หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 341.2 ความจริงเปิดเผย ความกริ้วขององค์ประมุข (2)

บทที่ 341.2 ความจริงเปิดเผย ความกริ้วขององค์ประมุข (2)

มีลางร้ายบางอย่างเกิดขึ้นในใจขององค์ประมุข

ฮองเฮาอึกอักและพูดว่า “หม่อมฉันเคยถามฝ่าบาทว่าหากมีนางข้าหลวงมายั่วยวนฝ่าบาทจะทำอย่างไร? ฝ่าบาทตรัสว่า ท่านจะฆ่านาง ฝ่าบาทยังจำคำพูดนี้ได้หรือไม่?”

องค์ประมุขตอบ “ข้าเคยพูดเช่นนั้นแน่ ยามที่ข้าแต่งงานกับเจ้า ข้าเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ละสายตาไปจากเจ้า มีเพียงเจ้าผู้เดียว หกตำหนักไร้สนม”

บุรุษผู้นี้ทำได้แล้ว หากไม่ใช่เพราะแผนการแห่งความโลภของนาง เขากับนางคงได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ไม่เปลี่ยนแปลงตราบเท่าชีวาวาย

ฮองเฮาปิดตา น้ำตาแห่งความเสียใจหลั่งไหลซึมผ่านร่องนิ้วของนาง

นางต้องการเด็กคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้เกิดจากนางก็ตาม หากเป็นนางข้าหลวงฝ่าบาทอาจฆ่านางทิ้ง หากเป็นบุตรีตระกูลใหญ่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงมารดาได้ดีเพราะบุตร คุกคามตำแหน่งของนาง นางต้องการสตรีที่ไม่อาจฆ่าแต่ก็ไม่อาจได้ดีเพราะบุตร

“หม่อมฉันจึงนึกถึงเสิ่นอวิ๋น”

เสิ่นอวิ๋นเป็นบุตรอนุ มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ไร้ศักดิ์ศรี แต่นางเป็นเพื่อนที่ดีของตนมาหลายปี ต่อให้นางทำผิด ตนก็ไม่อาจ ‘แข็งใจ’ มององค์ประมุขฆ่านางได้

และเพราะเสิ่นอวิ๋นทรยศตน องค์ประมุขจึงเกลียดชังนาง ต่อให้นางเข้าวังมา ก็ไม่มีทางได้รับความโปรดปราน ถึงยามนั้น เสิ่นอวิ๋นให้กำเนิดบุตรจริง นางก็จะนำเด็กคนนั้นมาดูแล ด้วยสถานะของนางในสายตาขององค์ประมุข เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายดาย

นางเริ่มแผนการ

จะว่าไปสวรรค์ก็เข้าข้างนาง คู่หมั้นของเสิ่นอวิ๋นเกิดเรื่องอื้อฉาวจนถูกนางลงโทษ การแต่งงานของเสิ่นอวิ๋นจึงยากจะเป็นไปได้ นางใช้ข้ออ้างพาเสิ่นอวิ๋นไปเลือกคู่หมั้นบังหน้า จากนั้นจึงพาเสิ่นอวิ๋นเข้าวัง และวางยานางกับองค์ประมุข ให้ทั้งสองมีสัมพันธ์กัน

แท้จริงนางไม่แน่ใจว่าเสิ่นอวิ๋นจะตั้งครรภ์ได้ เดิมทีนางวางแผนจะให้เสิ่นอวิ๋นเข้าวังหลัง แล้วค่อยให้นาง ‘จัดการ’ กับองค์ประมุขอีกสองสามครั้ง เมื่อผ่านไปหลายครั้งแล้วก็อาจตั้งครรภ์ได้

ไม่คาดคิดว่าครั้งเดียว เสิ่นอวิ๋นก็ตั้งท้อง

สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่านั้นคือ ครั้งนั้น อวี่เหวินจ้าวกับนางก็…ก็กินยาเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ

ปีนั้น อวี่เหวินจ้าวยังอยู่ในวัยหนุ่ม เขาเป็นราชครูที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์หนานจ้าว เขาหล่อเหลาสง่างาม ความสามารถยิ่งยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน อวี่เหวินจ้าวก็ถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยง ที่นางกับเสิ่นอวิ๋นเตรียมไว้

มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่อาจทนมองย้อนกลับไป

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางกับอวี่เหวินจ้าวลืมตาตื่นขึ้น ก็เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิด

อวี่เหวินจ้าวยืนกรานจะไปสารภาพผิดกับองค์ประมุข แต่นางหยุดเขาไว้

อวี่เหวินจ้าวไม่กลัวความตาย แต่นางยังต้องการมีชีวิตอยู่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชีวิตของนางกับครอบครัว ตระกูลมารดา กระทั่งเก้าชั่วโคตรของนางก็จะจบสิ้น!

จิตใจที่มั่นคงอยากรับผิดของอวี่เหวินจ้าวยิ่งใหญ่นัก ยามนั้นนางกล่าวอย่างไร?

นางคุกเข่าลง จับมือของอวี่เหวินจ้าวมาที่ท้องของตนและกล่าวว่า “ท้องของข้าอาจมีเลือดเนื้อของเจ้าอยู่ หากเจ้าไม่คิดถึงข้า จะไม่คิดถึงลูกตนเองเลยหรือ?”

อวี่เหวินจ้าวหยุดชะงัก

นางไม่ได้บอกอวี่เหวินจ้าวว่าโอกาสตั้งครรภ์ของนางนั้นต่ำมาก และไม่ได้บอกอวี่เหวินจ้าวว่านางไม่ได้ต้องการตั้งครรภ์บุตรของเขา!

ต่อให้รู้ว่าตนเองไม่มีทางเป็นมารดา หลังจากกลับตำหนักไปนางก็ยังสั่งให้คนต้มยาห้ามครรภ์มาถ้วยหนึ่ง

ทว่า นางที่สองปีท้องก็ยังไม่เคยมีความเคลื่อนไหวใด หลังจากอวิ๋นเฟยตั้งครรภ์ นางก็ตั้งท้องโดยไม่คาดคิด

แน่นอนว่าเด็กคนนี้เป็นขององค์ประมุข แต่เพื่อควบคุมอวี่เหวินจ้าว ต่อหน้าอวี่เหวินจ้าวจึงหลอกว่าเด็กคนนี้เป็นของเขา

อวี่เหวินจ้าวไม่เคยสงสัยหรือว่าเด็กคนนี้เป็นขององค์ประมุข? แน่นอนว่าเคยสงสัย แต่ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นของตนเองเช่นกัน เพื่อความเป็นไปได้เพียงครึ่งหนึ่งนี้ อวี่เหวินจ้าวใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาไปกับมัน

“เดิมทีหม่อมฉันคิดจะพรากบุตรของอวิ๋นเฟยมา แต่หลังจากนั้นหม่อมฉันก็มีบุตรของตนเอง บุตรของอวิ๋นเฟยจึงไม่จำเป็นอีกแล้ว”

คำทำนายโชคดีและโชคร้ายเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นเรื่องจริง แต่ทว่าอวี่เหวินจ้าวบังคับให้โชคชะตาของตี้จีทั้งสองสลับกัน

แต่หลังจากนั้น อวี่เหวินจ้าวก็สังเกตดวงดาวและพบว่าชะตาที่เดิมทีถูกสับเปลี่ยน คล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แล้วก็เริ่มจางหายไปช้าๆ

สิ่งนี้ทำให้เขางงงวย เขาไปหาปรมาจารย์พิษอาวุโสข่งและเอ่ยคำพูดแปลกๆ

ฮองเฮาร่ำไห้ราวกับไม่ใช่คน “ฝ่าบาท ความผิดพลาดทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉัน เยี่ยนเอ๋อร์บริสุทธิ์ นางไม่รู้เรื่อง ฝ่าบาทโปรดทรงอย่าได้สงสัยนางเลยเพคะ!”

