้กลายเป็นครอบครัวอื่นไปแล้ว เยี่ยนอ๋องได้ละทิ้งซั่งกวนเยี่ยน และละทิ้งเขา ความศรัทธาที่มีมาตลอดชีวิตของเขาราวกับพังทลายลงในชั่วข้ามคืน

นี่มันไม่ยุติธรรมกับเยี่ยนจิ่วเฉาเกินไปแล้ว

เขารอคอยมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ แต่สุดท้ายได้สิ่งใด?

“บางทีเรื่องราวอาจไม่ใช่อย่างที่เราเห็น”

อวี๋หวั่นจับมือของเยี่ยนจิ่วเฉาแน่น

พิษต้องแก้

ความจริงก็ต้องสืบ!

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ชุยเฒ่าปิดประตูศึกษาสูตรยาที่ได้จากหวั่นเจาอี๋

“เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นมาพบเขา

ชุยเฒ่าขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “เอ่ยตามตรง สูตรยาเป็นยาที่ดี ทว่าข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันถูกต้องหรือไม่”

อวี๋หวั่นกล่าวอย่างไม่แยแส “ท่านก็แค่ต้องปรุงมันขึ้นมาก่อน”

ชุยเฒ่าตะคอก “พูดน่ะง่าย ทว่าส่วนผสมเหล่านี้หาซื้อไม่ได้ในเมืองหลวง”

แววตาของอวี๋หวั่นหยุดนิ่ง “เช่นนั้นก็ไปซื้อมาจากที่อื่น ข้าไม่เชื่อว่าใต้หล้านี้ยังมีวัตถุดิบยาที่จวนเยี่ยนอ๋องซื้อไม่ได้!”

ชุยเฒ่าโบกมือ ยื่นขวดลายครามขนาดเล็กให้อวี๋หวั่น “เอาละ เอาละ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ ข้าจะให้เจ้าดูบางอย่าง”

“มันคือสิ่งใด?” อวี๋หวั่นถาม

“ยาไง” ชุยเฒ่ายัดขวดยาใส่มือของอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นดึงจุกออก กลิ่นยาพลันฟุ้งออกมา “ของเยี่ยนจิ่วเฉาหรือ?”

ชุยเฒ่ากล่าวอย่างจริงจัง “ไม่ใช่ ให้พ่อสามีของเจ้า!”

“แม่ทัพใหญ่เซียว?” อวี๋หวั่นชะงัก

ดวงตาของชุยเฒ่าเป็นประกาย “อย่าบอกนะว่าเจ้าดึงหวั่นเจาอี๋ลงมาแล้วยังไม่รู้เรื่องยาห้ามบุตรอีก?”

“ท่านรู้ได้อย่างไร?” อวี๋หวั่นเหล่มองอย่างระแวดระวัง

“แค่ก” ชุยเฒ่ากระแอมในลำคอและเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด “ยาห้ามบุตรในยามนั้นข้าเป็นคนปรุงเอง”

“ท่าน!” อวี๋หวั่นหยิบแจกันบนโต๊ะขึ้นมา!

ชุยเฒ่ากระโดดไปติดขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว และมองอวี๋หวั่นด้วยความหวาดกลัว “เจ้าอย่าเพิ่งวู่วาม! ข้าก็แค่ทำตามคำสั่ง! ฮ่องเต้ให้ข้าจ่ายยา ข้าจะขัดขืนได้หรือ? ข้าไม่ต้องการมีหัวอีกแล้วรึ?!”

อวี๋หวั่นสูดหายใจและวางแจกันลง “เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่เอ่ยก่อนหน้านี้? หากข้าไม่ได้จัดการกับหวั่นเจาอี๋ ท่านก็คิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้ในท้องของท่านตลอดไปรึ?”

“ข้าจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร?” ชุยเฒ่าลูบจมูกด้วยความรู้สึกผิด “นี่ก็ไม่ใช่ว่าข้า…ปรุงยามาให้เจ้าแล้วหรือ?”

ในยามนั้นชุยเฒ่ายังคิดเผื่อไว้ ฮ่องเต้ให้เขาปรุงยาห้ามบุตร เขาใส่ยาไปเพียงครึ่งเดียวและเปลี่ยนวัตถุดิบอีกหลายชนิด ขณะนั้นเขาคิดว่าหากอนาคตหมดสิ้นหนทาง เขาขายบุญคุณให้กับเซียวเจิ้นถิงก็ยังพอให้ต่อชีวิตได้

แน่นอนว่ายามนี้ยังไม่ได้ขายบุญคุณนั้น แต่กลับเป็นการเปิดเผยและยั่วยุให้คนโมโห

อวี๋หวั่นมองเขาอย่างเย็นชา “ท่านแน่ใจหรือว่ายานี้ใช้ได้?”

ชุยเฒ่ายิ้มมุมปาก “ข้าจะแน่ใจได้อย่างไร? อย่างไรก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว อีกทั้งสูตรยาเดียวกัน ก็หาใช่จะใช้ได้กับทุกคน แต่ในเมื่อเขาเป็นเช่นนี้ไปแล้ว พวกเจ้าก็รักษาม้าตายด้วยยาม้าเป็น[1]เถิด หากรักษาได้ก็ดี หากรักษาไม่ได้ อย่างมากก็แค่เป็นเหมือนเดิม”

แม้จะดูหยาบคายทว่าก็มีเหตุผล

อวี๋หวั่นเรียกเจียงไห่ และให้เขานำยาไปส่งให้เซียวเจิ้นถิง

อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วออกไปหาซื้อวัตถุดิบยาจากนอกเมือง

ชุยเฒ่าสอนวิธีในการฝังเข็มทองแก่อวี๋หวั่น เพื่อช่วยระงับพิษไป๋หลี่เซียงไว้ชั่วคราว

………………

ในช่วงต้นเดือนเจ็ด สกุลอวี๋มีเรื่องน่ายินดีถึงสองเรื่อง หนึ่งคือการแต่งงานระหว่างอวี๋เฟิงกับไป๋ถังได้ถูกกำหนดแล้ว พระชายาซื่อจื่อแห่งจวนเยี่ยนอ๋องมาสู่ขอถึงบ้าน นายท่านไป๋ถึงกับตกใจจนขาอ่อนแรง จะยังมีปากไว้ปฏิเสธได้อย่างไร? นอกจากนี้ บุตรสาวของเขาก็โตมากแล้ว ทั้งยังถูกโจษจันว่าหยิ่งยโส นายท่านไป๋เตรียมใจที่จะไม่สามารถส่งบุตรสาวออกไปแต่งงานไว้แล้ว ทว่ายามนี้พี่ชายของพระชายาซื่อจื่อเต็มใจมาขอแต่งงาน นายท่านไป๋แทบรอที่จะให้ทั้งสองได้เข้าห้องหอไม่ไหวแล้ว!

หากเอ่ยถึงชาติกำเนิดของอวี๋เฟิง

ได้คะแนนที่มีสถานะลูกพี่ลูกน้องของพระชายาซื่อจื่อ

ได้คะแนนที่มีน้องชายเป็นนักเรียนอยู่ในสำนักบัณฑิตกั๋วจื่อเจียน

ได้คะแนนที่เป็นเจ้าของโรงฝึกงานตั้งแต่อายุน้อย

และที่บ้านยังมีเหมือง! ! ! เป็นคะแนนที่พิเศษสุดๆ!

เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ จะเป็นชาวนาขาเปื้อนโคลนหรือไม่ ก็หาใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป

วันแต่งงานถูกกำหนดขึ้นในเดือนเก้า

เดิมทีคุยกับว่าเป็นเดือนสิบ ทว่านายท่านไป๋กังวลว่าสกุลอวี๋จะเปลี่ยนใจ จึงเลื่อนวันแต่งงานให้เร็วขึ้น

ดวงตาของไป๋ถังเย็นชา “ทำอย่างกับข้าจะแต่งไม่ออกเยี่ยงนั้นละ!”

นายท่านไป๋ : แล้วไม่ใช่รึ?!

และอีกเรื่องหนึ่งคือ กั๋วจื่อเจียนจัดการสอบประจำเดือนอีกครั้ง และอวี๋ซงก็เป็นที่หนึ่งของห้องสอง

…………………………………………………….

[1] รักษาม้าตายด้วยยาม้าเป็น 死马当活马医 อุปมาถึง การพยายามทำทุกอย่างในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท