การสังหารคือสัญชาตญาณของซิวหลัว
นี่เป็นผลจากธาตุไฟเข้าแทรก คนทั่วไปมักและทนไม่ไหวและขาดใจตาย ต่อให้ทนไหว วรยุทธ์ก็สลายสิ้นเฉกเช่นเห้อเหลียนเป่ยหมิง ส่วนซิวหลัวซึ่งรอดมาได้ ก็ต้องทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น
เส้นเลือดทั่วทั้งร่างของเขาขาดสะบั้น จากนั้นก็จะมีส่วนที่สร้างขี้นมาใหม่ จากนั้นก็จะขาดสะบั้นลงไปอีก…เป็นเช่นนี้เรื่อยไป ไม่มีวันจบสิ้น แม้ว่าเส้นเลือดที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่จะแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ครั้งต่อไปที่ฉีกขาด ก็จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน
และวิธีที่ดีที่สุดในการระงับความเจ็บปวดเหล่านี้ก็คือการเข่นฆ่า
พวกเขาไม่สนใจว่าผู้ที่อยู่ในเงื้อมมือของตนจะเป็นดรุณีน้อยผู้ไร้เรี่ยวแรง หรือว่าเด็กน้อยไร้เดียงสา หากถูกพวกเขาเห็นเข้า ก็จะถูกฆ่าทันที
ต้าเป่าเสร็จแน่
เขาตกอยู่ในเงื้อมมือของซิวหลัวแล้ว ยังกล้ายัดจุกนมใส่ปากเขาอีก…
อิ่งสือซันมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือซิวหลัว ในชีวิตได้เจอกับซิวหลัวสักครั้งก็สามารถนำไปคุยโวได้แล้ว อย่างไรก็ดีอิ่งสือซันก็ดีใจไม่ออก เป็นเพราะต้าเป่าตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่าย เขาและอาเว่ยได้รับบาดเจ็บ ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีต้าเป่าก็คง…
อิ่งสือซันไม่กล้าคิดต่อ แต่ก็ไม่อาจทนดูต่อไปได้
เขาคิดในใจว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับต้าเป่า เขาก็จะสู้จนตัวตายไปพร้อมกับซิวหลัว!
เขาตัดสินใจมองต้าเป่าเป็นครั้งสุดท้าย
เต้าเป่าใช้มือน้อยจับด้ามจับของขวดนม จ้องไปยังซิวหลัวตาไม่กะพริบ
ซิวหลัวไม่ดื่ม เขาก็ใช้มือเล็กดันเข้าไป
ซิวหลัวดูดเข้าไปหนึ่งคำโดยไม่รู้ตัว
ซู้ด~
ซิวหลัวกลืนเข้าไป
ป๊อก!
ต้าเป่าดึงจุกนมออกมา ใช้แรงเขย่าขวดนม ยังมีนมอยู่ เขาจึงยัดจุกนมใส่ปากซิวหลัวไปอีก
ซู้ดดด~ ซิวหลัวดื่มนมต่อ
อิ่งสือซันแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง!
อสูรร้ายในตำนานสงบลงได้เพราะจุกนมเด็กหรือนี่?
อิ่งสือซันรู้สึกเบาลง แรงมหาศาลซึ่งกระหน่ำลงบนร่างของเราอย่างบ้าคลั่ง บัดนี้ได้หายไปแล้ว ไม่เพียงแต่เขา สีหน้าของอาเว่ยเองก็ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก
ชิงเหยียนและเจียงไห่แม้ว่าจะยังมึนงงไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาก็หายใจคล่องขึ้น และเยว่โกวก็หยุดกระอักเลือดแล้ว
ทุกสิ่งล้วนเป็นประจักษ์แล้วว่าในตอนนี้ซิวหลัวไม่ได้คิดจะสังหารผู้ใด
สามารถทำให้ซิวหลัวหยุดจิตสังหารได้นั้น…เป็นความหวังครั้งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดกล้าทำมาก่อน
แน่นอนว่าซิวหลัวใช่ว่าเอะอะก็จะฆ่าคน เขาสามารถควบคุมตนเองได้ เพียงแต่ยามต้องควบคุมตนเองนั้นมิใช่ความรู้สึกที่ดีเท่าไรนัก อีกทั้งเมื่อเขาลงมือไปแล้ว ก็ไม่อาจหยุดครึ่งๆ กลางๆ ได้
เพราะฉะนั้นเด็กน้อยทำเช่นนี้ได้อย่างไร?
ซู้ด~ซู้ด~ซู้ด~
ซิวหลัวออกแรงดูดอีกสองสามครั้ง ก็ดูดไม่ออกแล้ว
ต้าเป่าหยิบขวดนมออกมาเขย่า ปรากฏว่าครั้งนี้ขวดนมว่างเปล่า
“ฮึบ! ฮึบ!” ต้าเป่าก้มตัว หมายจะลงไปบนพื้น
อิ่งสือซันใจหายวาบ เขากังวลว่าครั้งนี้จะปลุกจิตสังหารของซิวหลัวอีกครั้ง กระนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อซิวหลัวค่อยๆ วางต้าเป่าลง
ต้าเป่าวิ่งเตาะแตะไปหาน้องชาย แล้วดึงขวดนมใบเล็กของพวกเขามา จากนั้นก็วิ่งกลับไปหาซิวหลัว พร้อมกับส่งขวดนมหนึ่งในสองใบให้เขา
เด็กและผู้ใหญ่นั่งลงริมน้ำ ดูดนมจากขวดอย่างเอร็ดอร่อย
ซู้ด~ ต้าเป่าเหลือบมองซิวหลัว
ซู้ด~ ซิวหลัวก็มองต้าเป่ากลับ
ดื่มนมด้วยกันแล้ว จากนี้ก็เป็นเพื่อนกันแล้วนะ!
ต้าเป่าสั่นขาสั้นๆ ของเขา
ซิวหลัวก็สั่นขายาวๆ ของเขา
จากราชสีห์คลั่งบัดนี้ได้กลายเป็นแมวสีส้มเชื่องๆ ตัวหนึ่ง
ในตอนนี้ซิวหลัวว่าง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ
อิ่งสือซันรู้สึกว่าในตอนนี้หากตนไม่ตายก็คงทำได้เพียงยืนอึ้งอย่างนี้ ชีวิตนี้ได้พบเจอซิวหลัวก็มากพอแล้ว ซิวหลัวผู้นี้ยังถูกเด็กน้อยควบคุมเสียอยู่หมัด…
เมื่อปราศจากแรงกดจากพลังของซิวหลัว เจียงไห่และชิงเหยียนก็ฟื้นขึ้น ทั้งสองเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ต่างก็ตกใจจนแทบเป็นลมไปอีกรอบ!
อิ่งสือซันเห็นเด็กน้อยผู้ซึ่งไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย และมองไปยังซิวหลัวซึ่งไม่ได้คลางแคลงใจ ก็หรี่ตาเล็กน้อย
ตอนนี้ละ คือโอกาสทองที่จะลงมือ!
อิ่งสือซันปิดตาของเสี่ยวเป่า มือกำด้ามกระบี่ คมกระบี่แทงทะลุเข้าที่อกของหน่วยกล้าตายคนหนึ่ง
“อ๊ากกก” หน่วยกล้าตายร้องลั่น
ต้าเป่าตกใจจนสะดุ้งโหยง!
เมื่อต้าเป่าสะดุ้ง ซิวหลัวก็เริ่มไม่พอใจเสียแล้ว
จิตสังหารอันบ้าคลั่งซึ่งเมื่อครู่กว่าจะทำให้มลายหายไปได้นั้นแสนลำบาก บัดนี้ได้กลับมาอีกครั้ง เหล่าหน่วยกล้าตายซึ่งเข้ามาในป่าอย่างเงียบเชียบยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองก็ถูกซิวหลัวบีบศีรษะจนแตกกระจายราวกับเป็นไข่ไก่เปลือกบางๆ ก็มิปาน
เจียงไห่และคนอื่นๆ อ้าปากค้าง
เขาไม่ได้มอง และไม่ได้ออกแรงเสียด้วยซ้ำ แต่กลับสังหารหน่วยกล้าตายในป่าได้ ทว่าพวกเขากลับรอดชีวิตกลับมา? ต้องบอกว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์โดยแท้!
ก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนจะร่วมมือกันจัดการซิวหลัว ในตอนนี้เห็นทีจะต้องล้มเลิกความตั้งใจ
ศึกครั้งนี้มีแต่ความปราชัย ขอเพียงพวกเขารอดออกไปได้พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว!
ซู้ด~
ดื่มนมหมดแล้ว
เด็กน้อยอยากกลับบ้านแล้ว
เขาเดินเตาะแตะมาทางนี้
เจียงไห่และชิงเหยียนมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าซิวหลัว…ไม่ได้คิดจะสังหารพวกเขา?
หมายความว่าปล่อยพวกเขาไปหรือ?
ยืนอึ้งอะไรกันอยู่เล่า!
รีบเผ่นสิ!
ประเดี๋ยวเขาได้สติกลับมา พวกเขาก็คงหนีไม่รอด!
พวกเขาอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา แล้วคลำทางหนีไปยังอีกด้านหนึ่งของป่า
ชิงเหยียน เจียงไห่ และเยว่โกวอุ้มเด็กน้อยเดินอยู่ด้านหน้า ส่วนอิ่งสือซันและอาเว่ยคุ้มกันด้านหลัง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ด้วยความสามารถของพวกเขาทั้งสองรวมกัน ก็ยังพอจะสกัดซิวหลัวและให้พวกเขาทั้งสามพาเด็กๆ หนีไป
กระนั้นเดินไปได้ระยะหนึ่ง ชิงเหยียนก็กระซิบว่า “ขะ…เขายังตามมาอยู่หรือ?”
เจียงไห่ไม่กล้าหันกลับไป เพียงแต่เหลือบไปมอง แล้วตอบเสียงเบาว่า “ยังตามมา”
ชิงเหยียนถามด้วยความหวาดกลัว “นั่น…ตามมาตั้งครึ่งชั่วยามแล้วกระมัง? เขาคิดจะทำอะไร? คงไม่ได้คิดจะหาที่ปลอดคนแล้วค่อยฆ่าพวกเราหรอกนะ?”
เจียงไห่กัดฟันกรอด “ที่นี่ก็ปลอดคน!”
ชิงเหยียนหน้าซีดเผือด “เช่นนั้นเขาจะฆ่าพวกเราแล้วน่ะสิ???”
เจียงไห่ “…”
ย่างเข้ายามดึก ป่าทึบเงียบสงัด เหล่าบุรุษฉกรรจ์อุ้มเด็กน้อยสามคน ด้านหลังมีบุรุษผมกระเซอะกระเซิง ดวงตาสีแดงก่ำดุจโลหิตติดตามมา ช่างเป็นภาพเหตุการณ์ที่แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่กล้ามอง
ขณะที่พวกเขากำลังอกสั่นขวัญแขวน ไม่รู้ว่าใต้เท้าซิวหลัวท่านนั้นตามมาทำไม และจะตามพวกเขาไปถึงเมื่อไหร่ ก็ได้ยินเสียงของกระดิ่งลมดังมาจากด้านหน้า
เสียงลมพัดเบาหวิวท่ามกลางแสงจันทร์ ราวกับสายธารไหลผ่านหุบเขา ทุกคนพลันรู้สึกใจสงบขึ้นมา ทุกคนยกเว้น…ซิวหลัวซึ่งอยู่ด้านหลัง
ทันทีที่ซิวหลัวได้ยินเสียงกระดิ่งลม ก็ยกมือขึ้นปิดหู ขวดนมในมือร่วงลงบนพื้น เขาไม่คิดจะเก็บ จากนั้นก็หันหลังแล้ววิ่งหนีไป!
ทุกคนตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง เกิดอะไรขึ้นกัน?
“อาม่า!” อาเว่ยร้อง
ทุกคนที่เหลือหันหน้าไปมอง ก็เห็นเงาของร่างซึ่งแลดูคุ้นตา หนึ่งในนั้นคืออาม่าและอีกคนหนึ่งคืออวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นออกมาตามหาเด็กทั้งสาม หลังจากที่เธอกลับไปยังซีสยาย่วน ก็พบว่าลูกๆ ซึ่งเดิมทีควรจะนั่งดื่มนมอยู่ในห้องกลับหายไป หาทั่วทั้งจวนแล้วก็ยังหาไม่เจอ จึงเดาว่าพวกเขาอาจจะหลงออกมานอกจวน
เยี่ยนจิ่วเฉามีหนอนพิษที่อาเว่ยทิ้งเอาไว้ จึงตามกลิ่นของเด็กๆ มาได้
อาม่ากังวลว่าเธอจะเจอกับคนที่ไม่ควรเจอ จึงติดตามมาด้วย
ดังที่กล่าวกันว่าเมื่อคิดเรื่องดี เรื่องดีมักจะไม่เป็นจริง แต่เมื่อคิดเรื่องร้าย เรื่องร้ายจะเกิดขึ้นจริง สุดท้ายก็มาเจอคนคนนั้นจนได้
“อาม่า เมื่อครู่ท่านทำอะไรหรือ? ทำไมเจ้านั่นถึงตกใจกลัวจนหนีไปเล่า?” ชิงเหยียนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ชายชราตอบว่า “ไม่ได้ตกใจกลัวจนหนีไป แต่เขาไม่ชอบเสียงประเภทนั้น”
ชิงเหยียนตะลึงไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่เข้าใจ…”
อาม่ามองหน้าชิงเหยียนอย่างพินิจพิจารณา “ถ้าเจ้าเห็นก้อนอึกองหนึ่ง เจ้าจะเหยียบมันหรือหลบมัน?”
“…” การเปรียบเปรยนี้! ชิงเหยียนสงบปากสงบคำทันที
เด็กน้อยทั้งสามหลับไปแล้ว พวกเขานอนน้ำลายไหล กรนคร่อกๆ อยู่ในอ้อมแขนของพวกชิงเหยียน
เมื่อเห็นว่าลูกชายไม่เป็นไร อวี๋หวั่นซึ่งใจหายใจคว่ำมาครึ่งค่อนคืนก็สบายใจแล้ว
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นถามอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันตอบว่า “บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นไรมาก”
อาม่ามองออกว่าแต่ละคนต่างเก็บงำความสงสัยอยู่ในใจ เขาชะงักไปแล้วกล่าวว่า “ที่นี่ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุย กลับจวนก่อนเถิด ประเดี๋ยวคนคนนั้นจะตามมาอีก”
ทุกคนพยักหน้า
อวี๋หวั่นบอกว่า “รถม้าอยู่ตรงนั้น ออกจากป่าไปก็เห็นแล้ว อีกไม่ไกล”
ทุกคนออกจากป่าไปอย่างเร็วที่สุด
เป็นเพราะต่างคนต่างรีบออกจากป่า จึงไม่มีใครสังเกตว่ามีขวดนมตกอยู่ที่พื้น
หลังจากที่พวกเขาออกไปจากป่าแล้ว ซิวหลัวก็กลับมาจริงๆ
จากนั้นก็มองไปยังเงาคนซึ่งกำลังเลือนหายไปในความมืดยามราตรี เขาร้องออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยใจ “เฮ้อ~”
……………………………….