หัวใจขององค์ประมุขรู้สึกหนาวสั่น เรื่องราวมาถึงตอนนี้ เขายังเชื่อใจสตรีผู้นี้ได้จริงหรือ? เพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเอง จึงใช้อุบายกับอวิ๋นเฟยและบุตรของนาง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาชีวิตของอวิ๋นเฟยเป็นอย่างไร?!

เขาตำหนิตัวเองที่ขอโทษฮองเฮา และตำหนิว่าอวิ๋นเฟยทรยศฮองเฮา แต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เริ่มกลับเป็นฮองเฮา!

และเด็กที่ควรถูกขับออกจากหนานจ้าวอยู่ในวัง เพลิดเพลินกับทุกสิ่งที่ตี้จีองค์โตควรจะได้รับ เขาไม่ได้หน้ามืดตามัว แต่เขาเป็นไอ้โง่โดยสมบูรณ์!

หิมะแห่งหนานจ้าวก็ยังไม่อาจปลุกเขาให้ตื่น!

เขาเดินไปตามทางของชายโฉดหญิงชั่ว!

เขาส่งอวิ๋นเฟยและเลือดเนื้อของตัวเองไปกับมือ!

เขาต้องขอโทษอวิ๋นเฟย!

ขอโทษเด็กคนนั้น!

องค์ประมุขประคองใบหน้าด้วยมือข้างเดียว น้ำตาแห่งความเสียใจไหลทะลักออกมาจากดวงตา

“ฝ่าบาท——” ฮองเฮาคลานเข่าเข้าไปหา น้ำตาอาบเอ่อทะลัก “หากท่านจะลงโทษ ก็ลงโทษข้าเถิด ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…เป็นข้าที่ทำให้ฝ่าบาทเสียใจ…ท่านอย่าได้โกรธจนกระทบถึงร่างกาย…หม่อมฉันไม่ดีเอง… หม่อมฉันมีความผิด…หม่อมฉันตายหมื่นครั้งก็ยากจะปัดความผิด…”

องค์ประมุขใช้แรงผลักนางออกไป จากนั้นก็เดินออกไปที่ประตูและชักดาบขององครักษ์

ทันใดนั้นสีหน้าฮองเฮาก็แปรเปลี่ยน “ฝ่าบาท! ท่านจะทำอันใด!”

ทั่วทั้งร่างขององค์ประมุขถูกห่อหุ้มด้วยไอสังหารยิ่งใหญ่ เขาถือดาบ ราวกับซิวหลัวที่สูญเสียตัวตน

เขาพุ่งไปที่ห้องของหนานกงเยี่ยนอย่างอาฆาต

เขาไม่เชื่อคำพูดของฮองเฮา!

นี่ไม่ใช่เลือดเนื้อของเขา!

มันเป็นเลือดชั่วของอวี่เหวินจ้าวกับฮองเฮา!

เขาจะฆ่านาง!

“ฝ่าบาท!” ฮองเฮารีบตามมา

“เจ้าทำเช่นไรกับลูกข้า ข้าก็จะทำเช่นนั้นกับลูกเจ้า เจ้าดูไว้ให้ดี ข้าควรจะทำเช่นนี้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว!” องค์ประมุขตรัสด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นจบ ก็ยกดาบขึ้นแกว่งไปทางหนานกงเยี่ยนที่หลับใหลไม่ได้สติ

“อย่า——” ฮองเฮารีบวิ่งเข้าไปหาองค์ประมุขในเสี้ยววินาที

องค์ประมุขถูกฮองเฮาชนล้มลงกับพื้น เกิดเสียงดังสนั่น

ฮองเฮาสลบไปครู่หนึ่ง เมื่อฟื้นขึ้นมา ปลายจมูกของนางก็ได้กลิ่นคาวเลือด นางตั้งสติมองไปที่องค์ประมุข และเห็นว่าดวงตาขององค์ประมุขเปิดกว้าง มีเลือดไหลออกมาจากด้านหลังศีรษะของเขา

“อ๊า!”

ฮองเฮาตกใจกลัวถอยไปสองสามก้าว!

“ฮองเฮา เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเพคะ?” นางข้าหลวงเฝ้ายามกะดึกเดินเข้ามาในห้อง เห็นองค์ประมุขนอนจมกองเลือด นางปิดปาก “กรี๊ด— ฝ่าบาท—”

นางหันตัวจะวิ่งออกไป!

แต่ก็ถูกร่างเย็นชาร่างหนึ่งขวางกั้นไว้ นางรู้สึกเจ็บที่ท้อง เมื่อก้มมองลงไปก็เห็นมีดปลายแหลมปักอยู่ที่ท้องของนาง

ขันทีชักมีดออกมาอย่างเย็นชา ผลักนางข้าหลวงที่กำลังจะตายเข้าไปในห้องและปิดประตูลงกลอน เดินไปหาฮองเฮา “ฮองเฮา!”

ฮองเฮาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก โถมเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยร่างสั่นระริก “ข้า…ข้าฆ่า…ฝ่าบาท…”

ขันทียกเก้าอี้มาให้นางพิง แล้วเดินไปตรวจดูลมหายใจขององค์ประมุข “ฝ่าบาทยังไม่ตาย”

ขณะที่พูด ก็ฉีกชายเสื้อมาคลุมศีรษะขององค์ประมุข

เมื่อฮองเฮาได้ยินว่าองค์ประมุขยังมีชีวิตอยู่ก็โล่งใจ “เร็วเข้า รีบตามหมอหลวง!”

ขันทีหยุดนางและกล่าวว่า “จะตามหมอหลวงไม่ได้!”

ฮองเฮาถามด้วยความตระหนก “เพราะเหตุใด? ฝ่าบาทเสียเลือดมาก…เขากำลังจะตาย…เขาจะตายไม่ได้…หากเขาตายแล้ว…ข้าไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่อีกต่อไป…”

ขันทีพูดอย่างใจเย็น “ฮองเฮาคิดว่า หากองค์ประมุขยังมีชีวิตอยู่ ฮองเฮาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือ? ฮองเฮาลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อครู่ฝ่าบาทจะทำสิ่งใดกับตี้จีองค์เล็ก? หากเขาสังหารตี้จีองค์เล็กแล้ว ก็จะสังหารองค์ชายกับองค์หญิง หลังจากนั้น เขาก็จะสังหารฮองเฮา!”

“เช่น เช่นนั้นจะทำอย่างไร?” ฮองเฮาหนังศีรษะชา

ขันทีกล่าว “บ่าวได้เรียนรู้ศาสตร์การแพทย์มาบ้าง การคงอาการบาดเจ็บขององค์ประมุขไว้มิใช่ปัญหา ทว่าก็ไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์”

ฮองเฮามองเขาคล้ายกับเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ “เจ้าหมายความว่า…”

ขันทีค้อมกายไปทางฮองเฮา “ฮองเฮาโปรดเตรียมตัวให้พร้อม ฝ่าบาทจะสละบัลลังก์แล้ว”

ฮองเฮาเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ “ฝ่าบาท เขา…”

ขันทีจ้องมอง “จะสละให้ผู้ใด ตี้จีองค์เล็ก หรือองค์ชายหลี ทางที่ดีที่สุดฮองเฮาควรคิดในคืนนี้”

………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2]

Status: Ongoing

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร

เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน

ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…

ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!

สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย

บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…

วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?

ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง

“เรียกแม่สิ”

เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท