วันต่อมา ซั่งกวนเยี่ยนตื่นแต่เช้า เวลานี้เซียวเจิ้นถิงจะออกไปฝึกวรยุทธ์แล้ว แต่นางเดาว่าเด็กทั้งสามยังไม่ตื่น จึงตัดสินใจเย็บผ้าต่อสักพัก รอให้พวกเขาตื่นแล้วค่อยไปหาพวกเขา
ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อหยิบตะกร้าออกมากลับพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในตอนนั้นเอง เซียวเจิ้นถิงก็กลับมาจากการฝึกวรยุทธ์พอดี
ทันทีที่ก้าวข้ามธรณีประตู ภรรยาของเขาก็ตื่นพอดี และกำลังค้นกล่องอุปกรณ์ปักผ้าไปมา อีกมือหนึ่งพยุงท้องไปด้วย
ซั่งกวนเยี่ยนค้นไปค้นมา สีหน้าก็แปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
“เอ๋? เข็มละ?”
หักไปแล้ว
“เลื่อมไข่มุกละ?”
แตกไปแล้ว
เซียวเจิ้นถิงรู้สึกผิดไปชั่วขณะ แต่เมื่อใคร่ครวญดูแล้ว จะโทษเขาก็ไม่ได้ เขาไม่ได้ออกแรงด้วยซ้ำไป ใครจะไปรู้เล่าว่าเข็มจะหักง่ายถึงเพียงนี้ ส่วนเลื่อมไข่มุกเม็ดนั้น แค่จับขึ้นมาก็แตกเสียแล้ว ต้องเป็นเพราะของเหล่านี้คุณภาพไม่ดีอย่างแน่นอน
คนหนานจ้าวแย่จริงๆ เมื่อได้ยินสำเนียงต่างถิ่นของพวกเขา ก็หลอกขายของคุณภาพไม่ดีให้พวกเขา!
อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุรุษที่เคยผ่านสมรภูมิรบมาก่อน ทั้งยังรู้ว่าหลังจากสู้รบกับเข็ม ด้าย และเลื่อมไข่มุก เขาจะต้องเก็บกวาด ‘สนามรบ’ อย่างไร ไม่ให้เหลือแม้แต่ ‘ซากศพ’
ซั่งกวนเยี่ยนมิได้สังสัยว่าเซียวเจิ้นถิงเป็นคนทำแต่อย่างใด ให้บุรุษผู้นี้กวัดแกว่งอาวุธย่อมเป็นเลิศ แต่หากให้มานั่งนิ่งๆ ก้มๆ เงยๆ สนเข็มราวกับดรุณีน้อยที่เพิ่งหัดเย็บปักถักร้อย ซั่งกวนเหยียนไม่กล้าจินตนาการภาพนั้น
ของวางอยู่ในห้องของนาง ซิ่งจู๋ไม่มีทางมาหยิบโดยพลการ หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน ซั่งกวนเยี่ยนจึงคิดว่าเป็นความผิดของนางเอง
ว่ากันว่าตั้งครรภ์หนึ่งครั้งโง่ลงสามปี หลังจากนางตั้งครรภ์ครั้งนี้ ก็หลงลืมง่ายกว่าเดิม คงจะเป็นเพราะเมื่อวานนางไม่ระวัง วางของทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งตนก็ไม่ยักจำได้
เซียวเจิ้นถิงรอดจากหายนะไปหนึ่งครั้ง เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก!
แต่ยังไม่ทันได้ถอนหายใจหมดปอด ปัญหาใหม่ก็ตามมา…
ซั่งกวนเยี่ยนบอกว่า “ข้าไปยืมบ้านข้างๆ ก่อน”
บอกว่าบ้านข้างๆ แท้จริงแล้วก็คือบ้านตรงข้าม
แม่ทัพเซียวอยากจะร่ำไห้ แต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมาสักหยด เขามองตามภรรยาของตนซึ่งกำลังเดินไปยืมเข็มจากเยี่ยนอ๋อง
เยี่ยนอ๋องเป็นคนตื่นเช้า เด็กน้อยทั้งสามยังคนนอนหลับอุตุอยู่ในห้อง เขาก็เริ่มหาอะไรทำในลานบ้าน
ประตูใหญ่เปิดทิ้งไว้
ซั่งกวนเยี่ยนร้องเรียกเบาๆ “ท่านอ๋อง”
เยี่ยนอ๋องกล่าวว่า “มาแต่เช้าเชียว”
“ข้าจะมาขอยืมเข็มกับด้ายสักหน่อย” ซั่งกวนเยี่ยนบอก
เซียวเจิ้นถิง: เจ้าไม่มี เจ้าไม่มี เจ้าไม่มี…
เยี่ยนอ๋องวางผ้าที่ซักไปได้เพียงครึ่งเดียวลง “รอประเดี๋ยว ข้าจะไปหยิบให้”
เซียวเจิ้นถิงมีสีหน้ามืดมน ในบ้านของบุรุษอกสามศอกจะมีเข็มกับด้ายไว้ทำไม?
เยี่ยนอ๋องหยิบห่อเข็มกับด้ายมาให้ซั่งกวนเยี่ยน
“ขอบคุณ” ซั่งกวนเยี่ยนรับเข็มกับด้ายมา และเดินกลับเรือน
เซียวเจิ้นถิงเดินมาด้วยความขมขื่นใจ “เจ้าอยากกินอะไรหรือ? ข้าจะไปซื้อให้”
ซั่งกวนเยี่ยนครุ่นคิด ยังเช้าอยู่ นางไม่รู้จริงๆ ว่าจะกินอะไร หลังจากที่นางตั้งท้อง รสปากก็เปลี่ยนไปมาก วันหนึ่งๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้ง ฝีมือของซิ่งจู๋ไม่ถูกปากนาง ส่วนใหญ่มักจะให้เซียวเจิ้นถิงออกไปซื้อ
ซั่งกวนเยี่ยนยังไม่ทันตอบ ก็มีเสียงของเยี่ยนอ๋องดังมาจากลานบ้าน “ข้าตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่ซานเย่าไว้ เจ้าจะกินสักถ้วยไหม?”
ซั่งกวนเยี่ยนไม่รู้ว่าจะกินอะไร เมื่อได้ยินว่าน้ำแกงไก่ นางก็อดน้ำลายสอไม่ได้
เยี่ยนอ๋องยกยิ้มมุมปาก “ข้าจะไปตักมาให้”
ซั่งกวนเยี่ยนค้อมกายเล็กน้อย “ขอบคุณท่านอ๋อง”
เยี่ยนอ๋องตักมาจนเต็มชามใหญ่ นับว่ามากพอสมควร “เข้าครัวครั้งแรก เดิมทีคิดว่าจะทำให้เด็กๆ กิน ไม่รู้ว่าจะถูกปากเจ้าหรือไม่”
เซียวเจิ้นถิงลูบเคราจ้องตาเขม็ง เยี่ยนอ๋องที่ไม่เคยต้องทำอะไรเอง ต้องตุ๋นน้ำแกงไก่ออกมาต้องรสชาติย่ำแย่จนกระเดือกไม่ลงเป็นแน่!
ซั่งกวนเยี่ยนนั่งลง ลองชิมคำหนึ่งแล้วร้อง ‘โอ้’ ออกมา จากนั้นจึงหันไปบอกกับเซียวเจิ้นถิงว่า “ท่านลองชิมสิ”
ชิมก็ชิม!
เซียวเจิ้นถิงลองชิมน้ำแกงเข้าไปหนึ่งคำ ดวงตาก็ลุกวาวในทันใด!
ไหนบอกว่าไม่เคยเข้าครัวมาก่อน ไฉนจึงอร่อยถึงเพียงนี้?!
เยี่ยนอ๋องไม่เคยเข้าครัวมาก่อนจริงๆ เขาซื้อวัตถุดิบมาทดลองด้วยตนเอง หม้อแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า นี่เป็นหม้อที่สอง เขายังคิดว่าทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก แต่คนที่เคยกินแม้แต่เนื้อคนอย่างเซียวเจิ้นถิงมาแล้วย่อมไม่เลือกกิน อาหารธรรมดาเขาล้วนกินแล้วรู้สึกราวกับกินอาหารสวรรค์
ซั่งกวนเยี่ยนกินน้ำแกงเข้าไปชามใหญ่จนอิ่มท้อง
อีกด้านหนึ่ง เด็กน้อยทั้งสามตื่นนอนแล้ว
เสี่ยวเป่าเดินเท้าเปล่าออกมา เขาหาวไปพลางยกมือขึ้นขยี้ตา “ปวดฉี่”
เยี่ยนอ๋องพาเสี่ยวเป่าไปเข้าห้องน้ำ
ไม่ทันไร ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าก็ตื่นนอนเช่นกัน
เอ้อร์เป่าหาท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เจอ ก็เริ่มเบะปากจะร้องไห้
ต้าเป่าจูงมือน้องชายเดินหาท่านพ่อกับท่านแม่ และไปพบกับเยี่ยนอ๋องซึ่งกำลังอุ้มเสี่ยวเป่าเดินกลับมา
สวรรค์คงต้องการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของเขา สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของเขาคือวัยเด็กของเยี่ยนจิ่วเฉา จึงส่งจิ่วเฉาตัวน้อยมาให้ถึงสามคน เยี่ยนอ๋องยุ่งจนตัวเป็นเกลียวจนไม่มีเวลาจมอยู่กับความเศร้า
อวี๋หวั่นมีเจตนาดี พาลูกๆ มาอยู่เป็นเพื่อนเยี่ยนอ๋อง เพื่อเยียวยาบาดแผลในใจของเขา และตัดสินใจให้พวกเขาอยู่ที่นี่สักพัก
ที่สกุลเห้อเหลียน เธอให้อิ่งลิ่วไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าเซียวเจิ้นถิงกับซั่งกวนเยี่ยนมา บอกเพียงว่าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเยี่ยนอ๋อง กระนั้นเธอก็คิดว่าท่านพ่อกับลุงใหญ่ย่อมต้องเดาได้ว่าคนที่มาในวันนั้นคือเซียวเจิ้นถิง
แต่เดาได้นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง พูดออกไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ขอเพียงพวกเขาแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องของเซียวเจิ้นถิงก็จะไม่แพร่งพรายออกไป
ส่วนหนานกงหลี อวี๋หวั่นรู้เรื่องที่เขานำทัพออกไปแล้ว เขาคงจะรู้แล้วว่าเซียวเจิ้นถิงไม่อยู่ในกองทัพ และคงเดาได้ว่าเซียวเจิ้นถิงมาหาเยี่ยนอ๋องกับเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เขากล้าพูดออกไปหรือ? ในตอนที่เขารับคำสั่งไป ในนั้นเขียนไว้ชัดเจนแล้วว่าหากไม่ได้ศีรษะของเซียวเจิ้นถิง จะไม่กลับเมืองหลวง
ในตอนนี้ตัวเซียวเจิ้นถิงอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว
ถ้าหนานกงหลีคิดจะตัดศีรษะเขา ก็จำเป็นต้องกลับมาเมืองหลวง
แต่ในเมื่อไม่มีศีรษะของเซียวเจิ้นถิง เขาย่อมไม่อาจกลับเมืองหลวงอย่างเปิดเผยได้
และนั่นคงจะทำให้เขารู้สึกขายหน้าเหลือเกิน
จากความเข้าใจของอวี๋หวั่นที่มีต่อหนานกงหลีคนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะแอบกลับมาตัดหัวเซียวเจิ้นถิง แล้วแสร้งว่าเพิ่งเดินทางกลับมาจากชายแดน
การคาดเดาของอวี๋หวั่นนั้นค่อนข้างแม่นยำ หลังจากหนานกงหลีคว้าน้ำเหลวที่ชายแดน เขาก็รีบสืบหาตำแหน่งของเซียวเจิ้นถิงทันที
ที่แท้เซียวเจิ้นถิงก็ไม่ได้เดินทางลงใต้โดยลำพัง เขาพาสตรีคนหนึ่งมาด้วย สตรีคนนั้นตั้งครรภ์ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเซียวเจิ้นถิง
คนรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยากอย่างเซียวเจิ้นถิงไม่มีทางพาสตรีที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าไปไหนมาไหนด้วยหรอก
คนคนนั้นคือซั่งกวนเยี่ยน อดีตพระชายาของเยี่ยนอ๋องแห่งหนานจ้าว ปัจจุบันเป็นฮูหยินของตระกูลเซียว!
เซียวเจิ้นถิงไม่อยู่ในกองทัพ นางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
ใช้นิ้วโป้งเท้าคิดยังเดาได้เลยว่าซั่งกวนเยี่ยนต้องมาหาเยี่ยนอ๋องและเยี่ยนจิ่วเฉา สองพ่อลูกอยู่ในเมืองหลวง หากจะตามหาพวกเขา ย่อมต้องเข้าเมืองหลวงมาก่อน
หนานกงหลีพาซิวหลัวเดินทางเข้าเมืองหลวง เขาไม่กล้าเปิดเผยตัวตน และไม่กล้ากลับไปยังจวนของตี้จี หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจแต่งกายเป็นข้าราชสำนักฝ่ายในเข้าไปยังวังหลวง
และได้พบกับฮองเฮาซึ่งมีสีหน้าอ่อนล้าเต็มที
“ท่านยาย!”
ฮองเฮากำลังนั่งใจลอยอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย นางจึงรับหันไปมอง “หลีเอ๋อร์? เจ้ามาได้อย่างไร ทำไมถึงสวมชุดนี้?”
เขาสวมชุดเป็นข้าราชสำนักฝ่ายใน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาลอบเข้ามาในวังหลวง
ฮองเฮาไม่ได้ใส่ใจจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางคว้ามือหลานชาย ให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างตน มือซีดเซียวลูบใบหน้าของเขา “เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ากำลังจะส่งคนไปตามเจ้าอยู่พอดี”
“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ?” หนานกงหลีถาม
“แม่ของเจ้าน่ะสิ” ฮองเฮาตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ
หนานกงหลีพลันรู้สึกประหนึ่งหัวใจกำลังถูกบีบเค้น “ท่านแม่ข้าทำไมหรือ?”
ฮองเฮาหลับตาลง “เจ้าเข้าไปดูเองเถิด”
หนานกงหลีชะงักไป ท่านแม่ของเขาไม่ได้ถูกส่งไปคุกหลวงแล้วหรอกหรือ? ไม่ได้ยินว่าถูกปล่อยตัวออกมานี่ แล้วนางมาอยู่ในตำหนักฮองเฮาได้อย่างไรกัน?
ลางสังหรณ์ไม่ดีพลันถาโถมเข้ามาในใจของหนานกงหลี และเป็นดังคาด เมื่อเขาเดินอ้อมฉากกั้นไป ก็เห็นร่างซูบผอม นอนหายใจรวยรินอยู่ สีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงทันใด!
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านแม่ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ คนในคุกทรมานนางหรือขอรับ?”
ฮองเฮาตอบว่า “โชคดีที่นางเป็นลูกของข้า เป็นตี้จีแห่งหนานจ้าว ใครหน้าไหนจะกล้ามาทรมานนาง?”
หนานกงหลีตกใจ “เช่นนั้น…”
“นางตั้งท้อง จึงสลับตัวกับนางกำนัล ออกมาจากคุกหลวง นางไปหาราชบุตรเขยเพื่อบอกข่าวกับเขา ไหนเลยจะรู้ว่า…” ฮองเฮากล่าวด้วยความเคืองแค้น “เขาไม่สนความเป็นสามีภรรยาเลยแม้แต่น้อย และทำให้แม่เจ้าแท้งลูก!”
หนานกงหลีกำหมัดขึ้นต่อยเสาเตียง!
ฮองเฮากล่าวด้วยความปวดร้าวใจว่า “นางอายุเท่านี้แล้ว ตั้งท้องก็นับว่าอันตรายมากอยู่แล้ว นางดื่มยาบำรุงครรภ์มาตลอด นางฝันอยากมีลูกให้ราชบุตรเขย ไหนเลยจะรู้ว่าราชบุตรเขยนั้นใจไม้ไส้ระกำ…สารถีรถม้าไม่ได้พานางกลับไปส่งยังคุกหลวง แต่ตรงมาหาข้าที่นี่ ข้าให้นางอยู่ที่นี่ ท่านตาของเจ้ายังไม่รู้ เจ้าอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด”
“ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่นอนขอรับ” และเขาก็ทำไม่ได้ด้วย เขาแอบกลับมายังเมืองหลวง ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้องค์ประมุขล่วงรู้เข้าเด็ดขาด แล้วเขาจะวิ่งแจ้นไปฟ้องเรื่องท่านแม่ได้อย่างไรเล่า?
หนานกงหลีกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเย็นชา “ความแค้นของท่านแม่ ข้าจะจัดการเอง!”
เขาเดินทางกลับเมืองหลวงมาในครั้งนี้ก็เพื่อฆ่าเซียวเจิ้นถิง
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดแล้ว
เซียวเจิ้นถิงย่อมต้องฆ่า แต่มีคนที่น่าฆ่ากว่าเซียวเจิ้นถิง!
เยี่ยนอ๋องทำกับท่านแม่ของเขาเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อคนที่ชื่อจื่อจวินนั่นหรอกหรือ!
ได้ เขาก็อยากเห็นตอนที่เยี่ยนอ๋องไม่ได้นางมาครอบครองเหมือนกัน!
หนานกงหลีเดินออกจากห้องนอนของฮองเฮา ตรงไปยังสวนดอกไม้
“ซิวหลัว”
ซิวหลัวหันหน้ามาด้วยความมึนงง
“ไปฆ่าซั่งกวนเยี่ยน! ตัดก้อนเนื้อในท้องของนางมาให้ข้า!”
…………………………..