หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 196.2 สาวงามอันดับหนึ่ง (2)

บทที่ 196.2 สาวงามอันดับหนึ่ง (2)

แม่นางต่งหันหลังมา แม้แต่การเคลื่อนไหวธรรมดาก็ยังสง่างามดึงดูดสายตา นั่นเป็นเสน่ห์ของฮวาขุยสินะ

นางคลุมหน้าด้วยผ้าสีม่วง สันจมูกโด่งทำให้ผ้ามีส่วนนูนได้รูป ดวงตาคู่สวยเย้ายวนอยู่ใต้ผ้าคลุมหน้า อวี๋หวั่นไม่แปลกใจเลยว่าถ้าหากคนที่เข้ามาเป็นผู้ชาย ก็คงจะต้องหลงใหลสายตาของนางอย่างแน่นอน

คิ้วโก่งได้รูปดังใบของต้นหลิ่ว ความเข้มกำลังเหมาะ เข้ากับผมหน้าม้ายุคโบราณได้เป็นอย่างดี อวี๋หวั่นคิดว่าความงามของผู้หญิงคนนี้นับว่าเหนือกว่าคนธรรมดา

อวี๋หวั่นคิดว่าหน้าตาคือความภาคภูมิใจของเธอ แต่ในตอนนี้เห็นทีเธอคงเจอคู่แข่งแล้ว

กระนั้นอวี๋หวั่นก็รู้สึกชื่นชมเสียมากกว่า แม้ว่าคนงามในใต้หล้านั้นมีมาก แต่ผู้ที่งามประหนึ่งเทพเซียนนั้นมีน้อยนัก

“เหตุใดคุณชายมองข้าเช่นนั้น?”

ต่งเซียนเอ๋อร์หันหลังมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

เสียงของนางไพเราะเป็นธรรมชาติ ราวกับจะไม่ยอมอ่อนข้อให้รูปร่างหน้าตาของนาง

อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ “แม่นางต่งตกใจเช่นนี้ เห็นทีผู้ที่มาก่อนหน้านี้ล้วนแต่ตาบอดกระมัง? จึงไม่ตกตะลึงในความงามของแม่นางต่ง”

ต่งเซียนเอ๋อร์หลุดหัวเราะออกมา ดวงตาสดใสมีเสน่ห์เช่นนั้น ทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกราวกับหัวใจของเธอกรอบจนแตกออกมาได้เลยทีเดียว

“คุณชายเชิญนั่งเจ้าค่ะ” ต่งเซียนเอ๋อร์ชี้ไปยังโต๊ะในห้อง โบกมือเล็กน้อย แล้วปิดประตูด้วยกำลังภายใน

อวี๋หวั่นไม่ตกใจ และนั่งลงด้วยความเยือกเย็น

ต่งเซียนเอ๋อร์ยกกาสุราขึ้นมารินเหล้าให้อวี๋หวั่นจอกหนึ่ง แล้วกล่าวเนิบๆ ว่า “คนอื่นเอาแต่จ้องเซียนเอ๋อร์ แต่สายตาของคุณชายไม่เหมือนกับคนอื่น”

“โอ้? ไม่เหมือนอย่างไรหรือ?” อวี๋หวั่นถาม

ต่งเซียนเอ๋อร์วางกาสุราลง หยิบจอกสุราส่งให้อวี๋หวั่น “สายตาของผู้ชายตัวเหม็นพวกนั้นน่าขยะแขยง แต่คุณชายกลับไม่…”

อวี๋หวั่นใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เธอเกือบคิดว่าตนเองจะถูกจับได้เสียแล้ว แต่เมื่อคิดว่าเธอติดลูกกระเดือกปลอม ทั้งยังใช้ยาเปลี่ยนเสียงที่ชุยเฒ่าให้มา ตามหลักแล้วก็คงไม่ถูกจับได้ง่ายๆ

“คุณชายกำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ? อยู่กับเซียนเอ๋อร์แล้วยังใจลอย เซียนเอ๋อร์ไม่ดีพอหรือเจ้าคะ?” ต่งเซียนเอ๋อร์นั่งลงข้างอวี๋หวั่น พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

จะว่าไปก็น่าแปลก เสียงเล็กๆ เหมือนกัน แต่เสียงของเด็กนั่นกลับทำให้อวี๋หวั่นปวดหัว แต่ต่งเซียนเอ๋อร์ทำให้หัวใจของอวี๋หวั่นรู้สึกพองโต อย่างที่ว่ากันว่าหากไม่มีความสามารถพอก็ทำไม่ได้ นางเป็นได้ถึงฮวาขุยอันดับหนึ่งของหอตี้อี ไม่ใช่จะมีเพียงรูปร่างหน้าตาอย่างเดียวก็ทำได้

อวี๋หวั่นลองชิมเหล้าองุ่นที่นางส่งให้

ต่งเซียนเอ๋อร์โน้มกายเข้ามาใกล้อวี๋หวั่น กลิ่นหอมจรุงจากแขนเรียวของนางคล้ายกับจะมาติดที่แขนของอวี๋หวั่น “นี่เป็นสุราที่เซียนเอ๋อร์หมักเอง คุณชายคิดว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”

อวี๋หวั่นเดาะลิ้น “กล่าวตามตรง ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่”

ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะร่าออกมา เสียงหัวเราะของนางใสกังวานราวกับกระดิ่งเงิน

“เอ…ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?” อวี๋หวั่นถามนางอย่างไม่เข้าใจ เธอวิจารณ์สุราของนางว่าไม่อร่อย นางไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา? นี่มันเหนือความคาดหมายของเธอเหลือเกิน

“คุณชายเป็นคนแรกที่กล้าบอกว่าสุราของเซียนเอ๋อร์ไม่อร่อย” ต่งเซียนเอ๋อร์หยิบจอกสุราจากมือของอวี๋หวั่น แล้วเทมันลงไปในชามใบใหญ่ จากนั้นก็หยิบไหสุราหน้าตาธรรมดามาวาง “นี่ต่างหากคือสุราที่เซียนเอ๋อร์หมักเอง”

ที่แท้ก็เป็นบททดสอบนี่เอง

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าบรรดาคนที่มาก่อนหน้านี้ต่างไม่ตอบตามความจริงและถูกแม่นางเซียนเอ๋อร์ผู้นี้ปฏิเสธไป

เป็นดังคาด ต่งเซียนเอ๋อร์ส่งจอกสุราจอกที่สองให้อวี๋หวั่น “พวกเขาล้วนแต่ไม่จริงใจ จึงไม่ได้ดื่มสุราที่เซียนเอ๋อร์หมักเองกับมือ”

อวี๋หวั่นรับจอกเหล้านั้นมาจิบ

เอ๋…ไม่อร่อยเท่าเมื่อครู่นี่!

อวี๋หวั่นไม่รอให้ต่งเซียนเอ๋อร์เอ่ยปาก เธอรีบช่วงชิงจังหวะ เอื้อมมือไปลูบจอนผมของนาง ดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ดอก

กุหลาบดอกงามก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเธอ

อวี๋หวั่นส่งดอกกุหลาบดอกนั้นให้ต่งเซียนเอ๋อร์ ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของต่งเซียนเอ๋อร์ “คุณชายทำได้อย่างไรเจ้าคะ?”

อวี๋หวั่นยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร ขยับเล็กน้อย กลีบของดอกกุหลาบก็ร่วงโรย นกแก้วสีสวยสดท่าทางซังกะตายตัวหนึ่งปรากฏออกมา อันที่จริงมายากลเช่นนี้จะต้องใช้นกพิราบ แต่น่าเสียดายที่หานกพิราบไม่ได้ จึงต้องใช้นกแก้วตัวที่ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทำให้โมโห เพราะฉะนั้นอวี๋หวั่นจึงแอบซ่อนมันเอาไว้ในแขนเสื้อ

นกแก้วตัวน้อยเป็นอิสระแล้ว มันจึงกางปีกโบยบินออกไปนอกหน้าต่าง

แต่อวี๋หวั่นปิดหน้าต่างได้ทันควัน

นกแก้วชนเข้ากับหน้าต่างอย่างเต็มแรง มึนงงอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะไหลลงมาจากหน้าต่าง

ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะออกมา

ครั้นอวี๋หวั่นฝึกมายากลนี้ในจวน เธอไม่ได้คล่องแคล่วเช่นนี้ เมื่อครู่นับว่าดีกว่าปกติ เมื่อเห็นว่าต่งเซียนเอ๋อร์ อารมณ์ดี ทีนี้เธอเปิดประเด็นเจรจาขอซื้อเห็ดหลินจือได้หรือยัง?

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ต่งเซียนเอ๋อร์ก็โน้มกายมาหาเธอ

นางหัวเราะจนตัวโยน ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทั้งร่างโผเข้าหาอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นยกมือขึ้นสองข้างตัวแข็งทื่อ ออกจะขำมากเกินไปหน่อยไหมเนี่ย?

“คุณชาย” ในที่สุดต่งเซียนเอ๋อร์ก็หยุดหัวเราะได้ ดวงตางามของนางมีน้ำตาคลอน้อยๆ เป็นประกาย กำลังมองมาที่อวี๋หวั่น “คุณชายเป็นคนแรกที่ทำให้เซียนเอ๋อร์หัวเราะจนท้องแข็งเช่นนี้”

แล้ว?

ต่งเซียนเอ๋อร์ยกมือขึ้นลูบหน้าอกของอวี๋หวั่น “เซียนเอ๋อร์อยากรับใช้คุณชายเจ้าค่ะ”

อวี๋หวั่นจับมือของต่งเซียนเอ๋อร์เอาไว้

เชื่อข้าเถอะน้องสาว เจ้าลูบไปก็ไม่เจอกล้ามหรอก!

อวี๋หวั่นถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าได้ยินชื่อเสียงของแม่นางต่งมานาน จึงตั้งใจมาชมความงามของแม่นาง ไม่กล้ามีความคิดเลยเถิดต่อแม่นางต่งแต่อย่างใด”

“เรียกข้าว่าเซียนเอ๋อร์” ต่งเซียนเอ๋อร์บอก

อวี๋หวั่นจึงพูดว่า “เซียนเอ๋อร์”

ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มหวาน ยังคงพะเน้าพะนออยู่ในอ้อมอกของอวี๋หวั่น ไม่ยอมลุกออกไป

แม้จะบอกว่าตนเองพันหน้าอกมาดีแล้ว แต่ก็…เพื่อที่จะไม่ให้อีกฝ่ายผิดสังเกต อวี๋หวั่นจึงเปลี่ยนไปโอบนางแทน เธอโอบอย่างแรง ราวกับบัณฑิตหนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์อย่างไรอย่างนั้น

ต่งเซียนเอ๋อร์กลับมิได้สนใจว่าแรงหรือไม่แรง นางซุกเข้าที่ไหล่ของอวี๋หวั่น พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “พวกเขาต้องการข้า เหตุใดมีเพียงคุณชายคนเดียวที่ไม่ต้องการเล่าเจ้าคะ?”

ข้าก็อยากถามเจ้าเหมือนกัน มีผู้ชายจริงๆ มีตั้งมากมาย ทำไมต้องมาชอบผู้ชายปลอมอย่างเธอ?

คำพูดติดปากของผู้ชายเฮงซวย ข้อที่หนึ่ง: “เซียนเอ๋อร์ เจ้าดีเกินไป ขะ…ข้าไม่เหมาะสมกับเจ้า”

ที่จริงข้าก็ไม่ได้ต้องการเจ้า

ต่งเซียนเอ๋อร์ส่ายหน้า “คุณชายเป็นคนดี ดีกว่าพวกเขา หรือว่า…คุณชายไม่ชอบเซียนเอ๋อร์?”

คำพูดติดปากของผู้ชายเฮงซวย ข้อที่สอง: “เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”

เดาแม่นขนาดนี้ ทำไมไม่ไปเป็นหมอดูเลยเล่า?

“ตอนที่เซียนเอ๋อร์อยู่บนเวทีไม่ทันระวัง บังเอิญไปเห็นคุณชายกับบุรุษที่ท่านมาด้วยดูสนิทสนมกัน คุณชายคงไม่ได้…”

ต่งเซียนเอ๋อร์ไม่ได้พูดคำว่าตัดแขนเสื้อออกมา

คำพูดติดปากของผู้ชายเฮงซวย ข้อที่สาม: “ระหว่างข้ากับเขาไม่มีอะไร เขาไม่ค่อยสบาย ข้าจึงคอยดูแลเขาก็เท่านั้น แต่หากแม่นางคิดเช่นนั้น ข้าก็ทำอะไรไม่ได้”

พูดออกมาด้วยความมั่นใจเป็นพิเศษ!

ต่งเซียนเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณชายอย่าได้โมโหไป เซียนเอ๋อร์เพียงแต่ถามก็เท่านั้น ในเมื่อในใจของคุณชายไม่มีผู้ใด และไม่ได้รังเกียจเซียนเอ๋อร์ เช่นนั้นไฉนไม่มาอยู่กับเซียนเอ๋อร์เล่าเจ้าคะ?”

เพราะว่าหมอนั่นจะได้ตามมาแหวกอกเจ้าน่ะสิ ไม่แน่ข้าก็อาจซวยไปด้วย

และที่สำคัญที่สุดคือข้าไม่มีเจ้านั่นด้วย

อวี๋หวั่นชะงักไปครู่หนึ่ง “ที่จริงแล้ว…”

“ที่จริงแล้วคุณชายมาหาข้าเพราะเรื่องอื่น” ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มน้อยๆ แล้วออกมาจากอ้อมแขนของอวี๋หวั่น แล้วลุกเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง

เอาละ ถูกจับได้ซะแล้วสิ

อวี๋หวั่นถอนหายใจอย่างโล่งอก ต่อให้ไม่ถูกจับได้ เธอก็แสดงต่อไปไม่ไหวแล้ว

ต่งเซียนเอ๋อร์รินชาให้ตนเอง นัยน์ตาของนางมิได้เย้ายวนอ่อนโยนเฉกเช่นก่อนหน้านี้ น้ำเสียงของนางมีความเย่อหยิ่งสูงส่งแฝงอยู่ “ว่ามาเถิด ท่านต้องการสิ่งใดจากข้า?”

อวี๋หวั่นประสานมือ พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ว่า “กล่าวอย่างไม่ปิดบัง ข้าต้องการเห็ดหลินจือ”

“เห็ดหลินจือแดง?” ต่งเซียนเอ๋อร์จิบชาอีกครั้ง

ที่แท้คนหนานจ้าวก็เรียกว่าเห็ดหลินจือแดง อวี๋หวั่นพยักหน้า “มิผิด เห็ดหลินจือแดง”

ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะอย่างเย็นชา “ข้ามีเห็ดหลินจือแดงอยู่ในครอบครองก็จริง หากเมื่อครู่ท่านตัดสินใจอยู่กับข้า กายข้าเป็นของท่าน เห็ดหลินจือย่อมเป็นของท่านด้วย บัดนี้คุณชายคงนึกเสียดายแล้วกระมัง?”

ข้าจะไปเสียดายได้อย่างไร?

อวี๋หวั่นรู้สึกว่าในตอนนี้เธอเป็นเหมือนผู้ชายเฮงซวยที่กำลังถูกตบหน้าฉาดใหญ่ แต่เธอไร้เดียงสานะ…

อวี๋หวั่นตอบว่า “ข้ารู้ว่าพูดเช่นนี้ไม่เหมาะนัก แต่ว่าข้าต้องการเห็ดหลินจือต้นนี้จริงๆ ไม่รู้ว่าเซียนเอ๋อร์…”

ต่งเซียนเอ๋อร์กล่าวตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “เรียกข้าว่าแม่นางต่ง”

“ใช่ๆๆ แม่นางต่ง”

เปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน น่ากลัวจริงๆ

ต่งเซียนเอ๋อร์หัวเราะขึ้นทันใด “ข้าให้เห็ดหลินจือท่านได้ แต่ว่าไม่อาจให้ท่านโดยปราศจากข้อแลกเปลี่ยน”

อวี๋หวั่น: มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรรีบบอกมาเลย!

ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม “ข้าโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยพบปรมาจารย์พิษขั้นสูง หากท่านหาปรมาจารย์พิษขั้นสูงมาให้ข้าได้ ข้าจะมอบเห็ดหลินจือให้ท่าน”

“…”

รู้อยู่แล้วว่าประจบได้ไม่ง่าย

“เหอะ! เจ้านั่นไม่มีปรมาจารย์พิษ แต่ข้ามี!”

กลับเป็นองค์หญิงน้อยที่เปิดประตูเข้ามา

สาวใช้มีสีหน้ากระดากใจอยู่บ้าง

หน่วยกล้าตายมาหยุดองค์หญิงน้อยแล้วก็จริง ทว่าองครักษ์ขององค์หญิงน้อยตามมาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายประมือกันเป็นพัลวัน องค์หญิงน้อยบอกว่านางสามารถหาปรมาจารย์พิษได้ สาวใช้จึงพานางมา

เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่ต่งเซียนเอ๋อร์ตามหาปรมาจารย์พิษขั้นสูงไม่ใช่ความลับอันใด

องค์หญิงน้อยเชิดคาง “เป็นอย่างไร? เจ้ามอบเห็ดหลินจือแดงให้ข้า ข้าจะแนะนำปรมาจารย์พิษให้เจ้า”

อวี๋หวั่นลูบคางด้วยความสงสัย สรุปแล้วเด็กคนนี้เป็นใครกัน เชิญปรมาจารย์พิษของราชวงศ์มาได้ด้วย?

“พูดจริงหรือ?” ต่งเซียนเอ๋อร์ยิ้ม

องค์หญิงน้อยตอบด้วยความมั่นใจ “จริงแท้แน่นอน!”

“ช้าก่อน!” อวี๋หวั่่นเรียกต่งเซียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังจะตกปากรับคำ “ปรมาจารย์พิษขั้นสูงเพียงคนเดียวใช่ไหม?”

“คุณชายก็สามารถแนะนำปรมาจารย์พิษขั้นสูงให้ข้าได้หรือ?” ต่งเซียนเอ๋อร์ถาม

“ใช่แล้ว!” อวี๋หวั่นตอบด้วยสีหน้านิ่ง

องค์หญิงน้อยมองอวี๋หวั่นด้วยหางตา แล้วพูดกับต่งเซียนเอ๋อร์ว่า “เจ้าอย่าไปฟังคำพูดจาเหลวไหล นางเป็น…”

อวี๋หวั่นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าทำไม? บ้านเจ้ามีปรมาจารย์พิษได้คนเดียวหรือ? เจ้าเชิญมาได้แล้วข้าเชิญมาไม่ได้หรือ?”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกัน ต่งเซียนเอ๋อร์หันไปพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เช่นนี้ดีกว่า ข้าให้เวลาสามวัน คุณชายน้อยทั้งสองพาปรมาจารย์พิษของตนมา ข้าถูกใจปรมาจารย์พิษของท่านไหน ข้าจะมอบเห็ดหลินจือให้ผู้นั้น”

…………………………………………..

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท